ร้านบ้านของหวาน
ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆสไตล์มินิมอลที่แม่ริมจ.เชียงใหม่ตอนนี้เป็นช่วงเย็นของวันลูกค้าก็เริ่มจะเยอะขึ้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นเสียมากกว่าที่มาทานอาหารและหาที่ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลกัน
คาเฟ่แห่งนี้มีเพียงฟ้าคุณหนูไฮโซลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพอายุยี่สิบสี่ปีเรียนจบเมืองนอกเมืองนามาเมื่อกลับมาแล้วก็ไม่อยากบริหารงานที่โรงแรมอยากเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆในต่างจังหวัดมากกว่าจึงมาเปิดร้านที่นี่ได้ปีหนึ่งแล้ว
และมีผู้จัดการร้านคือผ้าแพรหญิงสาววัยยี่สิบสองที่พึ่งเรียนจบคหกรรมมาหมาดๆก็มาสมัครงานที่นี่ฝีมือของเธอถูกใจเพียงฟ้าอย่างมากจึงรับเข้าทำงานทันทีโดยไม่ลังเลว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ทั้งจ้างเด็กเสริฟและลูกมือผ้าแพรอีกสองสามคนเท่านั้น ที่นี่แม้จะเป็นคาเฟ่เล็กๆแต่ก็ได้รับความนิยมพอสมควรเพราะอาหารอร่อยทั้งยังติดกับธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น
“กลับกับยายเดี๋ยวนี้ยายมีเรื่องจะคุยกับเรา” คนในร้านและพนักงานต่างก็มองกันมาเป็นตาเดียวเมื่อพิกุลหญิงชราวัยหกสิบแต่ยังท่าทางแข็งแรงเดินเข้ามาจูงผ้าแพรหลานสาวของเธอในขณะที่กำลังยืนต้อนรับลูกค้าให้กลับไปคุยกับเธอที่บ้านด้วยท่าทางที่ดูจะโมโหจากอะไรบางอย่างเอามากๆ
“ยายคะมีเรื่องอะไรเหรอคะ” ผ้าแพรหญิงสาวร่างเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มตอนนี้สีหน้าของเธอเจื่อนจนซีดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่เคยเห็นว่ายายของตนนั้นโมโหขนาดนี้มาก่อน
ผ้าแพรหญิงสาววัยยี่สิบสองตัวเล็กสูงเพียง155หนัก45หุ่นนาฬิกาทรายผิวขาวอมชมพูเป็นสาวหน้าหวานใบหน้ารูปไข่ผมสีน้ำตาลหนาถึงกลางหลังหยักศกคิ้วเรียวบางได้รูปจมูกเป็นสันตรงเล็กจิ้มลิ้มดวงตากลมโตขนตางอนยาวมีรักยิ้มที่สองพวงแก้มริมฝีปากบางอวบอิ่มเธอเป็นสาวโลกสวยค่อนข้างซื่อหัวอ่อนเพราะถูกเลี้ยงมาด้วยความทะนุถนอมโดยน้ากับยายอยู่ที่บ้านสวนของเธอ
“ไปคุยกันที่บ้านเดี๋ยวก็จะรู้เอง” พิกุลลากหลานสาวของเธอให้ขึ้นไปนั่งในรถเก๋งคันเก่า
“น้าพิมคะเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ” เพียงฟ้าดึงมือพิมพรรณหญิงสาววัยกลางคนเป็นน้าสาวของผ้าแพรก่อนที่จะเดินตามยายพิกุลและผ้าแพรไปว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นยายพิกุลถึงได้โมโหเดือดดาลขนาดนั้น
“ก็แม่น่ะสิเจอผลตรวจครรภ์ในห้องหนูแพรเข้าน่ะน้าไปก่อนนะคุณฟ้า” พิมพรรณหันมารีบตอบกับเพียงฟ้าด้วยท่าทีร้อนใจก่อนจะเดินกลับไปขับรถออกไปจากร้านให้เร็วที่สุด
