“แต่ฉันเหนื่อยหรือจะให้ฉันกลับไป” ภูผาหันมาตอบหญิงสาวเสียงแข็งจนหญิงสาวก้มหน้างุด
“ไม่เป็นไรค่ะเหนื่อยก็กลับบ้านไปนอนพักนะคะ” มือน้อยทั้งสองของเธอบีบกันแน่น
“เธอยังอยากได้ขนมพวกนั้นอยู่อีกหรือเปล่า” เวลานี้ที่เห็นหญิงสาวนั่งหน้าละห้อยเขาก็จำได้ว่าเขาลืมพาเธอแวะซื้อขนมก่อนจะกลับอย่างที่รับปากเธอเอาไว้หากเขาไม่โมโหปกรณ์จนรีบร้อนจะกลับเธอก็คงไม่นั่งหน้าหงอยแบบนี้แน่
“อ๋อ..ไม่หรอกค่ะ” ผ้าแพรเงยหน้าอมยิ้มอ่อนแม้เธอจะอยากได้ขนมพวกนั้นมากแค่ไหนหากภูผาลืมก็ไม่เป็นไร
22.00 น.
“ทำไมคุณภูนอนดึกจังล่ะคะไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ” ผ้าแพรนอนมองภูผาที่อยู่ในชุดนอนสีเทากำลังนั่งพิงหัวเตียงทำงานในโน๊ตบุ๊คด้วยสายตาสะลึมสะลือเพราะตอนนี้เธอง่วงเต็มทน
“เธอง่วงก็นอนก่อนเลย” ภูผาตอบกลับในขณะที่สายตาและมือของเขายังจับจ้องอยู่กับโน๊ตบุ๊ค
“เปิดไฟแบบนี้แพรคงไม่หลับหรอกค่ะ”
“โอเค..งั้นฉันจะปิดไฟ” ภูผาหันไปมองคนที่กำลังนอนกอดหมอนข้างดุท่าเธอจะง่วงเต็มทนเขาจำต้องละมือวางงานและเอื้อมมือปิดไฟดวงใหญ่ในห้องให้เหลือเพียงแสงไฟจากโคมไฟใกล้หัวเตียงแล้วลิ้มตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางหญิงสาว
“ดีค่ะ” ผ้าแพรยิ้มอ่อนแบบนี้เธอค่อยนอนได้หน่อย
“เจอเพื่อนฉันเป็นไงบ้างล่ะไอ้กรมันเจ้าชู้ปากก็เลยหวานเป็นธรรมดาเธออย่าหลงคารมมันเข้าล่ะ” ดวงตาคมมองคนที่กำลังจะเคลิ้มหลับทั้งเอ่ยพูดเรื่องวันนี้กับหญิงสาวทั้งที่คิดว่าจะไม่พูดแล้วเชียวแต่ก็อดไม่ได้
“อย่างพี่กรแพรถือว่าเป็นคนที่คุยสนุกนะคะไม่ได้ปากหวานอะไร” ผ้าแพรขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอไมได้คิดว่าปกรณ์เป็นคนปากหวานอะไรอีกอย่างเธอเองว่าจะใช่จะหลงคารมใครง่ายๆด้วย
“แล้วพวกมันให้เรียกพี่ก็ไปเรียกตามมันสนิทขนาดนั้นเลยหรือไง” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์หากเป็นคนอื่นฟังเธอพูดคุยจะรู้สึกอย่างไรเรียกสามีตัวเองว่าคุณแต่เรียกเพื่อนสามีว่าพี่ได้อย่างสนิทสนม
“ก็พี่ๆเค้าให้แพรเรียกแบบนั้นแพรจะเสียมารยาทไม่เรียกได้ยังไงล่ะคะคุณภู” ผ้าแพรมองหน้าภูผาอย่างสงสัยหากเธอไม่เรียกตามที่ปกรณ์และแดเนียลต้องการพวกเขาจะดูว่าเธอไม่เป็นมิตรและเสียมารยาทเป็นแน่
“หึ่..ช่างเถอะ” ภูผาสบถในลำคอเบาๆและหันหลังให้หญิงสาว
คำพูดของภูผาทำเอาหญิงสาวที่กำลังจะหลับต้องมานอนคิดต่ออีกว่าเธอผิดเรื่องอะไรเขาถึงดูโมโหเธอนัก
เช้าวันต่อมา
“จะไปไหนคะ” หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วผ้าแพรก็เห็นภูผาขึ้นห้องไปแต่งตัวใส่สูทเนี้ยบกำลังจะออกไปด้านนอกเธอจึงเอ่ยถามเขาขึ้นเพราะเขาไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าว่าจะไปไหน
