“ช่วยแพรด้วยค่ะแพรร้อน.. อืม.. “ ตอนนี้ผ้าแพรเธอทั้งร้อนทั้งหายใจไม่ออกน้ำเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือค่อยๆอ่อนลงแล้วสติของเธอก็ค่อยๆดับวูบลง
ปั้ง..ๆๆ แกร๊กก
ภูผาถอดเสื้อของเขาชุบน้ำแล้วหยิบขวานที่อยู่ใกล้ๆวิ่งฝ่ากองไฟจามขวานใส่กุญแจสองสามทีก็หลุดออกเมื่อประตูเปิดได้เข่าของเขาก็แทบทรุดเมือเห็นหญิงสาวหมดสติกองอยู่กับพื้นไปแล้ว
“แพร..” ชายหนุ่มรีบเอาเสื้อของเขาคลุมตัวหญิงสาวแล้วอุ้มเธอออกมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบพาเธอส่งโรงพยาบาลอย่างด่วนที่สุด
ชั่วโมงต่อมา
โรงพยาบาล
ตอนนี้ทุกคนจดจ่ออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินรอฟังอาการของผ้าแพรด้วยความกังวลไม่นานนักหมอหนุ่มก็ได้ออกมาเจ้งอาการของผ้าแพรกับทุกคน
“แม่กับเด็กปลอดภัยครับดีนะครับที่สูดควันไปไม่มากยังไงให้เธอนอนดูอาการที่นี่คืนนึงนะครับ” คำพูดของหมอหนุ่มทำสถานการณ์ที่ตรึงเครียดค่อยๆดีขึ้น
“เฮ่อ..” ภูผาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เขาคิดว่าทั้งสองจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว
“...” ธีรดลและเพียงฟ้ากอดกันกลมโล่งใจไปตามๆกันที่ผ้าแพรและหลานของพวกเขาปลอดภัยไม่มีคำพูดอะไรออกมาเพราะดีใจจนพูดไม่ออก
RrrrrRrrrr
“ได้ค่ะ..โอเค” เพียงฟ้าผละออกจากอกของพ่อเธอเมื่อมีสายเข้า
“พ่อคะตอนนี้ตำรวจจับคนร้ายได้แล้วค่ะเดี๋ยวฟ้าไปจัดการเองคุณพ่อดูแพรที่นี่แหละค่ะ” เพียงฟ้ายิ้มออกที่ตอนนี้ตำรวจจับคนร้ายได้แล้วเออยากจะรู้นักว่าเหตุใดคนที่ทำถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้
“ฝากด้วยนะลูก” ธีรดลพยักหน้าและยกมือตบบ่าเพียงฟ้าเบาตอนนี้เขาไม่มีกะใจจะไปไหนทั้งนั้นเพราะเป็นห่วงผ้าแพรก็ได้แต่ฝากฝังให้เพียงฟ้าจัดการธุระแทน
โรงพัก
“รู้เอาไว้ด้วยการกระทำของพวกคุณให้น้องกับหลานฉันเกือบตายฉันจะเอาเรื่องพวกคุณให้ถึงที่สุดเลย” เมื่อมาถึงโรงพักได้เพียงฟ้าก็ต่อว่าผู้ต้องหาชายทั้งสองเสียงดังลั่นโรงพัก
“ใจเย็นๆครับคุณผู้หญิง” ตำรวจร้อยเวรจำต้องรีบปรามเพียงฟ้าเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้เธอเล่นโวยวายมาพักใหญ่แล้วและไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
“อยากเห็นหน้าพ่อเลี้ยงอัสนีชั่วนักเห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาหรือไง” เพียงฟ้าเท้าเอวกัดฟันกรอดอยากจะเจอคนที่บงการเรื่องนี้ว่าคนที่สารเลวที่ฆ่าคนได้เป็นผักเป็นปลามันหน้าตาเป็นเช่นไร