“น..น้าพิม..ผลตรวจครรภ์งั้นเหรอนี่แสดงว่า..แย่แล้ว” เพียงฟ้าถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอเธอยืนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ้าแพรชอบผะอืดผะอมอยู่บ่อยๆเป็นเพราะสาเหตุนี้เป็นแน่และเธอก็รู้ด้วยว่าเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดเพราะผ้าแพรนั้นคงไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจึงหยิบมือถือต่อสายหาใครบางคนทันที
“โอ้ยพี่ภูทำไมไม่รับสายกันนะโทรหาคุณย่าก็แล้วกัน” ผ่านไปเป็นสิบนาทีแล้วเพียงฟ้าก็ยังติดต่อคนที่เธอต้องการติดต่อไม่ได้เสียทีจึงตัดสินใจโทรหาอีกคนที่คิดว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้
“คุณย่าคะพอดีว่าตอนนี้คุณย่าพาพี่ภูบินด่วนมาที่เชียงใหม่ด่วนเลยได้หรือเปล่าคะ” เมื่อปลายสายกดรับหญิงสาวก็รีบบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับปลายสายได้ฟังทันทีเมื่อพูดจบเธอก็รีบขับรถไปที่สนามบินเพื่อรอรับการมาของคนที่เธอโทรหา
สองชั่วโมงผ่านไป
บ้านสวนพิกุล
บ้านสวนพิกุลเป็นเรือนไทยไม้สักขนาดใหญ่ยกใต้ถุนสูงหลังคาทรงจั่วเป็นเรือนแฝดมีชานหน้าบ้านเปิดโล่งมีรั้วโปร่งเตี้ยๆกั้นโดยรอบสำหรับนั่งรับลมตั้งอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้นาๆชนิดล้อมรอบด้วยเนื้อที่หลายสิบไร่ซ้ำยังสงบร่มรื่นมากอีกด้วย
ตั้งแต่พิกุลพาหลานสาวของเธอกลับมาถึงบ้านได้ก็เค้นเสียงสั่นถึงเรื่องผลตรวจครรภ์ที่ชานหน้าเรือนในช่วงโพล้เพล้
“หนูไปท้องกับใครบอกยายมาเดี๋ยวนี้นะ” พิกุลนั่งบนเก้าอี้ไม้สักตัวใหญ่จ้องหน้าหลานสาวของเธอที่พับเพียบสะอึกสะอื้นไม่ยอมตอบคำถามที่เธอต้องการเสียที
“ยายจ๋าหนูขอโทษ” ผ้าแพรเอาแต่นั่งสะอื้นตัวโยนยกมือไหว้ขอโทษยายของเธอประหงกๆเพราะเธอลำบากใจที่จะตอบเรื่องนี้จริงๆด้วยรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องคงไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบแน่
“บอกยายมาว่าไปทำตัวง่ายกับใคร” พิกุลน้ำตาคลอเธอเค้นถามคำถามนี้มาพักใหญ่แล้วแม่หลานสาวของเธอก็ไม่ยอมตอบออกมาเสียทีว่าท้องกับใครเธอจะได้เรียกให้คนๆนั้นมารับผิดชอบ
“บอกยายไปสิแพรว่าเราท้องกับใคร” พิมพรรณนั่งข้างๆกับคนเป็นแม่เอเองก็ช่วยคะยั้นคะยอให้หลานเธอตอบก่อนที่แม่ของเธอจะโมดหไปมากกว่านี้และอาจจะถึงขั้นลงไม้ลงมือได้
“คือ น..หนู..ไม่รู้..ฮือๆๆๆ” ผ้าแพรเงยหน้าขึ้นมาตอบคนเป็นยายกับน้าในขณะที่มือน้อยๆยังคงยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิดทั้งน้ำเสียงที่ออกมาก็ปนสะอื้นให้อย่างน่าสงสารเธอบอกยายของเธอไม่ได้จริงๆเรื่องพ่อของเด็ก
