“ผมไม่เคยพูดเล่น”
“คุณอัส..เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุไม่ดีขึ้นเลยนะคะฉันก็เสียใจเหมือนกันในที่ตาวินต้องเจ็บเพราะฉัน”
“ออกไปได้แล้ว” อัสนียังคงยืนยันเสียงแข็ง
สิ้นเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มดวงตากลมโตของหญิงสาวก็เหลือบมองเด็กชายที่นั่งยิ้มให้เธออยู่ตาละห้อยหากตอนนี้เธอต้องไปจริงๆคงคิดถึงธาวินแย่แต่ในเมื่อเจ้าของบ้านไม่ยอมใจอ่อนให้เธอขนาดนี้อยู่ไปก็คงจะอึดอัดกันน่าดูจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินหันหลังออกไปด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยว
“แม่..แม่..” เด็กชายส่งเสียงเรียกคนเป็นแม่พร้อมมองตาแป๋วด้วยความไร้เดียงสา
“ครับลูก” เพียงฟ้าแทบน้ำตาตกเมื่อได้ยินธาวินเรียกเธอเอาไว้
“ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย” อัสนีกัดฟันกรอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหันไปบอกกับหญิงสาวเสียงแข็ง
“ฉันจะรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีค่ะ” ริมฝีปากบางที่กำลังบุ้ยอยู่คราแรกตอนนี้ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจรีบสัญญากับอีกฝ่ายว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ธาวินมีอันตรายอย่างครั้งก่อนแน่นอน
หลายวันต่อมา
เพียงฟ้าและอัสนีได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกเกือบเดือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆแต่ก็ยังไม่มีใครรู้ความรู้สึกของตัวเอง
21.00 น.
ทุกๆคืนที่ธาวินหหลับไปแล้วสองหนุ่มสาวก็จะมานั่งคุยกันก่อนที่จะนอนชั่วครู่เพื่อปรึกษาปัญหาหรือพุดคุยในเรื่องของแต่ละวันจนเป็นเรื่องที่ต้องทำทุกวันไปแล้วและวันนี้ก็เช่นกันหลังจากที่ธาวินหลับไปแล้วทั้งสองก็มานั่งคุยกันที่โซฟาห้องนั่งเล่น
“อยู่ที่ีนี่ตั้งหลายวันแล้วคุณไม่กลับไปดูงานของคุณบ้างหรือไง” อัสนีเห็นวันๆเพียงฟ้าเอาแต่ขลุกเลี้ยงธาวินทุกวันจนเขาเริ่มเกรงใจว่าหญิงสาวจะเสียงาน
“ไม่นี่คะฉันบอกแล้วไงว่าที่คาเฟ่ไม่ได้มีอะไรยุ่งมากมายรีสอร์ทตอนนี้คุณก็รู้ว่ามันราบรื่นดีหรือคุณไม่อยากให้ฉันอยู่” ใบหน้านวลก้มลงเล็กน้อยและค่อยๆส่ายหัวเบาๆเธอไม่ได้มีปัญหากับเร่องงานเลยสักนิดทั้งยังรู้สึกว่าชีวิตตัวเองที่ได้อยู่กับธาวินและอัสนียังมีความสุขกว่าตอนอยู่คนเดียวเยอะเลย
