18.00 น.
โต๊ะอาหาร
“ไปตั้งแต่เช้ากลับมาซะเย็นวันหยุดแทนที่จะอยู่บ้านกับเมีย” สายทองตำหนิหลานชายของเธอในระหว่างที่ร่วมโต๊ะทานอาหารเย็น
“ผมก็มีธุระนี่ครับวันนี้อาหารเยอะเลยมีแขกมาเหรอครับ” ภูผารู้ดีว่าเขาต้องถูกตำหนิอยู่แล้วเมื่อออกนอกบ้านในวันหยุดโดยที่ไม่บอกย่าของเขาว่าไปทำอะไรแต่ที่เขาแปลกใจก็คือไม่รู้ว่าวันนี้จะมีแขกมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยหรืออย่างไรถึงมีอาหารหลากหลายเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ
“ไม่มีหรอกค่ะแพรตั้งใจทำอาหารหลายๆอย่างให้คุณภูกับทุกคนลองชิมว่าจานไหนอร่อยแพรจะได้ทำบ่อยๆค่ะ” ผ้าแพรรีบเอ่ยขึ้นมาเพราะนี่เป็นฝีมือของเธอ
“แต่ที่ย่าชิมก็อร่อยทุกอย่างนะ”
“ฉันก็เห็นด้วยกับคุณแม่นะเธอก็มีฝีมือปลายจวักดีเหมือนกันนี่”
คำชมของสายทองและโสพิศทำคนลงมือยิ้มแก้มปริหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งคราวนี้ก็เหลือแค่ภูผาเท่านั้นว่าจะโอเคกับฝีมือของเธอหรือเปล่า
“งั้นคุณภูลองชิมสิคะว่าชอบหรือเปล่าเพราะคุณย่าบอกว่าถ้าอาหารในบ้านอร่อยคุณภูจะไม่ไปทานอาหารนอกบ้านทำให้มีความสุขในบ้านได้ค่ะ” พูดจบก็ยิ้มหวานดูภูผาว่าเขานั้นจะเลือกทานอะไรและจะชอบหรือไม่
“อ๋อ..ผมเข้าใจแล้ว” จบคำพูดของผ้าแพรสายตาคมของภูผาก็มองไปที่ย่าของเขาพรางพยักหน้าเบาๆเข้าใจแล้วว่าทำไมวันนี้ผ้าแพรถึงได้ลงมือทำอาหารเองเยอะขนาดนี้คงจะมีคนสอนแต่ลูกศิษย์ก็น่าจะไม่เข้าใจ
“เฮ้อ...แต่แม่ว่าลูกสะใภ้แม่จะไม่เข้าใจนะ” โสพิศถอนหายใจเบาๆ
“ยังไงเหรอคะคุณแม่มีเรื่องอะไรที่แพรไม่เข้าใจคุณแม่บอกแพรได้เลยนะคะ” สีหน้าของผ้าแพรอยากรู้คำตอบจากโสพิศเอาเสียมากๆหากเธอไม่เข้าใจอะไรตรงไหนหรือทำอะไรผิดไปเธอก็อยากให้โสพิศนั้นบอกเตือนเธอได้เลย
“ไม่มีอะไรหรอกทานเถอะ” โสพิศพูดอะไรไม่ออกขนาดแม่สามีของเธอว่าพูดตรงแล้วผ้าแพรยังไม่เข้าใจงั้นก็ให้ประสบการณ์หลังจากนี้เป็นคนสอนลูกสะใภ้ของเธอเองก็แล้วกัน
ครู่ต่อมา
“ทานจนอิ่มแล้วคุณภูคิดเหมือนคุณย่ากับคุณแม่หรือเปล่าคะ” ผ้าแพรใจจดใจจ่อจนภูผานั้นทานอาหารเย็นจนอิ่มแล้วเธอจึงค่อยๆตะล่อมถามเขาว่าพึงพอใจในฝีมือของเธอแค่ไหน
