“อ้าวคุณจันทร์มีเอกสารที่ต้องเซ็นเหรอครับ” อัสนีเห็นณจันทร์เขชาก็พึ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้เข้าไปที่สำนักงานลายวันที่หญิงสาวมาที่นี่คงเป็นเรื่องเอกสารเป็นแน่
“ค่ะ..”
“สักครู่นะครับ..ฝากตาวินหน่อยคุณ”
“อืม..ไปจัดการธุระของคุณเถอะ”
ชายหนุ่มวางธาวินลงให้เพียงฟ้านั้นช่วยดูและเดินออกไปที่ห้องรับแขกเพื่อคุยธุระเรื่องงานกับณจันทร์เป็นการส่วนตัว
“เธออยู่ที่นี่เหรอคะ” ในขณะที่อัสนีกำลังเซ็นเอกสารณจันทร์ก็ถือโอกาสถามเรื่องเพียงฟ้าด้วยเลยเพราะเธอรู้ว่าเพียงฟ้านั้นรับเป็นแม่บุญธรรมให้กับธาวินแต่ไม่คิดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่กับอัสนีด้วย
“เห็นเธอว่าอย่างนั้นนะครับ” อัสนีเลยหน้าขึ้นมาให้คำตอบกับณจันทร์ครู่หนึ่งแล้วจึงก้มมองเอกสารต่อ
“อ่อ..ค่ะ” ณจันทร์พยักหน้ารับเบาๆ
“เรียบร้อยแล้วครับ...ช่วงนี้ผมคงไม่ค่อยได้เข้าไปที่สำนักงานคงต้องลำบากคุณจันทร์มาที่นี่บ่อยๆแล้วล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะจันทร์ยินดี” ณจันทร์ยิ้มอ่อนเธอไม่ได้ลำบากเลยที่จะมาที่นี่
“ขอบคุณนะครับ”
หลายวันต่อมา
“รีสอร์ทฉันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะคุณรั้วรอบขอบชิดก็มีแล้วตอนนี้มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะมั้งคุณไม่ต้องลำบากส่งคนมาเฝ้าก็ได้”
วันนี้เพียงฟ้ากับอัสนีมาที่รีสอร์ทกันแต่เช้าเพียงฟ้ายิ่งเห็นรีสอร์ทเป็นรูปเป็นร่างมากเท่าไรเธอก็ยิ่งสบายใจมากขึ้นเท่านั้น..เธอเลือกให้อัสนีมีชื่อเป็นหุ้นส่วนนั้นมีข้อดีไม่น้อยตลอดเวลาที่สร้างรีสอร์ทมาไม่เคยมีศัตรูมากวนใจให้เธอต้องเครียดเลย
“ยิ่งเป็นรูปเป็นร่างแล้วยิ่งต้องเฝ้าประมาทอะไรไม่ได้หรอกครับ” อัสนียิ่งเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแบบนี้เขายิ่งต้องให้คนเฝ้าจับตาดูให้ละเอียดถี่ถ้วนขึ้นกว่าเดิม
“งั้นเหรอ” เพียงฟ้าขมวดคิ้วคิดตามที่อัสนีพูดเธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่ก็ไม่ได้ขัดที่อัสนีจะทำอะไร
ในป่าลึก
“เร่งมือกันหน่อยโว้ยจะได้รีบส่งออก” วันนี้ส่งอาวุธข้ามพรมแดนล็อตใหญ่ศรีน่านเลยเข้ามาคุมการขนส่งนี้เอง
“ส่งของกลางวันแบบนี้เลยเหรอพ่อไม่เสี่ยงเกินไปหรือไง” มนัสยังร้อนๆหนาวๆพิกลที่พ่อตัวเองเลือกที่จะส่งของกลางวันแสกๆ
“ไม่เสี่ยงอะไรทั้งนั้นฉันจัดการได้” ศรีน่านเท้าเอวยิ้มอ่อนตอนนี้เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้นเพราะเขามีสารวัตรคนใหม่ของที่นี่มาเป็นพรรคพวกเรียบร้อยแล้ว
เย็นของวัน
“ขอบคุณนะครับที่คอยอำนวยความสะดวก” เมื่อขนส่งอาวุธจนเสร็จเรียบร้อยจนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีศรีน่านก็ถือโอกาสมาขอบคุณคนินทร์ที่บ้านพักของเขาด้วยตัวเองพร้อมกับมนัส
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับของทั้งหมดนี่เสี่ยจัดหามาเองทั้งหมดเลยเหรอครับ”