“เปล่า..ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย” ชายหนุ่มอมยิ้มอ่อนเมื่อรู้ว่าไม่ได้กระทบกับงานหญิงสาวเขาก็ค่อนข้างโล่งใจอีกอย่างหากหญิงสาวต้องกลับไปอยู่คนเดียวแบบแต่ก่อนเขาคงรู้สึกใจหายพอสมควรเพราะเธออยู่ที่นี่จนเขาเห็นเธอเป็นคนในครอบครัวไปเสียแล้ว
วันต่อมา
“อะไรนะวัวล้มป่วยพร้อมกันแบบนี้ได้ยังไง” วันนี้มีเรื่องให้อัสนีปวดหัวตั้งแต่เช้าเพราะประพันธ์เข้ามาที่บ้านเพื่อแจ้งเหตุร้ายตั้งแต่เช้าตรู่ว่ามีวัวจำนวนมากล้มป่วยและไม่สามารถส่งออกนมวัวได้ตามกำหนดเขาจึงต้องรีบออกมาดูวัวที่คอกท้ายไร่ด้วยตัวเอง
“เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยนะครับพ่อเลี้ยง” ชัชนนท์สัตวแพทย์ประจำไร่เอ่ยกับอัสนีด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักเมื่อว่านครบรอบการตรวจสุขภาพของวัวเขาเองก็ยังไม่เจออะไรผิดปกติพอเช้ามืดที่คนงานจะรีดนมวัวกลับมีปัญหาเสียอย่างนั้น
“ได้ให้คนเปลี่ยนอาหารหรือเปล่าหมอ” อัสนียืนเท้าเอวมองวัวที่ล้มป่วยกันระนาวในคอกด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างกังวลอย่างมาก
“ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ” ชัชนนท์ส่ายหัวทุกอย่างเขายังคงให้คนที่นี่ดุแลวัวตามเดิมไมได้เปลี่ยนอะไรทั้งช่วงนี้ยังไม่ใช่ฤดูของโรคภัยหมอหนุ่มจึงค่อนข้างสงสัยอยู่มากว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่
บ้านคนินทร์
“ทำไมวันนี้แวะมาได้” คนินทร์ทักทายอัสนีก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟา
“วัวที่ไร่ป่วยพร้อมกันแปลกๆฉันเลยมาที่แลบกับหมอเพื่อเอาเชื้อไปตรวจ” อัสนีถือโอกาสแวะหาคนินทร์ถามไถ่เรื่องแผนการที่เขาวางเอาไว้กับคนินทร์หลังจากที่พาหมอชัชนนท์ไปที่แลบในตัวเมืองแล้ว
“กลัวว่าจะไม่ป่วยเองงั้นใช่ไหม”
“อืม..รอผลแลบออกเดี๋ยวก็รู้ที่มาที่นี่ก็อยากรู้เรื่องความคืบหน้าด้วย” ถึงจะยังไม่รู้ผลแลบแต่อัสนีก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการป่วยของวัวในไร่ครั้งนี้ไม่ได้ป่วยเองตามธรรมชาติ
“เสี่ยน่านไว้ใจฉันแล้วเพราะฉันปล่อยให้มันขนของล็อตล่าสุดไปได้แล้วตอนนี้ฉันก็ได้หลักฐานสำคัญมาแล้วด้วยอีกไม่นานแกก็จะได้ฟังข่าวดีแน่นอน”
“รู้แบบนี้ก็ค่อยสบายใจ” อัสนีพอจะยิ้มออกบ้างเมื่อแผนการของเขาและคนินทร์กำลังไปได้สวย
“คุณฟ้ารู้หรือเปล่าว่าที่รีสอร์ทไม่ถูกก่อกวนตอนนี้เพราะแกช่วยเอาไว้” คนินทร์เห็นว่าอัสนีดูจะจริงจังในการช่วยเหลือเพียงฟ้าเสียเหลือเกินกล้าทำแม้กระทั่งใช้เงินของตัวเองสั่งซื้ออาวุธเพื่อที่จะล่อจับศรีน่านโดยที่ไม่รอเงินของทางการ