“ก็คิดแบบนั้น” ภูผาพยักหน้าเบาๆ
“เฮ้อ..ค่อยโล่งอกฉันทำสุดฝีมือเลยนะคะเรื่องนี้ฉันถนัด” เป็นคำตอบที่ทำให้ผ้าแพรใจชื้นที่สุดสมกับความเหนื่อยที่เธอเลือกสรรจัดการวัตถุดิบทั้งวันแม้จะมีอาการวิงเวียนอยู่บ้างเพราะกลิ่นอาหารแต่เธอก็อดทน
“อืม..ฉันรู้แล้วไปข้างบนกันเถอะฉันอยากอาบน้ำ” ภูผาเห็นท่าทีดีใจของหญิงสาวเขาก็ยกมือหนายีหัวเธอเล่นด้วยความเอ็นดูเพราะเธอดูจะภูมิใจกับการที่มีคนชมฝีมือของเธอเสียเหลือเกิน
“เดี๋ยวคุณภูค่อยขึ้นไปดีกว่าค่ะฉันจะเตรียมน้ำอุ่นใส่ในอ่างให้นะคะแต่คุณภูต้องรอให้อาหารย่อยก่อนสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยอาบ”
“โอเคเธอไปจัดการเถอะ”
“ค่ะ” ว่าจบร่างบางก็รีบเดินขึ้นบันไดไปทันที
“เมียแกดีกับแกแบบนี้แกยังจะไปหาความสุขนอกบ้านอีกหรือไง” สายทองเหล่ตามองหลานชายของเธอด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายเมื่อเช้าเธอได้ยินเต็มสองรูหูว่าหลานชายเธอจะไปหาความสุขเธอเลยต้องติงสักหน่อย
“เมื่อเช้าผมไปคุยเรื่องสัญญากับบริษัททัวร์แล้วที่พูดแบบนั้นก็แค่แกล้งเธอเล่นครับคุณย่าก็รู้ว่าเธอเข้าใจอะไรแบบนี้ที่ไหน” ภูผายกยิ้มมุมปาก
“งั้นก็แล้วไปนึกว่าแกไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอีก” สายทองได้ยินเช่นนั้นก็โล่งใจแต่ก็ใช่ว่าจะไว้ใจหลานชายของเธอเสียทีเดียว
“ถ้าผมอยากยุ่งบ้างล่ะครับ” คนตัวโตเอ่ยหยอกคนเป็นย่า
เพียะ
“เดี๋ยวเถอะนะ.. เฮ้อ...แต่ยังไงถ้าเราจะยุ่งเราก็คงไม่ให้ย่ารู้หรอกใช่ไหม” มือที่ไม่ค่อยได้ตีหลานชายเท่าไรวันนี้อดที่จะยกฟาดต้นแขนเป็นไม่ได้
ภูผานั่งลอยหน้าลอยตาไมได้ตอบอะไรออกไปก็จริงอย่างที่ย่าของเขาพูด”ยังไงก็นึกถึงลูกถึงเมียไว้ให้เยอะๆทำอะไรจะได้คิดก่อนทำบ้าง”
“ครับคุณย่า”
“คุณพ่อเราก็หยุดเมื่อตอนมีลูกนะตาภูยังไงก็ถือว่าแม่ขอร้องแล้วกัน” โสพิศรู้ดีว่านิสัยของภูผาเหมือนพ่อของเขาไม่มีผิดและเธอก็ยังเชื่อว่าหากสามีเธอเปลี่ยนได้ลูกชายของเธอก็จะต้องเปลี่ยนได้
“คร้าบ..คุณแม่..นี่เธอมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันดูทุกคนจะเข้าข้างสะใภ้กันไปหมดซะแล้วนะครับ”
20.30 น.