“ไปหาความสุข” คนตัวโตชะงักฝีเท้าหันกลับมาบอกหญิงสาวเสียงห้วนเขาจะดูซิว่าเธอจะห้ามเขาหรือไม่หากเขาบอกกับเธอแบบนี้
“เดินทางปลอดภัยนะคะขอให้คุณภูมีความสุขมากๆนะคะ” ใบหน้าหวานส่งยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะประชดหรือโกรธเคือง
“อืม” ภูผาอมยิ้มอ่อนทั้งส่ายหัวเบาๆจบบทสนทนาเขาก็หันหลังออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็วเพราะจะไม่ทันเวลานัดหมายธุระของเขา
“คุณแพรเธอน่าเอ็นดูนะคะคุณท่าน” ดวงใจที่นั่งอยู่กับสายทองและโสพิศไม่ใกล้ไม่ไกลเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็อมยิ้มด้วยความเอ็นดูผ้าแพร
“นั่นสิผัวจะไปหาความสุขนอกบ้านเมียก็อวยพรซะอย่างนั้น เฮ้อ..ฉันล่ะปวดหัว” สายทองถึงขั้นต้องยกมือกุมขมับแล้วเรียกหลานสะใภ้ของเธอมาอบรมอะไรสักหน่อย
“หนูแพรมาหาย่าหน่อยสิลูก
“ค่ะคุณย่า” ร่างบางได้ยินผู้ใหญ่เรียกก็รีบจ้ำอ้าวเข้ามาหาอย่างไม่รีรอ
“ฟังย่านะถ้าอาหารในบ้านอร่อยตาภูก็ไม่อยากไปทานอาหารนอกบ้านหรอกนะ” สายทองพูดพรางอมยิ้มมือขาวที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามวัยยกขึ้นลูบหัวผ้าแพรเบาๆด้วยความเอ็นดู
“หนูเข้าใจแล้วค่ะคุณย่าต่อไปนี้หนูจะทำให้เต็มที่ค่ะ” ดวงตากลมโตจับจ้องรับฟังสายทองอย่างตั้งใจเมื่อฟังจบริมฝีปากบางก็ฉีกยิ้มร่าพยักหน้าหงึกหงักด้วยความเข้าใจ
“โอ้..ขนาดนั้นเลยเหรอ” สายทองมองหน้ากับดวงใจด้วยความเขินอายเล็กน้อยกับคำพูดของผ้าแพร
“ค่ะคุณย่าเรื่องพวกนี้หนูถนัดแล้วก็ชอบมากด้วยหนูขอตัวไปจัดเตรียมตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะ” ผ้าแพรเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงมั่นใจให้สายทองได้เชื่อว่าจะไม่มีทางผิดหวังในตัวเธอแน่นอนว่าจบไม่นานผ้าแพรก็ไปจัดเตรียมสิ่งที่จะสร้างความสุขในบ้านนี้ให้ภูผาทันทีตามที่สายทองได้บอกกับเธอ
“คุณแม่ว่าลูกสะใภ้โสเนี่ย เข้าใจที่คุณแม่บอกจริงๆใช่ไหมคะ” หลังจากที่ลูกสะใภ้ของเธอเดินหน้าระรื่นออกไปแล้วโสพิศคิดว่าผ้าแพรจะต้องเข้าใจในสิ่งที่แม่สามีของเธอสื่อแน่นอน
“แม่คิดว่าหนูแพรก็น่าจะเข้าใจนะ” สายทองขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อยคิดว่าสิ่งที่เธอสื่อออกไปผ้าแพรน่าจะเข้าใจแต่ยังไงก็ยังไม่เชื่อใจผ้าแพรร้อยเปอร์เซ็นว่าหลานสะใภ้เธอนั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้หรือเปล่าครั้งจะเอ่ยพูดตรงๆก็ดูจะน่าเกลียดเกินไป