“ไม่ฉันขี้เกียจบอก” อัสนีส่ายหัวเรื่องนี้เขาไม่อยากบอกให้เพียงฟ้าได้เป็นกังวลรอให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วค่อยว่ากันทีเดียว
“ช่วยเธอขนาดนี้คิดอะไรกับเธอหรือเปล่า” คนินทร์ยกยิ้มมุมปากพร้อมมองคนตรงข้ามด้วยสายตามีเลศนัย
“ฉันแค่ช่วยตามสัญญาเท่านั้นอีกอย่างผู้หญิงวุ่นวายเอาแต่ใจแบบนั้นฉันคิดอะไรไม่ลง” ชายหนุ่มรีบพูดปัดเสียงหลงว่าเขาไม่ได้คิดอะไรอย่างที่คนินทร์ว่า
“ให้มันจริงอย่างที่ปากพูดเถอะ” สารวัตรหนุ่มพูดปนขำเบาๆยิ่งเพื่อนเขาปฏิเสธเท่าไรอาการของคนมีความรักมันก็ยิ่งออกเท่านั้น
ท้ายไร่
“งานที่รับปากเมื่อไรจะสำเร็จฉันรอนานแล้วนะหรือจะให้ฉันจ้างคนอื่นแทนดี” มนัสโทรนัดณจันทร์ให้ออกมาเจอกันที่ท้ายไร่ปรานโชคเพราะเห็นว่าเธอนั้นทำงานไม่คืบหน้าเสียทีเขายังเห็นเพียงฟ้ากับอัสนีปรองดองกันดีอยู่เลย
“อีกไม่นานหรอกค่ะฉันจะพยายามเร่งมือ” ณจันทร์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้เหมือนกันเพียงแต่ช่วงหลังมานี้อัสนีกับเพียงฟ้าตัวแทบจะติดกันตลอดเวลาเธอจึงไม่มีโอกาสหาทางทำให้ทั้งสองผิดใจกันอีกได้เสียที
“ฉันไม่รอแล้วทำตามแผนฉัน” มนัสมองหน้าณจันทร์ด้วยสีหน้าจริงจัง
เย็นของวัน
บ้านอัสนี
“อาหารเย็นป้าทำไว้เรียบร้อยแล้วป้ากลับก่อนนะคะคุณฟ้า” ป้าทิพย์แม่ครัวของไร่เมื่อทำอาหารเย็นให้คนในบ้านเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลากลับจึงมาบอกกับเพียงฟ้าที่นั่งเล่นกับธาวินอยู่ที่ระเบียงบ้าน
“ค่ะป้าทิพย์ขอบคุณนะคะ” ใบหน้าหวานยิ้มให้แม่ครัววัยกลางคนทั้งเอ่ยขอบคุณที่ป้าทิพย์นั้นมาคอยทำของอร่อยให้เธอได้ทานทั้งเช้าทั้งเย็น
ครู่ต่อมา“เดี๋ยวนี้ทานข้าวเก่งจังเลยนะครับฝีมือแม่อร่อยใช่ม้า...” เพียงฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อธาวินนั้นถูกใจในฝีมือการทำข้าวบดของเธอจนตอนนี้กินจนหมดถ้วยแล้ว“หม่ำๆๆ..” เด็กชายจ้องมองไปที่ถ้วยในมือของคนเป็นแม่ว่าเมื่อไรจะป้อนอีกเพราะเจ้าตัวนั้นยังไม่อิ่ม“ยังไม่อิ่มอีกเหรอข้าวหมดแล้วด้วยสิรอแม่เดี๋ยวนะครับเดี๋ยวแม่เอาน้ำผักมาให้เข้าใจไหมครับ” “ฮับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก“เก่งที่สุดเลย” สาวเจ้ารีบลุกออกจากระเบียงบ้านเข้าไปในครัวเพื่อไปเอาน้ำผักในตู้เย็นมาให้ธาวินกินแก้หิวในระหว่างที่เธอไปทำอาการให้เด็กชายใหม่สถานีตำรวจ“ไหนคุณว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วไงทำไมถึงมีหมายจับออกมาได้” ศรีน่านเข้ามาที่สถานีตำรวจตามหมายจับอย่างหัวเสียเพราะเขาคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไรที่จะต้องมาที่นี่แล้วเสียอีก“ผมบอกกับเสี่ยว่าไม่มีปัญหาตอนขนของไม่ได้รับปากนี่ครับว่าจะไม่มีหมายจับออกมา” คนินทร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อน“แก..” ศรีน่านกัดฟันกรอดคิดในใจว่าเขาไม่น่าเสียรู้สารวัตรละอ่อนนี่เลย“การลงทุนครั้งนี้ถือว่าไม่สูญเปล่านะครับเสี่ย” อัสนีเข้ามาในห้องและหย่อนก้นนั่งลงข้างๆศรีน่านด้วยสีหน้าระรื่น“อัสนี” ศรีน่านขมวดคิ้วแปลก
“ฉันมาได้ก็แล้วกันลูกฉันอยู่ไหนเอาลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้” เพียงฟ้าไม่ยอมบอกว่าเธอตามทุกคนมาได้อย่างไรเธอรีบแผดเสียงใส่มนัสกับลูกน้องอีกสองสามคนที่ยืนอยู่ด้วยความโมโห“เฮ้ยย” มนัสออกคำสั่งให้ลูกน้องจับตัวหญิงสาวเอาไว้“ลองมาจับฉันสิแม่จะยิงให้ไส้กระจุยเลย” ก่อนที่ลูกน้องสองสามคนของมนัสจะเข้ามาประชิดตัวของเธอหญิงสาวจึงรีบควักปืนออกจากกระเป๋าออกมาป้องกันตัวอย่างไม่เกรงกลัว“ลองยิงดูสิ” มนัสรีบเปิดประตูรถอีกคันที่มีธาวินอยู่ด้านในและจ่อปืนไปที่เจ้าก้อนกลมที่กำลังร้องเรียกหาคนเป็นแม่น้ำตาพรั่งพรู“แม่ๆ..แง้งๆๆๆ”“เอาลูกฉันมาเดี๋ยวนี้นะจำเอาไว้ว่าถ้าลูกฉันเป็นอะไรแกไม่ตายดีแน่” เพียงฟ้ามือไม้สั่นไม่คิดว่าพวกคนชั่วพวกนี้จะเอาเด็กมาเป็นเครื่องมือทั้งที่ธาวินนั้นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย“คุณฟ้า” อัสนีที่นั่งซุ่มดูเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับคนินทร์เมื่อเห็นว่าเพียงฟ้ากำลังอยู่ในอันตรายเขาจึงจะรีบเขาไปช่วยแต่ก็ถูกคนินทร์นั้นรั้งเอาไว้ก่อน“อย่าพึ่งเข้าไป” คนินทร์มองเกมส์ออกว่าตอนนี้มนัสคงยังไม่ทำอะไรทั้งเพียงฟ้าและและธาวินแน่นอนแต่หากเพื่อนเขาออกไปแล้วก็ไม่แน่จึงอยากจะรอให้กำลังเสริมมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว
“ฟ้ายังไมได้พูดถึงพ่อเลี้ยงเลยนะคะ...แล้วแพรกับเด็กๆล่ะคะ” สาวเจ้าก้มหน้างุดโบ้ยไปคุยเรื่องอื่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นรู้ทันความคิดของเธอ“อยู่บ้านรอคุณพ่อน่ะถ้าคุณพ่อมาแล้วจะตามมา”“ฟ้าทำให้คุณพ่อเป็นกังวลอีกจนได้” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่และแล้วเธอก็ทำให้พ่อของเธอต้องมาเป็นห่วงอีกจนได้“ใครจะคิดว่ามันจะเกิดล่ะอย่าคิดมากเลย” ภูผาทำได้เพียงแค่ปลอบใจเรื่องแบบนี้มีใครอยากจะให้เกิดแกร๊กก“คุณอัส” เพียงฟ้าหันมองไปทางประตูเมื่