“นึกยังไงอยากจะมาทำรีสอร์ทที่นี่ล่ะคะ” โสพิศเอ่ยเพราะเมื่อก่นเห็นธีรดลเคยพูดกับสามีเธอตอนที่สามีเธอยังอยู่บ่อยๆว่าไม่อยากสร้างอะไรที่ต่างจังหวัดเพราะจะดูแลยากเนื่องจากงานที่กรุงเทพก็เยอะมากพอแล้ว
“มีคนเสนอที่ดินแปลงสวยผมก็เลยซื้อไว้จะปล่อยว่างก็เปล่าประโยชน์ก็เลยเลือกทำรีสอร์ทซะเลยไหนๆที่นี่ก็มีคนให้ไหว้วานช่วยดูแลแล้ว” คราแรกธีรดลเองก็ไมได้อยากจะสร้างอะไรขึ้นมาเท่าไรแต่ก็ไม่อยากจะมีที่ดินสวยแล้วปล่อยทิ้งเปล่าประโยชน์อีกอย่างลูกสาวของเขาก็อยู่ที่นี่หากจะไหว้วานให้ช่วยดูแลก็คงจะไม่มีปัญหา
“กะหางานให้ฟ้าเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย” เพียงฟ้าหลี่สายตามองคนเป็นพ่อที่กะจะหางานให้เธอแต่ก็ไม่ยอมบอกตรงๆแต่แรก
“เราล่ะไม่คิดจะหาที่ทางแถวนี้ขยายกิจการบ้างเหรอ” ธีรดลหันไปถามภูผาเขาเห็นว่าภูผานั้นมีศักยภาพพอที่จะสร้างอะไรใหม่ๆขึ้นมาต่อยอดกิจการของครอบครัว
“เท่าที่มีก็เหนื่อยแล้วครับคุณพ่อ” ภูผาอมยิ้มอ่อน
“พ่อว่ามีที่นี่ก็ดีนะอีกอย่างเราก็มีทายาทแล้วเก็บไว้เป็นสมบัติไว้ให้ลูกตอนโต”
“ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันครับ” เรื่องนี้ภูผาขอให้มันเป็นเรื่องในอนาคตก็แล้วกันเพราะเขายังไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองมากพอที่จะบริหารงานหลายๆที่ในเวลาเดียวกันได้แค่โรงแรมในพื้นที่กรุงเทพยังทำเขาเหนื่อยอยู่ไม่น้อย
เพล้งง ในขณะที่ทุกคนนั่งคุยกันอยู่พักใหญ่จู่ๆรูปที่อยู่ฝาบ้านก็ล่วงลงมาแตกแม้จะมีหลายรูปวางเรียงรายกันอยู่แต่มีเพียงรูปของพรทิพย์เท่านั้นที่ล่วงหล่นลงมาทำเอาทุกคนต่างก็เงียบและมองไปที่ของตกลงมาพร้อมๆกัน
“ลมก็ไม่แรงทำไมล่วงมาได้ล่ะเนี่ย” พิมพรรณและผ้าแพรรีบลุกขึ้นไปจัดการเก็บเศษกระจกทันทีพิมพรรณมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดเพราะเป็นรูปพี่วาวของเธอคนเดียวที่ตกลงมาทั้งๆที่ลมก็ไม่ได้พัดแรงอะไรนัก
“นั่นสิคะน้าพิม”
“หนูถือรูปเอาไว้ก่อนน้าจะไปเอาถุงขยะมาเก็บเศษกระจกนี่”
“ค่ะน้าพิม” ร่างบางเดินถือรูปบานใหญ่ของคนเป็นแม่เดินกลับมานั่งล้อมวงกับทุกคนด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“นี่..พ..พรทิพย์” ธีรดลตัวชาวาบเมื่อเห็นรูปภาพที่มือของผ้าแพร
“รู้จักชื่อของแม่แพรด้วยเหรอคะ” ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองมาที่ธีรดลกันเป็นตาเดียวเพราะยังไม่มีใครแนะนำให้ธีรดลนั้นรู้จักคนในรูป
“นั่นสิตาธี” สายทองเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
พิกุลมองหน้าธีรดลอย่างใจจดใจจ่อ
