“เป็นอะไรคะไม่ชอบเหรอคะ” ผ้าแพรผละออกจากชายหนุ่มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไป
“อ่อเปล่าฉันว่าปิดไปทั้งตาเลยจะดีกว่า” ภูผาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำถามเขารีบหยิบชิ้นแตงกวามาปิดตาทั้งสองข้างและรีบนอนลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน
“คุณภูหลับไปได้เลยนะคะเดี๋ยวอีกสักพักฉันจะเอาออกให้เอง” ผ้าแพรก้มมองหน้าชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินถือจานไปวางที่โต๊ะตรงมุมห้อง
“อือ” คนตัวโตค่อยหายใจทั่วท้องได้หน่อยที่ได้ยินเสียงร่างบางอยู่ไกลๆ
วันต่อมา
วันนี้ที่บ้านเงียบเหงาเป็นพิเศษเพราะภูผาก็ไปทำงานแต่เช้าโสพิศก็ออกไปทำธุระพาดวงใจและสมหมายคนขับรถไปด้วยที่บ้านริมน้ำหลังนี้ก็เหลือเพียงแค่สายทองกับผ้าแพรเท่านั้น
“ผลไม้ค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเห็นสายทองนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหลังบ้านติดริมแม่น้ำที่เดิมที่สายทองนั้นชอบนั่งเธอจึงเข้าครัวปอกผลไม้สามสี่อย่างใส่จานมาให้สายทองได้ทานเป็นของว่าง
“ขอบใจจ่ะ...เป็นยังไงบ้างเริ่มคุ้นชินกับที่นี่แล้วหรือยัง” หญิงชราละมือจากหนังสือแล้วนั่งทานผลไม้ที่ผ้าแพรจัดใส่จานมาให้พรางถามเรื่องการเป็นอยู่ไปด้วย
“ค่ะคุณย่า” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆพร้อมอมยิ้มอ่อนคนที่นี่ดีกับเธอทุกคนแถมการเป็นอยู่ที่นี่อาจจะเป็นในเมืองก็จริงแต่ก็เรียบง่ายไมได้วุ่นวายอะไรเธอทำตัวได้ตามปกติเหมือนอยู่ที่บ้าน
“เรานี่ก็ดีนะไม่ค่อยแพ้ท้องเท่าไร” สายทองสังเกตมาหลายครั้งแล้วเห็นผ้าแพรไม่รู้สึกเหม็นเบื่ออาหารหรือทานอะไรไม่ได้เลยนับว่าเป็นข้อดีไม่น้อย
“ค่ะแพรก็คิดแบบนั้้น” เรื่องนี้ผ้าแพรก็รู้สึกดีใจไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่ค่อยแพ้ท้องแม้จะมีอาการวิงเวียนคลื่นไส้ในช่วงแรกๆที่ไม่รู้ว่าท้องแต่พอเริ่มเข้าเดือนที่สามเธอก็ไม่ค่อยมีอาการวิงเวียนอาเจียนอีกเลยมีแค่อยากทานของหวานที่เธอชอบเท่านั้น
“ค่ะคุณย่า เอ่อ..คุณย่าเมื่อยหรือเปล่าคะแพรนวดให้นะคะแพรเคยนวดให้ยายแพรบ่อยๆค่ะตอนนี้ก็ไม่รู้จะมีใครนวดให้ท่านหรือเปล่า”
“คิดถึงยายเราสินะ” สายทองมองหน้าคนที่กำลังยิ้มอ่อนด้วยความเอ็นดู
“ก็...ค่ะคุณย่า” ร่างบางตอบพร้อมก้มหน้างุดแม้ในใจจะรู้ว่าหากสายทองรู้ว่าเธอคิดถึงบ้านจะเป็นกังวลแต่เธอก็ไม่อยากจะโกหกผู้ใหญ่
อาทิตต่อมา
วันนี้เป็นวันที่หมอสูตินารีเวชที่รู้จักกับสายทองนัดให้ผ้าแพรมาตรวจครรภ์ที่คลินิกไม่ใกล้ไม่ไกลกับบ้านที่อยู่นัก