“ยายสอนหนูว่าอะไรเคยจำบ้างหรือเปล่าแม่เราก็คนนึงแล้ว” พิกุลลุกขึ้นมือไม้สั่นเธอผิดหวังกับพรทิพย์ลูกสาวคนโตแม่ของผ้าแพรคนหนึ่งแล้วที่อุ้มท้องกลับมาไม่มีพ่อให้ชาวบ้านเขานินทาแต่เธอก็ทนเลี้ยงหลานกันมาได้พอถึงรุ่นหลานก็ต้องมาเจอเรื่องซ้ำเดิมอีกเธอจึงเจ็บปวดใจเกินจะทนโทษตัวเองในใจว่าตนนั้นเลี้ยงลูกสอนหลานไม่ดีเรื่องอะไรถึงได้ใจง่ายไปเสียหมด
“ตีเสียให้ตายเลยดีไหม” ด้วยความโมโหที่หลานเธอนั้นไม่ยอมตอบออกมาเสียทีจึงเดินไปหยิบไม้หวายที่เอาไว้ไล่แมวขโมยของที่ตากอยู่ชานบ้านเหน็บอยู่ที่ฝาบ้านหมายจะตีหลานไม่รักดีเสียที
“แม่อย่าตีหลานหนูแพรท้องอยู่นะแม่” พิมพรรณเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปโอบกอดหลานสาวของเธอเอาไว้เพราะตั้งแต่พี่สาวเธอเสียเมื่อคลอดผ้าแพรเธอเองก็เป็นเหมือนแม่ที่เลี้ยงคนหนึ่งผ้าแพรมาโดยตลอดจะตีสักคราดุสักครั้งก็ไม่เคยมาถึงครานี้เธอก็จะไม่ยอมให้แม่เธอลงไม้ลงมือกับผ้าแพรเช่นกันหากจะต้องถูกลงโทษจะต้องเป็นเธอมากกว่าที่ดูแลหลานสาวไม่ดีเอง“แกมันก็เข้าข้างแต่หลานนั่นแหละถึงได้เป็นแบบนี้ไง” พิกุลตวาดเสียงฝาดจนสองหน้าหลานที่กอดกันสะดุ้งโหยง“คุณย่าขาเร็วๆค่ะ” หลังจากที่เพียงฟ้าไปรอรับคนทั้งสามที่สนามบินหลังจากให้ทั้งสามบินด่วนมาจากกรุงเทพเป็นชั่วโมงกว่าตอนนี้เพียงฟ้าขับรถมาถึงที่บ้านของผ้าแพรพร้อมกับภูผาและแม่กับย่าของเขาเพื่อที่จะมารับผิดชอบผ้าแพรเมื่อมาถึงพียงฟ้าก็รีบจูงสายทองคุณหญิงจากเมืองกรุงรีบขึ้นไปบนบ้านของผ้าแพรโดยเร็วเพราะไม่รู้ว่าผ้าแพรนั้นจะโดนยายเธอนั้นต่อว่าหรือจัดการอะไรบ้าง“ย่าก็รีบอยู่นี่ไงลูกหนูฟ้า” สายทองหญิงชราวัยเจ็ดสิบสองรู้สึกปวดหัวกับเรื่องหลานๆของเธอพอสมควรมาวันนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่ยังช็อกที่พึ่งจะรู้ตัวว่าหลานชายตนไปทำผู้หญิงท้องจึงต้องรีบลากหลานชายกับลูกสะใภ้
“นี่เธอเป็นแบบนี้จริงๆหรือต้องการกวนประสาทฉันแน่เนี่ย” ภูผามองตามหลังหญิงสาวร่างเล็กด้วยสายตาแปลกใจไม่หายไม่เข้าใจว่าที่เธอทำประชดเขาหรือว่าเธอกลัวเขารำคาญจริงๆ“ยังไงก็แต่งก่อนที่ท้องหลานฉันมันจะป่องกว่านี้ส่วนสินสอดก็แล้วแต่พวกคุณฉันไม่บังคับ” เมื่อคุยกันได้พักใหญ่ก็เป็นอันว่าผู้ใหญ่สองฝ่ายตกลงกันได้ด้วยดีในส่วนของสินสอดพิกุลไม่ได้เรียกร้องเพราะบ้านเธอแม้จะดูไม่มีเท่าสายทองแต่เธอก็มีพออยู่พอกินเลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนของเธอได้สบายอยู่แล้ว“เป็นอาทิตย์หน้าเห็นจะดีหรือเปล่าล่ะ” สายทองเห็นด้วยกับพิกุลที่จะไม่ให้ผ้าแพรนั้นท้องป่องในงานแต่งเนื่องจากหลานชายของเธอก็ค่อนข้างมีหน้ามีตาไม่อยากให้ดูไม่ดีเช่นกัน“ได้ก็ดีค่ะ” พิกุลเองก็คิดว่าจะจัดให้เร็วแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปแต่เมื่อสานทองเสนอมาเธอก็ไม่ขัดจะได้จบๆไปไม่ขายขี้หน้าคนอื่นนาน“อย่างนั้นก็เป็นอันตกลงกันตามนี้” สายทองพยักหน้ากับพิกุลและหันมามองกับโสพิศที่เอาแต่นั่งเงียบเหตุด้วยคงเพราะอ่อนใจกับลูกชายเธอ“เธอท้องกี่เดือนแล้วล่ะ” โสพิศเดินมาคุยกับผ้าแพรพร้อมกับสายทองก่อนจะกลับเพราะอยากทำความรู้จักกับลูกสะใภ้ของเธอให้มากขึ้น“หมอบอกว่าสิบสัปดาห
