“นี่มันเยอะไปนะลูกทานหวานมากมันไม่ดีเดี๋ยวน้าแบ่งครึ่งให้ก็แล้วกัน” พิมพรรณจะยึดคืนไส้ขนมทั้งหมดก็สงสารหลานจึงเอากลับไปเทใส่ถ้วยคืนไว้ครึ่งหนึ่งแล้วคืนให้หลานเธอไป
“ขอบคุณค่ะน้าพิม” นับว่าพิมพรรณยังเห็นแก่ความอยากของหวานของคนท้องอย่างเธอบ้างแม้เหลือครึ่งกล่องก็ยังดี
“คุณภูอะ” สาวเจ้าได้กล่องของหวานคืนมาก็ตวัดสายตาแอบเคืองใส่ภูผาเล็กน้อยแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปเป็นครั้งแรกที่เธอขุ่นคืองเขาเลยก็ว่าได้
“อ้าว” ภูผามองตามหลังหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจเขาห่วงสุขภาพของเธอแล้วเขานั้นผิดด้วยเหรอวันที่ฝากครรภ์กับหมอน้ำก็รับปากหมอเสียดิบดีว่าจะไม่ทานอาหารรสจัดวันนี้กลับทนไม่ไหวเสียอย่างนั้น
“นี่รูปใครเหรอคะคุณพิม” โสพิศยืนดูรูปภาพเด็กทารกตัวอ้วนกลมในเปลที่แปะอยู่ข้างฝาบ้านพักใหญ่ครั้งก่อนเธอเคยเห็นรูปแล้วว่าจะถามแต่ก็ยังไม่ได้ถามเสียทีว่ารูปใครหากเดาไม่ผิดคงเป็นผ้าแพรเพราะบ้านนี้น่าจะไม่มีรูปเด็กเล็กที่อื่น
“หนูแพรค่ะเล็กๆจ้ำม่ำมากเลย”
“ถ้าหลานฉันออกมาน่ารักน่าชังแบบนี้คงดีนะ” เป็นอย่างที่โสพิศคิดหากเธอได้อุ้มหลานน่ารักน่าชังวันนั้นเธอคงมีความสุขไม่น้อยนึกแล้วก็อยากจะให้หลานเธอคลอดออกมาวันสองวันนี้เสียเลยเพราะบ้านคงจะดูครึกครื้นขึ้น
“คุณโสอยากได้หลานผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”
“ฉันได้หมดขอแค่อย่าซื่อเท่าแม่ก็พอเห็นแล้วปวดหัว”
“ฮ่าๆๆ..หนูแพรตอนเล็กๆก็มีแต่คนโบราณเลี้ยงกันมาน่ะค่ะมีแค่ฉันที่เป็นสาวเลี้ยงคนเดียวแกก็จะซื่อๆหน่อย” คำตอบของโสพิศทำเอาพิมพรรณกลั้นขำไม่อยู่เธอจึงอธิบายให้โสพิศได้ฟังว่าเหตุผลที่ทำให้ผ้าแพรซื่อแบบนี้เพราะอะไร
“แล้วแม่กับพ่อเธอล่ะคะ”
“พี่สาวฉันเสียตอนคลอดหนูแพรส่วนพ่อหนูแพรพวกเราก็ไม่เคยเห็นพี่สาวฉันเองก็ไม่เคยพูดถึง” พิมพรรณส่ายหัวเบาๆเรื่องพ่อของหลานเธอไม่มีข้อมูลอะไรทั้งนั้น
“อย่างนี้สินะแม่คุณถึงดูจะโมโหเอามากๆที่รู้เรื่องวันนั้น” โสพิศพอจะเข้าใจแล้วว่าท่าทางโมโหที่น่ากลัวของพิกุลวันนั้นคืออะไร
“ค่ะ...ยังไงฉันก็ขอฝากหนูแพรกับพวกคุณอีกครั้งนะคะแกไม่ค่อยจะทันคนแถมยังยอมคนอีกต่างหากพวกเราผิดเองที่ไม่เคยสอนให้แกแข็งข้อเป็น”
“ค่ะ..คงต้องดูกันเป็นพิเศษนั่นแหละค่ะ” โสพิศรู้ดีว่าเธอจะต้องดูแลผ้าแพรเป็นพิเศษอยู่แล้วด้วยนิสัยของเธอที่น่าเป็นห่วง
“เจ้าข้าวเหนียวหายไปไหนล่ะคะหนูไม่เห็นมันตั้งแต่มาแล้ว” ในขณะที่ผ้าแพรกำลังหุงข้าวอยู่ในครัวใต้ถุนบ้านตอนเย็นเธอเองก็อดถามถึงเจ้าข้าวเหนียวหมาเพศเมี่ยสีน้ำตาลทองที่ยายของตนรับมาเลี้ยงจากวัดไม่ได้เพราะตั้งแต่มาก็ไม่ยักจะเห็นมันมาป้วนเปี้ยนกับเธอเลย