“พ่อผมก็หามาเองสิคุณสารวัตรไม่งั้นจะรวยพอมีเงินเปย์ให้คุณเดือนละเป็นล้านหรือไง” มนัสได้ทีคุยโวให้คนินทร์ได้ฟังเพราะจะคนินทร์จะได้รู้เอาไว้ว่าพ่อของเขามีอิทธิพลแค่ไหน
“หื้มม..” ศรีน่านปรามลูกชายไม่ให้พูดอะไรมากเพราะหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง
“เหรอครับเสี่ยของทั้งหมดนี่ที่หายากๆเสี่ยก็หามาเองทั้งนั้นเหรอครับ..” คนินทร์ยิ้มอ่อนก่อนจะมองไปที่ศรีน่านแล้วถามเสี่ยใหญ่ให้แน่ใจอีกครั้ง
“อืม..” ศรีน่านพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ
ไร่ปรานโชค
“คุณจันทร์มาหาพ่อเลี้ยงเหรอคะ” เพียงฟ้าเอ่ยทักณจันทร์ในระหว่างที่เพียงฟ้านั่งเล่นอยู่กับธาวิน
“ค่ะจันทร์เอาเอกสารมาให้พ่อเลี้ยงเซ็นน่ะค่ะ” ณจันทร์วางกองเอกสารบนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะนั่งลงบนโซฟากวาดสายตามองหาอัสนี
“พ่อเลี้ยงออกไปท้ายไร่กับลุงพันอีกสักเดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะค่ะคุณจันทร์วางเอกสารไว้ก็ได้ค่ะเดี๋ยวฉันบอกพ่อเลี้ยงให้”
“ไม่ค่ะจันทร์จะรอพ่อเลี้ยง” ณจันทร์ส่ายหัวหงึกหงักยังไงเธอก็จะรออัสนีเพราะเธอต้องการจะนำเอกสารนี้หกลับไปด้วยเลย
“อย่างนั้นก็เชิญตามสบายนะคะเดี๋ยวฉันออกไปเก็บผ้าตาวินก่อนค่ะ” เพียงฟ้าเห็นดังนั้นเธอก็ไม่ขัดและค่อยๆลุกขึ้นหมายจะจูงมือธาวินไปที่หลังบ้านด้วยกันเพราะตอนนี้เย็นแล้วเธอจะต้องรีบเก็บผ้าของธาวิน
“คุณฟ้าไปเถอะค่ะเดี๋ยวคุณหนูจันทร์ดูให้ค่ะ” ณจันทร์รีบเข้ามาอุ้มธาวินเอาไว้ก่อนที่เพียงฟ้าจะเดินออกไปหลังบ้าน
“ขอบคุณนะคะ” เพียงฟ้าตกใจนิดหน่อยเมื่อณจันทร์รีบมาอุ้มธาวินเอาไว้แต่ก็ยอมปล่อยให้ธาวินอยู่กับณจันทร์เพราะเห็นว่าเธอออกไปเก็บผ้าเพียงเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
ครู่ต่อมา
“คุณจันทร์” หลังจากที่เพียงฟ้าออกไปหลังบ้านได้ไม่กี่นาทีอัสนีก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมประพันธ์
“พ่อเลี้ยงมาพอดีเลยนี่เอกสารค่ะ” ณจันทร์รีบกางเอกสารให้อัสนีได้รีบเซ็นเธอจะได้รีบกลับ
“ครับแล้วคุณฟ้าล่ะครับ” อัสนีเห็นธาวินนั่งง่วนเล่นของเล่นอยู่กับพื้นจึงถามหาเพียงฟ้ากับณจันทร์ว่าเพียงฟ้านั้นไปไหนจึงปล่อยธาวินให้นั่งอยู่ที่นี่
“ออกไปเก็บผ้าของคุณหนูน่ะค่ะ” มือน้อยยกชี้ไปทางหลังบ้าน
“ฮึก..” จู่ๆธาวินก็นั่งตัวเกร็งสีหน้าเปลี่ยนทำเอาประพันธ์นั้นขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าเด็กชายเป็นอะไร
“ทำไมคุณหนูหน้าเขียวอย่างนั้นล่ะครับ” ขณะที่อัสนีกำลังจะหย่อนก้นลงนั่งเขาก็ต้องมองมายังธาวินเมื่อประพันธ์เอ่ยว่าเด็กชายกำลังหน้าเขียวตัวเกร็ง
“น..นั่นสิคะ” ณจันทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดขัดเมื่อเห็นธาวินท่านจะไม่ค่อยดี
“น่าจะมีอะไรติดคอนะครับเนี่ย” อัสนีรีบรวบตัวเด็กชายเอาไว้และรีบบีบคางเปิดปากของธาวินดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้นหรือไม่เพราะเด็กชายมีอาการเหมือนมีอะไรกำลังติดคออยู่