“วันนี้ที่จริงคุณภูไม่ต้องหยุดงานก็ได้นะคะ” ในระหว่างที่นั่งรถตู้คันหรูโดยมีสมหมายชายวัยห้าสิบที่เป็นน้องชายของดวงใจเป็นคนขับรถผ้าแพรก็หันมาพูดับภูผาที่นั่งข้างๆเธอด้วยสีหน้ากังวลเพราะเธอเห็นเอขาเอาแต่จิ้มไอแพดดูงานตลอดเวลาหากเขายุ่งเธอก็บอกแล้วว่าไม่ต้องมากับเธอก็ได้แต่เขาก็อยากจะมา
“ได้ยังไงเธอตรวจครรภ์ทุกครั้งฉันก็อยากไปด้วยเพราะฉันอยากรู้จากปากหมอว่าลูกฉันยังปกติแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า” ขณะที่พูดสายตาของเขาก็ยังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอแม้เขาจะยุ่งเพียงใดแต่เขาก็อยากมากับเธอเพราะอยากจะรู้พร้อมๆกับหญิงสาวจากปากของหมอว่าลูกในท้องของผ้าแพรนั้นยังปกติแข็งแรงทุกอย่างดีหรือเปล่า
“ผมไปรอด้านหลังนะครับคุณภู”
“ครับลุงหมาย”
ใช้เวลาไม่นานนักสมหมายก็พาเจ้านายทั้งสองขับเข้ามาในคลินิกเป็นตึกสองคูหาตั้งตระหง่านติดถนนใหญ่สมหมายจอดหน้าคลินิกแล้วเปิดประตูให้เจ้านายทั้งสองลงด้านหน้าเรียบร้อยแล้วเขาจึงขับไปจอดรอด้านหลังตึก
“พี่หมอสวัสดีครับนี่แพรภรรยาผมที่คุณย่านัดกับพี่หมอให้พาเธอมาฝากครรภ์” เมื่อเข้ามาในคลินิกได้ภูผาก็เห็นหมอสาววัยสามสิบต้นๆคนที่คุ้นเคยอย่างหมอนารีรัตน์ที่เป็นญาติทางฝั่งคุณยาของเขายืนอยู่ด้านหน้าประตูทันทีจึงรีบทักทายอย่างเป็นกันเองพร้อมแนะนำผ้าแพรให้อีกฝ่ายได้รู้จัก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณแพรสองคนตามพี่มาข้างในเลยค่ะ” หมอสาวยิ้มต้อนรับผ้าแพรอย่างเป็นมิตรเมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาแล้วเธอก็ให้เข้าไปคุยกันด้านในห้องตรวจเลยเพราะวันนี้ต้องซักประวัติและตรวจหลายอย่าง
ครู่ต่อมา
หลังจากซักประวัติกันครู่หนึ่งจนเรียบร้อยแล้วตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะต้องเจาะเลือด
“คุณภูกลัวเข็มหรือเปล่าคะ” ผ้าแพรนั่งตัวเกร็งในห้องสีขาวเล็กๆอีกห้องที่ถัดจากห้องซักประวัติเมื่อครู่เพราะเธอกำลังนั่งรอเจาะเลือดเพื่อเอาไปตรวจพร้อมกับภูผา
“ไม่หรอกเธอล่ะ” ภูผาส่ายหัวเบาๆเขายังคงนั่งชิวรอหมอมาเจาะเลือดให้
“นิดหน่อยค่ะ” แม้ปากจะบอกว่านิดหน่อยแต่ตอนนี้ผ้าแพรนั้นหน้าซีดไปหมดแล้วแถมยังนั่งตัวเกร็งจนภูผาจับสังเกตได้อีกต่างหาก
“มาแล้วค่ะใครจะเจาะก่อนคะ” นารีรัตน์เตรียมหลอดเก็บตัวอย่างเลือดพร้อมอุปกรณ์เจาะเลือดมาแล้วเธอก็ถามขึ้นทันทีว่าใครจะเป็นคนเจาะก่อน
“ผมก็ได้ครับ” ภูผาไม่รีรอรีบเสนอตัวทันทีด้วยเห็นว่าผ้าแพรก้มหน้างุดจนแทบจะไม่ยอมเงยขึ้นมาเลยก็ว่าได้
“เฮ่อ..” เมื่อปลายเข็มกำลังจะจิ้มไปที่ข้อพับแขนแกร่งของภูผาผ้าแพรก็หลับตาปี๋ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆทำใจเพราะรู้แน่นอนว่าคิวต่อไปต้องเป็นเธอ