“ไปคลอดลูกที่กอกล้วยท้ายสวนมะม่วงยายว่าจะเอาข้าวไปให้มันอยู่พอดี” พิกุลชี้มือไปที่ท้ายสวนเจ้าข้าวเหนียวที่ผ้าแพรถามหาคลอดลูกได้สองสามวันแล้ว
“อ้าวคลอดแล้วเหรอเดี๋ยวหนูเอาข้าวไปให้มันเองค่ะ” สิ่งที่คนเป็นยายบอกดูท่าจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผ้าแพรเพราะเธอชอบเล่นลูกหมาเป็นที่สุดเห็นที่ไหนเป็นไม่ได้เล็กๆก็เกือบถูกหมาแม่ลูกอ่อนกัดอยู่บ่อยๆเพราะชอบไปแอบเล่นลูกหมานี่แหละ
“ยายว่าจะวานอยู่พอดีเลยปวดขาเดินไม่ค่อยไหว”
“เดี๋ยวหนูคลุกข้าวให้มันเองนะคะ” มือเรียวหยิบกะละมังสแตนเลสใบใหญ่แล้วเอาข้าวเย็นที่ยายตนวางไว้ให้มาใส่พร้อมกับขยำปลาทูที่พึ่งทอดเสร็จในกะละมังมือน้อยขยำอย่างชำนาญเพราะอยากจะไปหาลูกของเจ้าข้าวเหนียวเต็มทน
“จะทำอะไรให้ฉันทานเหรอ” ภูผาที่นั่งๆนอนๆไม่มีอะไรทำจึงเข้ามาในครัวเผื่อผ้าแพรกับพิกุลมีอะไรให้ช่วยสายตาของเขาจับจ้องมองมายังร่างบางด้วยรอยยิ้มเห็นเธอขะมักเขม้นในการทำอาหารเขาจึงอยากจะรู้ว่าเธอทำอะไรให้เขาทานในวันนี้
“คุณภูหิวเหรอคะ” ใบหน้ากลมหันไปหาภูผาถามเขาด้วยแววตาสงสัยเพราะถ้าหากเขาหิวเธอจะได้หาอะไรให้เขาทานรองท้องก่อนเพราะข้าวที่พึ่งหุงใหม่ยังไม่สุก
“หนูแพรคลุกข้าวจะเอาไปให้หมาแม่ลูกอ่อนน่ะ” พิกุลเอ่ยบอกกับหลานเขย
“เอ่อ...อ๋อ..เข้าใจแล้วฉันถามเฉยๆไม่ได้หิว” ภูผาถึงกับหน้าเจื่อนรีบบอกกับหญิงสาวว่าเขาไม่ได้หิวเพราะเกือบจะได้แย่งข้าวสุนัขแล้วเชียว
ภูผาอาสาพาหญิงสาวมาให้อาหารเจ้าข้าวเหนียวที่ท้ายสวนด้วยเพราะไม่อยากให้เธอเดินไปคนเดียวเกิดซุ่มซ่ามหกล้มขึ้นมาจะเป็นอันตราย
“มะม่วงสุกแล้วนี่” คนตัวโตเดินผ่านต้นมะม่วงน้ำดอกไม้สายตาของเขาก็สะดุดกับมะม่วงที่ถูกคลุมด้วยถุงพลาสติกสีเหลืองอร่ามคิดว่ามันน่าจะสุกแล้วแต่ทำไมไม่มีคนเก็บไปเสียที
“ค่ะฉันว่าจะมาเก็บอยู่พอดีสงสัยน้าพิมกับยายยังไม่มีเวลามาดู”
“เดี๋ยวฉันช่วยจะเก็บเมื่อไรล่ะ”
“พรุ่งนี้แล้วกันค่ะ” วันนี้เย็นแล้วผ้าแพรเห็นว่าเก็บพรุ่งนี้จะดีกว่าเพราะเก็บแล้วทุกคนจะได้ทานกันเลย
โฮ่งๆๆ
“ข้าวเหนียวฉันเอง” เมื่อเดินใกล้ถึงท้ายสวนผ้าแพรก็ได้ยินเสียงเจ้าข้าวเหนียวเห่าอยู่ที่กอกล้วยเธอจึงต้องส่งเสียงให้มันได้รู้ว่าไม่มีอันตรายเป็นเธอที่เอาข้าวกับน้ำมาให้เท่านั้น