“นี่ไงครับลูกอม” ประพันธ์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบช่วยล้วงคอธาวินโดยเร็วจนได้ลูกอมที่ยังไม่ได้แกะเปลือกออกมา
“แอะ...แอ้..แง้งงงงๆๆๆ” เมื่อเจ้าก้อนลูกอมที่ติดคอหลดออกไปได้เด็กชายก็ส่งเสียงร้องให้ระงมกอดคออัสนีเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะลูก” มือหนากอดก่ายลูบหลังเจ้าก้อนที่กำลังร้องระงมด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างหดหู่ทั้งมีอาการไม่พอใจเพราะเขารู้ดีว่าไอ้ลูกอมนี่เป็นของใคร
“เมื่อกี้จันทร์ก็ไม่ทันมองค่ะขอโทษด้วยนะคะ” ณจันทร์มองอัสนีด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด
“ตาวินเป็นอะไรคะ” เพียงฟ้าได้ยินเสียงร้องของธาวินดังขึ้นจึงรีบวิ่งเข้ามาในบ้านหน้าตาตื่นอย่างรวดเร็ว“ลูกอมในโหลนี่ของคุณใช่หรือเปล่า” อัสนีมองต่ำไปที่พื้นทั้งพูดกับเพียงฟ้าเสียงแข็ง“อืมใช่..” หญิงสาวพยักหน้ายอมรับว่าเจ้าโถลูกอมเป็นของเธอแต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ทำไมมาอยู่กับพื้นได้“คุณเกือบทำให้ตาวินตายแล้วรู้ตัวหรือเปล่าผมไม่น่าไว้ใจคุณเลย” “ฮือๆๆๆ”“ฉันทำอะไร” สองหนุ่มสาวสาดอารมณ์ใส่กันในขณะที่ธาวินยังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุด“ก็ไอ้นี่มันอยู่ในคอตาวินไงดีนะที่ลุงพันช่วยไว้ทัน” อัสนีหยิบลูกอมชิ้นที่ติดคอธาวินเมื่อครู่ชูให้เพียงฟ้าได้ดู“แต่โหลแก้วนี่ฉันจำได้ว่าเอาไว้บนโต๊ะนี่คะ” เพียงฟ้าค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้หยิบโถลูกอมลงมาเพราะเธอจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรในเมื่อธาวินนั่งเล่นอยู่กับพื้น“ยังจะแก้ตัวอีกแค่ยอมรับว่าตัวเองผิดมันยากนักหรือไง” อัสนีแผดเสียงฝาดจนเพียงฟ้าสะดุ้งตัวโยนพูดอะไรไม่ออก“ใจเย็นๆกันก่อนเถอะครับ” ประพันธ์เห็นท่าอัสนีจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จึงอาศัยความเป็นผู้ใหญ่ของตนปรามเอาไว้ก่อนเพราะเขาก็เข้าใจว่าเพียงฟ้าคงไมได้ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้เหมือนกันจี๊ดๆๆๆ“อีตา
“ผมไม่เคยพูดเล่น”“คุณอัส..เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุไม่ดีขึ้นเลยนะคะฉันก็เสียใจเหมือนกันในที่ตาวินต้องเจ็บเพราะฉัน”“ออกไปได้แล้ว” อัสนียังคงยืนยันเสียงแข็งสิ้นเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มดวงตากลมโตของหญิงสาวก็เหลือบมองเด็กชายที่นั่งยิ้มให้เธออยู่ตาละห้อยหากตอนนี้เธอต้องไปจริงๆคงคิดถึงธาวินแย่แต่ในเมื่อเจ้าของบ้านไม่ยอมใจอ่อนให้เธอขนาดนี้อยู่ไปก็คงจะอึดอัดกันน่าดูจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินหันหลังออกไปด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยว“แม่..