อมันมีเสียงเปิดแล้วเธอก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นอัสนีเข้ามา“คุณภูสวัสดีครับตาวินกวนหรือเปล่าครับ” “ไม่เลยครับพอมีเพื่อนเข้าก็อารมณ์ดีเลยครับ” เรื่องธาวินภูผาให้อัสนีเบาใจได้เพราะรายนั้นพอเจอน้องชายก็เล่นด้วยกันจนน่าจะลืมความกลัวจากเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว“ค่อยโล่งอก” อัสนียิ้มออกกะว่าเดี๋ยวช่วงเย็นก็จะไปรับธาวินกลับแล้วเพราะไม่อยากรบกวนผ้าแพรกับภูผานาน“คุณเป็นยังไงบ้าง” อัสนีเดินเข้ามานั่งที่ข้างเตียงของเพียงฟ้าตรงข้ามกับที่ภูผานั่ง“คนอย่างเพียงฟ้าเจ็บแค่นี้จิ้บๆ” สีหน้าของหญิงสาวดูจะเบิกบานกว่าตอนที่คุยกับคนเป็นพี่ชายมากจนภูผาอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ทีเห็นเขาทำห
ร้านบ้านของหวานณ ร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆสไตล์มินิมอลที่แม่ริมจ.เชียงใหม่ตอนนี้เป็นช่วงเย็นของวันลูกค้าก็เริ่มจะเยอะขึ้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นเสียมากกว่าที่มาทานอาหารและหาที่ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลกันคาเฟ่แห่งนี้มีเพียงฟ้าคุณหนูไฮโซลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพอายุยี่สิบสี่ปีเรียนจบเมืองนอกเมืองนามาเมื่อกลับมาแล้วก็ไม่อยากบริหารงานที่โรงแรมอยากเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆในต่างจังหวัดมากกว่าจึงมาเปิดร้านที่นี่ได้ปีหนึ่งแล้วและมีผู้จัดการร้านคือผ้าแพรหญิงสาววัยยี่สิบสองที่พึ่งเรียนจบคหกรรมมาหมาดๆก็มาสมัครงานที่นี่ฝีมือของเธอถูกใจเพียงฟ้าอย่างมากจึงรับเข้าทำงานทันทีโดยไม่ลังเลว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ทั้งจ้างเด็กเสริฟและลูกมือผ้าแพรอีกสองสามคนเท่านั้น ที่นี่แม้จะเป็นคาเฟ่เล็กๆแต่ก็ได้รับความนิยมพอสมควรเพราะอาหารอร่อยทั้งยังติดกับธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น“กลับกับยายเดี๋ยวนี้ยายมีเรื่องจะคุยกับเรา” คนในร้านและพนักงานต่างก็มองกันมาเป็นตาเดียวเมื่อพิกุลหญิงชราวัยหกสิบแต่ยังท่าทางแข็งแรงเดินเข้ามาจูงผ้าแพรหลานสาวของเธอในขณะที่กำลังยืนต้อนรับลูกค้าให้กลับไปคุยกับเธอที่บ้านด้วยท่าทางที่ดูจะโมโหจากอะไรบางอย่างเอ
