โรงพยาบาล
“อืม..” ผ้าแพรรู้สึกตัวตื่นมาในช่วงหัวค่ำสายตาของเธอตอนนี้มองไปรอบๆอย่างตื่นกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นภูผานั่งอยู่ข้างๆเธอจึงรีบดึงแขนของเขามาจับเอาไว้
“เป็นยังไงบ้าง..” คนตัวโตรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกอดร่างบางเอาไว้แน่นเพราะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตัวสั่นยิ่งคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดที่ปล่อยเธอเอาไว้คนเดียว
“.....” ผ้าแพรเงยหน้ามองภูผาด้วยน้ำตาเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิดว่าเธอจะไม่รอดกลับมาเสียแล้ว
“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอันตรายอีกแล้วไม่มีเรื่องร้ายอะไรแล้วนะแพร” มือหนายกลูบหัวทุยของหญิงสาวเบาๆยิ่งเห็นเธอดูกลัวมากเท่าไรเขาก็ยิ่งใจไม่ดีมากเท่านั้น
“เป็นยังไงบ้างล่ะ” พิกุลและทุกคนที่เรือนตอนนี้นั่งมองโสพิศที่กำลังคุยกับภูผาอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเห็นโสพิศวางสายได้พิกุลก็รีบถามอาการของผ้าแพรทันที
“ตาภูบอกว่าหนูแพรฟื้นแล้วค่ะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพรุ่งนี้ก็กลับได้แล้วค่ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มอ่อนโล่งใจที่ตอนนี้ผ้าแพรและลูกในท้องไม่เป็นอะไรหมอขอดูอาการแค่คืนนี้หากไม่มีอะไรแทรกซ้อนพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้
วันต่อมา
ไร่ปรานโชค
เรือนสายฟ้า
“ที่นี่เหรอคะคุณพ่อ” สองพ่อลูกขับรถมาจอดที่หน้าเรือนไม้สักทรงประยุกต์หลังใหญ่ตามที่คนงานที่สวนหน้าไร่ได้บอกว่าบ้านของพ่อเลี้ยงของพวกเขาอยู่ที่นี่
“มาหาใครคะ” ตองนวลแม่บ้านวัยห้าสิบกว่าเห็นว่ามีรถหรูไม่คุ้นตาขับมาจอดที่หน้าเรือนสายฟ้าจึงรีบออกมาต้อนรับ
“ผมมาหาพ่อเลี้ยงครับ” ธีรดลแจ้งความจำนงทันที
“เดี๋ยวฉันไปตามให้นะคะเชิญพวกคุณด้านในก่อนค่ะ”
“ครับ” สองพ่อลูกเดินตามตองนวลเข้ามานั่งในห้องรับแขกและรีบไปตามพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ห้องทำงานของเขาทันที
“สวัสดีครับคุณมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า” ไม่นานนักอัสนีก็เดินเข้ามาในห้องรับแขกด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เก่าๆผมเผ้าปล่อยไมได้มัดเพราะเขาไม่ชอบแต่งตัวเนื่องจากอยู่แต่ในไร่ในดงจึงไม่จำเป็นต้องอวดให้ใครได้ดู
“ผมพาลูกสาวมาขอโทษพ่อเลี้ยงน่ะครับพอดีแกค่อนข้างใจร้อนอย่าถือสาแกเลยนะครับ” ธีรดลเห็นว่าหากเขาเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มด้านนอกในชุดนี้คงไม่รู้เป็นแน่ว่าเป็นเจ้าของไร่ที่กินอาณาเขตกวางใหญ่ที่สุดในจังหวัด
“ผมไม่ได้ติดใจอะไรหรอกครับแค่คนชอบโวยวายเกินเหตุ” สายตาคมเปรยมองหญิงสาวที่ก้มหน้างุดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก
“ฟ้า” ธีรดลรีบหันมาเรียกลูกสาวของเธอให้พูดในสิ่งที่ควรจะพูดเสียที
“ฉันขอโทษค่ะพ่อเลี้ยง” มือเรียวทั้งสองยกมือพนมขึ้นตรงหน้าและขอโทษคนตรงข้ามด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างสลดวันนั้นเขาไม่ทำร้ายเธอกลับก็ดีเท่าไรแล้ว
เมื่อคุยกันได้ครู่หนึ่งจนรู้จักชื่อกันเรียบร้อยแล้วอัสนีก็เปิดเรื่องคุยถึงธุรกิจที่ธีรดลจะทำทันทีเพราะเขาเห็นว่ามันเสี่ยงอย่างมากในการถูกรุกรานของศรีน่านขนาดครั้งแรกยังสั่งเผาครั้งต่อไปเขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก
“คุณธีคิดยังไงมาทำรีสอร์ทที่ตรงนั้นครับ”
“ผมถามตามตรงเลยนะครับที่ตรงนี้มีอะไรหรือเปล่า” ธีรดลชักเริ่มแครงใจบ้างแล้วกับคำถามของอัสนีเขาจึงถือโอกาสนี้ถามกลับไปที่คนในพื้นที่เสียเลย
“ถ้าคุณถามตรงๆผมก็ตอบตรงๆครับ” อัสนีพยักหน้าเบาๆด้วยสีหน้าครุ่นคิดและค่อยๆเอ่ยออกมา
“ที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินติดชายแดนเป็นทางผ่านการขนสินค้าผิดกฎหมายที่เสี่ยน่านใช้ผ่านประจำแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ทั้งยังกดขี่ชาวบ้านจนชาวบ้านระอาถึงได้เร่งขายที่ทางหนีไปอยู่ที่อื่น” ศรีน่านกดขี่พวกชาวบ้านมานานเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหนี้เสี่ยน่านกันทั้งนั้นแต่มีที่เดียวที่ศรีน่านไม่กล้ายุ่งคืออาณาเขตไร่ของเขาเพราะรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่จะงัดข้อซึ่งๆหน้า
“เดี๋ยวนี้ยังมีอิทธิพลเถื่อนอยู่อีกเหรอเนี่ย” เพียงฟ้าได้ยินเช่นนั้นก็ร้สึกไม่พอใจไม่น้อยคนที่สร้างปัญหาจนชาวบ้านอยู่ไม่ได้นี่ต้องเลวได้ถึงขนาดไหนกัน
“ผมคิดว่ามันคงไม่ยอมให้พวกคุณสร้างรีสอร์ทให้เสร็จโดยง่ายเพราะหากที่นี่มีรีสอร์ทคนก็จะท่องเที่ยวแล้วพวกมันก็จะทำงานกันลำบาก”
“กฎหมายก็เอาผิดคนแบบนี้ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ” ธีรดลเริ่มหน้าเสีย
“เรียกว่าไม่มีใครสาวถึงตัวการมากกว่าทั้งที่รู้กันดีว่าใครเป็นคนสั่งการ”
“แต่ครั้งนี้คุณก็รู้นี่คะว่าคนทำคือเสี่ยน่านอะไรนั่นตำรวจยังจะเอาผิดไม่ได้อีกเหรอนี่คือการพยายามฆ่าเลยนะคะ” เพียงฟ้าขมวดคิ้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“สองคนนั้นมันไม่สารภาพนี่ครับมันบอกแค่ว่ามันทำเองแบบนี้จะทำอะไรได้” อัสนีเห็นทีหญิงสาวท่าจะลืมคำสารภาพของชายสองคนเมื่อคืนไปเสียแล้วว่าพวกมันไม่ยอมรับเลยสักนิดว่ามีคนสั่ง
“หืม.. เลวที่สุดอย่าให้เจอนะ” มือน้อยกำแน่นเธออยากจะให้คนพวกนี้หมดไปจากโลกเร็วๆเสียเหลือเกิน
โรงพยาบาล“เป็นยังไงบ้างลูก” หลังจากที่ธีรดลและเพียงฟ้ากลับจากไร่ปรานโชคแล้วก็เดินทางมาหาผ้าแพรกับภูผาที่โรงพยาบาลต่อ“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ...เมื่อวานแพรคิดว่าจะไม่ได้เจอทุกคนซะแล้ว” ผ้าแพรกอดพ่อเธอเอาไว้แน่นแววตาของเธอตอนที่เอ่ยคำนี้ออกมาค่อนข้างเศร้าจนทุกคนต่างก็สลดไปตามๆกัน“เรื่องเมื่อวานเราจะไม่พูดถึงมันแล้วนะลูกเพราะวันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน” ธีรดลลูบหัวลูกสาวของเขาเบาๆเรื่องไม่ดีที่มันผ่านไปแล้วเขาก็ไม่อยากให้พูดถึงเพราะจะเป็นการตอกย้ำความกลัวของผ้าแพรและพวกเขาเย็นของวันบ้านสวน“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก” เมื่อภูผาพาผ้าแพรกลับมาบ้านได้พิกุลและพิมพรรณก็รับเข้ามาสวมกอดเรียกขวัญหลานสาวของตนทันที“แล้วนี่จับคนร้ายได้แล้วใช่ไหม” สายทองเอ่ยกับภูผาด้วยสีหน้าร้อนใจ“ครับคุณย่าพวกมันแค่อยากก่อกวนไม่ให้คุณพ่อสร้างรีสอร์ทต่อ” คนตัวโตกอดอกพยักหน้าเบาๆ“ตายจริงทำกันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปได้” หญิงชรายกมือทาบอกอย่างตกใจนี่ขนาดก่อกวนยังเล่นกันถึงเอาชีวิตแล้วถ้าจงใจที่จะทำร้ายคนเลยจะทำถึงขนาดไหน“ไม่ใช่ก็คล้ายๆครับคุณย่า” ภูผาเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เขาคิดว่าไม่ใช่แค่ทำเป็นบ้านป่าอย่างที่คุณย่าของเขา