“คุณแพรคะยื่นแขนมาค่ะ” ไม่นานหมอสาวก็เรียกให้ผ้าแพรนั้นยื่นแขนวางบนโต๊ะเพื่อที่เธอจะได้จัดการเช็ดแอลกอฮอลและเจาะเลือด“สามีให้กำลังใจภรรยาด้วยนะคะ” หมอสาวเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวผ้าแพรก้อมยิ้มและพร้อมบอกให้ภูผานั้นให้กำลังใจหญิงสาวเพื่อที่จะได้ลดความกลัวลงบ้าง“ครับ” มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวของคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดมากุมเอาไว้แน่นแบบนี้คงไม่ได้กลัวนิดหน่อยอย่างที่เธอบอกเขาเป็นแน่“นิดเดียวนะคะ” หมอสาวให้สัญญาณก่อนที่จะลงปลายเข็มไปที่เส้นเลือด“อืม” ร่างบางสะดุ้งเบาๆเมื่อปลายเข็มจิ้มมาที่เนื้อของเธอดีที่มือเรียวอีกข้างที่ภูผาจับมือเธอเอาไว้เธอค่อยหายกลัวไปเปราะหนึ่งไม่อย่างนั้นตอนนี้คงได้น้ำตาไหลจนขายขี้หน้าคนในนี้ไปแล้วครู่ต่อมา“วัดคลื่นหัวใจเจ้าตัวเล็กหน่อยนะคะ” เมื่อเจาะเลือดเสร็จตอนนี้ภูผากับผ้าแพรก็อยู่ในห้องอัลตร้าซาวน์โดยตอนนี้ผ้าแพรนั้นนอนอยู่บนเตียงและมีภูผานั่งอยู่ข้างๆ“เอ่อ..” ในขณะที่หมอสาวเริ่มถกชุดคลุมของผ้าแพรขึ้นหญิงสาวก็เห็นว่าภูผายังคงเอาแต่จับจ้องมาที่ท้องของเธอไม่ยอมหันหนีไปเสียและตอนนี้หมอสาวก็กำลังถกกางเกงตัวจิ๋วของเธอลงผ้าแพรจึงรีบใช้มือเรียวดันเบี่ยงใบหน้าของภูผ
“ไม่เป็นไรค่ะ...คุณอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ลำบากเหรอคะ” ผ้าแพรมีแววตาสงสารหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัดเธอนึกไม่ออกเลยว่าหากเธออยู่คนเดียวตอนท้องจะลำบากและหดหู่แค่ไหน“นั่นสิสามีคุณเป็นคนยังไงกันถึงได้ปล่อยให้คุณอยู่แบบนี้” ภูผาเอ่ยอย่างใส่อารมณ์“ที่ไหนที่เค้าไม่อยากอยู่ฉันก็มาอยากบังคับค่ะอยู่กันไปก็อึดอัดเปล่าๆเค้าก็คงมีเหตุผลของเค้านั่นแหละค่ะถึงได้ทิ้งฉันไปแบบนี้”“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรคนแบบนี้ก็คือคนที่ขาดความรับผิดชอบเห็นแก่ตัวที่สุด”“คุณภูคะ” ผ้าแพรดึงข้อมือภูผาเบาๆให้เขาลดอารมณ์ลงเพราะเขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งเห็นหญิงสาวข้างๆเธอหน้าเสีย“ต่อไปนี้คุณจะไม่ตัวคนเดียวนะคะเรารู้จักกันถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วฉันจะแวะเวียนมาหาคุณบ่อยๆนะคะคุณ...” ผ้าแพรเริ่มเปลี่ยนเรื่องและทำความรู้จักกับหญิงสาวท้องโตทันทีเพราะรู้สึกถูกชะตากับเธอตั้งแต่แรกเห็นเธอเป็นหญิงสาวที่น่าจะแก่กว่าเธอไม่กี่ปีแต่รูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่ไม่น้อยไม่รู้ว่าสามีของหญิงสาวที่ทิ้งเธอไปไม่เสียดายบ้างหรืออย่างไร“ฉันชื่อวีนาค่ะแล้วคุณล่ะคะ” หญิงสาวตอบพร้อมยิ้มอ่อน“ฉันชื่อแพรส่วนสามีฉันชื่อภูค่ะ” ผ้าแพรเริ่มแนะนำตัวเองและภูผาอย่างเป็นทาง