“ผมคือสามีของพรทิพย์ครับ” ธีรดลเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยๆเอ่ยออกมาทั้งยังน้ำตาคลอจนเกือบจะไหลออกมาหลายปีที่เขาไม่ได้ข่าวคราวของพรทิพย์เลยตั้งแต่วันที่เขารู้ว่าเธอท้อง
“ว่ายังไงนะ” พิกุลจ้องธีรดลราวกับจะเชือดเฉือนเธอลุกขึ้นยืนกำมือแน่นอย่างไม่พอใจจนผ้าแพรต้องกอดยายของเธอเอาไว้ทั้งดวงตากลมยังจับจ้องไปที่ธีรดลไม่ขาดกำลังคิดอยู่ในใจว่าเขาจะใช่พ่อของเธอหรือไม่
ครู่ต่อมา
“ออกไปอย่ามายุ่งกับพวกฉัน” หลังจากที่ได้รู้ความจริงจากปากธีรดลว่าที่เขาหลอกลวงลูกสาวของเธอจนท้องพิกุลก็ไม่สามารถมองธีรดลในแง่ดีได้เลยตอนนี้ก็โวยวายไล่ธีรดลเสียงฝาดอย่างที่ใครก็ห้ามหญิงชราคนนี้ไม่ได้
“แม่คะใจเย็นๆก่อน” พิมพรรณต้องห้ามไม่ให้แม่ของเธอใจร้อนจนเกินไปไม่อย่างนั้นจะเป็นลมเป็นแล้งเข้า
“เกลียดนักคนที่ไม่มีความรับผิดชอบเห็นแก่ตัวมีเมียแล้วยังจะมาหลอกลูกฉันอีก” พิกุลเอ่ยเสียงสั่นน้ำตาคลอความลับนี้เมื่อครั้งพรทิพย์หอบลูกในท้องกลับมาบ้านก็ไม่เคยยอมปริปากบอกใครบอกแค่ว่าตัวเองผิดเองเท่านั้นเธอจึงไม่รู้ได้เลยว่าลูกของเธอไปเจอกับอะไรบ้าง
แต่เมื่อรู้แล้วก็สงสารลูกสาวที่เสียไปแล้วของเธอจับใจยิ่งเห็นหน้าธีรดลก็ยิ่งตอกย้ำว่าเขาคนนี้คือคนที่ทำให้ลูกเธอเจ็บปวดใจและเป็นคนทำลายชีวิตลูกของเธออีก
“ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจทิ้งพรแต่เธอหนีผมไป” ธีระดลคุกเข่าไหว้หญิงชราตรงหน้าประหงกๆเขาไม่ได้ตั้งใจทิ้งพรทิพย์แต่เธอเลือกที่จะหนีเขาไปเพราะรู้ความจริงเรื่องที่เขามีภรรยาและลูกอยู่แล้ว
“คุณพ่อ” เพียงฟ้าหน้าเสียไม่น้อยนี่คงเป็นเหตุผลที่เธอถามแม่กับพ่อของเธอกี่ครั้งก็ไม่เคยบอกว่าหย่ากันเพราะอะไร
“หนูฟ้าพาพ่อหนูกลับไปก่อนที่ยายจะทนไม่ไหว” พิกุลขอร้องให้เพียงฟ้าพาพ่อเธอนั้นกลับไปก่อนที่เธอจะอดใจที่จะยั้งไม้ยั้งมือให้ทำร้ายชายตรงหน้าไม่ได้
“คุณพ่อคะกลับก่อนเถอะค่ะ” เพียงฟ้าพยายามดึงพ่อเธอแล้วแต่เขาก็ยังคงนั่งฟุบอยู่ที่เดิม
“ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วให้พ่อลูกเค้าได้มีโอกาสดูแลกันและกันไม่ได้หรือยังไงพิกุล” สายทองเห็นว่าถึงธีรดลจะผิดแต่เขาก็ยอมรับผิดและเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วเธออยากให้พิกุลใจเย็นๆและถามความเห็นจากผ้าแพรก่อนว่าต้องการพ่อของเธอหรือเปล่าก่อนที่จะด่วนไล่พ่อลูกที่พึ่งจะเจอกันให้พรากกันไปแบบนี้
“หลานฉันเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยไม่มีพ่อก็เห็นอยู่ได้ดังนั้นก็ไม่จำเป็น” พิกุลเอ่ยเสียงแข็งทั้งยังเชิดหน้าหนีธีรดลอย่างหยิ่งทระนง“แพร..พ่อขอโทษนะลูก” ธีรดลเอื้อมมือหมายจะกอดปลอบลูกสาวของตนที่ยืนสะอึกสะอื้นไม่พูดไม่จา“คุณพ่อ” ผ้าแพรเอ่ยเสียงอ่อนอยากจะเข้าไปหาพ่อของเธอแต่ก็ถูกยายของเธอขวางเอาไว้เสียก่อน“ถ้ารักยายอย่ายุ่งกับคนๆนี้” พิกุลเอ่ยเสียงแข็ง“ยายคะ” ไม่ทันขาดคำของพิกุลผ้าแพรก็สะอื้นหนักเธออยากเข้าไปกอดคนที่พึ่งรู้ว่าเป็นพ่อแท้ๆใจจะขาดแต่เธอก็รักและเคารพยายเธอมากกว่าจะขัดคำสั่งตอนนี้จึงทำอะไรไม่ถูกได้แต่วิ่งหนีเข้าห้องของเธอไป“แพร” ภูผาเห็นดังนั้นจึงรีบตามผ้าแพรไปติดๆเพราะตอนนี้เขาเป็นห่วงความรู้สึกของเธอเป็นที่สุด“ฮือๆๆๆ..” ผ้าแพรนั่งพิงหัวเตียงกอดหมอนสะอื้นใจจะขาด“แพร..” ภูผาเข้ามานั่งข้างๆคนที่กำลังสะอื้นสีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรเมื่อเห็นเธอเสียใจหนักแบบนี้“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย..ฮือ.ๆๆ” แขนเรียวกอดกระชับหมอนจนแน่น“เธอโกรธคุณพ่อหรือเปล่า” ภูผาอยากจะรู้นักว่าตอนนี้ในใจของผ้าแพรคิดยังไงกับเรื่องที่พึ่งรู้เผื่อเขาจะได้ช่วยจัดการกับความรู้สึกของเธอถูก“ไม่..ฮือๆๆ..ถึง
วันต่อมา“คุณยายครับผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย” ภูผาตัดสินใจจะคุยกับพิกุลในรุ่งเช้าของอีกวันเพราะเขาจะปล่อยให้ผ้าแพรเครียดแบบนี้อยู่ไม่ได้มันจะไม่เป็นผลดีต่อตัวผ้าแพรเองและลูกในท้องเขาเชื่อว่าพิกุลนั้นต้องรับฟังเขาแน่นอน แต่แค่เมื่อคืนนี้แค่โมโหมากเพราะพึ่งรู้เรื่องราวเก่าๆที่ไม่ดีเท่านั้น“ว่ามาสิ” พิกุลมองหน้าหลานเขยของเธอด้วยสายตาสงสัยว่าเขานั้นมีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอแต่เช้า“แพรเธอต้องการพ่อนะครับคุณยาย...แต่เธอรักคุณยายมากเกินกว่าที่จะพูดตรงๆเพราะกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจคุณยาย” ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลงนั่งลงตรงหน้าหญิงชราได้ก็เอ่ยสิ่งที่ต้องการจะพูดทันทีที่เขามาพูดเพราะรู้ดีว่าผ้าแพรคงไม่กล้าพูดกับยายของตนแน่นอนและเขาก็เชื่อว่าพิกุลรักผ้าแพรมากพอที่จะยอมรับในการตัดสินใจของผ้าแพร“ฉันทำร้ายหลานฉันสินะ...ถ้าเราเป็นยายเราจะทำยังไง” พิกุลเชิดหน้าหนีภูผาเล็กน้อย“ผมรู้ครับว่าคุณยายเจ็บปวดแต่ถ้าเป็นผม..ผมจะเคารพในการตัดสินใจของคนที่ผมรัก”“ลองให้หนูแพรตัดสินใจเอาเองนะคะแม่” พิมพรรณที่ได้ยินภูผาเอ่ยมาตั้งแต่แรกครั้งนี้เธอจึงช่วยเอ่ยเสริมเพราะเธอก็รักผ้าแพรมากเสียจนไม่อยากให้หลานของเธอที่เลี้ย