“ผมพ่อเลี้ยงอัสนีครับ” อัสนีพ่อเลี้ยงหนุ่มรูปงามอายุสามสิบเป็นพ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งไร่ปรานโชคเพิ่งจะเข้ามาบริหารงานที่นี่ได้หลังจากที่พ่อของเขาพึ่งเสียเป็นคนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่ก็ชอบมีเรื่องมาหาตัวตลอดเวลา
“หืม.. ไอ้ชั่วเอ้ย” สิ้นเสียงของผู้ชายเสียงเข้มด้านหลังของเพียงฟ้าหญิงสาวก็หันหน้ากลับไปมองค้อนเจ้าของเสียงทันทีดวงตากลมโตมองชายผมยาวร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มด้วยสายตาเกลียดชังพร้อมยกมือเรียวฟาดไปที่หน้าของเขาจนสั่น
เพียะ
“อะไรของคุณเนี่ย” อัสนีหน้าหันไปตามแรงมือของเพียงฟ้าตอนนี้แก้มซ้ายของเขาแดงเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้าเมื่อหันกลับมาได้เขาถลึงตาใส่หญิงสาวอย่างไม่พอใจและดึงแขนของเธอกำเอาไว้แน่นตอนนี้คนทั้งโรงพักต่างก็มองทั้งคู่มาเป็นตาเดียว
“ผมบอกให้ใจเย็นๆไงครับคุณผู้หญิง” ร้อยเวรถึงกับต้องแยกทั้งสองและสั่งให้ใจเย็นๆก่อนที่เรื่องรุนแรงจะเกิดขึ้นหนักกว่านี้
“เค้าจะฆ่าน้องกับหลานฉันนะคะคุณตำรวจ” เพียงฟ้ายังไม่หยุดง่ายๆเธอยังคงมองค้อนตาแข็งใส่อัสนีไม่ขาด
“ผมไม่ได้ทำ” ริมฝีปากหนาเอ่ยเสียงดังฟังที่เขามาที่นี่ก็เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาและจะมาดูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทำเรื่องนี้และใส่ร้ายเขา
“โกหกหน้าด้านสองคนนี้ก็สารภาพแล้วคุณตำรวจจับเค้าเข้าคุกเลยค่ะ” เพียงฟ้าชี้หน้าอัสนีอย่างไม่เกรงกลัว
“สองคนนี้ไม่ใช่คนของผม” อัสนีเห็นทีจะคุยกับหญิงสาวจอมโวยวายคนนี้ไม่ได้เพราะเธอดูจะไม่ฟังใครเอาเสียเลยเขาจึงบอกกับร้อยเวรว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนของเขาจากนั้นก็เข้าไปคุยกันในห้องพักใหญ่ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าสองคนที่สร้างเรื่องราวเป็นคนของไร่ศรีน่านและให้การใส่ร้ายอัสนีว่าเป็นคนทำ
“ผมยอมรับว่าผมเป็นคนของเสี่ยน่านแต่ที่ผมทำเพราะความคึกคะนองเฉยๆเสี่ยไม่ได้สั่ง”
“แน่ใจนะ” อัสนีถามทั้งสองอีกครั้งเสียงแข็งเขาเชื่อว่ายังไงเรื่องนี้ก็เป็นฝีมือศรีน่านแน่นนอนเพราะทุกคนที่นี่ต่างก็รู้กันดีว่าลูกน้องของศรีน่านไม่มีใครกล้าปริปากถึงความผิดของศรีน่านเป็นแน่ไม่อย่างนั้นจะไม่มีชีวิตรอดกันสักคน
ครู่ต่อมา
“ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าไม่ใช่ผมก่อนจะกล่าวหาใครมีสติหน่อยนะคุณ” อัสนีเอ่ยเสียงยียวนกับเพียงฟ้าก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้อง
“..เฮ้อ..” คนเสียหน้าก้มหน้างุดไม่ยอมมองหน้าอัสนีจะให้เธอกล้ามองหน้าเขาได้อย่างไรเมื่อก่อนหน้านี้ตบเขาไปฉาดใหญ่ขนาดนั้น
19.00 น.