“นี่มันหวานมากเลยนะคะ” โสพิศลองใช้ช้อนตักมะพร้าวกวนมาชิมแล้วเธอก็ต้องรีบดื่มน้ำตามเพราะมันหวานมากจนเธอแสบคอกันเลยทีเดียว“ใช่แล้วล่ะค่ะเดี๋ยวเราใส่เป็นไส้อีกทีทานด้วยกันรสก็จะกลมกล่อม” พิมพรรณพยักหน้ากับโสพิศเบาๆหากผสมกับหน้าขนมแล้วรสชาติของมันก็จะหวานๆเค็มๆลงตัว“ยายคะหนูขอสักสองลูกได้หรือเปล่าตอนนี้ทนรอขนมเสร็จไม่ไหวแล้ว” ผ้าแพรหันไปยิ้มแหยให้กับพิกุลเพราะเมื่อนึกถึงรสชาติหวานมันของมะพร้าวกวนเธอก็น้ำลายแทบไหล“มันหวานมากเกินไปนะเราน่ะท้องอยู่จะทานอะไรก็ต้องเลือก” โสพิศรีบปรามผ้าแพรทันทีเพราะเธอก็ได้ยินมาว่าหมอน้ำนั้นสั่งให้ผ้าแพรอย่าทานอาหารรสจัดมากนัก“เอาน่าแม่โสคนท้องอยากจะทานอะไรก็ให้เค้าทานไปเถอะเดี๋ยวคลอดแล้วก็ทานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าตอนให้นมลูกไม่ได้แล้ว” สายทองเห็นว่าไส้ขนมลูกสองลูกก็คงไม่ถึงกับอันตรายอีกอย่างคนท้องอยากทานอะไรเธอเองก็ไม่อยากจะห้าม“สองลูกพอนะ” โสพิศหยิบไส้ขนมใส่ใบตองแผ่นเล็กให้ผ้าแพรใจก็ห่วงสุขภาพของผ้าแพรแต่ก็เข้าใจได้เช่นกันว่าความอยากอาหารของคนท้องมันเป็นอย่างไร“ค่ะคุณแม่” ร่างบางรีบรับไส้ขนมจากมือโสพิศริมฝีปากบางยิ้มกว้างเมื่อจะได้ทานของอร่อยมือน้อยหยิบ
“นี่มันเยอะไปนะลูกทานหวานมากมันไม่ดีเดี๋ยวน้าแบ่งครึ่งให้ก็แล้วกัน” พิมพรรณจะยึดคืนไส้ขนมทั้งหมดก็สงสารหลานจึงเอากลับไปเทใส่ถ้วยคืนไว้ครึ่งหนึ่งแล้วคืนให้หลานเธอไป“ขอบคุณค่ะน้าพิม” นับว่าพิมพรรณยังเห็นแก่ความอยากของหวานของคนท้องอย่างเธอบ้างแม้เหลือครึ่งกล่องก็ยังดี“คุณภูอะ” สาวเจ้าได้กล่องของหวานคืนมาก็ตวัดสายตาแอบเคืองใส่ภูผาเล็กน้อยแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปเป็นครั้งแรกที่เธอขุ่นคืองเขาเลยก็ว่าได้“อ้าว” ภูผามองตามหลังหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจเขาห่วงสุขภาพของเธอแล้วเขานั้นผิดด้วยเหรอวันที่ฝากครรภ์กับหมอน้ำก็รับปากหมอเสียดิบดีว่าจะไม่ทานอาหารรสจัดวันนี้กลับทนไม่ไหวเสียอย่างนั้น“นี่รูปใครเหรอคะคุณพิม” โสพิศยืนดูรูปภาพเด็กทารกตัวอ้วนกลมในเปลที่แปะอยู่ข้างฝาบ้านพักใหญ่ครั้งก่อนเธอเคยเห็นรูปแล้วว่าจะถามแต่ก็ยังไม่ได้ถามเสียทีว่ารูปใครหากเดาไม่ผิดคงเป็นผ้าแพรเพราะบ้านนี้น่าจะไม่มีรูปเด็กเล็กที่อื่น“หนูแพรค่ะเล็กๆจ้ำม่ำมากเลย”“ถ้าหลานฉันออกมาน่ารักน่าชังแบบนี้คงดีนะ” เป็นอย่างที่โสพิศคิดหากเธอได้อุ้มหลานน่ารักน่าชังวันนั้นเธอคงมีความสุขไม่น้อยนึกแล้วก็อยากจะให้หลานเธอคลอดออกมาวันสองวันนี้เสี
“ผอมเยอะเลยไหนดูซิมีลูกกี่ตัว...ตั้งสองตัวแน่ะอ้วนมากเลย..เจ้าอ้วน” ผ้าแพรเห็นเจ้าข้าวเหนียวก้รีบพุ่งเข้าไปหาทั้งลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูและนั่งอุ้มลูกของเจ้าข้าวเหนียวทั้งสองตัวมาไว้ในอ้อมอกกอดเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวแฮ่ๆๆๆ“มันจะกัดฉันหรือเปล่าเนี่ย” ภูผาได้แต่ยืนตัวเกร็งเพราะดูเจ้าข้าวเหนียวจะไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไร“คุณภูรีบเทข้าวกับน้ำให้มันสิคะ”“โอเค..” คนตัวโตหยิบกะละมังสองใบที่วางอยู่ตรงหน้าเจ้าข้าวเหนียวเขารับเทข้าวให้มันจนเต็มกะละมังและเทน้ำตามอีกกะละมังอย่างรวดเร็วพอเจ้าข้าวเหนียวเห็นว่าเขาเป็นคนให้อาหารก็เริ่มกระดิกหางให้จึงทำให้ภูผาค่อยกล้าเข้าใกล้มันหน่อย“คุณภูว่าฉันจะตั้งชื่อลูกหมาว่าอะไรดีคะ” ผ้าแพรชูลูกหมาตัวอ้วนกลมสีขาวกับสีน้ำตาลทองทั้งสองให้ภูผาได้ดูหากเธอเดาม่ผิดพ่อของเจ้าสองตัวคงเป็นสีขาวแน่นอนเพราะไม่อย่างนันเจ้าตัวสีขาวนี้จะออกมาเป็นสีนี้ได้อย่างไร“ไหนฉันขอดูหน่อยตัวนี้สีทองก็ชื่อทองตัวนี้สีขาวก็ชื่อขาวไงไม่เห็นยาก” “คิดให้เยอะกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอคะเหมือนคุณพูดออกมาแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย” ใบหน้าหวานเริ่มขมวดคิ้วเป็นปมที่รู้สึกว่าภูผาจะตอบผ่านๆ“นี่ถ้าฉันไม่เห็น
“วันนี้พี่คิณนอนค้างที่นี่นะคะ” สาวเจ้ายังคงกอดพี่ชายของเธอไม่ยอมปล่อยทำเอาคนที่ถือตะกร้ามะม่วงอยู่ถึงกับวางตะกร้าลงบนแคร่ไม้ใต้ถุนบ้านอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก“ไม่ได้หรอกแพรพี่มีประชุมต่อที่แวะมาก็ทักทายยายกับน้าพิมเท่านั้น” ที่คนินทร์มาที่นี่เพราะเขามีธุระผ่านมาจึงแวะมาทักทายทุกคน“ทำไมล่ะคะประชุมเสร็จก็กลับมานอนที่นี่ไม่ได้เหรอเราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะคะ” ผ้าแพรบ่นอู้อี้เพราะเมื่องานแต่งเธอคนินทร์ก็ไม่ว่างมาวันนี้ก็ยังไม่ว่างอยู่คุยกับเธออีก“เราโตจนมีลูกมีสามีแล้วนะแพรจะอ้อนพี่เค้าเป็นเด็กๆได้ยังไง” พิกุลปรามหลานสาวของเธอด้วยตอนนี้ต่างคนต่างโตมีหน้าที่รับผิดชอบจะให้ผ้าแพรมาอ้อนคนินทร์เป็นเด็กๆจะไม่ได้“ขอโทษทีนะคะพอดีสองคนนี้เค้าเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ” พิมพรรณเห็นโสพิศเริ่มมองพฤติกรรมของผ้าแพรและคนินทร์อย่างไม่พอใจเธอจึงต้องอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้โสพิศฟังว่าทั้งคู่ไมได้คิดอะไรเกินเลยกว่าพี่น้องแน่นอนแค่สนิทกันมากเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆเท่านั้น“ฉันจะพยายามเข้าใจค่ะ” โสพิศพยักหน้าเบาๆและจะพยายามทำความเข้าใจแต่เหมือนลูกชายของเธอจะไม่เข้าใจเพราะเดินหน้าหงิกหน้างอหนีเข้าไปใน
