“ฉันขอโทษนะคะที่ฉันเป็นต้นเหตุทำให้คุณทะเลาะกับผู้หญิงของคุณ” ผ้าแพรอยู่กับภูผาสองต่อสองในห้องหอเธอเหลือบมองชายหนุ่มจากด้านหลังของเขาในขณะที่เขายืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด
“อะไรนะ นี่ฉันคิดว่าเธอจะโกรธฉันซะอีกนะเนี่ย” ภูผาขมวดคิ้วหันกลับหลังมามองหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงที่เขายืนมองไปนอกหน้าต่างเพื่อทำสมาธิให้ใจเย็นก่อนที่จะถูกหญิงสาวต่อว่าเขาเสียอีก
“ฉันจะโกรธคุณเรื่องอะไรล่ะคะ” คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงหันมาส่ายหัวเธอไม่ได้โกรธอะไรเขาเลยหนำซ้ำยังกลัวว่าเขาจะต่อว่าเธอที่เป็นต้นเหตุทำให้ทะเลาะกับผู้หญิงของเขาด้วยซ้ำ
“เปล่าๆ” ภูผารู้สึกว่าผ้าแพรจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เขาได้รู้จักเธอเหมือนเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดถึงตัวเองเท่าไรนักกลับห่วงแต่ความรู้สึกคนอื่น
“คุณหิวหรือเปล่าคะ” ผ้าแพรเดินเข้าไปเปิดกล่องหวายสานขนาดไม่ใหญ่มากนักใต้เตียงของเธอพร้อมค่อยๆยกออกมา
“นิดหน่อย” ภูผามองหญิงสาวด้วยอาการแปลกใจว่าเธอกำลังทำอะไรที่ใต้เตียง
“นี่ขนมฉันแอบยายกับน้าพิมเอามาไว้ในห้องค่ะเพราะรู้ว่าคุณจะต้องหิวบ้างทานสิคะ” หญิงสาวค่อยๆวางกล่องที่โต๊ะตั้งโคมไฟข้างหัวเตียงและเปิดกล่องหยิบของด้านในออกมาให้ชายหนุ่มในมือของเธอเป็นกล่องพลาสติกใบใหญ่ที่ในนั้นมีทั้งขนมหวานและแซนวิซเธอตั้งใจเก็บเอาไว้เพราะรู้ว่าภูผาคงจะหิวแน่นอน
“เธอแอบเอาไว้เหรอ” ภูผารับกล่องอาหารจากหญิงสาวทั้งยิ้มอ่อนด้วยอารมณ์ขันเล็กน้อยไม่คิดว่าเธอจะแอบอาหารเอาไว้ให้เขาด้วย
“ค่ะเพราะถ้าไม่แอบจะถูกยายกับน้าพิมดุค่ะเพราะขนมพวกนี้จะทำให้มดขึ้นห้องนอนของฉัน” ผ้าแพรพยักหน้าเบาๆทั้งรีบสูดหายใจเข้าลึกๆเพราะเธอรู้สึกว่าหน้ามืดกะทันหัน
“เธอนี่ก็แปลกดีนะ ยังไงก็ขอบใจ.. นี่เธอเป็นอะไร” ภูผาขอบคุณหญิงสาวที่ยังมีกะใจห่วงเขาทั้งรีบวงกล่องอาหารในมือประคองร่างบางเอาไว้เมื่อเห็นเธอท่าจะไม่ค่อยดี
“เอ่อ เวียนหัวนิดหน่อยค่ะไม่เป็นอะไรมาก” ผ้าแพรรีบหยิบหลอดยาดมที่พกติดตัวมาสูดดมให้สดชื่นอาการนี้คงเป็นเพราะเธอไม่ได้ทานอะไรแถมชุดไทยที่เธอใส่ก็ยังค่อนข้างแน่นอีกด้วย