“อะไรนะแล้วลูกได้ขอโทษเค้าหรือเปล่า” เมื่อธีรดลกลับบ้านมารู้เรื่องราวจากปากเพียงฟ้าว่าเธอไปทำเสียมารยาทกับใครเขาก็นั่งกุมขมับทันทีเขาไว้ใจในอารมณ์ของลูกสาวเขาไม่ได้เลยจริงๆ
“เปล่าค่ะคุณพ่อ” เพียงฟ้าส่ายหัวเบาๆตอนนั้นเธออายเกินกว่าที่จะเอ่ยอะไรกับอัสนี
“พ่อไม่น่าให้ลูกไปคนเดียวเลยเห็นทีพรุ่งนี้ต้องเข้าไปที่ไร่ปรานโชคเสียแล้วสิ” ธีรดลเห็นทีพรุ่งนี้จะต้องหิ้วหกระเช้าไปที่ไร่ปรานโชคไม่อย่างนั้นเขาคงทำธุรกิจไม่สบายใจเป็นแน่
โรงพยาบาล“อืม..” ผ้าแพรรู้สึกตัวตื่นมาในช่วงหัวค่ำสายตาของเธอตอนนี้มองไปรอบๆอย่างตื่นกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นภูผานั่งอยู่ข้างๆเธอจึงรีบดึงแขนของเขามาจับเอาไว้“เป็นยังไงบ้าง..” คนตัวโตรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกอดร่างบางเอาไว้แน่นเพราะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตัวสั่นยิ่งคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดที่ปล่อยเธอเอาไว้คนเดียว“.....” ผ้าแพรเงยหน้ามองภูผาด้วยน้ำตาเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิดว่าเธอจะไม่รอดกลับมาเสียแล้ว“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอันตรายอีกแล้วไม่มีเรื่องร้ายอะไรแล้วนะแพร” มือหนายกลูบหัวทุยของหญิงสาวเบาๆยิ่งเห็นเธอดูกลัวมากเท่าไรเขาก็ยิ่งใจไม่ดีมากเท่านั้น“เป็นยังไงบ้างล่ะ” พิกุลและทุกคนที่เรือนตอนนี้นั่งมองโสพิศที่กำลังคุยกับภูผาอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเห็นโสพิศวางสายได้พิกุลก็รีบถามอาการของผ้าแพรทันที“ตาภูบอกว่าหนูแพรฟื้นแล้วค่ะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพรุ่งนี้ก็กลับได้แล้วค่ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มอ่อนโล่งใจที่ตอนนี้ผ้าแพรและลูกในท้องไม่เป็นอะไรหมอขอดูอาการแค่คืนนี้หากไม่มีอะไรแทรกซ้อนพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้วันต่อมาไร่ปรานโชคเรือนสา
โรงพยาบาล“เป็นยังไงบ้างลูก” หลังจากที่ธีรดลและเพียงฟ้ากลับจากไร่ปรานโชคแล้วก็เดินทางมาหาผ้าแพรกับภูผาที่โรงพยาบาลต่อ“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ...เมื่อวานแพรคิดว่าจะไม่ได้เจอทุกคนซะแล้ว” ผ้าแพรกอดพ่อเธอเอาไว้แน่นแววตาของเธอตอนที่เอ่ยคำนี้ออกมาค่อนข้างเศร้าจนทุกคนต่างก็สลดไปตามๆกัน“เรื่องเมื่อวานเราจะไม่พูดถึงมันแล้วนะลูกเพราะวันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน” ธีรดลลูบหัวลูกสาวของเขาเบาๆเรื่องไม่ดีที่มันผ่านไปแล้วเขาก็ไม่อยากให้พูดถึงเพราะจะเป็นการตอกย้ำความกลัวของผ้าแพรและพวกเขาเย็นของวันบ้านสวน“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก” เมื่อภูผาพาผ้าแพรกลับมาบ้านได้พิกุลและพิมพรรณก็รับเข้ามาสวมกอดเรียกขวัญหลานสาวของตนทันที“แล้วนี่จับคนร้ายได้แล้วใช่ไหม” สายทองเอ่ยกับภูผาด้วยสีหน้าร้อนใจ“ครับคุณย่าพวกมันแค่อยากก่อกวนไม่ให้คุณพ่อสร้างรีสอร์ทต่อ” คนตัวโตกอดอกพยักหน้าเบาๆ“ตายจริงทำกันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปได้” หญิงชรายกมือทาบอกอย่างตกใจนี่ขนาดก่อกวนยังเล่นกันถึงเอาชีวิตแล้วถ้าจงใจที่จะทำร้ายคนเลยจะทำถึงขนาดไหน“ไม่ใช่ก็คล้ายๆครับคุณย่า” ภูผาเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เขาคิดว่าไม่ใช่แค่ทำเป็นบ้านป่าอย่างที่คุณย่าของเขา