“ผอมเยอะเลยไหนดูซิมีลูกกี่ตัว...ตั้งสองตัวแน่ะอ้วนมากเลย..เจ้าอ้วน” ผ้าแพรเห็นเจ้าข้าวเหนียวก้รีบพุ่งเข้าไปหาทั้งลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูและนั่งอุ้มลูกของเจ้าข้าวเหนียวทั้งสองตัวมาไว้ในอ้อมอกกอดเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวแฮ่ๆๆๆ“มันจะกัดฉันหรือเปล่าเนี่ย” ภูผาได้แต่ยืนตัวเกร็งเพราะดูเจ้าข้าวเหนียวจะไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไร“คุณภูรีบเทข้าวกับน้ำให้มันสิคะ”“โอเค..” คนตัวโตหยิบกะละมังสองใบที่วางอยู่ตรงหน้าเจ้าข้าวเหนียวเขารับเทข้าวให้มันจนเต็มกะละมังและเทน้ำตามอีกกะละมังอย่างรวดเร็วพอเจ้าข้าวเหนียวเห็นว่าเขาเป็นคนให้อาหารก็เริ่มกระดิกหางให้จึงทำให้ภูผาค่อยกล้าเข้าใกล้มันหน่อย“คุณภูว่าฉันจะตั้งชื่อลูกหมาว่าอะไรดีคะ” ผ้าแพรชูลูกหมาตัวอ้วนกลมสีขาวกับสีน้ำตาลทองทั้งสองให้ภูผาได้ดูหากเธอเดาม่ผิดพ่อของเจ้าสองตัวคงเป็นสีขาวแน่นอนเพราะไม่อย่างนันเจ้าตัวสีขาวนี้จะออกมาเป็นสีนี้ได้อย่างไร“ไหนฉันขอดูหน่อยตัวนี้สีทองก็ชื่อทองตัวนี้สีขาวก็ชื่อขาวไงไม่เห็นยาก” “คิดให้เยอะกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอคะเหมือนคุณพูดออกมาแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย” ใบหน้าหวานเริ่มขมวดคิ้วเป็นปมที่รู้สึกว่าภูผาจะตอบผ่านๆ“นี่ถ้าฉันไม่เห็น
“วันนี้พี่คิณนอนค้างที่นี่นะคะ” สาวเจ้ายังคงกอดพี่ชายของเธอไม่ยอมปล่อยทำเอาคนที่ถือตะกร้ามะม่วงอยู่ถึงกับวางตะกร้าลงบนแคร่ไม้ใต้ถุนบ้านอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก“ไม่ได้หรอกแพรพี่มีประชุมต่อที่แวะมาก็ทักทายยายกับน้าพิมเท่านั้น” ที่คนินทร์มาที่นี่เพราะเขามีธุระผ่านมาจึงแวะมาทักทายทุกคน“ทำไมล่ะคะประชุมเสร็จก็กลับมานอนที่นี่ไม่ได้เหรอเราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะคะ” ผ้าแพรบ่นอู้อี้เพราะเมื่องานแต่งเธอคนินทร์ก็ไม่ว่างมาวันนี้ก็ยังไม่ว่างอยู่คุยกับเธออีก“เราโตจนมีลูกมีสามีแล้วนะแพรจะอ้อนพี่เค้าเป็นเด็กๆได้ยังไง” พิกุลปรามหลานสาวของเธอด้วยตอนนี้ต่างคนต่างโตมีหน้าที่รับผิดชอบจะให้ผ้าแพรมาอ้อนคนินทร์เป็นเด็กๆจะไม่ได้“ขอโทษทีนะคะพอดีสองคนนี้เค้าเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ” พิมพรรณเห็นโสพิศเริ่มมองพฤติกรรมของผ้าแพรและคนินทร์อย่างไม่พอใจเธอจึงต้องอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้โสพิศฟังว่าทั้งคู่ไมได้คิดอะไรเกินเลยกว่าพี่น้องแน่นอนแค่สนิทกันมากเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆเท่านั้น“ฉันจะพยายามเข้าใจค่ะ” โสพิศพยักหน้าเบาๆและจะพยายามทำความเข้าใจแต่เหมือนลูกชายของเธอจะไม่เข้าใจเพราะเดินหน้าหงิกหน้างอหนีเข้าไปใน