18.00 น.โต๊ะอาหาร“ไปตั้งแต่เช้ากลับมาซะเย็นวันหยุดแทนที่จะอยู่บ้านกับเมีย” สายทองตำหนิหลานชายของเธอในระหว่างที่ร่วมโต๊ะทานอาหารเย็น“ผมก็มีธุระนี่ครับวันนี้อาหารเยอะเลยมีแขกมาเหรอครับ” ภูผารู้ดีว่าเขาต้องถูกตำหนิอยู่แล้วเมื่อออกนอกบ้านในวันหยุดโดยที่ไม่บอกย่าของเขาว่าไปทำอะไรแต่ที่เขาแปลกใจก็คือไม่รู้ว่าวันนี้จะมีแขกมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยหรืออย่างไรถึงมีอาหารหลากหลายเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ“ไม่มีหรอกค่ะแพรตั้งใจทำอาหารหลายๆอย่างให้คุณภูกับทุกคนลองชิมว่าจานไหนอร่อยแพรจะได้ทำบ่อยๆค่ะ” ผ้าแพรรีบเอ่ยขึ้นมาเพราะนี่เป็นฝีมือของเธอ“แต่ที่ย่าชิมก็อร่อยทุกอย่างนะ”“ฉันก็เห็นด้วยกับคุณแม่นะเธอก็มีฝีมือปลายจวักดีเหมือนกันนี่”คำชมของสายทองและโสพิศทำคนลงมือยิ้มแก้มปริหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งคราวนี้ก็เหลือแค่ภูผาเท่านั้นว่าจะโอเคกับฝีมือของเธอหรือเปล่า“งั้นคุณภูลองชิมสิคะว่าชอบหรือเปล่าเพราะคุณย่าบอกว่าถ้าอาหารในบ้านอร่อยคุณภูจะไม่ไปทานอาหารนอกบ้านทำให้มีความสุขในบ้านได้ค่ะ” พูดจบก็ยิ้มหวานดูภูผาว่าเขานั้นจะเลือกทานอะไรและจะชอบหรือไม่“อ๋อ..ผมเข้าใจแล้ว” จบคำพูดของผ้าแพรสายตาคมของภูผาก็มองไปที่ย่าของเ
“เป็นอะไรคะไม่ชอบเหรอคะ” ผ้าแพรผละออกจากชายหนุ่มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไป“อ่อเปล่าฉันว่าปิดไปทั้งตาเลยจะดีกว่า” ภูผาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำถามเขารีบหยิบชิ้นแตงกวามาปิดตาทั้งสองข้างและรีบนอนลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน“คุณภูหลับไปได้เลยนะคะเดี๋ยวอีกสักพักฉันจะเอาออกให้เอง” ผ้าแพรก้มมองหน้าชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินถือจานไปวางที่โต๊ะตรงมุมห้อง“อือ” คนตัวโตค่อยหายใจทั่วท้องได้หน่อยที่ได้ยินเสียงร่างบางอยู่ไกลๆวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเงียบเหงาเป็นพิเศษเพราะภูผาก็ไปทำงานแต่เช้าโสพิศก็ออกไปทำธุระพาดวงใจและสมหมายคนขับรถไปด้วยที่บ้านริมน้ำหลังนี้ก็เหลือเพียงแค่สายทองกับผ้าแพรเท่านั้น“ผลไม้ค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเห็นสายทองนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหลังบ้านติดริมแม่น้ำที่เดิมที่สายทองนั้นชอบนั่งเธอจึงเข้าครัวปอกผลไม้สามสี่อย่างใส่จานมาให้สายทองได้ทานเป็นของว่าง“ขอบใจจ่ะ...เป็นยังไงบ้างเริ่มคุ้นชินกับที่นี่แล้วหรือยัง” หญิงชราละมือจากหนังสือแล้วนั่งทานผลไม้ที่ผ้าแพรจัดใส่จานมาให้พรางถามเรื่องการเป็นอยู่ไปด้วย“ค่ะคุณย่า” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆพร้อมอมยิ้มอ่อนคนที่นี่ดีกับเธอท