แม่..” เด็กชายส่งเสียงเรียกคนเป็นแม่พร้อมมองตาแป๋วด้วยความไร้เดียงสา“ครับลูก” เพียงฟ้าแทบน้ำตาตกเมื่อได้ยินธาวินเรียกเธอเอาไว้“ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย” อัสนีกัดฟันกรอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหันไปบอกกับหญิงสาวเสียงแข็ง“ฉันจะรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีค่ะ” ริมฝีปากบางที่กำลังบุ้ยอยู่คราแรกตอนนี้ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจรีบสัญญากับอีกฝ่ายว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ธาวินมีอันตรายอย่างครั้งก่อนแน่นอนหลายวันต่อมาเพียงฟ้าและอัสนีได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกเกือบเดือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆแต่ก็ยังไม่มีใครรู้คว
ครู่ต่อมา“เดี๋ยวนี้ทานข้าวเก่งจังเลยนะครับฝีมือแม่อร่อยใช่ม้า...” เพียงฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อธาวินนั้นถูกใจในฝีมือการทำข้าวบดของเธอจนตอนนี้กินจนหมดถ้วยแล้ว“หม่ำๆๆ..” เด็กชายจ้องมองไปที่ถ้วยในมือของคนเป็นแม่ว่าเมื่อไรจะป้อนอีกเพราะเจ้าตัวนั้นยังไม่อิ่ม“ยังไม่อิ่มอีกเหรอข้าวหมดแล้วด้วยสิรอแม่เดี๋ยวนะครับเดี๋ยวแม่เอาน้ำผักมาให้เข้าใจไหมครับ” “ฮับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก“เก่งที่สุดเลย” สาวเจ้ารีบลุกออกจากระเบียงบ้านเข้าไปในครัวเพื่อไปเอาน้ำผักในตู้เย็นมาให้ธาวินกินแก้หิวในระหว่างที่เธอไปทำอาการให้เด็กชายใหม่สถานีตำรวจ“ไหนคุณว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วไงทำไมถึงมีหมายจับออกมาได้” ศรีน่านเข้ามาที่สถานีตำรวจตามหมายจับอย่างหัวเสียเพราะเขาคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไรที่จะต้องมาที่นี่แล้วเสียอีก“ผมบอกกับเสี่ยว่าไม่มีปัญหาตอนขนของไม่ได้รับปากนี่ครับว่าจะไม่มีหมายจับออกมา” คนินทร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อน“แก..” ศรีน่านกัดฟันกรอดคิดในใจว่าเขาไม่น่าเสียรู้สารวัตรละอ่อนนี่เลย“การลงทุนครั้งนี้ถือว่าไม่สูญเปล่านะครับเสี่ย” อัสนีเข้ามาในห้องและหย่อนก้นนั่งลงข้างๆศรีน่านด้วยสีหน้าระรื่น“อัสนี” ศรีน่านขมวดคิ้วแปลก
“ฉันมาได้ก็แล้วกันลูกฉันอยู่ไหนเอาลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้” เพียงฟ้าไม่ยอมบอกว่าเธอตามทุกคนมาได้อย่างไรเธอรีบแผดเสียงใส่มนัสกับลูกน้องอีกสองสามคนที่ยืนอยู่ด้วยความโมโห“เฮ้ยย” มนัสออกคำสั่งให้ลูกน้องจับตัวหญิงสาวเอาไว้“ลองมาจับฉันสิแม่จะยิงให้ไส้กระจุยเลย” ก่อนที่ลูกน้องสองสามคนของมนัสจะเข้ามาประชิดตัวของเธอหญิงสาวจึงรีบควักปืนออกจากกระเป๋าออกมาป้องกันตัวอย่างไม่เกรงกลัว“ลองยิงดูสิ” มนัสรีบเปิดประตูรถอีกคันที่มีธาวินอยู่ด้านในและจ่อปืนไปที่เจ้าก้อนกลมที่กำลังร้องเรียกหาคนเป็นแม่น้ำตาพรั่งพรู“แม่ๆ..แง้งๆๆๆ”“เอาลูกฉันมาเดี๋ยวนี้นะจำเอาไว้ว่าถ้าลูกฉันเป็นอะไรแกไม่ตายดีแน่” เพียงฟ้ามือไม้สั่นไม่คิดว่าพวกคนชั่วพวกนี้จะเอาเด็กมาเป็นเครื่องมือทั้งที่ธาวินนั้นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย“คุณฟ้า” อัสนีที่นั่งซุ่มดูเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับคนินทร์เมื่อเห็นว่าเพียงฟ้ากำลังอยู่ในอันตรายเขาจึงจะรีบเขาไปช่วยแต่ก็ถูกคนินทร์นั้นรั้งเอาไว้ก่อน“อย่าพึ่งเข้าไป” คนินทร์มองเกมส์ออกว่าตอนนี้มนัสคงยังไม่ทำอะไรทั้งเพียงฟ้าและและธาวินแน่นอนแต่หากเพื่อนเขาออกไปแล้วก็ไม่แน่จึงอยากจะรอให้กำลังเสริมมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว
“ฟ้ายังไมได้พูดถึงพ่อเลี้ยงเลยนะคะ...แล้วแพรกับเด็กๆล่ะคะ” สาวเจ้าก้มหน้างุดโบ้ยไปคุยเรื่องอื่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นรู้ทันความคิดของเธอ“อยู่บ้านรอคุณพ่อน่ะถ้าคุณพ่อมาแล้วจะตามมา”“ฟ้าทำให้คุณพ่อเป็นกังวลอีกจนได้” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่และแล้วเธอก็ทำให้พ่อของเธอต้องมาเป็นห่วงอีกจนได้“ใครจะคิดว่ามันจะเกิดล่ะอย่าคิดมากเลย” ภูผาทำได้เพียงแค่ปลอบใจเรื่องแบบนี้มีใครอยากจะให้เกิดแกร๊กก“คุณอัส” เพียงฟ้าหันมองไปทางประตูเมื่อมันมีเสียงเปิดแล้วเธอก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นอัสนีเข้ามา“คุณภูสวัสดีครับตาวินกวนหรือเปล่าครับ” “ไม่เลยครับพอมีเพื่อนเข้าก็อารมณ์ดีเลยครับ” เรื่องธาวินภูผาให้อัสนีเบาใจได้เพราะรายนั้นพอเจอน้องชายก็เล่นด้วยกันจนน่าจะลืมความกลัวจากเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว“ค่อยโล่งอก” อัสนียิ้มออกกะว่าเดี๋ยวช่วงเย็นก็จะไปรับธาวินกลับแล้วเพราะไม่อยากรบกวนผ้าแพรกับภูผานาน“คุณเป็นยังไงบ้าง” อัสนีเดินเข้ามานั่งที่ข้างเตียงของเพียงฟ้าตรงข้ามกับที่ภูผานั่ง“คนอย่างเพียงฟ้าเจ็บแค่นี้จิ้บๆ” สีหน้าของหญิงสาวดูจะเบิกบานกว่าตอนที่คุยกับคนเป็นพี่ชายมากจนภูผาอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ทีเห็นเขาทำห
ร้านบ้านของหวานณ ร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆสไตล์มินิมอลที่แม่ริมจ.เชียงใหม่ตอนนี้เป็นช่วงเย็นของวันลูกค้าก็เริ่มจะเยอะขึ้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นเสียมากกว่าที่มาทานอาหารและหาที่ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลกันคาเฟ่แห่งนี้มีเพียงฟ้าคุณหนูไฮโซลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพอายุยี่สิบสี่ปีเรียนจบเมืองนอกเมืองนามาเมื่อกลับมาแล้วก็ไม่อยากบริหารงานที่โรงแรมอยากเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆในต่างจังหวัดมากกว่าจึงมาเปิดร้านที่นี่ได้ปีหนึ่งแล้วและมีผู้จัดการร้านคือผ้าแพรหญิงสาววัยยี่สิบสองที่พึ่งเรียนจบคหกรรมมาหมาดๆก็มาสมัครงานที่นี่ฝีมือของเธอถูกใจเพียงฟ้าอย่างมากจึงรับเข้าทำงานทันทีโดยไม่ลังเลว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ทั้งจ้างเด็กเสริฟและลูกมือผ้าแพรอีกสองสามคนเท่านั้น ที่นี่แม้จะเป็นคาเฟ่เล็กๆแต่ก็ได้รับความนิยมพอสมควรเพราะอาหารอร่อยทั้งยังติดกับธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น“กลับกับยายเดี๋ยวนี้ยายมีเรื่องจะคุยกับเรา” คนในร้านและพนักงานต่างก็มองกันมาเป็นตาเดียวเมื่อพิกุลหญิงชราวัยหกสิบแต่ยังท่าทางแข็งแรงเดินเข้ามาจูงผ้าแพรหลานสาวของเธอในขณะที่กำลังยืนต้อนรับลูกค้าให้กลับไปคุยกับเธอที่บ้านด้วยท่าทางที่ดูจะโมโหจากอะไรบางอย่างเอ
“แม่อย่าตีหลานหนูแพรท้องอยู่นะแม่” พิมพรรณเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปโอบกอดหลานสาวของเธอเอาไว้เพราะตั้งแต่พี่สาวเธอเสียเมื่อคลอดผ้าแพรเธอเองก็เป็นเหมือนแม่ที่เลี้ยงคนหนึ่งผ้าแพรมาโดยตลอดจะตีสักคราดุสักครั้งก็ไม่เคยมาถึงครานี้เธอก็จะไม่ยอมให้แม่เธอลงไม้ลงมือกับผ้าแพรเช่นกันหากจะต้องถูกลงโทษจะต้องเป็นเธอมากกว่าที่ดูแลหลานสาวไม่ดีเอง“แกมันก็เข้าข้างแต่หลานนั่นแหละถึงได้เป็นแบบนี้ไง” พิกุลตวาดเสียงฝาดจนสองหน้าหลานที่กอดกันสะดุ้งโหยง“คุณย่าขาเร็วๆค่ะ” หลังจากที่เพียงฟ้าไปรอรับคนทั้งสามที่สนามบินหลังจากให้ทั้งสามบินด่วนมาจากกรุงเทพเป็นชั่วโมงกว่าตอนนี้เพียงฟ้าขับรถมาถึงที่บ้านของผ้าแพรพร้อมกับภูผาและแม่กับย่าของเขาเพื่อที่จะมารับผิดชอบผ้าแพรเมื่อมาถึงพียงฟ้าก็รีบจูงสายทองคุณหญิงจากเมืองกรุงรีบขึ้นไปบนบ้านของผ้าแพรโดยเร็วเพราะไม่รู้ว่าผ้าแพรนั้นจะโดนยายเธอนั้นต่อว่าหรือจัดการอะไรบ้าง“ย่าก็รีบอยู่นี่ไงลูกหนูฟ้า” สายทองหญิงชราวัยเจ็ดสิบสองรู้สึกปวดหัวกับเรื่องหลานๆของเธอพอสมควรมาวันนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่ยังช็อกที่พึ่งจะรู้ตัวว่าหลานชายตนไปทำผู้หญิงท้องจึงต้องรีบลากหลานชายกับลูกสะใภ้
“นี่เธอเป็นแบบนี้จริงๆหรือต้องการกวนประสาทฉันแน่เนี่ย” ภูผามองตามหลังหญิงสาวร่างเล็กด้วยสายตาแปลกใจไม่หายไม่เข้าใจว่าที่เธอทำประชดเขาหรือว่าเธอกลัวเขารำคาญจริงๆ“ยังไงก็แต่งก่อนที่ท้องหลานฉันมันจะป่องกว่านี้ส่วนสินสอดก็แล้วแต่พวกคุณฉันไม่บังคับ” เมื่อคุยกันได้พักใหญ่ก็เป็นอันว่าผู้ใหญ่สองฝ่ายตกลงกันได้ด้วยดีในส่วนของสินสอดพิกุลไม่ได้เรียกร้องเพราะบ้านเธอแม้จะดูไม่มีเท่าสายทองแต่เธอก็มีพออยู่พอกินเลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนของเธอได้สบายอยู่แล้ว“เป็นอาทิตย์หน้าเห็นจะดีหรือเปล่าล่ะ” สายทองเห็นด้วยกับพิกุลที่จะไม่ให้ผ้าแพรนั้นท้องป่องในงานแต่งเนื่องจากหลานชายของเธอก็ค่อนข้างมีหน้ามีตาไม่อยากให้ดูไม่ดีเช่นกัน“ได้ก็ดีค่ะ” พิกุลเองก็คิดว่าจะจัดให้เร็วแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปแต่เมื่อสานทองเสนอมาเธอก็ไม่ขัดจะได้จบๆไปไม่ขายขี้หน้าคนอื่นนาน“อย่างนั้นก็เป็นอันตกลงกันตามนี้” สายทองพยักหน้ากับพิกุลและหันมามองกับโสพิศที่เอาแต่นั่งเงียบเหตุด้วยคงเพราะอ่อนใจกับลูกชายเธอ“เธอท้องกี่เดือนแล้วล่ะ” โสพิศเดินมาคุยกับผ้าแพรพร้อมกับสายทองก่อนจะกลับเพราะอยากทำความรู้จักกับลูกสะใภ้ของเธอให้มากขึ้น“หมอบอกว่าสิบสัปดาห