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณภูหน้าคุณไม่สบอารมณ์เลยตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว” ผ้าแพรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มานั่งข้างๆกับภูผาที่นั่งอยุ่ในชุดนอนบนเตียง เธอถามเขาด้วยสีหน้าที่สงสัยอยากจะรู้เหตุผลของอาการที่เขาเป็นอยู่เพราะหากเขาเป็นอยู่แบบนี้เธอคงอึดอัดที่จะอยู่ใกล้ๆ“เปล่า” ภูผาส่ายหัวเบาๆทั้งยังไม่ยอมมองหน้าคนที่คุยด้วยดีๆ“คุณภูแน่ใจนะคะว่าไม่ได้โกรธอะไรแพร” สาวเจ้าเอียงใบหน้าขมวดคิ้วถามคนข้างๆอีกรอบ“เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง..ไปกอดกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉันได้ยังไงรู้ไหมว่ามันทำให้ฉันดูเสียหน้า” ภูผาถอนหายใจพร้อมพ่นเรื่องเคืองใจออกมาเพราะหากไม่พูดชาตินี้แม่คนซื่อที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาคงจะไม่รู้ “พี่คิณไม่ใช่คนอื่นนะคะเค้าเป็นพี่ชายแพร” ผ้าแพรค่อยโล่งใจเมื่อรู้ว่าภูผาไม่พอใจเรื่องอะไร“ถึงเป็นพี่ชายแต่ก็ไม่ใช่พี่แท้ๆมันไม่ควร” “อ๋อ.. เห็นเมื่อกลางวันคุณแม่ก็เตือนเรื่องนี้อยู่เหมือนกันยังไงฉันก็ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณไม่พอใจคราวหลังฉันจะห้ามใจเอาไว้ค่ะ” ร่างบางก้มหน้างุด“ดีแล้วผู้ชายที่เธอจะกอดต่อหน้าคนอื่นได้มีแค่ฉันเท่านั
กลางดึกภูผานอนมองคนในอ้อมแขนที่หลับไปพักใหญ่แล้วแต่เขานี่สิยังคงหลับตาไม่ลงแม้แต่น้อยยิ่งหญิงสาวกอดก่ายเขาในขณะที่เธอไม่รู้ตัวมากเท่าไรยิ่งทำให้อะไรๆของเขาตื่นไม่ยอมนอนและไม่รู้ได้เลยว่าเขาจะหลับลงในเวลาไหนกันในคืนนี้วันต่อมาภูผาตื่นขึ้นมาในช่วงสายเพราะเมื่อคืนกว่าจะทำใจหลับลงได้ก็เกือบรุ่งเช้าเมื่อตื่นมาก็เห็นผ้าแพรนั่งง่วนอยู่ตรงหน้าตู้กระจก“นั่นอะไร” “สร้อยแม่แพรค่ะสวยหรือเปล่าคะ” ร่างบางหันมาตอบชายหนุ่มในขณะที่เธอกำลังดึงสร้อยคอกระดูกงูเส้นเล็กสีเงินมีจี้รูปตัวทีออกจากกล่องพร้อมชูให้ภูผาได้ดู“สวยสิแต่ทำไมจี้เป็นตัวทีล่ะ” เมื่อหญิงสาวยื่นสร้อยใส่มือของเขาชายหนุ่มก็เพ่งดูอย่างพิจารณาเพราะเขาเห็นแวบแรกก็ดูออกว่าตัวที่เป็นจี้มันฝังด้วยเพชรของจริง“แม่แพรชื่อพรทิพย์ค่ะน่าจะมาจากคำว่าทิพย์” ผ้าแพรรู้ว่าแม่ของเธอชื่อเล่นว่าพรแต่ตัวทีน่าจะมาจากคำว่าทิพย์จากชื่อจริงของแม่เธอ“นี่เพชรของจริงนะแพรแม่เธอสั่งทำเองเหรอ” สายตาคมมองหน้าผ้าแพรอย่างสงสัย“ของจริงเหรอคะแพรนึกว่าไม่ใช่มาตลอดเลย” ผ้าแพรจำต้องเพ่งมองเจ้าเม็ดเพชรที่ฝังอยู่ในจี้อย่างแปลกใจเธอคิดว่าเพชรที่ฝังอยู่นั้นอาจจะเป็นแค่ของปล
“ก็คิดถึงเราด้วยนั่นแหละ” ธีรดลยื่นมือหนายีหัวลูกของเขาเล่นเบาๆที่ทำเป็นงอนไปได้ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเขานั้นเห็นลูกตนเองสำคัญที่สุดในชีวิตอยู่แล้ว“คุณย่ากับน้าโสก็มาที่นี่ด้วยนะคะพรุ่งนี้ฟ้าว่าจะเข้าไปหาอยู่พอดี”“พ่อไปด้วยสิไม่ได้เจอพวกเค้านานแล้ว” ธีรดลพยักหน้าเบาๆหลังจากที่คุยกันเรื่องถอนหมั้นภูผากับเพียงฟ้าเรียบร้อยแล้วเขาก็ยุ่งๆไม่ได้ไปมาหาสู่กับครอบครัวของสายทองอีกเลย“ฟ้าถามจริงๆนะคะคุณพ่อไม่โกรธพี่ภูจริงใช่หรือเปล่าคะ” เพียงฟ้ายังคงสงสัยเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยที่พ่อของเธอไม่มีทีท่าที่จะโกรธภูผาเลยสักนิดเรื่องที่ภูผามีปัญหาเรื่องผู้หญิงกันจนต้องถอนหมั้น“พ่อควรจะถามฟ้ามากกว่าตัวพ่อเองไม่ได้ติดใจอะไรทั้งนั้น” ธีรดลส่ายหัวเบาๆแม้ลูกของเขากับสุรัตน์จะไม่ได้แต่งงานกันตามคำมั่นแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องโกรธเกลียดอีกฝ่ายเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงเป็นคนที่ดูไม่มีความเป็นผู้ใหญ่พอ“ฟ้าก็ไม่ได้ติดใจค่ะอีกอย่างฟ้าก็มีบางเรื่องอยากจะบอกคุณพ่อเหมือนกัน” ใบหน้ากลมมีสีหน้ากังวลเธอค่อนข้างไม่สบายใจเรื่องนี้มานานและอยากจะสารภาพความผิดบาปนี้ให้พ่อของเธอได้ฟัง“อะไรเหรอ” ธีรดลมองออกว่าเพีย
“นึกยังไงอยากจะมาทำรีสอร์ทที่นี่ล่ะคะ” โสพิศเอ่ยเพราะเมื่อก่นเห็นธีรดลเคยพูดกับสามีเธอตอนที่สามีเธอยังอยู่บ่อยๆว่าไม่อยากสร้างอะไรที่ต่างจังหวัดเพราะจะดูแลยากเนื่องจากงานที่กรุงเทพก็เยอะมากพอแล้ว“มีคนเสนอที่ดินแปลงสวยผมก็เลยซื้อไว้จะปล่อยว่างก็เปล่าประโยชน์ก็เลยเลือกทำรีสอร์ทซะเลยไหนๆที่นี่ก็มีคนให้ไหว้วานช่วยดูแลแล้ว” คราแรกธีรดลเองก็ไมได้อยากจะสร้างอะไรขึ้นมาเท่าไรแต่ก็ไม่อยากจะมีที่ดินสวยแล้วปล่อยทิ้งเปล่าประโยชน์อีกอย่างลูกสาวของเขาก็อยู่ที่นี่หากจะไหว้วานให้ช่วยดูแลก็คงจะไม่มีปัญหา“กะหางานให้ฟ้าเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย” เพียงฟ้าหลี่สายตามองคนเป็นพ่อที่กะจะหางานให้เธอแต่ก็ไม่ยอมบอกตรงๆแต่แรก“เราล่ะไม่คิดจะหาที่ทางแถวนี้ขยายกิจการบ้างเหรอ” ธีรดลหันไปถามภูผาเขาเห็นว่าภูผานั้นมีศักยภาพพอที่จะสร้างอะไรใหม่ๆขึ้นมาต่อยอดกิจการของครอบครัว“เท่าที่มีก็เหนื่อยแล้วครับคุณพ่อ” ภูผาอมยิ้มอ่อน“พ่อว่ามีที่นี่ก็ดีนะอีกอย่างเราก็มีทายาทแล้วเก็บไว้เป็นสมบัติไว้ให้ลูกตอนโต”“ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันครับ” เรื่องนี้ภูผาขอให้มันเป็นเรื่องในอนาคตก็แล้วกันเพราะเขายังไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองมากพอที่จะบริหารงาน
“หลานฉันเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยไม่มีพ่อก็เห็นอยู่ได้ดังนั้นก็ไม่จำเป็น” พิกุลเอ่ยเสียงแข็งทั้งยังเชิดหน้าหนีธีรดลอย่างหยิ่งทระนง“แพร..พ่อขอโทษนะลูก” ธีรดลเอื้อมมือหมายจะกอดปลอบลูกสาวของตนที่ยืนสะอึกสะอื้นไม่พูดไม่จา“คุณพ่อ” ผ้าแพรเอ่ยเสียงอ่อนอยากจะเข้าไปหาพ่อของเธอแต่ก็ถูกยายของเธอขวางเอาไว้เสียก่อน“ถ้ารักยายอย่ายุ่งกับคนๆนี้” พิกุลเอ่ยเสียงแข็ง“ยายคะ” ไม่ทันขาดคำของพิกุลผ้าแพรก็สะอื้นหนักเธออยากเข้าไปกอดคนที่พึ่งรู้ว่าเป็นพ่อแท้ๆใจจะขาดแต่เธอก็รักและเคารพยายเธอมากกว่าจะขัดคำสั่งตอนนี้จึงทำอะไรไม่ถูกได้แต่วิ่งหนีเข้าห้องของเธอไป“แพร” ภูผาเห็นดังนั้นจึงรีบตามผ้าแพรไปติดๆเพราะตอนนี้เขาเป็นห่วงความรู้สึกของเธอเป็นที่สุด“ฮือๆๆๆ..” ผ้าแพรนั่งพิงหัวเตียงกอดหมอนสะอื้นใจจะขาด“แพร..” ภูผาเข้ามานั่งข้างๆคนที่กำลังสะอื้นสีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรเมื่อเห็นเธอเสียใจหนักแบบนี้“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย..ฮือ.ๆๆ” แขนเรียวกอดกระชับหมอนจนแน่น“เธอโกรธคุณพ่อหรือเปล่า” ภูผาอยากจะรู้นักว่าตอนนี้ในใจของผ้าแพรคิดยังไงกับเรื่องที่พึ่งรู้เผื่อเขาจะได้ช่วยจัดการกับความรู้สึกของเธอถูก“ไม่..ฮือๆๆ..ถึง
วันต่อมา“คุณยายครับผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย” ภูผาตัดสินใจจะคุยกับพิกุลในรุ่งเช้าของอีกวันเพราะเขาจะปล่อยให้ผ้าแพรเครียดแบบนี้อยู่ไม่ได้มันจะไม่เป็นผลดีต่อตัวผ้าแพรเองและลูกในท้องเขาเชื่อว่าพิกุลนั้นต้องรับฟังเขาแน่นอน แต่แค่เมื่อคืนนี้แค่โมโหมากเพราะพึ่งรู้เรื่องราวเก่าๆที่ไม่ดีเท่านั้น“ว่ามาสิ” พิกุลมองหน้าหลานเขยของเธอด้วยสายตาสงสัยว่าเขานั้นมีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอแต่เช้า“แพรเธอต้องการพ่อนะครับคุณยาย...แต่เธอรักคุณยายมากเกินกว่าที่จะพูดตรงๆเพราะกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจคุณยาย” ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลงนั่งลงตรงหน้าหญิงชราได้ก็เอ่ยสิ่งที่ต้องการจะพูดทันทีที่เขามาพูดเพราะรู้ดีว่าผ้าแพรคงไม่กล้าพูดกับยายของตนแน่นอนและเขาก็เชื่อว่าพิกุลรักผ้าแพรมากพอที่จะยอมรับในการตัดสินใจของผ้าแพร“ฉันทำร้ายหลานฉันสินะ...ถ้าเราเป็นยายเราจะทำยังไง” พิกุลเชิดหน้าหนีภูผาเล็กน้อย“ผมรู้ครับว่าคุณยายเจ็บปวดแต่ถ้าเป็นผม..ผมจะเคารพในการตัดสินใจของคนที่ผมรัก”“ลองให้หนูแพรตัดสินใจเอาเองนะคะแม่” พิมพรรณที่ได้ยินภูผาเอ่ยมาตั้งแต่แรกครั้งนี้เธอจึงช่วยเอ่ยเสริมเพราะเธอก็รักผ้าแพรมากเสียจนไม่อยากให้หลานของเธอที่เลี้ย