“ทานอะไรบ้างหรือยัง” สีหน้าของภูผาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ค่ะ”
“ทานนี่ซะลูกฉันอยู่ในท้องเธอทานอาหารให้ตรงเวลาหน่อยสิ” มือหนาเอื้อมหยิบแซนวิชในกล่องยื่นให้หญิงสาวได้ทาน
“ปกติฉันก็ทานตรงเวลาค่ะเพียงแต่ว่าเวลาทานแล้วจะอาเจียนวันนี้ฉันกลัวเสียงานก็เลยไม่ได้ทานอะไรค่ะ” ผ้าแพรหยิบแซนวิชในมือภูผากัดไปคำโตเพราะเธอก็หิวเช่นกันเมื่อเช้าพิมพรรณจัดอาหารเอาไว้ให้เธอได้ทานรองท้องแล้วแต่เธอไม่อยากทานเพราะกลัวว่าจะอาเจียนออกมา
“รู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองเป็นคนพูดมาก” ภูผาหยิบกล่องอาหารมาไว้ในมือเขาหยิบแซนวิชอีกชิ้นขึ้นมาทานกันอยู่สองคนที่ปลายเตียงแถมอดจะพูดถึงเรื่องที่หญิงสาวเป็นคนที่พูดมากไม่ได้เขาถามคำเธอก็อธิบายเสียยาวไม่รู้เธอจะเป็นแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่ากันหากเป็นจะไม่มีใครบ่นรำคาญเธอบ้างหรืออย่างไร
“น้าพิมบอกว่าฉันไม่ใช่พูดมากแต่ว่าฉันชอบอธิบายให้มันละเอียดมากกว่าค่ะแต่คุณฟ้าบอกว่าฉันพูดน่ารักดีค่ะคุณฟ้าชอบแล้วก็..พ..” เมื่อถูกถามมาสาวเจ้าที่นั่งกัดแซนวิชคำโตก็รีบกลืนลงคอแล้วรีบอธิบายให้คนที่นั่งข้างๆได้ฟังว่ามีในการพูดมากของเธอนั้นคนอื่นๆบอกกับเธอมาว่าอย่างไร
“พอๆฉันเข้าใจแล้ว” ภูผาจำต้องปรามหญิงสาวเอาไว้ก่อนไม่อย่างนั้นเธอคงอธิบายยาวไม่จบแน่
เย็นของวัน
วันนี้พิมพรรณตั้งใจทำอาหารเย็นไว้หลายอย่างนอกเหนือจากอาหารที่เหลือจากงานเมื่อเช้าเพื่อที่จะมีอาหารหลากหลายไว้ให้หลานเขยหมาดๆของเธอได้เลือกทานเสียดายหากสายทองและโสพิศไม่มีธุระต้องกลับกรุงเทพก่อนคงจะได้ชิมฝีมือของเธอ
ตอนนี้ทั้งสี่มารวมกันที่โต๊ะอาหารในช่วงเย็นโดยมีผ้าแพรเป็นคนจัดแจงตักข้าวใส่จานให้กับทุกคนอาหารหลากหลายวางเรียงรายบนโต๊ะทำเอาภูผาเลือกที่จะทานไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“ทานให้เต็มที่เลยนะคะคุณภู” พิมพรรณเห็นทีภูผาที่นั่งข้างเธอจะเอาแต่จ้องอาหารบนโต๊ะไม่ทานเสียทีเธอจึงเอ่ยให้เขาทานให้เต็มที่ตามสบายจะได้ไม่เกร็ง
“ครับน้าพิม” ภูผายิ้มอ่อนเขาไม่ใช่ไม่อยากทานแต่ไม่รู้ว่าจะทานอะไรก่อนเหมือนกัน
“ขาดเหลืออะไรก็บอกหนูแพรก็แล้วกัน” พิกุลรู้ดีว่าการมาอยู่บ้านอื่นโดยที่ไม่คุ้นหากมีอะไรที่ขาดเหลือชายหนุ่มคงจะไม่กล้าบอกเธอตรงๆจึงให้เอ่ยผ่านผ้าแพรเพื่อที่จะได้ไม่ต้องนึกเกรงใจอะไรมากนัก
“ครับคุณยาย” ภูผาพยักหน้ารับเขาค่อนข้างโล่งใจที่วันนี้คนในบ้านดูจะคุยดีกับเขามากต่างจากวันแรกที่เขามา
“วันนี้มีของโปรดยายของแพรด้วยนี่นา” ผ้าแพรตักแกงกะทิเห็ดเผาะชะอมให้กับยายของเธอเพราะรู้ว่าเป็นของโปรดเมื่อตักเสร็จก็ถูหัวทุยกับแขนของยายเธอเบาๆปานลูกแมวน้อยแสนขี้อ้อน
“อ้อนอีกแล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ” พิกุลยกมือลูบหัวหลานเธอเบาๆมาอาการนี้เธอรู้ได้ทันทีว่าหลานสาวต้องมีอะไรจะอ้อนเธออีกแน่
“เปล่าค่ะอีกหน่อยแพรก็ไม่ค่อยได้อ้อนยายแล้ว” ผ้าแพรกอดแขนยายของเธอสาวเจ้าก้มหน้างุดเล็กน้อยทั้งบุ้ยปากบ่นอู้อี้เพราะรู้ดีว่าเธอคงจะได้อยู่ที่นี่อีกสองสามวันเท่านั้นเพราะจะต้องย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพกับภูผาดั่งคำที่ยายของเธอและย่าของภูผาได้ตกลงกันเอาไว้
“อืม...ก็เราน่ะโตมีครอบครัวแล้วจะอ้อนยายไปตลอดก็ไม่ได้อยู่แล้ว” พิกุลเอ่ยด้วยรอยยิ้มแต่แววตาของเธอนั้นไหววูบเล็กน้อยจนพิมพรรณและภูผาที่นั่งตรงข้ามเห็นได้ชัดและรู้ดีว่าพิกุลนั้นคงใจเสียไม่น้อยที่หลานรักคนเดียวนั้นจะผละจากอ้อมอกไป“ว่ามีแต่ของโปรดยายสังขยาฟักทองของโปรดใครบางคนก็มีนะอยู่ในครัว” พิมพรรณเอ่ยบอกกับผ้าแพรเพราะรู้ดีว่านี่คือของโปรดหลานเธอจึงเร่งมือทำเมื่อช่วงบ่าย“เหรอคะน้าพิมเดี๋ยวแพรจะไปเอามาเดี๋ยวนี้” แมวน้อยขี้อ่อนที่เกาะอยู่กับขนของยายตาโพรงเมื่อได้รู้ว่าวันนี้มีของโปรดที่ไม่ได้ทานมานานซ้ำยังเป็นฝีมือของพิมพรรณที่ทำได้หวานถึงใจตนก็รีบลุกออกจากเก้าอี้หมายจะไปยกมาทานทันที“เดี๋ยวก่อนเรายังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ” พิมพรรณต้องปรามหลานเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ทานข้าวก็จะทานของหวานเสียแล้ว“อืม..ก็ได้ค่ะ” จากหน้าบานกลายเป็นหน้างอยทันทีเมื่อถูกห้ามให้ไปเอาของโปรด“รีบบอกทำไมล่ะแม่พิมเดี๋ยวก็ทานข้าวอย่างกับแมวดมขยักกระเพาะไว้ให้ขนมหวาน” พิกุลมองหน้าหลานของเธอที่กำลังหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้ข้างเธอตามเดิมด้วยสีหน้าหงอยๆ“นั่นสิคะแม่ฉันก็ลืมไปเลยว่าหลานคนนี้ชอบของหวานนักล่ะ” พิมพรรณ
“น้ากับยายของฉันเลี้ยงแพรมาค่ะแต่แพรก็อธิบายให้คุณฟังไม่ค่อยถูกซะด้วยพรุ่งนี้แพรจะถามวิธีจากยายแล้วก็น้าพิมนะคะเผื่อเอาไว้เลี้ยงลูกของเราด้วย” ร่างบางนอนทำหน้าครุ่นคิดเธอเห็นว่านิสัยของเธอนั้นส่วนมากมีแต่คนชมเธอเองก็อยากจะเลี้ยงลูกให้ได้เหมือนเธอเช่นกัน“ฉันว่าฉันเลี้ยงลูกในวิธีของฉันจะดีกว่า” ภูผาถึงกับต้องพูดตัดบทขึ้นมาก่อนหากให้ลูกนั้นเป็นเหมือนแม่เขาคงต้องห่วงมากเป็นแน่“อืม...แพรคิดว่าเลี้ยงแบบวิธีของแพรกับของคุณคนละครึ่งดีกว่านะคะ” ผ้าแพรหันมายิ้มให้ชายหนุ่มที่สีหน้าดูเหมือนจะคิดหนักอะไรอยู่ในใจ“เฮ้อ..” วันนี้เขาคิดว่ายังไม่คุยรายละเอียดลงลึกเรื่องนี้จะดีกว่าเลยทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆแล้วล้มตัวลงนอนหงายคิดว่าอนาคตจะพูดกับเธออย่างไรให้เข้าใจดีว่าการที่ลูกเป็นเหมือนเธอจะถูกเอาเปรียบได้ง่าย“เป็นอะไรคะ..คุณภูร้อนหรือว่าอะไรคะ..เดี๋ยวแพรไปเร่งพัดลมให้ค่ะขอโทษนะคะที่บ้านแพรไม่มีแอคุณเลยดูลำบากเลย” เมื่อเสียงหายใจของชายหนุ่มถอนออกมาเฮือกใหญ่ความไม่สบายใจก็เกิดขึ้นกับหญิงสาวทันทีเพราะคิดว่าที่นี่อาจจะร้อนเกินไปสำหรับเขา“เปล่าอากาศที่นี่เย็นสบายดีอยู่แล้วฉันจะนอนแล้วเธอก็นอนเถอะ” มือหน
“ถ้าเค้าจะไปหาผู้หญิงเค้าจะบอกว่าไปหาเพื่อนทำไมล่ะคะคุณย่าอีกอย่างแพรก็ไม่ใช่คนที่คุณภูรักด้วย” ผ้าแพรเชื่อใจภูผาเป็นที่สุดไม่มีอะไรที่เธอต้องไม่เชื่อเพราะเขาไม่จำเป็นต้องโกหกเธอในเมื่อเธอและเขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบชู้สาว“ถึงไม่ใช่แต่เราก็แต่งงานมีลูกด้วยกันคาท้องอยู่อย่างนี้หากวันนึงลูกเกิดมาจะต้องเห็นพ่อตัวเองไปหาผู้หญิงคนอื่นจะรู้สึกยังไง” สายทองมองหลานสะใภ้ของเธอด้วยสายตาเอ็นดูไม่รู้เลยว่าพิกุลนั้นเลี้ยงหลานมายังไงถึงได้จิตใจดีแบบนี้ แต่ยังไงเธอก็จะยอมให้ผ้าแพรนั้นคิดแบบนี้ต่อไปไม่ได้ในเมื่ออนาคตภูผาจะต้องเป็นผู้นำครอบครัวและตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกที่กำลังจะเกิดมา“ลูกก็จะต้องเสียใจแล้วแพรก็จะต้องเสียใจที่ลูกเสียใจแต่ถ้าบอกให้คุณภูห้ามยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นแพรคงทำไมได้ค่ะเพราะผู้หญิงของคุณภูมาก่อนแพรถ้าให้พวกเค้าเลิกกันทั้งที่ยังรักกันแพรทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเงียบไปครู่หนึ่งเธอลองคิดตามที่สายทองพูดแล้วค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างพินิจพิเคราะห์ไม่นานสายตาที่ไม่รู้สึกอะไรก็เริ่มก็จะไหววูบเพราะคิดไม่ตกเสียแล้ว“อืมๆ..