“หยุดเลยลูกคาท้องเมียแกอยู่แกจะไปไหน” สายทองเห็นทีจะปล่อยให้หลานของเธอทำตัวสบายใจแบบนี้ไมได้แล้วเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานหากมีข่าวเรื่องผู้หญิงของหลานชายของเธอออกมาตอนนี้มีหวังพิกุลคงไม่ยอมยกหลานสาวของเจ้าตัวให้พอดีนั่นเท่ากับว่าเธอก็จะไม่ได้เลี้ยงเหลนเองด้วย“โถ่คุณย่า” ภูผาถึงกับคอตกที่ย่าของเขายกเหตุผลนี้มาค้ำคอของเขาไม่ให้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนข้างนอก“กลับเข้าบ้านมาเดี๋ยวนี้เลยก่อนที่ฉันจะตัดบัตรแกอย่าคิดว่าแกเป็นผู้บริหารโรงแรมแล้วจะดื้อกับย่าได้นะ” สายทองจ้องหลานชายของเธอตาเขม็งดูซิจะกล้าแข็งคอกับเธออีกหรือเปล่า“คุณย่าทำไมทำกับผมแบบนี้ล่ะครับเพราะเธอคนเดียวเลยผ้าแพร” ภูผาจำต้องเดินคอตกกลับขึ้นห้องของตัวเองไปแม้เขาจะเป็นผู้บริหารแล้วแต่ย่าของเขาก็มองเขาเป็นเด็กอยู่ทุกทีไปทั้งบ่นอู้อี้ถึงตัวต้นเหตุเบาๆ“บ่นอะไร” สายทองส่ายหัวเบาๆที่หลานเธอนั้นบ่นถึงผ้าแพรทั้งที่เจ้าตัวนั่นที่เป็นตัวต้นเรื่องเชียงใหม่“ฮัดชิ่ว” ในขณะที่ผ้าแพรกำลังปอกผลไม้ที่เห็บมาจากสวนใส่กล่องเอาไว้ทานเธอก็เกิดจามขึ้นมาเพราะรู้สึกคัดจมูกกะทันหัน“หนูไม่สบายเหรอลูก” พิมพรรณมองหน้าหลานของเธอด้วยสีหน้าที่
“เจ้าบ่าวจะมาแล้วเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ” พิกุลเดินมาบอกให้หลานของเธอเตรียมตัวให้พร้อมเพราะเมื่อเจ้าบ่าวมาถึงก็จะต้องออกไปทำพิธีตักบาตรแล้วผูกข้อไม้ข้อมือ“ค่ะยาย” ผ้าแพรผละออกจากอ้อมกอดพิมพรรณและเอ่ยเสียงตอบยายของเธอยอมรับเลยว่าตอนนี้ใจของเธอเต้นแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้วเวลาผ่านไปจนถึงพิธีผูกข้อไม้ข้อมือในขณะที่สายทองและพิกุลผูกข้อมืออวยพรหลานทั้งสองเรียบร้อยแล้วก็มานั่งคุยกันตามประสา“หนูแพรแต่งนิดๆหน่อยๆก็ดูดีขึ้นมากเลยนะ” สายทองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ทุกคนต่างก็ชมว่าหลานสะใภ้ของเธอน่ารักน่าชังเหมาะสมกับภูผารวมไปถึงนักข่าวก็รัวภาพกันไม่หยุดเธอหวังว่าหลังจากข่าวนี้ออกไปผู้หญิงที่เข้าหาภูผาจะเลิกยุ่งกับหลานเธอเสียทีในเมื่อรู้ว่าหลานเธอนั้นแต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้วเธอจะได้เลิกปวดหัวกับข่าวการฉาวๆของภูผา“หลานฉันหน้าตาเหมือนแม่ไม่มีผิด” พิกุลนั่งมองหลานสาวของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนพรางนึกถึงพรทิพย์แม่ของผ้าแพรที่เมื่อวัยสาวก็สวยน่ารักแบบนี้ไม่มีผิดถ้าพิมพรรณเองไม่ปล่อยตัวจนอ้วนท้วมก็คงจะสวยเหมือนคนเป็นพี่แต่ก็เข้าใจลูกของเธอว่าไม่อยากให้ใครมาจีบจึงปล่อยตัวเพราะไม่อยากมีครอบครัวหลังจากที