“เธอเสียใจหรือเปล่าที่รู้ว่าตัวเองมีลูก” ภูผาที่พึ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาอยู่ในชุดนอนสีเทาแบบเดิมที่ใส่ในทุกๆวันเพราะเขามีชุดนอนแบบเดียวกันสีเดียวกันหลายชุดคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียงคุยกับหญิงสาวเช่นเดิมอย่างที่เคยทำในทุกๆวันตั้งแต่ผ้าแพรมาอยู่ที่นี่
“ไม่ค่ะที่ฉันเสียใจเพราะทำให้คนอื่นทุกข์ใจกันมากกว่าทั้งยายทั้งน้าพิมไหนจะคุณอีกที่ต้องมารับผิดชอบฉัน” ร่างบางเอ่ยตอบชายหนุ่มพร้อมกับหั่นแตงกวาที่เธอถือขึ้นมาเป็นชิ้นบางๆ
“เธอหิวเหรอ” คิ้วเข้มขมวดกันเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวอยากจะทานแตงกวาในเวลานี้
“เปล่าค่ะฉันเห็นคุณขอบตาคล้ำๆก็เลยจะเอาแตงกวามามาร์คให้” ร่างบางเดินถือจานแตงกวาที่หั่นเป็นชิ้นบางๆเข้ามานั่งตรงหน้าของชายหนุ่มเธอเห็นขอบตาของเขาค่อนข้างคล้ำจึงอยากจะบำรุงให้
“เธอดูแลคนอื่นเป็นปกติแบบนี้เลยหรือเปล่า”
“ก็ทำเท่าที่ทำได้ค่ะ” หญิงสาวขยับเข้าใกล้ๆภูผามือน้อยหยิบชิ้นแตงกวาขึ้นค่อยๆเอื้อมไปวางชิ้นแตงกวาแผ่นบางที่ใต้ดวงตาคมของชายหนุ่ม
“เอ่อ...” ภูผาแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอใจเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อใบหน้านวลที่แสนน่ารักไร้สีแต่งแต้มเข้ามาใกล้กันไม่ถึงคืบกลิ่นสบู่อ่อนๆเตะจมูกจนอยากจะเข้าไปดอมดมใกล้ๆแต่ก็ต้องอดใจเอาไว้เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะตกใจ เขาไม่เคยประหม่าแบบนี้เพราะผู้หญิงคนไหนมาก่อนนอกจากเธอ
“เป็นอะไรคะไม่ชอบเหรอคะ” ผ้าแพรผละออกจากชายหนุ่มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไป“อ่อเปล่าฉันว่าปิดไปทั้งตาเลยจะดีกว่า” ภูผาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำถามเขารีบหยิบชิ้นแตงกวามาปิดตาทั้งสองข้างและรีบนอนลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน“คุณภูหลับไปได้เลยนะคะเดี๋ยวอีกสักพักฉันจะเอาออกให้เอง” ผ้าแพรก้มมองหน้าชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินถือจานไปวางที่โต๊ะตรงมุมห้อง“อือ” คนตัวโตค่อยหายใจทั่วท้องได้หน่อยที่ได้ยินเสียงร่างบางอยู่ไกลๆวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเงียบเหงาเป็นพิเศษเพราะภูผาก็ไปทำงานแต่เช้าโสพิศก็ออกไปทำธุระพาดวงใจและสมหมายคนขับรถไปด้วยที่บ้านริมน้ำหลังนี้ก็เหลือเพียงแค่สายทองกับผ้าแพรเท่านั้น“ผลไม้ค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเห็นสายทองนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหลังบ้านติดริมแม่น้ำที่เดิมที่สายทองนั้นชอบนั่งเธอจึงเข้าครัวปอกผลไม้สามสี่อย่างใส่จานมาให้สายทองได้ทานเป็นของว่าง“ขอบใจจ่ะ...