“เออ..” มนัสได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆลดปืนลงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินกลับแต่เขาก็แว้งกัดอัสนีในขณะที่เผลอใช้กระบอกปืนในมือฟาดไปที่ใบหน้าของอัสนีอย่างจังพลั้ก“ว้ายย” เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นต่อหน้าหญิงสาวระยะประชิดทำให้เธอตกใจอย่างมากจึงกรีดร้องออกมาเสียงดังพลั้กก อัสนีหันกลับมาชกมนัสจนอีกฝ่ายล้มพับลงไป“หยุดนะโว้ย” จักรกฤษมือขวาของอัสนีเห็นว่าพัสสนกำลังชักปืนจ่อมาที่เจ้านายของเขาจึงรีบจ่อปืนไปที่หัวของพัสสนก่อนพร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนที่ยืนอยู่“หมาหมู่เหรอวะกูไปก็ได้โว้ย” มนัสเอ่ยเสียงฝาดด้วยความแค้นจัดวันนี้เขาเสียหน้าวันหน้าเขาจะต้องเอาคืนอัสนีให้ได้เอ่ยจบก็รีบขึ้นรถตัวเองออกไปเรือนสายฟ้า“โอ้ยย..ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด” อัสนีเอี้ยวหน้าหนีมือเพียงฟ้าแทบไม่ทันไม่รู้ว่าเธอจะทำแผลให้เขาหรือจะทำให้เขาระบมหนักมากกว่าเดิม“ฉันเบามือสุดแล้วนะคุณ...” เพียงฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยเธอคิดว่าเธอเบามือสุดแล้วด้วยซ้ำกับการใช้สำลีเช็ดเลือกที่มุมปากของเขา“แล้วมาทำอะไรที่นี่คนเดียวไม่รู้หรือไงมันอันตรายถ้าพวกผมไม่ผ่านไปแถวนั้นป่านนี้..”“รู้แล้ว.. ไม่ต้องพูด..ฉันแค่มาดูความเสียหายเฉยๆไม่คิด
“เปล่านะคะฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” ผ้าแพรส่ายหัวพัลวันเธอไมได้มีเจตนาแบบที่ทับทิมกล่าวหาแม้แต่น้อย“อย่ามาตอแหล” เสียงฝาดของทับทิมทำเอาผ้าแพรสะดุ้งเฮือก“อย่ามาทำกิริยาต่ำๆในบ้านของฉันนะ” โสพิศได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดูเมื่อเห็นว่าผ้าแพรกำลังถูกทับทิมทำร้ายเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปผลักทับทิมออกและชี้หน้าต่อว่าด้วยความไม่พอใจ“คุณแพร” ดวงใจเห็นผ้าแพรนั่งกองกับพื้นจึงรีบพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาไปนั่งที่โซฟา“สวัสดีค่ะคุณแม่ทับทิมแค่แวะมาคุยกับนังนี่แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละค่ะขอตัว” ทับทิมยกมือไหว้ทักทายโสพิศเสียงแข็งก่อนจะเดินเชิดหน้าออกไปอย่างไม่มีมารยาท“ตาภูไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกันมารยาททรามที่สุด” โสพิศส่ายหัวด้วยสีหน้าระอาที่ลูกชายของเธอไม่เลือกผู้หญิงที่ยุ่งด้วยเอาเสียเลย“เป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย..ดวงรีบไปเอายามาทาเร็ว” เมื่อทับทิมกลับไปแล้วโสพิศจึงรีบเข้ามาดูตามเนื้อตัวผ้าแพรเพราะเนื้อตัวมีรอยแดงหลายแห่งและรีบให้ดวงใจไปหายามาทาลูกสะใภ้ของเธอก่อนที่จะช้ำไปมากกว่านี้หลายชั่วโมงต่อมา“กลับมาก็ดีแล้วมาคุยกับย่าหน่อยซิ” สายทองเห็นหลานชายเธอกลับบ้านมาในช่วงบ่ายก็รีบเรียกไปคุยทันทีเพราะ