“ยืนอยู่ทำไมเธอก็ตามไปสิ” โสพิศเห็นผ้าแพรยืนนิ่งตั้งแต่เมื่อครู่แล้วหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงโวยวายไปแล้วที่มีผู้หญิงคนอื่นมาควงเจ้าบ่าวตนออกไปแต่ผ้าแพรยังยืนนิ่งเป็นท่อนไม้จนเธอนั้นต้องรีบบอกให้ผ้าแพรตามออกไปดึงภูผากลับมา“หนูต้องตามไปด้วยเหรอคะ..แต่..เค้าน่าจะมีเรื่องต้องคุยกัน” ผ้าแพรมองโสพิศด้วยสายตาสงสัยว่าเธอควรตามออกไปจริงหรือไม่ในเมื่อสองคนนั้นมีเรื่องต้องคุยกันกลัวว่าเธอจะไปขัดแล้วจะเสียมารยาท“วันนี้งานแต่งเธอนะนั่นก็สามีพ่อของลูกในท้องเธอ” โสพิศขมวดคิ้วเป็นปมจับไหล่ลูกสะใภ้เธอแล้วย้ำให้ผ้าแพรได้ฟังว่าเจ้าตัวมีสิทธิ์ในตัวของภูผาทุกอย่างและจะปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นพาสามีตัวเองไปแบบนั้นไม่ได้“เอ่อ.. ก็ได้ค่ะคุณแม่” ผ้าแพรได้ฟังคำของโสพิศเธอก็รีบพยักหน้าและเดินตามสองคนนั้นออกไปทันที“โอ๊ย...ฉันได้ลูกสะใภ้แบบไหนมากันเนี่ย” โสพิศถึงกับยืนส่ายหัวแทบกุมขมับเรื่องแค่นี้เธอก็ต้องสอนลูกสะใภ้ของเธอด้วยหรือไง มองไม่ออกเลยว่าหากผ้าแพรยังเป็นแบบนี้จะเอาลูกชายเธออยู่หรือไม่ความหวังที่จะให้ลูกเธอมีภรรยาแล้วหยุดเจ้าชู้ดูริบหรี่เหลือเกิน“นี่ปล่อยพี่ภูนะ” เพียงฟ้าเห็นทับทิมพยายามจะลากภูผาขึ้นรถเ
“ฉันขอโทษนะคะที่ฉันเป็นต้นเหตุทำให้คุณทะเลาะกับผู้หญิงของคุณ” ผ้าแพรอยู่กับภูผาสองต่อสองในห้องหอเธอเหลือบมองชายหนุ่มจากด้านหลังของเขาในขณะที่เขายืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด“อะไรนะ นี่ฉันคิดว่าเธอจะโกรธฉันซะอีกนะเนี่ย” ภูผาขมวดคิ้วหันกลับหลังมามองหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงที่เขายืนมองไปนอกหน้าต่างเพื่อทำสมาธิให้ใจเย็นก่อนที่จะถูกหญิงสาวต่อว่าเขาเสียอีก“ฉันจะโกรธคุณเรื่องอะไรล่ะคะ” คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงหันมาส่ายหัวเธอไม่ได้โกรธอะไรเขาเลยหนำซ้ำยังกลัวว่าเขาจะต่อว่าเธอที่เป็นต้นเหตุทำให้ทะเลาะกับผู้หญิงของเขาด้วยซ้ำ“เปล่าๆ” ภูผารู้สึกว่าผ้าแพรจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เขาได้รู้จักเธอเหมือนเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดถึงตัวเองเท่าไรนักกลับห่วงแต่ความรู้สึกคนอื่น“คุณหิวหรือเปล่าคะ” ผ้าแพรเดินเข้าไปเปิดกล่องหวายสานขนาดไม่ใหญ่มากนักใต้เตียงของเธอพร้อมค่อยๆยกออกมา“นิดหน่อย” ภูผามองหญิงสาวด้วยอาการแปลกใจว่าเธอกำลังทำอะไรที่ใต้เตียง“นี่ขนมฉันแอบยายกับน้าพิมเอามาไว้ในห้องค่ะเพราะรู้ว่าคุณจะต้องหิวบ้างทานสิคะ” หญิงสาวค่อยๆวางกล่องที่โต๊ะตั้งโคมไฟข้างหัวเตียงและเปิด