“แม่อย่าตีหลานหนูแพรท้องอยู่นะแม่” พิมพรรณเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปโอบกอดหลานสาวของเธอเอาไว้เพราะตั้งแต่พี่สาวเธอเสียเมื่อคลอดผ้าแพรเธอเองก็เป็นเหมือนแม่ที่เลี้ยงคนหนึ่งผ้าแพรมาโดยตลอดจะตีสักคราดุสักครั้งก็ไม่เคยมาถึงครานี้เธอก็จะไม่ยอมให้แม่เธอลงไม้ลงมือกับผ้าแพรเช่นกันหากจะต้องถูกลงโทษจะต้องเป็นเธอมากกว่าที่ดูแลหลานสาวไม่ดีเอง“แกมันก็เข้าข้างแต่หลานนั่นแหละถึงได้เป็นแบบนี้ไง” พิกุลตวาดเสียงฝาดจนสองหน้าหลานที่กอดกันสะดุ้งโหยง“คุณย่าขาเร็วๆค่ะ” หลังจากที่เพียงฟ้าไปรอรับคนทั้งสามที่สนามบินหลังจากให้ทั้งสามบินด่วนมาจากกรุงเทพเป็นชั่วโมงกว่าตอนนี้เพียงฟ้าขับรถมาถึงที่บ้านของผ้าแพรพร้อมกับภูผาและแม่กับย่าของเขาเพื่อที่จะมารับผิดชอบผ้าแพรเมื่อมาถึงพียงฟ้าก็รีบจูงสายทองคุณหญิงจากเมืองกรุงรีบขึ้นไปบนบ้านของผ้าแพรโดยเร็วเพราะไม่รู้ว่าผ้าแพรนั้นจะโดนยายเธอนั้นต่อว่าหรือจัดการอะไรบ้าง“ย่าก็รีบอยู่นี่ไงลูกหนูฟ้า” สายทองหญิงชราวัยเจ็ดสิบสองรู้สึกปวดหัวกับเรื่องหลานๆของเธอพอสมควรมาวันนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่ยังช็อกที่พึ่งจะรู้ตัวว่าหลานชายตนไปทำผู้หญิงท้องจึงต้องรีบลากหลานชายกับลูกสะใภ้
“นี่เธอเป็นแบบนี้จริงๆหรือต้องการกวนประสาทฉันแน่เนี่ย” ภูผามองตามหลังหญิงสาวร่างเล็กด้วยสายตาแปลกใจไม่หายไม่เข้าใจว่าที่เธอทำประชดเขาหรือว่าเธอกลัวเขารำคาญจริงๆ“ยังไงก็แต่งก่อนที่ท้องหลานฉันมันจะป่องกว่านี้ส่วนสินสอดก็แล้วแต่พวกคุณฉันไม่บังคับ” เมื่อคุยกันได้พักใหญ่ก็เป็นอันว่าผู้ใหญ่สองฝ่ายตกลงกันได้ด้วยดีในส่วนของสินสอดพิกุลไม่ได้เรียกร้องเพราะบ้านเธอแม้จะดูไม่มีเท่าสายทองแต่เธอก็มีพออยู่พอกินเลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนของเธอได้สบายอยู่แล้ว“เป็นอาทิตย์หน้าเห็นจะดีหรือเปล่าล่ะ” สายทองเห็นด้วยกับพิกุลที่จะไม่ให้ผ้าแพรนั้นท้องป่องในงานแต่งเนื่องจากหลานชายของเธอก็ค่อนข้างมีหน้ามีตาไม่อยากให้ดูไม่ดีเช่นกัน“ได้ก็ดีค่ะ” พิกุลเองก็คิดว่าจะจัดให้เร็วแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปแต่เมื่อสานทองเสนอมาเธอก็ไม่ขัดจะได้จบๆไปไม่ขายขี้หน้าคนอื่นนาน“อย่างนั้นก็เป็นอันตกลงกันตามนี้” สายทองพยักหน้ากับพิกุลและหันมามองกับโสพิศที่เอาแต่นั่งเงียบเหตุด้วยคงเพราะอ่อนใจกับลูกชายเธอ“เธอท้องกี่เดือนแล้วล่ะ” โสพิศเดินมาคุยกับผ้าแพรพร้อมกับสายทองก่อนจะกลับเพราะอยากทำความรู้จักกับลูกสะใภ้ของเธอให้มากขึ้น“หมอบอกว่าสิบสัปดาห