เมื่อถึงเวลาแถลงข่าวนักข่าวหลายคนต่างก็มุ่งประเด็นของข่าวที่ออกมาเมื่อเช้ากันก่อนเป็นอันดับแรก“เรื่องราวที่เกิดขึ้นผมยอมรับครับว่าคนในรูปเป็นผมแต่ผมกับทับทิมเราไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” และนี่ก็เป็นคำตอบของภูผาที่ให้ข่าวแก่ทุกคนทำเอานักข่าวหลายสิบคนต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจหากไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมถึงมีภาพหลุดแบบนั้นออกมา“ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วมีภาพหลุดว่านอนด้วยกันได้ยังไงคะ” เสียงนักข่าวสาวตะโกนออกมาระหว่างที่ตอนนี้มีแต่ความเงียบ“เสร็จงานก็จ่ายเงินคำนี้พี่ๆนักข่าวน่าจะเข้าใจนะครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามสั้นๆแต่ความหมายของมันก็ทำให้ทุกคนต่างก็ตาลุกวาวเพราะไม่คิดว่าดาราสาวสวยที่กำลังดังอย่างทับทิมจะขายบริการ“หมายความว่าคุณทับทิมขายตัวอย่างนั้นเหรอคะ” ความเป็นนักข่าวแม้จะเข้าใจความหมายก็อยากจะถามซ้ำเพื่อที่จะได้รับคำตอบจากปากภูผาตรงๆ“ตามที่ผมพูดเมื่อครู่ครับ” เขาจะพูดเพียงแค่ครั้งเดียวและคิดว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่ก็น่าจะกระจ่างแล้ว“ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคุณภูแต่งงานแล้วแต่ยังซื้อบริการงั้นเหรอครับ” เมื่อคำถามประเด็นหลักหมดไปประเด็นต่อมาก็ถูกถามขึ้นเสียงดังฟังชัดจากนักข่าวชายหนุ่มอีกสำนั
เช้าวันต่อมาผ้าแพรตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่เมื่อสายตามองเห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆสมองประมวลเรื่องราวเมื่อคืนที่เขาทำกับเธอจนสร้างความสับสนใจใจขึ้นมาอีกครั้ง“...” หญิงสาวพลิกตะคงหันหน้ามองใบหน้าคมที่กำลังหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าครุ่นคิดทั้งเมื่อลองขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายช้าๆหัวใจของเธอกลับเต้นเร็วผิดปกติแถมยังรู้สึกไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าเขาใกล้ๆทั้งที่เขาก็ไม่ได้รู้ตัว“จะจ้องหน้าฉันอีกนานหรือเปล่า” แขนแกร่งตวัดรวบร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้แน่นเขารู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนเธอตื่นแล้วแต่เมื่อเห็นหญิงสาวตื่นจึงแกล้งหลับ“เอ่อ..อืม” เมื่อถูกจับได้สาวเจ้าก็เอาแต่ก้มหน้างุดพ่นลมหายใจอ่อนลงบนอกแกร่งของคนที่กอดเธอเอาไว้“วันนี้พักผ่อนเยอะๆรู้ไหมฉันจะรีบไปรีบกลับ”ฟอดดดด พูดจบก็เชยใบหน้านวลขึ้นมาหอมฟอดใหญ่แล้วจึงค่อยลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะรีบไปทำงานจะได้รีบกลับหากเป็นไปได้ทุกวันเขาอยากจะพาเธอไปด้วยกันด้วยซ้ำทิ้งให้หญิงสาวนั้นนอนกำผ้าห่มแน่นหน้าแดงแทบจะเป็นลูกตำลึงอยู่บนเตียง“หน้าตาสดใสขึ้นนะเรา” สายทองชวนหลานสะใภ้ของเธอมานั่งคุยกันที่ห้องโถงในช่วงสายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นหน้าตาสดใสขึ้นก็พลอยสบายใจไปอ