“พวกพี่อยู่แถวนี้เหรอคะ” ผ้าแพรเห็นชายฉกรรจ์สองคนสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดโพกผ้าข่าวม้าปิดหน้าเหลือเพียงแค่ดวงตาแตกต่างจากคนงานที่นี่ยืนมองพวกเธอนานสองนานไม่ใกล้ไม่ไกลนักจึงเดินเข้าไปถามเผื่อจะเป็นคนแถวพื้นที่นี้ แต่สองคนนั้นพอเห็นผ้าแพรเดินเข้ามาหาก็รีบเดินหนีกลับกันไปทันที“อะไรเหรอแพร” เพียงฟ้าเห็นผ้าแพรเดินแยกออกมาจึงเดินมาตาม“แพรเห็นพวกพี่เค้านั่งดูเรานานแล้วพอเดินไปถามก็หนีไปเลย” ผ้าแพรขมวดคิ้วเล็กน้อย“คงเป็นคนที่ไร่แถวนี้ล่ะมั้ง” เพียงฟ้าไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะคนที่เดินผ่านทางนี้ก็ไม่พ้นคนในไร่ใดไร่หนึ่งที่อยู่ข้างๆที่ผืนนี้เมื่อเดินดูพื้นที่กันพักใหญ่จนเริ่มร้อนมากแล้วทุกคนก็มานั่งพักที่เต้นสนามใต้ต้นไม้ใหญ่“ข้าวผัดกับขนมค่ะ” ผ้าแพรหยิบกล่องอาหารที่เธอเตรียมมาเผื่อทุกคนออกจากถุงผ้าและยื่นให้ทุกคนคนละกล่องในนั้นเป็นข้าวผัดไข่ที่เธอเป็นคนเตรียมเอง“ร้อนหรือเปล่า” เมื่อร่างบางหย่อนก้นลงนั่งข้างๆภูผาจึงแกะห่อผ้าเย็นซับหน้าผากให้กับผ้าแพรเพราะตอนนี้เธอเหงื่อออกจนไรผมเปียกไปหมด“ไม่เท่าไรค่ะ” ใบหน้าหวานหันไปยิ้มขอบคุณคนข้างๆมือน้อยก็คอยแกะกล่องข้างให้กับเขาธีรดลนั่งมองพฤติกรรมของทั้งสอ
เมื่อพิกุลรู้ว่าภูผาถูกหมามุ่ยมาจึงให้เขาถอดเสื้อผ้าออกให้หมดใส่แต่ผ้าขาวม้าผูกเอวเอาไว้แล้วนั่งที่แคร่ใต้ถุนบ้านแล้วจึงใช้เทียนขี้ผึ้งลนไฟจนอ่อนคลึงไปตามเนื้อตัวเพื่อให้ขนหมามุ่ยนั้นหลุดออกจากผิวหนัง“อีกเดี๋ยวก็จะเบาแล้วล่ะ”พิกุลใช้เทียนคลึงตามเนื้อตัวหลานเขยพร้อมกับผ้าแพรโดยพิกุลคลึงด้านหลังและผ้าแพรนั้นจัดการคลึงที่แผงอกด้านหน้า“ดีนะที่ยังรู้ตัวทันไม่งั้นคงเกาเป็นลิงล่ะทีนี้” พิกุลพูดไปอมยิ้มไปสงสารหลานก็สงสารแต่ก็ยังรู้สึกขบขันที่ภูผานั้นไม่ระวังจนเจอพิษของหมามุ่ยจนได้“เอ..ย่าว่าโดนที่ตัวแต่ทำไมแดงที่หน้าล่ะ” สายทองยืนมองหลานเธออยู่ครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่าหน้าของหลานเธอจะแดงเป็นพิเศษทั้งที่ไม่ใช่จะถูกหมามุ่ยคงจะเป็นพิษความเขินคนที่ก้มๆเงยๆตรงหน้ามากกว่า“ที่หน้าก็โดนหมามุ่ยเหมือนกันเหรอคะ” ใบหน้านวลได้ยินสายทองว่าเช่นนั้นจึงหยุดมือจากการคลึงเทียนขี้ผึ้งบนหน้าอกของภูผาและเงยหน้ามาจับจ้องผิวหน้าของภูผาใกล้ๆจนคนตัวโตเบนหน้าหนี“อ๋อ..เปล่าไม่มีอะไรหรอก” ภูผาเอ่ยเสียงเรียบทั้งเพ่งมองไปยังต้นไม้ต้นหญ้าใกล้ๆที่ไม่ใช่ใบหน้าหวานของหญิงสาว“จะว่าไปมันก็แดงอย่างที่คุณย่าว่าจริงๆนะคะ” มือน้อ
“ช่วยแพรด้วยค่ะแพรร้อน.. อืม.. “ ตอนนี้ผ้าแพรเธอทั้งร้อนทั้งหายใจไม่ออกน้ำเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือค่อยๆอ่อนลงแล้วสติของเธอก็ค่อยๆดับวูบลงปั้ง..