“หยุดเลยลูกคาท้องเมียแกอยู่แกจะไปไหน” สายทองเห็นทีจะปล่อยให้หลานของเธอทำตัวสบายใจแบบนี้ไมได้แล้วเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานหากมีข่าวเรื่องผู้หญิงของหลานชายของเธอออกมาตอนนี้มีหวังพิกุลคงไม่ยอมยกหลานสาวของเจ้าตัวให้พอดีนั่นเท่ากับว่าเธอก็จะไม่ได้เลี้ยงเหลนเองด้วย“โถ่คุณย่า” ภูผาถึงกับคอตกที่ย่าของเขายกเหตุผลนี้มาค้ำคอของเขาไม่ให้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนข้างนอก“กลับเข้าบ้านมาเดี๋ยวนี้เลยก่อนที่ฉันจะตัดบัตรแกอย่าคิดว่าแกเป็นผู้บริหารโรงแรมแล้วจะดื้อกับย่าได้นะ” สายทองจ้องหลานชายของเธอตาเขม็งดูซิจะกล้าแข็งคอกับเธออีกหรือเปล่า“คุณย่าทำไมทำกับผมแบบนี้ล่ะครับเพราะเธอคนเดียวเลยผ้าแพร” ภูผาจำต้องเดินคอตกกลับขึ้นห้องของตัวเองไปแม้เขาจะเป็นผู้บริหารแล้วแต่ย่าของเขาก็มองเขาเป็นเด็กอยู่ทุกทีไปทั้งบ่นอู้อี้ถึงตัวต้นเหตุเบาๆ“บ่นอะไร” สายทองส่ายหัวเบาๆที่หลานเธอนั้นบ่นถึงผ้าแพรทั้งที่เจ้าตัวนั่นที่เป็นตัวต้นเรื่องเชียงใหม่“ฮัดชิ่ว” ในขณะที่ผ้าแพรกำลังปอกผลไม้ที่เห็บมาจากสวนใส่กล่องเอาไว้ทานเธอก็เกิดจามขึ้นมาเพราะรู้สึกคัดจมูกกะทันหัน“หนูไม่สบายเหรอลูก” พิมพรรณมองหน้าหลานของเธอด้วยสีหน้าที่
“เจ้าบ่าวจะมาแล้วเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ” พิกุลเดินมาบอกให้หลานของเธอเตรียมตัวให้พร้อมเพราะเมื่อเจ้าบ่าวมาถึงก็จะต้องออกไปทำพิธีตักบาตรแล้วผูกข้อไม้ข้อมือ“ค่ะยาย” ผ้าแพรผละออกจากอ้อมกอดพิมพรรณและเอ่ยเสียงตอบยายของเธอยอมรับเลยว่าตอนนี้ใจของเธอเต้นแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้วเวลาผ่านไปจนถึงพิธีผูกข้อไม้ข้อมือในขณะที่สายทองและพิกุลผูกข้อมืออวยพรหลานทั้งสองเรียบร้อยแล้วก็มานั่งคุยกันตามประสา“หนูแพรแต่งนิดๆหน่อยๆก็ดูดีขึ้นมากเลยนะ” สายทองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ทุกคนต่างก็ชมว่าหลานสะใภ้ของเธอน่ารักน่าชังเหมาะสมกับภูผารวมไปถึงนักข่าวก็รัวภาพกันไม่หยุดเธอหวังว่าหลังจากข่าวนี้ออกไปผู้หญิงที่เข้าหาภูผาจะเลิกยุ่งกับหลานเธอเสียทีในเมื่อรู้ว่าหลานเธอนั้นแต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้วเธอจะได้เลิกปวดหัวกับข่าวการฉาวๆของภูผา“หลานฉันหน้าตาเหมือนแม่ไม่มีผิด” พิกุลนั่งมองหลานสาวของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนพรางนึกถึงพรทิพย์แม่ของผ้าแพรที่เมื่อวัยสาวก็สวยน่ารักแบบนี้ไม่มีผิดถ้าพิมพรรณเองไม่ปล่อยตัวจนอ้วนท้วมก็คงจะสวยเหมือนคนเป็นพี่แต่ก็เข้าใจลูกของเธอว่าไม่อยากให้ใครมาจีบจึงปล่อยตัวเพราะไม่อยากมีครอบครัวหลังจากที