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่” ภูผาพึ่งกลับมาถึงบ้านเห็นแดเนียลกับปกรณ์นั่งคุยอยู่กับผ้าแพรหัวร่อต่อกระซิกจึงรีบเข้ามาหย่อนก้นนั่งข้างๆคนเป็นภรรยาใบหน้าคมมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรเพราะเพื่อนของเขามาที่นี่โดยไม่บอกไม่กล่าว“เอาผ้าไหมลายใหม่มาให้คุณย่าน่ะสิแดนมันว่างพอดีฉันเลยชวนมันมากะทันหันไม่ทันได้บอก”“เดี๋ยวนี้แกกลับบ้านเร็วเป็นด้วยเหรอวะ” แดเนียลเอ่ยจบก็หันไปยิ้มอ่อนกับปกรณ์“ไม่มีอะไรสำคัญก็เลยกลับ” ใบหน้าคมยังมีสีหน้าที่ตึงเล็กน้อยเหตุด้วยยังไม่หายเคืองใจที่สองหนุ่มเพื่อนเขาเข้ามาคุยกับภรรยาเขาอย่างสนิทสนมครู่ต่อมาตอนนี้ผ้าแพรปล่อยให้สามหนุ่มได้นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนโดยเธอขอปลีกตัวไปเตรียมของว่างให้ทั้งสามอยู่ในครัว“เฮ้ย..ฉันเห็นในแถลงแกพูดจริงเหรอวะ...เปลี่ยนเป็นสนใจเมียแกแค่คนเดียวได้จริงเหรอ” ปกรณ์ว่าจะคุยเรื่องนี้กับภูผานานแล้วเมื่อเห็นผ้าแพรปลีกตัวออกไปเลยได้จังหวะถามต่อหน้า“แกเคยเห็นฉันโกหกหรือไง..ฉันคือคนที่ชัดเจนกับคำพูดและการกระทำสุดแล้ว” ภูผาพยักหน้าเบาๆเขาเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนรักก็รักไม่รักก็บอกไม่รักไม่ชอบเก็บความรู้สึก“ฉันดีใจนะที่แกเปลี่ยนได้แล้วน้องแพรล่ะเค้าคิ
“คุณภูอย่าแกล้งแพรค่ะ” มือน้อยจับมือของเขากำเอาไว้แน่นไม่ให้เขานั้นแกล้งเธอได้เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าเขาตอนนี้“ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยมาเดินเล่นดีกว่านะดวง” สายทองเอ่ยกับดวงใจเสียงดังคิดว่าวันนี้เธอคงจะไม่นั่งเล่นริมน้ำยามเย็นเหมือนเคยๆเสียแล้วเมื่อเอ่ยจบก็เดินอมยิ้มกลับเข้าไปในตัวบ้าน“ค่ะคุณท่าน” ดวงใจลอบมองภูผาและผ้าแพรด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินตามสายทองเข้าบ้านไป“คุณย่ามาเห็นจนได้” สาวเจ้าขมวดติ้วเล็กน้อยจากที่เขินภูผาอยู่พอตัวแล้วเมื่อรู้ว่าสายทองนั้นเห็นพฤติกรรมของพวกเธอตอนนี้ผ้าแพรก็ยิ่งรู้สึกอายเข้าไปใหญ่“ท่านเข้าใจน่าสามีภรรยาก็ต้องหวานกันเป็นธรรมดา...แพร”“คะ”“ทุกๆอย่างที่ฉันพูดออกไปไม่เคยโกหกสักคำเธอเชื่อใจฉันได้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีเรื่องผู้หญิงคนอื่นมากวนใจเธออีก” ดวงตาคมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมอกอย่างไม่วางตาทั้งเอ่ยกับเธอด้วยน้ำสียงที่หนักแน่นชัดถ้อยชัดคำให้หญิงสาวนั้นได้มั่นใจว่าสิ่งที่เขาลั่นวาจาไว้แล้วนั้นจะไม่คืนคำแน่นอน“จริงใช่ไหมคะ” ผ้าแพรเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้ามองคนเป็นสามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังหากเขาทำได้อย่างที่พูดเธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลั