“คุณแม่ว่างหรือเปล่าครับพาแพรออกไปซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ทีสิครับผมเห็นว่าเธอไม่ค่อยมีของเลย” ภูผาเอ่ยถามคนเป็นแม่ของเขาในระหว่างที่เธอกำลังนั่งมองลูกมะม่วงในมืออย่างชื่นชมเขาไม่ต้องถามก็เดาออกว่านั่นคงจะเป็นฝีมือของผ้าแพรเพราะคนที่นี่แกะสลักกันไม่เป็นถึงเป็นก็คงไม่สวยขนาดนี้
“เมียเราก็พาออกไปเองสิ” โสพิศเปรยตามองคนวานเล็กน้อย
“ผมว่าการเลือกของให้ผู้หญิงด้วยกันเลือกจะดีกว่านะครับ”
“ของที่แพรมีก็พอใช้แล้วค่ะไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่ม” ผ้าแพรรู้ดีว่าภูผานั้นไม่ได้อยากไปไหนมาไหนกับเธออีกอย่างของเธอถึงจะน้อยแต่มันก็พอใช้สำหรับชีวิตในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรเพิ่ม
“เสื้อผ้าเธอมีไม่ถึงสิบชุดด้วยซ้ำ”
“นั่นแหละค่ะพอแล้ว”
“จะใส่ซ้ำกันงั้นเหรอ” ภูผาพึ่งจะเคยเห็นผ้าแพรเป็นเคสแรกเพราสาวรุ่นส่วนมากเดี๋ยวนี้ที่เขารู้จักก็มักจะชอบใส่เสื้อผ้าไม่ซ้ำกัน
“ค่ะเสื้อผ้าเค้าก็ทำมาให้ใส่ได้หลายครั้งนี่คะคุณภู” ผ้าแพรเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนเขารู้ว่าคนเมืองอย่างภูผาน่าจะรู้จักแต่ผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวแต่คนชนบทอย่างเธอไม่จำเป็นต้องแต่งตัวไปแข่งกับใครแค่มีเครื่องนุ่งห่มที่พอดูดีก็ใช้ได้แล้วใส่ซ้ำกันมันก็ไม่แปลกเพราะที่ชนบททุกคนก็ใช้ชีวิตกันแบบนี้
ชั่วโมงต่อมา
ห้างสรรพสินค้า
และแล้วไม่นานผ้าแพรกับภูผาก็มาถึงห้างหรูใจกลางเมืองจนได้ด้วยคำพูดของสายทอง
“อยากให้เมียแกมีเสื้อผ้าสวยๆใส่ก็พาไปเลือกสินี่เป็นหน้าที่แกไม่ใช่หน้าที่แม่แก” จบคำพูดของคนเป็นย่าภูผาก็ลากผ้าแพรมาที่นี่ด้วยกันทันที
“คุณภูไม่น่าพาแพรมาเลยค่ะแพรไม่ได้อยากซื้ออะไรสักหน่อย” ผ้าแพรเข้ามาในห้างด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวเธอบอกแล้วว่าเธอไม่อยากได้อะไรแต่ภูผาก็ยังยืนยันว่าจะพาเธอมา
“คุณย่าให้งบเธอมาตั้งสองแสนไม่อยากได้อะไรหรือไง” เขาล่ะอิจฉาผ้าแพรจริงๆที่เดี๋ยวนี้ดูจะเป็นหลานรักของคุณย่าแทนเขาไปเสียแล้วถึงขนาดให้เงินมาเองเลย
“ไม่หรอกค่ะใครจะบ้าซื้อของทีเป็นแสนคุณภูเองซื้อครั้งละเท่าไรเหรอคะ” ผ้าแพรส่ายหัวเบาๆเสื้อผ้าชุดละสองสามร้อยเธอก็ว่าแพงแล้วเพราะที่บ้านส่วนมากจะเป็นยายเธอที่ทอแล้วตัดใส่เองมากกว่า
“ฉันไม่ตอบหรอกเดี๋ยวจะกลายเป็นคนบ้า” ภูผาแอบขำกับคำพูดและสีหน้าของหญิงสาวหากเขาตอบเธอไปว่าเขาซื้อของครั้งนึงใช้เงินเท่าไรมีหวังเขาได้กลายเป็นคนบ้าในสายตาของเธอพอดี
ตอนนี้ผ้าแพรเหมือนเธอจะไม่ได้ฟังคำตอบของภูผาเลยสักนิดดวงตากลมถูกอาหารในตู้กระจกของร้านอาหารร้านหนึ่งดึงดูดสายตาเธอไปเสียแล้ว
“อะไรอยากทานเหรอ” ภูผามองตามหญิงสาว
“อาหารที่นี่ออกแบบได้สวยมากเลยนะคะ” ผ้าแพรคิดว่าเธอเห็นรูปแบบของขนมที่หลากหลายมาพอสมควรแล้วแต่ห้างหรูแห่งนี้กลับดูมีอะไรตื่นตาที่เธอไม่เคยเห็นมากมายเช่นซาลาเปาที่ทำเป็นรูปตัวการ์ตูนหลากหลายที่เธอไม่รู้ว่าหากซื้อไปแล้วจะกล้าทานมันหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ร้านอาหารที่นี่มีหลายร้านถ้าทำรูปแบบไม่น่าดึงดูดคนก็ไม่เข้าน่ะสิถ้าเธออยากทานเดี๋ยวเลือกเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วฉันจะพากลับมาซื้อ” พูดจบภูผาก็พาหญิงสาวเดินขึ้นลิฟท์แก้วไปที่ชั้นของเสื้อผ้าแบรนด์หรูร้านประจำของเขา
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวก้าวเท้าเข้าลิฟท์โดยที่มือน้อยของเธอเกาะข้อมือของภูผาเอาไว้ไม่ปล่อยเพราะคนเข้ามาพร้อมกับเธอค่อนข้างเยอะ
หลังจากออกมาจากลิฟท์เรียบร้อยแล้วผ้าแพรก็รีบปล่อยมืออกจากข้อมือหนาของชายหนุ่มทันทีเพราะเกรงใจเขาแต่ครั้งนี้เป็นเขาเองที่กุมมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“มาทางนี้สิ”
“ค่ะ” ร่างบางหน้าเสียเล็กน้อยคิดในใจว่าคงเป็นเพราะเธอน่าจะเดินช้าไม่ทันใจภูผาเขาถึงต้องดึงมือเธอเอาไว้แบบนี้
“นั่นไอ้ภูนี่” เหมือนวันนี้มันจะบังเอิญเหมาะเจาะปกรณ์ที่กำลังเดินเลือกซื้อของกับแดเนียลดันหันไปเห็นภูผานั้นกำลังเดินจูงหญิงสาวเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง
“นั่นดิมากับเมียมันเหรอวะ” แดเนียลชะเง้อมองด้วยสีหน้าท่าทางสงสัย
“น่าจะใช่ว่ะไปหามันกันอยากจะเห็นเมียมันตัวจริงซะที” ปกรณ์หรือจะเก็บความสงสัยอย่างแดเนียลได้งานนี้ต้องเขาไปหาถึงจะรู้หากใช่ภรรยาของเพื่อนเขาจริงจะได้ถือโอกาสทำความรู้จักกันเสียเลย
“ว่าไง” ปกรณ์เดินเข้ามาตบบ่าภูผาเบาๆสายตาคมของเขายังแอบลอบมองหญิงสาวร่างเล็กหน้าหวานข้างๆเพื่อนของเขาแถมมือของทั้งคู่ก็จับกันไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก
“อ้าวพวกแกมาทำอะไรที่นี่” เมื่อเห็นว่าปกรณ์เหลือบสายตามองไปที่มือของเขาภูผาก็รีบปล่อยมือจากร่างบางแล้วยื่นมาแตะบ่าปกรณ์ดันตัวเพื่อนของเขาให้ห่างจากตัวผ้าแพรเพราะไม่ค่อยชอบที่ปกรณ์นั้นมองผ้าแพรด้วยสายตาหยาดเยิ้มเท่าไรนัก
“หาซื้อของนิดหน่อย” แดเนียลเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มอ่อน
“แพรนี่เพื่อนฉันกรกับแดน” ไหนๆวันนี้ผ้าแพรก็เจอเพื่อนของเขาโดยบังเอิญก็ถือโอกาสนี้แนะนำให้รู้จักกันเสียเลย
“สวัสดีค่ะคุณกรคุณแดน” ร่างบางยกมือไหว้ผู้ชายร่างสูงทั้งสองอย่างรวดเร็วและเอ่ยทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มหวาน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” แดเนียลเหมือนจะจับจ้องไปที่ผ้าแพรไม่วางสายตาว่าในรูปน่ารักแล้วตัวจริงยิ่งน่ารักเสียกว่า“เรียกพี่สองคนว่าพี่ก็ได้ไหนๆเราก็คนกันเอง” ปกรณ์ทักทายผ้าแพรอย่างเป็นกันเองจนภูผาเริ่มหน้าตึงเล็กน้อย“ค่ะพี่กรพี่แดน” สายตาคมของภูผามองผ้าแพรอย่างไม่พอใจที่ดันไปยอมเรียกเพื่อนของเขาทั้งสองว่าพี่ทั้งที่พึ่งเจอกันแต่กลับเรียกเขาด้วยความห่างเหิน“น้องแพรนี่น่ารักกว่าในรูปเยอะเลยนะครับ” ปกรณ์ดูอาการของภูผาออกเขาอยากจะรู้นักว่าความหวงเมียของเพื่อนเขานั้นมันจะมีมากระดับไหนทั้งที่ก่อนหน้านี้โอ้อวดคุยโวนักหนาว่าไม่มีทางให้ใจกับผู้หญิงคนไหน“พี่กรเคยเห็นรูปแพรด้วยเหรอคะ” ผ้าแพรรู้สึกว่าปกรณ์เป็นคนที่คุยเก่งระดับหนึ่งเลยแบบนี้เธอค่อยหายเกร็งหน่อยคิดว่าเพื่อนของภูผาจะไม่อยากยุ่งกับเธอเสียแล้วเพราะเธอก็ไม่ได้อยู่สังคมเดียวกับพวกเขา“เคยสิในข่าวไงแล้วนี่มาทำอะไรกันเหรอครับ” ปกรณ์เดินอ้อมภูผาหน้าตาเฉยแล้วเข้าไปประชิดตัวผ้าแพรหยิบสมาร์ทโฟนราคาแพงของเขาเปิดข่าวให้ผ้าแพรได้ดูว่านักข่างลงรูปเธอกับภูผาแล้วเขียนข่าวว่าอย่างไรแดเนียลเองก็ได้แต่อมยิ้มกับปกรณ์ที่หาเรื่องแกล้งภูผาส่วนคนถูกแกล้
“แต่ฉันเหนื่อยหรือจะให้ฉันกลับไป” ภูผาหันมาตอบหญิงสาวเสียงแข็งจนหญิงสาวก้มหน้างุด“ไม่เป็นไรค่ะเหนื่อยก็กลับบ้านไปนอนพักนะคะ” มือน้อยทั้งสองของเธอบีบกันแน่น“เธอยังอยากได้ขนมพวกนั้นอยู่อีกหรือเปล่า” เวลานี้ที่เห็นหญิงสาวนั่งหน้าละห้อยเขาก็จำได้ว่าเขาลืมพาเธอแวะซื้อขนมก่อนจะกลับอย่างที่รับปากเธอเอาไว้หากเขาไม่โมโหปกรณ์จนรีบร้อนจะกลับเธอก็คงไม่นั่งหน้าหงอยแบบนี้แน่“อ๋อ..ไม่หรอกค่ะ” ผ้าแพรเงยหน้าอมยิ้มอ่อนแม้เธอจะอยากได้ขนมพวกนั้นมากแค่ไหนหากภูผาลืมก็ไม่เป็นไร22.00 น.“ทำไมคุณภูนอนดึกจังล่ะคะไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ” ผ้าแพรนอนมองภูผาที่อยู่ในชุดนอนสีเทากำลังนั่งพิงหัวเตียงทำงานในโน๊ตบุ๊คด้วยสายตาสะลึมสะลือเพราะตอนนี้เธอง่วงเต็มทน“เธอง่วงก็นอนก่อนเลย” ภูผาตอบกลับในขณะที่สายตาและมือของเขายังจับจ้องอยู่กับโน๊ตบุ๊ค“เปิดไฟแบบนี้แพรคงไม่หลับหรอกค่ะ”“โอเค..งั้นฉันจะปิดไฟ” ภูผาหันไปมองคนที่กำลังนอนกอดหมอนข้างดุท่าเธอจะง่วงเต็มทนเขาจำต้องละมือวางงานและเอื้อมมือปิดไฟดวงใหญ่ในห้องให้เหลือเพียงแสงไฟจากโคมไฟใกล้หัวเตียงแล้วลิ้มตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางหญิงสาว“ดีค่ะ” ผ้าแพรยิ้มอ่อนแบบนี้เธอค่อยนอนได้หน่
18.00 น.โต๊ะอาหาร“ไปตั้งแต่เช้ากลับมาซะเย็นวันหยุดแทนที่จะอยู่บ้านกับเมีย” สายทองตำหนิหลานชายของเธอในระหว่างที่ร่วมโต๊ะทานอาหารเย็น“ผมก็มีธุระนี่ครับวันนี้อาหารเยอะเลยมีแขกมาเหรอครับ” ภูผารู้ดีว่าเขาต้องถูกตำหนิอยู่แล้วเมื่อออกนอกบ้านในวันหยุดโดยที่ไม่บอกย่าของเขาว่าไปทำอะไรแต่ที่เขาแปลกใจก็คือไม่รู้ว่าวันนี้จะมีแขกมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยหรืออย่างไรถึงมีอาหารหลากหลายเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ“ไม่มีหรอกค่ะแพรตั้งใจทำอาหารหลายๆอย่างให้คุณภูกับทุกคนลองชิมว่าจานไหนอร่อยแพรจะได้ทำบ่อยๆค่ะ” ผ้าแพรรีบเอ่ยขึ้นมาเพราะนี่เป็นฝีมือของเธอ“แต่ที่ย่าชิมก็อร่อยทุกอย่างนะ”“ฉันก็เห็นด้วยกับคุณแม่นะเธอก็มีฝีมือปลายจวักดีเหมือนกันนี่”คำชมของสายทองและโสพิศทำคนลงมือยิ้มแก้มปริหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งคราวนี้ก็เหลือแค่ภูผาเท่านั้นว่าจะโอเคกับฝีมือของเธอหรือเปล่า“งั้นคุณภูลองชิมสิคะว่าชอบหรือเปล่าเพราะคุณย่าบอกว่าถ้าอาหารในบ้านอร่อยคุณภูจะไม่ไปทานอาหารนอกบ้านทำให้มีความสุขในบ้านได้ค่ะ” พูดจบก็ยิ้มหวานดูภูผาว่าเขานั้นจะเลือกทานอะไรและจะชอบหรือไม่“อ๋อ..ผมเข้าใจแล้ว” จบคำพูดของผ้าแพรสายตาคมของภูผาก็มองไปที่ย่าของเ
“เป็นอะไรคะไม่ชอบเหรอคะ” ผ้าแพรผละออกจากชายหนุ่มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไป“อ่อเปล่าฉันว่าปิดไปทั้งตาเลยจะดีกว่า” ภูผาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำถามเขารีบหยิบชิ้นแตงกวามาปิดตาทั้งสองข้างและรีบนอนลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน“คุณภูหลับไปได้เลยนะคะเดี๋ยวอีกสักพักฉันจะเอาออกให้เอง” ผ้าแพรก้มมองหน้าชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินถือจานไปวางที่โต๊ะตรงมุมห้อง“อือ” คนตัวโตค่อยหายใจทั่วท้องได้หน่อยที่ได้ยินเสียงร่างบางอยู่ไกลๆวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเงียบเหงาเป็นพิเศษเพราะภูผาก็ไปทำงานแต่เช้าโสพิศก็ออกไปทำธุระพาดวงใจและสมหมายคนขับรถไปด้วยที่บ้านริมน้ำหลังนี้ก็เหลือเพียงแค่สายทองกับผ้าแพรเท่านั้น“ผลไม้ค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเห็นสายทองนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหลังบ้านติดริมแม่น้ำที่เดิมที่สายทองนั้นชอบนั่งเธอจึงเข้าครัวปอกผลไม้สามสี่อย่างใส่จานมาให้สายทองได้ทานเป็นของว่าง“ขอบใจจ่ะ...เป็นยังไงบ้างเริ่มคุ้นชินกับที่นี่แล้วหรือยัง” หญิงชราละมือจากหนังสือแล้วนั่งทานผลไม้ที่ผ้าแพรจัดใส่จานมาให้พรางถามเรื่องการเป็นอยู่ไปด้วย“ค่ะคุณย่า” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆพร้อมอมยิ้มอ่อนคนที่นี่ดีกับเธอท
“คุณแพรคะยื่นแขนมาค่ะ” ไม่นานหมอสาวก็เรียกให้ผ้าแพรนั้นยื่นแขนวางบนโต๊ะเพื่อที่เธอจะได้จัดการเช็ดแอลกอฮอลและเจาะเลือด“สามีให้กำลังใจภรรยาด้วยนะคะ” หมอสาวเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวผ้าแพรก้อมยิ้มและพร้อมบอกให้ภูผานั้นให้กำลังใจหญิงสาวเพื่อที่จะได้ลดความกลัวลงบ้าง“ครับ” มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวของคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดมากุมเอาไว้แน่นแบบนี้คงไม่ได้กลัวนิดหน่อยอย่างที่เธอบอกเขาเป็นแน่“นิดเดียวนะคะ” หมอสาวให้สัญญาณก่อนที่จะลงปลายเข็มไปที่เส้นเลือด“อืม” ร่างบางสะดุ้งเบาๆเมื่อปลายเข็มจิ้มมาที่เนื้อของเธอดีที่มือเรียวอีกข้างที่ภูผาจับมือเธอเอาไว้เธอค่อยหายกลัวไปเปราะหนึ่งไม่อย่างนั้นตอนนี้คงได้น้ำตาไหลจนขายขี้หน้าคนในนี้ไปแล้วครู่ต่อมา“วัดคลื่นหัวใจเจ้าตัวเล็กหน่อยนะคะ” เมื่อเจาะเลือดเสร็จตอนนี้ภูผากับผ้าแพรก็อยู่ในห้องอัลตร้าซาวน์โดยตอนนี้ผ้าแพรนั้นนอนอยู่บนเตียงและมีภูผานั่งอยู่ข้างๆ“เอ่อ..” ในขณะที่หมอสาวเริ่มถกชุดคลุมของผ้าแพรขึ้นหญิงสาวก็เห็นว่าภูผายังคงเอาแต่จับจ้องมาที่ท้องของเธอไม่ยอมหันหนีไปเสียและตอนนี้หมอสาวก็กำลังถกกางเกงตัวจิ๋วของเธอลงผ้าแพรจึงรีบใช้มือเรียวดันเบี่ยงใบหน้าของภูผ
“ไม่เป็นไรค่ะ...คุณอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ลำบากเหรอคะ” ผ้าแพรมีแววตาสงสารหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัดเธอนึกไม่ออกเลยว่าหากเธออยู่คนเดียวตอนท้องจะลำบากและหดหู่แค่ไหน“นั่นสิสามีคุณเป็นคนยังไงกันถึงได้ปล่อยให้คุณอยู่แบบนี้” ภูผาเอ่ยอย่างใส่อารมณ์“ที่ไหนที่เค้าไม่อยากอยู่ฉันก็มาอยากบังคับค่ะอยู่กันไปก็อึดอัดเปล่าๆเค้าก็คงมีเหตุผลของเค้านั่นแหละค่ะถึงได้ทิ้งฉันไปแบบนี้”“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรคนแบบนี้ก็คือคนที่ขาดความรับผิดชอบเห็นแก่ตัวที่สุด”“คุณภูคะ” ผ้าแพรดึงข้อมือภูผาเบาๆให้เขาลดอารมณ์ลงเพราะเขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งเห็นหญิงสาวข้างๆเธอหน้าเสีย“ต่อไปนี้คุณจะไม่ตัวคนเดียวนะคะเรารู้จักกันถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วฉันจะแวะเวียนมาหาคุณบ่อยๆนะคะคุณ...” ผ้าแพรเริ่มเปลี่ยนเรื่องและทำความรู้จักกับหญิงสาวท้องโตทันทีเพราะรู้สึกถูกชะตากับเธอตั้งแต่แรกเห็นเธอเป็นหญิงสาวที่น่าจะแก่กว่าเธอไม่กี่ปีแต่รูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่ไม่น้อยไม่รู้ว่าสามีของหญิงสาวที่ทิ้งเธอไปไม่เสียดายบ้างหรืออย่างไร“ฉันชื่อวีนาค่ะแล้วคุณล่ะคะ” หญิงสาวตอบพร้อมยิ้มอ่อน“ฉันชื่อแพรส่วนสามีฉันชื่อภูค่ะ” ผ้าแพรเริ่มแนะนำตัวเองและภูผาอย่างเป็นทาง
“นี่มันหวานมากเลยนะคะ” โสพิศลองใช้ช้อนตักมะพร้าวกวนมาชิมแล้วเธอก็ต้องรีบดื่มน้ำตามเพราะมันหวานมากจนเธอแสบคอกันเลยทีเดียว“ใช่แล้วล่ะค่ะเดี๋ยวเราใส่เป็นไส้อีกทีทานด้วยกันรสก็จะกลมกล่อม” พิมพรรณพยักหน้ากับโสพิศเบาๆหากผสมกับหน้าขนมแล้วรสชาติของมันก็จะหวานๆเค็มๆลงตัว“ยายคะหนูขอสักสองลูกได้หรือเปล่าตอนนี้ทนรอขนมเสร็จไม่ไหวแล้ว” ผ้าแพรหันไปยิ้มแหยให้กับพิกุลเพราะเมื่อนึกถึงรสชาติหวานมันของมะพร้าวกวนเธอก็น้ำลายแทบไหล“มันหวานมากเกินไปนะเราน่ะท้องอยู่จะทานอะไรก็ต้องเลือก” โสพิศรีบปรามผ้าแพรทันทีเพราะเธอก็ได้ยินมาว่าหมอน้ำนั้นสั่งให้ผ้าแพรอย่าทานอาหารรสจัดมากนัก“เอาน่าแม่โสคนท้องอยากจะทานอะไรก็ให้เค้าทานไปเถอะเดี๋ยวคลอดแล้วก็ทานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าตอนให้นมลูกไม่ได้แล้ว” สายทองเห็นว่าไส้ขนมลูกสองลูกก็คงไม่ถึงกับอันตรายอีกอย่างคนท้องอยากทานอะไรเธอเองก็ไม่อยากจะห้าม“สองลูกพอนะ” โสพิศหยิบไส้ขนมใส่ใบตองแผ่นเล็กให้ผ้าแพรใจก็ห่วงสุขภาพของผ้าแพรแต่ก็เข้าใจได้เช่นกันว่าความอยากอาหารของคนท้องมันเป็นอย่างไร“ค่ะคุณแม่” ร่างบางรีบรับไส้ขนมจากมือโสพิศริมฝีปากบางยิ้มกว้างเมื่อจะได้ทานของอร่อยมือน้อยหยิบ
“นี่มันเยอะไปนะลูกทานหวานมากมันไม่ดีเดี๋ยวน้าแบ่งครึ่งให้ก็แล้วกัน” พิมพรรณจะยึดคืนไส้ขนมทั้งหมดก็สงสารหลานจึงเอากลับไปเทใส่ถ้วยคืนไว้ครึ่งหนึ่งแล้วคืนให้หลานเธอไป“ขอบคุณค่ะน้าพิม” นับว่าพิมพรรณยังเห็นแก่ความอยากของหวานของคนท้องอย่างเธอบ้างแม้เหลือครึ่งกล่องก็ยังดี“คุณภูอะ” สาวเจ้าได้กล่องของหวานคืนมาก็ตวัดสายตาแอบเคืองใส่ภูผาเล็กน้อยแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปเป็นครั้งแรกที่เธอขุ่นคืองเขาเลยก็ว่าได้“อ้าว” ภูผามองตามหลังหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจเขาห่วงสุขภาพของเธอแล้วเขานั้นผิดด้วยเหรอวันที่ฝากครรภ์กับหมอน้ำก็รับปากหมอเสียดิบดีว่าจะไม่ทานอาหารรสจัดวันนี้กลับทนไม่ไหวเสียอย่างนั้น“นี่รูปใครเหรอคะคุณพิม” โสพิศยืนดูรูปภาพเด็กทารกตัวอ้วนกลมในเปลที่แปะอยู่ข้างฝาบ้านพักใหญ่ครั้งก่อนเธอเคยเห็นรูปแล้วว่าจะถามแต่ก็ยังไม่ได้ถามเสียทีว่ารูปใครหากเดาไม่ผิดคงเป็นผ้าแพรเพราะบ้านนี้น่าจะไม่มีรูปเด็กเล็กที่อื่น“หนูแพรค่ะเล็กๆจ้ำม่ำมากเลย”“ถ้าหลานฉันออกมาน่ารักน่าชังแบบนี้คงดีนะ” เป็นอย่างที่โสพิศคิดหากเธอได้อุ้มหลานน่ารักน่าชังวันนั้นเธอคงมีความสุขไม่น้อยนึกแล้วก็อยากจะให้หลานเธอคลอดออกมาวันสองวันนี้เสี