“อืม...ก็เราน่ะโตมีครอบครัวแล้วจะอ้อนยายไปตลอดก็ไม่ได้อยู่แล้ว” พิกุลเอ่ยด้วยรอยยิ้มแต่แววตาของเธอนั้นไหววูบเล็กน้อยจนพิมพรรณและภูผาที่นั่งตรงข้ามเห็นได้ชัดและรู้ดีว่าพิกุลนั้นคงใจเสียไม่น้อยที่หลานรักคนเดียวนั้นจะผละจากอ้อมอกไป“ว่ามีแต่ของโปรดยายสังขยาฟักทองของโปรดใครบางคนก็มีนะอยู่ในครัว” พิมพรรณเอ่ยบอกกับผ้าแพรเพราะรู้ดีว่านี่คือของโปรดหลานเธอจึงเร่งมือทำเมื่อช่วงบ่าย“เหรอคะน้าพิมเดี๋ยวแพรจะไปเอามาเดี๋ยวนี้” แมวน้อยขี้อ่อนที่เกาะอยู่กับขนของยายตาโพรงเมื่อได้รู้ว่าวันนี้มีของโปรดที่ไม่ได้ทานมานานซ้ำยังเป็นฝีมือของพิมพรรณที่ทำได้หวานถึงใจตนก็รีบลุกออกจากเก้าอี้หมายจะไปยกมาทานทันที“เดี๋ยวก่อนเรายังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ” พิมพรรณต้องปรามหลานเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ทานข้าวก็จะทานของหวานเสียแล้ว“อืม..ก็ได้ค่ะ” จากหน้าบานกลายเป็นหน้างอยทันทีเมื่อถูกห้ามให้ไปเอาของโปรด“รีบบอกทำไมล่ะแม่พิมเดี๋ยวก็ทานข้าวอย่างกับแมวดมขยักกระเพาะไว้ให้ขนมหวาน” พิกุลมองหน้าหลานของเธอที่กำลังหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้ข้างเธอตามเดิมด้วยสีหน้าหงอยๆ“นั่นสิคะแม่ฉันก็ลืมไปเลยว่าหลานคนนี้ชอบของหวานนักล่ะ” พิมพรรณ
“น้ากับยายของฉันเลี้ยงแพรมาค่ะแต่แพรก็อธิบายให้คุณฟังไม่ค่อยถูกซะด้วยพรุ่งนี้แพรจะถามวิธีจากยายแล้วก็น้าพิมนะคะเผื่อเอาไว้เลี้ยงลูกของเราด้วย” ร่างบางนอนทำหน้าครุ่นคิดเธอเห็นว่านิสัยของเธอนั้นส่วนมากมีแต่คนชมเธอเองก็อยากจะเลี้ยงลูกให้ได้เหมือนเธอเช่นกัน“ฉันว่าฉันเลี้ยงลูกในวิธีของฉันจะดีกว่า” ภูผาถึงกับต้องพูดตัดบทขึ้นมาก่อนหากให้ลูกนั้นเป็นเหมือนแม่เขาคงต้องห่วงมากเป็นแน่“อืม...แพรคิดว่าเลี้ยงแบบวิธีของแพรกับของคุณคนละครึ่งดีกว่านะคะ” ผ้าแพรหันมายิ้มให้ชายหนุ่มที่สีหน้าดูเหมือนจะคิดหนักอะไรอยู่ในใจ“เฮ้อ..” วันนี้เขาคิดว่ายังไม่คุยรายละเอียดลงลึกเรื่องนี้จะดีกว่าเลยทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆแล้วล้มตัวลงนอนหงายคิดว่าอนาคตจะพูดกับเธออย่างไรให้เข้าใจดีว่าการที่ลูกเป็นเหมือนเธอจะถูกเอาเปรียบได้ง่าย“เป็นอะไรคะ..คุณภูร้อนหรือว่าอะไรคะ..เดี๋ยวแพรไปเร่งพัดลมให้ค่ะขอโทษนะคะที่บ้านแพรไม่มีแอคุณเลยดูลำบากเลย” เมื่อเสียงหายใจของชายหนุ่มถอนออกมาเฮือกใหญ่ความไม่สบายใจก็เกิดขึ้นกับหญิงสาวทันทีเพราะคิดว่าที่นี่อาจจะร้อนเกินไปสำหรับเขา“เปล่าอากาศที่นี่เย็นสบายดีอยู่แล้วฉันจะนอนแล้วเธอก็นอนเถอะ” มือหน