“คุณแพรคะยื่นแขนมาค่ะ” ไม่นานหมอสาวก็เรียกให้ผ้าแพรนั้นยื่นแขนวางบนโต๊ะเพื่อที่เธอจะได้จัดการเช็ดแอลกอฮอลและเจาะเลือด“สามีให้กำลังใจภรรยาด้วยนะคะ” หมอสาวเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวผ้าแพรก้อมยิ้มและพร้อมบอกให้ภูผานั้นให้กำลังใจหญิงสาวเพื่อที่จะได้ลดความกลัวลงบ้าง“ครับ” มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวของคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดมากุมเอาไว้แน่นแบบนี้คงไม่ได้กลัวนิดหน่อยอย่างที่เธอบอกเขาเป็นแน่“นิดเดียวนะคะ” หมอสาวให้สัญญาณก่อนที่จะลงปลายเข็มไปที่เส้นเลือด“อืม” ร่างบางสะดุ้งเบาๆเมื่อปลายเข็มจิ้มมาที่เนื้อของเธอดีที่มือเรียวอีกข้างที่ภูผาจับมือเธอเอาไว้เธอค่อยหายกลัวไปเปราะหนึ่งไม่อย่างนั้นตอนนี้คงได้น้ำตาไหลจนขายขี้หน้าคนในนี้ไปแล้วครู่ต่อมา“วัดคลื่นหัวใจเจ้าตัวเล็กหน่อยนะคะ” เมื่อเจาะเลือดเสร็จตอนนี้ภูผากับผ้าแพรก็อยู่ในห้องอัลตร้าซาวน์โดยตอนนี้ผ้าแพรนั้นนอนอยู่บนเตียงและมีภูผานั่งอยู่ข้างๆ“เอ่อ..” ในขณะที่หมอสาวเริ่มถกชุดคลุมของผ้าแพรขึ้นหญิงสาวก็เห็นว่าภูผายังคงเอาแต่จับจ้องมาที่ท้องของเธอไม่ยอมหันหนีไปเสียและตอนนี้หมอสาวก็กำลังถกกางเกงตัวจิ๋วของเธอลงผ้าแพรจึงรีบใช้มือเรียวดันเบี่ยงใบหน้าของภูผ
“ไม่เป็นไรค่ะ...คุณอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ลำบากเหรอคะ” ผ้าแพรมีแววตาสงสารหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัดเธอนึกไม่ออกเลยว่าหากเธออยู่คนเดียวตอนท้องจะลำบากและหดหู่แค่ไหน“นั่นสิสามีคุณเป็นคนยังไงกันถึงได้ปล่อยให้คุณอยู่แบบนี้” ภูผาเอ่ยอย่างใส่อารมณ์“ที่ไหนที่เค้าไม่อยากอยู่ฉันก็มาอยากบังคับค่ะอยู่กันไปก็อึดอัดเปล่าๆเค้าก็คงมีเหตุผลของเค้านั่นแหละค่ะถึงได้ทิ้งฉันไปแบบนี้”“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรคนแบบนี้ก็คือคนที่ขาดความรับผิดชอบเห็นแก่ตัวที่สุด”“คุณภูคะ” ผ้าแพรดึงข้อมือภูผาเบาๆให้เขาลดอารมณ์ลงเพราะเขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งเห็นหญิงสาวข้างๆเธอหน้าเสีย“ต่อไปนี้คุณจะไม่ตัวคนเดียวนะคะเรารู้จักกันถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วฉันจะแวะเวียนมาหาคุณบ่อยๆนะคะคุณ...” ผ้าแพรเริ่มเปลี่ยนเรื่องและทำความรู้จักกับหญิงสาวท้องโตทันทีเพราะรู้สึกถูกชะตากับเธอตั้งแต่แรกเห็นเธอเป็นหญิงสาวที่น่าจะแก่กว่าเธอไม่กี่ปีแต่รูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่ไม่น้อยไม่รู้ว่าสามีของหญิงสาวที่ทิ้งเธอไปไม่เสียดายบ้างหรืออย่างไร“ฉันชื่อวีนาค่ะแล้วคุณล่ะคะ” หญิงสาวตอบพร้อมยิ้มอ่อน“ฉันชื่อแพรส่วนสามีฉันชื่อภูค่ะ” ผ้าแพรเริ่มแนะนำตัวเองและภูผาอย่างเป็นทาง
“นี่มันหวานมากเลยนะคะ” โสพิศลองใช้ช้อนตักมะพร้าวกวนมาชิมแล้วเธอก็ต้องรีบดื่มน้ำตามเพราะมันหวานมากจนเธอแสบคอกันเลยทีเดียว“ใช่แล้วล่ะค่ะเดี๋ยวเราใส่เป็นไส้อีกทีทานด้วยกันรสก็จะกลมกล่อม” พิมพรรณพยักหน้ากับโสพิศเบาๆหากผสมกับหน้าขนมแล้วรสชาติของมันก็จะหวานๆเค็มๆลงตัว“ยายคะหนูขอสักสองลูกได้หรือเปล่าตอนนี้ทนรอขนมเสร็จไม่ไหวแล้ว” ผ้าแพรหันไปยิ้มแหยให้กับพิกุลเพราะเมื่อนึกถึงรสชาติหวานมันของมะพร้าวกวนเธอก็น้ำลายแทบไหล“มันหวานมากเกินไปนะเราน่ะท้องอยู่จะทานอะไรก็ต้องเลือก” โสพิศรีบปรามผ้าแพรทันทีเพราะเธอก็ได้ยินมาว่าหมอน้ำนั้นสั่งให้ผ้าแพรอย่าทานอาหารรสจัดมากนัก“เอาน่าแม่โสคนท้องอยากจะทานอะไรก็ให้เค้าทานไปเถอะเดี๋ยวคลอดแล้วก็ทานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าตอนให้นมลูกไม่ได้แล้ว” สายทองเห็นว่าไส้ขนมลูกสองลูกก็คงไม่ถึงกับอันตรายอีกอย่างคนท้องอยากทานอะไรเธอเองก็ไม่อยากจะห้าม“สองลูกพอนะ” โสพิศหยิบไส้ขนมใส่ใบตองแผ่นเล็กให้ผ้าแพรใจก็ห่วงสุขภาพของผ้าแพรแต่ก็เข้าใจได้เช่นกันว่าความอยากอาหารของคนท้องมันเป็นอย่างไร“ค่ะคุณแม่” ร่างบางรีบรับไส้ขนมจากมือโสพิศริมฝีปากบางยิ้มกว้างเมื่อจะได้ทานของอร่อยมือน้อยหยิบ
“นี่มันเยอะไปนะลูกทานหวานมากมันไม่ดีเดี๋ยวน้าแบ่งครึ่งให้ก็แล้วกัน” พิมพรรณจะยึดคืนไส้ขนมทั้งหมดก็สงสารหลานจึงเอากลับไปเทใส่ถ้วยคืนไว้ครึ่งหนึ่งแล้วคืนให้หลานเธอไป“ขอบคุณค่ะน้าพิม” นับว่าพิมพรรณยังเห็นแก่ความอยากของหวานของคนท้องอย่างเธอบ้างแม้เหลือครึ่งกล่องก็ยังดี“คุณภูอะ” สาวเจ้าได้กล่องของหวานคืนมาก็ตวัดสายตาแอบเคืองใส่ภูผาเล็กน้อยแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปเป็นครั้งแรกที่เธอขุ่นคืองเขาเลยก็ว่าได้“อ้าว” ภูผามองตามหลังหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจเขาห่วงสุขภาพของเธอแล้วเขานั้นผิดด้วยเหรอวันที่ฝากครรภ์กับหมอน้ำก็รับปากหมอเสียดิบดีว่าจะไม่ทานอาหารรสจัดวันนี้กลับทนไม่ไหวเสียอย่างนั้น“นี่รูปใครเหรอคะคุณพิม” โสพิศยืนดูรูปภาพเด็กทารกตัวอ้วนกลมในเปลที่แปะอยู่ข้างฝาบ้านพักใหญ่ครั้งก่อนเธอเคยเห็นรูปแล้วว่าจะถามแต่ก็ยังไม่ได้ถามเสียทีว่ารูปใครหากเดาไม่ผิดคงเป็นผ้าแพรเพราะบ้านนี้น่าจะไม่มีรูปเด็กเล็กที่อื่น“หนูแพรค่ะเล็กๆจ้ำม่ำมากเลย”“ถ้าหลานฉันออกมาน่ารักน่าชังแบบนี้คงดีนะ” เป็นอย่างที่โสพิศคิดหากเธอได้อุ้มหลานน่ารักน่าชังวันนั้นเธอคงมีความสุขไม่น้อยนึกแล้วก็อยากจะให้หลานเธอคลอดออกมาวันสองวันนี้เสี