ๆๆ แกร๊กกภูผาถอดเสื้อของเขาชุบน้ำแล้วหยิบขวานที่อยู่ใกล้ๆวิ่งฝ่ากองไฟจามขวานใส่กุญแจสองสามทีก็หลุดออกเมื่อประตูเปิดได้เข่าของเขาก็แทบทรุดเมือเห็นหญิงสาวหมดสติกองอยู่กับพื้นไปแล้ว “แพร..” ชายหนุ่มรีบเอาเสื้อของเขาคลุมตัวหญิงสาวแล้วอุ้มเธอออกมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบพาเธอส่งโรงพยาบาลอย่างด่วนที่สุดชั่วโมงต่อมาโรงพยาบาลตอนนี้ทุกคนจดจ่ออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินรอฟังอาการของผ้าแพรด้วยความกังวลไม่นานนักหมอหนุ่มก็ได้ออกมาเจ้งอาการของผ้าแพรกับทุกคน“แม่กับเด็กปลอดภัยครับดีนะครับที่สูดควันไปไม่มากยังไงให้เธอนอนดูอาการที่นี่คืนนึงนะครับ” คำพูดของหมอหนุ่มทำสถานการณ์ที่ตรึงเครียดค่อยๆดีขึ้น“เฮ่อ..” ภูผาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เขาคิดว่าทั้งสองจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว“...” ธีรดลและเพียงฟ้ากอดกันกลมโล่งใจไปตามๆกันที่ผ้าแพรและหลานของพวกเขาปลอดภัยไม่มีคำพูดอะไรออกมาเพราะดีใจจนพูดไม่ออกRrrrrRrrrr“ได้ค่ะ..โอเค” เพียงฟ้าผละออกจากอกของพ่อเธอเมื่อมีสายเข้า“พ่อค
โรงพยาบาล“อืม..” ผ้าแพรรู้สึกตัวตื่นมาในช่วงหัวค่ำสายตาของเธอตอนนี้มองไปรอบๆอย่างตื่นกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นภูผานั่งอยู่ข้างๆเธอจึงรีบดึงแขนของเขามาจับเอาไว้“เป็นยังไงบ้าง..” คนตัวโตรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกอดร่างบางเอาไว้แน่นเพราะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตัวสั่นยิ่งคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดที่ปล่อยเธอเอาไว้คนเดียว“.....” ผ้าแพรเงยหน้ามองภูผาด้วยน้ำตาเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิดว่าเธอจะไม่รอดกลับมาเสียแล้ว“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอันตรายอีกแล้วไม่มีเรื่องร้ายอะไรแล้วนะแพร” มือหนายกลูบหัวทุยของหญิงสาวเบาๆยิ่งเห็นเธอดูกลัวมากเท่าไรเขาก็ยิ่งใจไม่ดีมากเท่านั้น“เป็นยังไงบ้างล่ะ” พิกุลและทุกคนที่เรือนตอนนี้นั่งมองโสพิศที่กำลังคุยกับภูผาอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเห็นโสพิศวางสายได้พิกุลก็รีบถามอาการของผ้าแพรทันที“ตาภูบอกว่าหนูแพรฟื้นแล้วค่ะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพรุ่งนี้ก็กลับได้แล้วค่ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มอ่อนโล่งใจที่ตอนนี้ผ้าแพรและลูกในท้องไม่เป็นอะไรหมอขอดูอาการแค่คืนนี้หากไม่มีอะไรแทรกซ้อนพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้วันต่อมาไร่ปรานโชคเรือนสา
โรงพยาบาล“เป็นยังไงบ้างลูก” หลังจากที่ธีรดลและเพียงฟ้ากลับจากไร่ปรานโชคแล้วก็เดินทางมาหาผ้าแพรกับภูผาที่โรงพยาบาลต่อ“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ...เมื่อวานแพรคิดว่าจะไม่ได้เจอทุกคนซะแล้ว” ผ้าแพรกอดพ่อเธอเอาไว้แน่นแววตาของเธอตอนที่เอ่ยคำนี้ออกมาค่อนข้างเศร้าจนทุกคนต่างก็สลดไปตามๆกัน“เรื่องเมื่อวานเราจะไม่พูดถึงมันแล้วนะลูกเพราะวันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน” ธีรดลลูบหัวลูกสาวของเขาเบาๆเรื่องไม่ดีที่มันผ่านไปแล้วเขาก็ไม่อยากให้พูดถึงเพราะจะเป็นการตอกย้ำความกลัวของผ้าแพรและพวกเขาเย็นของวันบ้านสวน“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก” เมื่อภูผาพาผ้าแพรกลับมาบ้านได้พิกุลและพิมพรรณก็รับเข้ามาสวมกอดเรียกขวัญหลานสาวของตนทันที“แล้วนี่จับคนร้ายได้แล้วใช่ไหม” สายทองเอ่ยกับภูผาด้วยสีหน้าร้อนใจ“ครับคุณย่าพวกมันแค่อยากก่อกวนไม่ให้คุณพ่อสร้างรีสอร์ทต่อ” คนตัวโตกอดอกพยักหน้าเบาๆ“ตายจริงทำกันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปได้” หญิงชรายกมือทาบอกอย่างตกใจนี่ขนาดก่อกวนยังเล่นกันถึงเอาชีวิตแล้วถ้าจงใจที่จะทำร้ายคนเลยจะทำถึงขนาดไหน“ไม่ใช่ก็คล้ายๆครับคุณย่า” ภูผาเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เขาคิดว่าไม่ใช่แค่ทำเป็นบ้านป่าอย่างที่คุณย่าของเขา
“เออ..” มนัสได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆลดปืนลงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินกลับแต่เขาก็แว้งกัดอัสนีในขณะที่เผลอใช้กระบอกปืนในมือฟาดไปที่ใบหน้าของอัสนีอย่างจังพลั้ก“ว้ายย” เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นต่อหน้าหญิงสาวระยะประชิดทำให้เธอตกใจอย่างมากจึงกรีดร้องออกมาเสียงดังพลั้กก อัสนีหันกลับมาชกมนัสจนอีกฝ่ายล้มพับลงไป“หยุดนะโว้ย” จักรกฤษมือขวาของอัสนีเห็นว่าพัสสนกำลังชักปืนจ่อมาที่เจ้านายของเขาจึงรีบจ่อปืนไปที่หัวของพัสสนก่อนพร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนที่ยืนอยู่“หมาหมู่เหรอวะกูไปก็ได้โว้ย” มนัสเอ่ยเสียงฝาดด้วยความแค้นจัดวันนี้เขาเสียหน้าวันหน้าเขาจะต้องเอาคืนอัสนีให้ได้เอ่ยจบก็รีบขึ้นรถตัวเองออกไปเรือนสายฟ้า“โอ้ยย..ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด” อัสนีเอี้ยวหน้าหนีมือเพียงฟ้าแทบไม่ทันไม่รู้ว่าเธอจะทำแผลให้เขาหรือจะทำให้เขาระบมหนักมากกว่าเดิม“ฉันเบามือสุดแล้วนะคุณ...” เพียงฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยเธอคิดว่าเธอเบามือสุดแล้วด้วยซ้ำกับการใช้สำลีเช็ดเลือกที่มุมปากของเขา“แล้วมาทำอะไรที่นี่คนเดียวไม่รู้หรือไงมันอันตรายถ้าพวกผมไม่ผ่านไปแถวนั้นป่านนี้..”“รู้แล้ว.. ไม่ต้องพูด..ฉันแค่มาดูความเสียหายเฉยๆไม่คิด