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณภูหน้าคุณไม่สบอารมณ์เลยตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว” ผ้าแพรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มานั่งข้างๆกับภูผาที่นั่งอยุ่ในชุดนอนบนเตียง เธอถามเขาด้วยสีหน้าที่สงสัยอยากจะรู้เหตุผลของอาการที่เขาเป็นอยู่เพราะหากเขาเป็นอยู่แบบนี้เธอคงอึดอัดที่จะอยู่ใกล้ๆ“เปล่า” ภูผาส่ายหัวเบาๆทั้งยังไม่ยอมมองหน้าคนที่คุยด้วยดีๆ“คุณภูแน่ใจนะคะว่าไม่ได้โกรธอะไรแพร” สาวเจ้าเอียงใบหน้าขมวดคิ้วถามคนข้างๆอีกรอบ“เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง..ไปกอดกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉันได้ยังไงรู้ไหมว่ามันทำให้ฉันดูเสียหน้า” ภูผาถอนหายใจพร้อมพ่นเรื่องเคืองใจออกมาเพราะหากไม่พูดชาตินี้แม่คนซื่อที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาคงจะไม่รู้ “พี่คิณไม่ใช่คนอื่นนะคะเค้าเป็นพี่ชายแพร” ผ้าแพรค่อยโล่งใจเมื่อรู้ว่าภูผาไม่พอใจเรื่องอะไร“ถึงเป็นพี่ชายแต่ก็ไม่ใช่พี่แท้ๆมันไม่ควร” “อ๋อ.. เห็นเมื่อกลางวันคุณแม่ก็เตือนเรื่องนี้อยู่เหมือนกันยังไงฉันก็ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณไม่พอใจคราวหลังฉันจะห้ามใจเอาไว้ค่ะ” ร่างบางก้มหน้างุด“ดีแล้วผู้ชายที่เธอจะกอดต่อหน้าคนอื่นได้มีแค่ฉันเท่านั
กลางดึกภูผานอนมองคนในอ้อมแขนที่หลับไปพักใหญ่แล้วแต่เขานี่สิยังคงหลับตาไม่ลงแม้แต่น้อยยิ่งหญิงสาวกอดก่ายเขาในขณะที่เธอไม่รู้ตัวมากเท่าไรยิ่งทำให้อะไรๆของเขาตื่นไม่ยอมนอนและไม่รู้ได้เลยว่าเขาจะหลับลงในเวลาไหนกันในคืนนี้วันต่อมาภูผาตื่นขึ้นมาในช่วงสายเพราะเมื่อคืนกว่าจะทำใจหลับลงได้ก็เกือบรุ่งเช้าเมื่อตื่นมาก็เห็นผ้าแพรนั่งง่วนอยู่ตรงหน้าตู้กระจก“นั่นอะไร” “สร้อยแม่แพรค่ะสวยหรือเปล่าคะ” ร่างบางหันมาตอบชายหนุ่มในขณะที่เธอกำลังดึงสร้อยคอกระดูกงูเส้นเล็กสีเงินมีจี้รูปตัวทีออกจากกล่องพร้อมชูให้ภูผาได้ดู“สวยสิแต่ทำไมจี้เป็นตัวทีล่ะ” เมื่อหญิงสาวยื่นสร้อยใส่มือของเขาชายหนุ่มก็เพ่งดูอย่างพิจารณาเพราะเขาเห็นแวบแรกก็ดูออกว่าตัวที่เป็นจี้มันฝังด้วยเพชรของจริง“แม่แพรชื่อพรทิพย์ค่ะน่าจะมาจากคำว่าทิพย์” ผ้าแพรรู้ว่าแม่ของเธอชื่อเล่นว่าพรแต่ตัวทีน่าจะมาจากคำว่าทิพย์จากชื่อจริงของแม่เธอ“นี่เพชรของจริงนะแพรแม่เธอสั่งทำเองเหรอ” สายตาคมมองหน้าผ้าแพรอย่างสงสัย“ของจริงเหรอคะแพรนึกว่าไม่ใช่มาตลอดเลย” ผ้าแพรจำต้องเพ่งมองเจ้าเม็ดเพชรที่ฝังอยู่ในจี้อย่างแปลกใจเธอคิดว่าเพชรที่ฝังอยู่นั้นอาจจะเป็นแค่ของปล