“ผอมเยอะเลยไหนดูซิมีลูกกี่ตัว...ตั้งสองตัวแน่ะอ้วนมากเลย..เจ้าอ้วน” ผ้าแพรเห็นเจ้าข้าวเหนียวก้รีบพุ่งเข้าไปหาทั้งลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูและนั่งอุ้มลูกของเจ้าข้าวเหนียวทั้งสองตัวมาไว้ในอ้อมอกกอดเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวแฮ่ๆๆๆ“มันจะกัดฉันหรือเปล่าเนี่ย” ภูผาได้แต่ยืนตัวเกร็งเพราะดูเจ้าข้าวเหนียวจะไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไร“คุณภูรีบเทข้าวกับน้ำให้มันสิคะ”“โอเค..” คนตัวโตหยิบกะละมังสองใบที่วางอยู่ตรงหน้าเจ้าข้าวเหนียวเขารับเทข้าวให้มันจนเต็มกะละมังและเทน้ำตามอีกกะละมังอย่างรวดเร็วพอเจ้าข้าวเหนียวเห็นว่าเขาเป็นคนให้อาหารก็เริ่มกระดิกหางให้จึงทำให้ภูผาค่อยกล้าเข้าใกล้มันหน่อย“คุณภูว่าฉันจะตั้งชื่อลูกหมาว่าอะไรดีคะ” ผ้าแพรชูลูกหมาตัวอ้วนกลมสีขาวกับสีน้ำตาลทองทั้งสองให้ภูผาได้ดูหากเธอเดาม่ผิดพ่อของเจ้าสองตัวคงเป็นสีขาวแน่นอนเพราะไม่อย่างนันเจ้าตัวสีขาวนี้จะออกมาเป็นสีนี้ได้อย่างไร“ไหนฉันขอดูหน่อยตัวนี้สีทองก็ชื่อทองตัวนี้สีขาวก็ชื่อขาวไงไม่เห็นยาก” “คิดให้เยอะกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอคะเหมือนคุณพูดออกมาแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย” ใบหน้าหวานเริ่มขมวดคิ้วเป็นปมที่รู้สึกว่าภูผาจะตอบผ่านๆ“นี่ถ้าฉันไม่เห็น
“วันนี้พี่คิณนอนค้างที่นี่นะคะ” สาวเจ้ายังคงกอดพี่ชายของเธอไม่ยอมปล่อยทำเอาคนที่ถือตะกร้ามะม่วงอยู่ถึงกับวางตะกร้าลงบนแคร่ไม้ใต้ถุนบ้านอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก“ไม่ได้หรอกแพรพี่มีประชุมต่อที่แวะมาก็ทักทายยายกับน้าพิมเท่านั้น” ที่คนินทร์มาที่นี่เพราะเขามีธุระผ่านมาจึงแวะมาทักทายทุกคน“ทำไมล่ะคะประชุมเสร็จก็กลับมานอนที่นี่ไม่ได้เหรอเราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะคะ” ผ้าแพรบ่นอู้อี้เพราะเมื่องานแต่งเธอคนินทร์ก็ไม่ว่างมาวันนี้ก็ยังไม่ว่างอยู่คุยกับเธออีก“เราโตจนมีลูกมีสามีแล้วนะแพรจะอ้อนพี่เค้าเป็นเด็กๆได้ยังไง” พิกุลปรามหลานสาวของเธอด้วยตอนนี้ต่างคนต่างโตมีหน้าที่รับผิดชอบจะให้ผ้าแพรมาอ้อนคนินทร์เป็นเด็กๆจะไม่ได้“ขอโทษทีนะคะพอดีสองคนนี้เค้าเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ” พิมพรรณเห็นโสพิศเริ่มมองพฤติกรรมของผ้าแพรและคนินทร์อย่างไม่พอใจเธอจึงต้องอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้โสพิศฟังว่าทั้งคู่ไมได้คิดอะไรเกินเลยกว่าพี่น้องแน่นอนแค่สนิทกันมากเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆเท่านั้น“ฉันจะพยายามเข้าใจค่ะ” โสพิศพยักหน้าเบาๆและจะพยายามทำความเข้าใจแต่เหมือนลูกชายของเธอจะไม่เข้าใจเพราะเดินหน้าหงิกหน้างอหนีเข้าไปใน