เป็นยังไงบ้างเริ่มคุ้นชินกับที่นี่แล้วหรือยัง” หญิงชราละมือจากหนังสือแล้วนั่งทานผลไม้ที่ผ้าแพรจัดใส่จานมาให้พรางถามเรื่องการเป็นอยู่ไปด้วย“ค่ะคุณย่า” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆพร้อมอมยิ้มอ่อนคนที่นี่ดีกับเธอท
“คุณแพรคะยื่นแขนมาค่ะ” ไม่นานหมอสาวก็เรียกให้ผ้าแพรนั้นยื่นแขนวางบนโต๊ะเพื่อที่เธอจะได้จัดการเช็ดแอลกอฮอลและเจาะเลือด“สามีให้กำลังใจภรรยาด้วยนะคะ” หมอสาวเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวผ้าแพรก้อมยิ้มและพร้อมบอกให้ภูผานั้นให้กำลังใจหญิงสาวเพื่อที่จะได้ลดความกลัวลงบ้าง“ครับ” มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวของคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดมากุมเอาไว้แน่นแบบนี้คงไม่ได้กลัวนิดหน่อยอย่างที่เธอบอกเขาเป็นแน่“นิดเดียวนะคะ” หมอสาวให้สัญญาณก่อนที่จะลงปลายเข็มไปที่เส้นเลือด“อืม” ร่างบางสะดุ้งเบาๆเมื่อปลายเข็มจิ้มมาที่เนื้อของเธอดีที่มือเรียวอีกข้างที่ภูผาจับมือเธอเอาไว้เธอค่อยหายกลัวไปเปราะหนึ่งไม่อย่างนั้นตอนนี้คงได้น้ำตาไหลจนขายขี้หน้าคนในนี้ไปแล้วครู่ต่อมา“วัดคลื่นหัวใจเจ้าตัวเล็กหน่อยนะคะ” เมื่อเจาะเลือดเสร็จตอนนี้ภูผากับผ้าแพรก็อยู่ในห้องอัลตร้าซาวน์โดยตอนนี้ผ้าแพรนั้นนอนอยู่บนเตียงและมีภูผานั่งอยู่ข้างๆ“เอ่อ..” ในขณะที่หมอสาวเริ่มถกชุดคลุมของผ้าแพรขึ้นหญิงสาวก็เห็นว่าภูผายังคงเอาแต่จับจ้องมาที่ท้องของเธอไม่ยอมหันหนีไปเสียและตอนนี้หมอสาวก็กำลังถกกางเกงตัวจิ๋วของเธอลงผ้าแพรจึงรีบใช้มือเรียวดันเบี่ยงใบหน้าของภูผ
“ไม่เป็นไรค่ะ...คุณอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ลำบากเหรอคะ” ผ้าแพรมีแววตาสงสารหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัดเธอนึกไม่ออกเลยว่าหากเธออยู่คนเดียวตอนท้องจะลำบากและหดหู่แค่ไหน“นั่นสิสามีคุณเป็นคนยังไงกันถึงได้ปล่อยให้คุณอยู่แบบนี้” ภูผาเอ่ยอย่างใส่อารมณ์“ที่ไหนที่เค้าไม่อยากอยู่ฉันก็มาอยากบังคับค่ะอยู่กันไปก็อึดอัดเปล่าๆเค้าก็คงมีเหตุผลของเค้านั่นแหละค่ะถึงได้ทิ้งฉันไปแบบนี้”“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรคนแบบนี้ก็คือคนที่ขาดความรับผิดชอบเห็นแก่ตัวที่สุด”“คุณภูคะ” ผ้าแพรดึงข้อมือภูผาเบาๆให้เขาลดอารมณ์ลงเพราะเขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งเห็นหญิงสาวข้างๆเธอหน้าเสีย“ต่อไปนี้คุณจะไม่ตัวคนเดียวนะคะเรารู้จักกันถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วฉันจะแวะเวียนมาหาคุณบ่อยๆนะคะคุณ...” ผ้าแพรเริ่มเปลี่ยนเรื่องและทำความรู้จักกับหญิงสาวท้องโตทันทีเพราะรู้สึกถูกชะตากับเธอตั้งแต่แรกเห็นเธอเป็นหญิงสาวที่น่าจะแก่กว่าเธอไม่กี่ปีแต่รูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่ไม่น้อยไม่รู้ว่าสามีของหญิงสาวที่ทิ้งเธอไปไม่เสียดายบ้างหรืออย่างไร“ฉันชื่อวีนาค่ะแล้วคุณล่ะคะ” หญิงสาวตอบพร้อมยิ้มอ่อน“ฉันชื่อแพรส่วนสามีฉันชื่อภูค่ะ” ผ้าแพรเริ่มแนะนำตัวเองและภูผาอย่างเป็นทาง
“นี่มันหวานมากเลยนะคะ” โสพิศลองใช้ช้อนตักมะพร้าวกวนมาชิมแล้วเธอก็ต้องรีบดื่มน้ำตามเพราะมันหวานมากจนเธอแสบคอกันเลยทีเดียว“ใช่แล้วล่ะค่ะเดี๋ยวเราใส่เป็นไส้อีกทีทานด้วยกันรสก็จะกลมกล่อม” พิมพรรณพยักหน้ากับโสพิศเบาๆหากผสมกับหน้าขนมแล้วรสชาติของมันก็จะหวานๆเค็มๆลงตัว“ยายคะหนูขอสักสองลูกได้หรือเปล่าตอนนี้ทนรอขนมเสร็จไม่ไหวแล้ว” ผ้าแพรหันไปยิ้มแหยให้กับพิกุลเพราะเมื่อนึกถึงรสชาติหวานมันของมะพร้าวกวนเธอก็น้ำลายแทบไหล“มันหวานมากเกินไปนะเราน่ะท้องอยู่จะทานอะไรก็ต้องเลือก” โสพิศรีบปรามผ้าแพรทันทีเพราะเธอก็ได้ยินมาว่าหมอน้ำนั้นสั่งให้ผ้าแพรอย่าทานอาหารรสจัดมากนัก“เอาน่าแม่โสคนท้องอยากจะทานอะไรก็ให้เค้าทานไปเถอะเดี๋ยวคลอดแล้วก็ทานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าตอนให้นมลูกไม่ได้แล้ว” สายทองเห็นว่าไส้ขนมลูกสองลูกก็คงไม่ถึงกับอันตรายอีกอย่างคนท้องอยากทานอะไรเธอเองก็ไม่อยากจะห้าม“สองลูกพอนะ” โสพิศหยิบไส้ขนมใส่ใบตองแผ่นเล็กให้ผ้าแพรใจก็ห่วงสุขภาพของผ้าแพรแต่ก็เข้าใจได้เช่นกันว่าความอยากอาหารของคนท้องมันเป็นอย่างไร“ค่ะคุณแม่” ร่างบางรีบรับไส้ขนมจากมือโสพิศริมฝีปากบางยิ้มกว้างเมื่อจะได้ทานของอร่อยมือน้อยหยิบ
“นี่มันเยอะไปนะลูกทานหวานมากมันไม่ดีเดี๋ยวน้าแบ่งครึ่งให้ก็แล้วกัน” พิมพรรณจะยึดคืนไส้ขนมทั้งหมดก็สงสารหลานจึงเอากลับไปเทใส่ถ้วยคืนไว้ครึ่งหนึ่งแล้วคืนให้หลานเธอไป“ขอบคุณค่ะน้าพิม” นับว่าพิมพรรณยังเห็นแก่ความอยากของหวานของคนท้องอย่างเธอบ้างแม้เหลือครึ่งกล่องก็ยังดี“คุณภูอะ” สาวเจ้าได้กล่องของหวานคืนมาก็ตวัดสายตาแอบเคืองใส่ภูผาเล็กน้อยแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปเป็นครั้งแรกที่เธอขุ่นคืองเขาเลยก็ว่าได้“อ้าว” ภูผามองตามหลังหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจเขาห่วงสุขภาพของเธอแล้วเขานั้นผิดด้วยเหรอวันที่ฝากครรภ์กับหมอน้ำก็รับปากหมอเสียดิบดีว่าจะไม่ทานอาหารรสจัดวันนี้กลับทนไม่ไหวเสียอย่างนั้น“นี่รูปใครเหรอคะคุณพิม” โสพิศยืนดูรูปภาพเด็กทารกตัวอ้วนกลมในเปลที่แปะอยู่ข้างฝาบ้านพักใหญ่ครั้งก่อนเธอเคยเห็นรูปแล้วว่าจะถามแต่ก็ยังไม่ได้ถามเสียทีว่ารูปใครหากเดาไม่ผิดคงเป็นผ้าแพรเพราะบ้านนี้น่าจะไม่มีรูปเด็กเล็กที่อื่น“หนูแพรค่ะเล็กๆจ้ำม่ำมากเลย”“ถ้าหลานฉันออกมาน่ารักน่าชังแบบนี้คงดีนะ” เป็นอย่างที่โสพิศคิดหากเธอได้อุ้มหลานน่ารักน่าชังวันนั้นเธอคงมีความสุขไม่น้อยนึกแล้วก็อยากจะให้หลานเธอคลอดออกมาวันสองวันนี้เสี
“ผอมเยอะเลยไหนดูซิมีลูกกี่ตัว...ตั้งสองตัวแน่ะอ้วนมากเลย..เจ้าอ้วน” ผ้าแพรเห็นเจ้าข้าวเหนียวก้รีบพุ่งเข้าไปหาทั้งลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูและนั่งอุ้มลูกของเจ้าข้าวเหนียวทั้งสองตัวมาไว้ในอ้อมอกกอดเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวแฮ่ๆๆๆ“มันจะกัดฉันหรือเปล่าเนี่ย” ภูผาได้แต่ยืนตัวเกร็งเพราะดูเจ้าข้าวเหนียวจะไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไร“คุณภูรีบเทข้าวกับน้ำให้มันสิคะ”“โอเค..” คนตัวโตหยิบกะละมังสองใบที่วางอยู่ตรงหน้าเจ้าข้าวเหนียวเขารับเทข้าวให้มันจนเต็มกะละมังและเทน้ำตามอีกกะละมังอย่างรวดเร็วพอเจ้าข้าวเหนียวเห็นว่าเขาเป็นคนให้อาหารก็เริ่มกระดิกหางให้จึงทำให้ภูผาค่อยกล้าเข้าใกล้มันหน่อย“คุณภูว่าฉันจะตั้งชื่อลูกหมาว่าอะไรดีคะ” ผ้าแพรชูลูกหมาตัวอ้วนกลมสีขาวกับสีน้ำตาลทองทั้งสองให้ภูผาได้ดูหากเธอเดาม่ผิดพ่อของเจ้าสองตัวคงเป็นสีขาวแน่นอนเพราะไม่อย่างนันเจ้าตัวสีขาวนี้จะออกมาเป็นสีนี้ได้อย่างไร“ไหนฉันขอดูหน่อยตัวนี้สีทองก็ชื่อทองตัวนี้สีขาวก็ชื่อขาวไงไม่เห็นยาก” “คิดให้เยอะกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอคะเหมือนคุณพูดออกมาแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย” ใบหน้าหวานเริ่มขมวดคิ้วเป็นปมที่รู้สึกว่าภูผาจะตอบผ่านๆ“นี่ถ้าฉันไม่เห็น