ย่าว่าเดี๋ยวย่าคุยกับตาภูเองจะดีกว่า” สายทองมองหน้ากับดวงใจด้วยท่าท
“ท้องเหรอวะ” แดเนียลหนุ่มลูกครึ่งมาดขรึมที่เป็นตัวเบรกในความเจ้าชู้ของเพื่อนๆเพราะเขาไม่ค่อยชอบเรื่องผู้หญิงเท่าไรเขานั้นพอจะดูออกว่าเสืออย่างภูผายอมแต่งงานกะทันหันได้โดยที่ตั้งตนว่าจะอยู่เป็นโสดมีคู่นอนเท่านั้น คงมีเรื่องเดียวที่ทำให้ภูผายอมได้ แต่เขาก็ไม่ยักรู้ว่าคนที่รอบคอบอย่างภูผาจะมาพลาดเรื่องนี้ได้อย่างไร“อืม” ภูผาหันกลับมาพยักหน้าให้แดเนียลทั้งกระดกดื่มไวน์ในแก้วจนหมด“เสืออย่างภูผาพลาดได้ไงวะ” ปกรณ์ตบบ่าภูผาเบาๆทั้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเอิญเพราะเขาเคยพนันกับภูผาว่าใครแต่งงานก่อนคนนั้นแพ้“ช่างมันเถอะเรื่องเกิดแล้วยังไงฉันก็ต้องรับผิดชอบ” ภูผาเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าค่อนข้างปลงและมีรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย“แหม...คำพูดแบบนี้ไม่น่าออกจากปากแกนะคนนี้ถูกใจแกไม่น้อยใช่ไหม” แดเนียลได้ยินคำพูดของภูผาเขาก็ถึงกับต้องผงะจนวางแก้วเครื่องดื่มในมือด้วยนึกว่าตัวเองหูฝาดเพราะหากเป็นภูผาที่เขารู้จักคงจะโวยวายหนักกว่านี้แน่เพราะขนาดมีข่าวหลุดเข้าโรงแรมกับนางแบบยังบ่นอุกจนเขาหูชา แต่ตอนนี้ต้องมารับผิดชอบผู้หญิงที่ทำเขาท้องอย่างไม่ได้ตั้งใจกลับดูเหมือนจะยอมรับแบบปลงง่ายๆเสียอย่างนั้นทั้งที่เรื่องนี้คื
วันต่อมา“ป้าดวงทำอะไรอยู่เหรอคะ” แพรวาตื่นมาตั้งแต่ยังไม่ทันจะหกโมงเช้าเธอเดินลงมาในครัวหมายจะทำอาหารเช้าแต่ก้เห็นดวงใจนั้นยืนง่วนอยู่ก่อนแล้ว“ตื่นมาทำไมแต่เช้าคะคุณแพร” ดวงใจที่กำลังมือเป็นระวิงกับการจัดแจงอาหารเช้าของทุกคนในบ้านเธอหันมายิ้มให้กับผ้าแพรซึ่งเป็นเจ้านายคนเดียวในบ้านที่ตื่นเช้าขนาดนี้“แพรอยากทำอาหารค่ะ” ผ้าแพรรีบเอ่ยความจำนงออกไปและมองดูรอบๆห้องครัว“คุณแพรอยากทานอะไรบอกป้าเลยค่ะ”“แพรอยากทำอาหารมากกว่าค่ะแพรชอบ” ผ้าแพรส่ายหัวเบาๆที่เธอมาที่นี่เพราะเธออยากจะทำอาหารเองไม่ใช่แค่อยากทานอะไรและมาบอกดวงใจเท่านั้นหากเธอไม่ได้ทำอะไรที่เธอชอบเธอคงเบื่อตายพอดีในการอยู่ที่นี่“อย่างนั้นก็ได้ค่ะคุณแพรอุปกรณ์เครื่องครัวอยู่นี่นะคะ” ดวงใจเห็นหญิงสาวดูจะอยากทำขนาดนั้นเธอก็ไม่อบยากขัดใจคนท้องจึงบอกให้ผ้าแพรนั้นจัดการได้ตามสบายโยมีเธอคอยอยู่ใกล้ๆ“ค่ะ” เมื่อได้รับอนุญาตร่างบางก็ยิ้มร่ารีบหยิบจับของในครัวอย่างชำนาญวันนี้เธอจะโชว์ฝีมือการทำอาหารเช้าให้ทุกคนได้ลองทานสักเมนูเพราะเห็นว่าดวงใจนั้นจัดการทำข้าวต้มแล้วสองชั่วโมงต่อมาโต๊ะอาหาร“ตาภูยังไม่ตื่นอีกเหรอหนูแพร” สายทองเห็นผ้าแพรน
“คุณแม่ว่างหรือเปล่าครับพาแพรออกไปซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ทีสิครับผมเห็นว่าเธอไม่ค่อยมีของเลย” ภูผาเอ่ยถามคนเป็นแม่ของเขาในระหว่างที่เธอกำลังนั่งมองลูกมะม่วงในมืออย่างชื่นชมเขาไม่ต้องถามก็เดาออกว่านั่นคงจะเป็นฝีมือของผ้าแพรเพราะคนที่นี่แกะสลักกันไม่เป็นถึงเป็นก็คงไม่สวยขนาดนี้“เมียเราก็พาออกไปเองสิ” โสพิศเปรยตามองคนวานเล็กน้อย“ผมว่าการเลือกของให้ผู้หญิงด้วยกันเลือกจะดีกว่านะครับ”“ของที่แพรมีก็พอใช้แล้วค่ะไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่ม” ผ้าแพรรู้ดีว่าภูผานั้นไม่ได้อยากไปไหนมาไหนกับเธออีกอย่างของเธอถึงจะน้อยแต่มันก็พอใช้สำหรับชีวิตในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรเพิ่ม“เสื้อผ้าเธอมีไม่ถึงสิบชุดด้วยซ้ำ”“นั่นแหละค่ะพอแล้ว”“จะใส่ซ้ำกันงั้นเหรอ” ภูผาพึ่งจะเคยเห็นผ้าแพรเป็นเคสแรกเพราสาวรุ่นส่วนมากเดี๋ยวนี้ที่เขารู้จักก็มักจะชอบใส่เสื้อผ้าไม่ซ้ำกัน“ค่ะเสื้อผ้าเค้าก็ทำมาให้ใส่ได้หลายครั้งนี่คะคุณภู” ผ้าแพรเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนเขารู้ว่าคนเมืองอย่างภูผาน่าจะรู้จักแต่ผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวแต่คนชนบทอย่างเธอไม่จำเป็นต้องแต่งตัวไปแข่งกับใครแค่มีเครื่องนุ่งห่มที่พอดูดีก็ใช้ได้แล้วใส่ซ้ำกันมันก็ไม่แปลกเพราะที่ชนบ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” แดเนียลเหมือนจะจับจ้องไปที่ผ้าแพรไม่วางสายตาว่าในรูปน่ารักแล้วตัวจริงยิ่งน่ารักเสียกว่า“เรียกพี่สองคนว่าพี่ก็ได้ไหนๆเราก็คนกันเอง” ปกรณ์ทักทายผ้าแพรอย่างเป็นกันเองจนภูผาเริ่มหน้าตึงเล็กน้อย“ค่ะพี่กรพี่แดน” สายตาคมของภูผามองผ้าแพรอย่างไม่พอใจที่ดันไปยอมเรียกเพื่อนของเขาทั้งสองว่าพี่ทั้งที่พึ่งเจอกันแต่กลับเรียกเขาด้วยความห่างเหิน“น้องแพรนี่น่ารักกว่าในรูปเยอะเลยนะครับ” ปกรณ์ดูอาการของภูผาออกเขาอยากจะรู้นักว่าความหวงเมียของเพื่อนเขานั้นมันจะมีมากระดับไหนทั้งที่ก่อนหน้านี้โอ้อวดคุยโวนักหนาว่าไม่มีทางให้ใจกับผู้หญิงคนไหน“พี่กรเคยเห็นรูปแพรด้วยเหรอคะ” ผ้าแพรรู้สึกว่าปกรณ์เป็นคนที่คุยเก่งระดับหนึ่งเลยแบบนี้เธอค่อยหายเกร็งหน่อยคิดว่าเพื่อนของภูผาจะไม่อยากยุ่งกับเธอเสียแล้วเพราะเธอก็ไม่ได้อยู่สังคมเดียวกับพวกเขา“เคยสิในข่าวไงแล้วนี่มาทำอะไรกันเหรอครับ” ปกรณ์เดินอ้อมภูผาหน้าตาเฉยแล้วเข้าไปประชิดตัวผ้าแพรหยิบสมาร์ทโฟนราคาแพงของเขาเปิดข่าวให้ผ้าแพรได้ดูว่านักข่างลงรูปเธอกับภูผาแล้วเขียนข่าวว่าอย่างไรแดเนียลเองก็ได้แต่อมยิ้มกับปกรณ์ที่หาเรื่องแกล้งภูผาส่วนคนถูกแกล้
“แต่ฉันเหนื่อยหรือจะให้ฉันกลับไป” ภูผาหันมาตอบหญิงสาวเสียงแข็งจนหญิงสาวก้มหน้างุด“ไม่เป็นไรค่ะเหนื่อยก็กลับบ้านไปนอนพักนะคะ” มือน้อยทั้งสองของเธอบีบกันแน่น“เธอยังอยากได้ขนมพวกนั้นอยู่อีกหรือเปล่า” เวลานี้ที่เห็นหญิงสาวนั่งหน้าละห้อยเขาก็จำได้ว่าเขาลืมพาเธอแวะซื้อขนมก่อนจะกลับอย่างที่รับปากเธอเอาไว้หากเขาไม่โมโหปกรณ์จนรีบร้อนจะกลับเธอก็คงไม่นั่งหน้าหงอยแบบนี้แน่“อ๋อ..ไม่หรอกค่ะ” ผ้าแพรเงยหน้าอมยิ้มอ่อนแม้เธอจะอยากได้ขนมพวกนั้นมากแค่ไหนหากภูผาลืมก็ไม่เป็นไร22.00 น.“ทำไมคุณภูนอนดึกจังล่ะคะไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ” ผ้าแพรนอนมองภูผาที่อยู่ในชุดนอนสีเทากำลังนั่งพิงหัวเตียงทำงานในโน๊ตบุ๊คด้วยสายตาสะลึมสะลือเพราะตอนนี้เธอง่วงเต็มทน“เธอง่วงก็นอนก่อนเลย” ภูผาตอบกลับในขณะที่สายตาและมือของเขายังจับจ้องอยู่กับโน๊ตบุ๊ค“เปิดไฟแบบนี้แพรคงไม่หลับหรอกค่ะ”“โอเค..งั้นฉันจะปิดไฟ” ภูผาหันไปมองคนที่กำลังนอนกอดหมอนข้างดุท่าเธอจะง่วงเต็มทนเขาจำต้องละมือวางงานและเอื้อมมือปิดไฟดวงใหญ่ในห้องให้เหลือเพียงแสงไฟจากโคมไฟใกล้หัวเตียงแล้วลิ้มตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางหญิงสาว“ดีค่ะ” ผ้าแพรยิ้มอ่อนแบบนี้เธอค่อยนอนได้หน่