“วันนี้พี่คิณนอนค้างที่นี่นะคะ” สาวเจ้ายังคงกอดพี่ชายของเธอไม่ยอมปล่อยทำเอาคนที่ถือตะกร้ามะม่วงอยู่ถึงกับวางตะกร้าลงบนแคร่ไม้ใต้ถุนบ้านอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก“ไม่ได้หรอกแพรพี่มีประชุมต่อที่แวะมาก็ทักทายยายกับน้าพิมเท่านั้น” ที่คนินทร์มาที่นี่เพราะเขามีธุระผ่านมาจึงแวะมาทักทายทุกคน“ทำไมล่ะคะประชุมเสร็จก็กลับมานอนที่นี่ไม่ได้เหรอเราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะคะ” ผ้าแพรบ่นอู้อี้เพราะเมื่องานแต่งเธอคนินทร์ก็ไม่ว่างมาวันนี้ก็ยังไม่ว่างอยู่คุยกับเธออีก“เราโตจนมีลูกมีสามีแล้วนะแพรจะอ้อนพี่เค้าเป็นเด็กๆได้ยังไง” พิกุลปรามหลานสาวของเธอด้วยตอนนี้ต่างคนต่างโตมีหน้าที่รับผิดชอบจะให้ผ้าแพรมาอ้อนคนินทร์เป็นเด็กๆจะไม่ได้“ขอโทษทีนะคะพอดีสองคนนี้เค้าเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ” พิมพรรณเห็นโสพิศเริ่มมองพฤติกรรมของผ้าแพรและคนินทร์อย่างไม่พอใจเธอจึงต้องอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้โสพิศฟังว่าทั้งคู่ไมได้คิดอะไรเกินเลยกว่าพี่น้องแน่นอนแค่สนิทกันมากเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆเท่านั้น“ฉันจะพยายามเข้าใจค่ะ” โสพิศพยักหน้าเบาๆและจะพยายามทำความเข้าใจแต่เหมือนลูกชายของเธอจะไม่เข้าใจเพราะเดินหน้าหงิกหน้างอหนีเข้าไปใน
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณภูหน้าคุณไม่สบอารมณ์เลยตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว” ผ้าแพรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มานั่งข้างๆกับภูผาที่นั่งอยุ่ในชุดนอนบนเตียง เธอถามเขาด้วยสีหน้าที่สงสัยอยากจะรู้เหตุผลของอาการที่เขาเป็นอยู่เพราะหากเขาเป็นอยู่แบบนี้เธอคงอึดอัดที่จะอยู่ใกล้ๆ“เปล่า” ภูผาส่ายหัวเบาๆทั้งยังไม่ยอมมองหน้าคนที่คุยด้วยดีๆ“คุณภูแน่ใจนะคะว่าไม่ได้โกรธอะไรแพร” สาวเจ้าเอียงใบหน้าขมวดคิ้วถามคนข้างๆอีกรอบ“เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง..ไปกอดกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉันได้ยังไงรู้ไหมว่ามันทำให้ฉันดูเสียหน้า” ภูผาถอนหายใจพร้อมพ่นเรื่องเคืองใจออกมาเพราะหากไม่พูดชาตินี้แม่คนซื่อที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาคงจะไม่รู้ “พี่คิณไม่ใช่คนอื่นนะคะเค้าเป็นพี่ชายแพร” ผ้าแพรค่อยโล่งใจเมื่อรู้ว่าภูผาไม่พอใจเรื่องอะไร“ถึงเป็นพี่ชายแต่ก็ไม่ใช่พี่แท้ๆมันไม่ควร” “อ๋อ.. เห็นเมื่อกลางวันคุณแม่ก็เตือนเรื่องนี้อยู่เหมือนกันยังไงฉันก็ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณไม่พอใจคราวหลังฉันจะห้ามใจเอาไว้ค่ะ” ร่างบางก้มหน้างุด“ดีแล้วผู้ชายที่เธอจะกอดต่อหน้าคนอื่นได้มีแค่ฉันเท่านั