“เออ..” มนัสได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆลดปืนลงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินกลับแต่เขาก็แว้งกัดอัสนีในขณะที่เผลอใช้กระบอกปืนในมือฟาดไปที่ใบหน้าของอัสนีอย่างจังพลั้ก“ว้ายย” เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นต่อหน้าหญิงสาวระยะประชิดทำให้เธอตกใจอย่างมากจึงกรีดร้องออกมาเสียงดังพลั้กก อัสนีหันกลับมาชกมนัสจนอีกฝ่ายล้มพับลงไป“หยุดนะโว้ย” จักรกฤษมือขวาของอัสนีเห็นว่าพัสสนกำลังชักปืนจ่อมาที่เจ้านายของเขาจึงรีบจ่อปืนไปที่หัวของพัสสนก่อนพร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนที่ยืนอยู่“หมาหมู่เหรอวะกูไปก็ได้โว้ย” มนัสเอ่ยเสียงฝาดด้วยความแค้นจัดวันนี้เขาเสียหน้าวันหน้าเขาจะต้องเอาคืนอัสนีให้ได้เอ่ยจบก็รีบขึ้นรถตัวเองออกไปเรือนสายฟ้า“โอ้ยย..ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด” อัสนีเอี้ยวหน้าหนีมือเพียงฟ้าแทบไม่ทันไม่รู้ว่าเธอจะทำแผลให้เขาหรือจะทำให้เขาระบมหนักมากกว่าเดิม“ฉันเบามือสุดแล้วนะคุณ...” เพียงฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยเธอคิดว่าเธอเบามือสุดแล้วด้วยซ้ำกับการใช้สำลีเช็ดเลือกที่มุมปากของเขา“แล้วมาทำอะไรที่นี่คนเดียวไม่รู้หรือไงมันอันตรายถ้าพวกผมไม่ผ่านไปแถวนั้นป่านนี้..”“รู้แล้ว.. ไม่ต้องพูด..ฉันแค่มาดูความเสียหายเฉยๆไม่คิด
“เปล่านะคะฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” ผ้าแพรส่ายหัวพัลวันเธอไมได้มีเจตนาแบบที่ทับทิมกล่าวหาแม้แต่น้อย“อย่ามาตอแหล” เสียงฝาดของทับทิมทำเอาผ้าแพรสะดุ้งเฮือก“อย่ามาทำกิริยาต่ำๆในบ้านของฉันนะ” โสพิศได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดูเมื่อเห็นว่าผ้าแพรกำลังถูกทับทิมทำร้ายเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปผลักทับทิมออกและชี้หน้าต่อว่าด้วยความไม่พอใจ“คุณแพร” ดวงใจเห็นผ้าแพรนั่งกองกับพื้นจึงรีบพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาไปนั่งที่โซฟา“สวัสดีค่ะคุณแม่ทับทิมแค่แวะมาคุยกับนังนี่แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละค่ะขอตัว” ทับทิมยกมือไหว้ทักทายโสพิศเสียงแข็งก่อนจะเดินเชิดหน้าออกไปอย่างไม่มีมารยาท“ตาภูไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกันมารยาททรามที่สุด” โสพิศส่ายหัวด้วยสีหน้าระอาที่ลูกชายของเธอไม่เลือกผู้หญิงที่ยุ่งด้วยเอาเสียเลย“เป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย..ดวงรีบไปเอายามาทาเร็ว” เมื่อทับทิมกลับไปแล้วโสพิศจึงรีบเข้ามาดูตามเนื้อตัวผ้าแพรเพราะเนื้อตัวมีรอยแดงหลายแห่งและรีบให้ดวงใจไปหายามาทาลูกสะใภ้ของเธอก่อนที่จะช้ำไปมากกว่านี้หลายชั่วโมงต่อมา“กลับมาก็ดีแล้วมาคุยกับย่าหน่อยซิ” สายทองเห็นหลานชายเธอกลับบ้านมาในช่วงบ่ายก็รีบเรียกไปคุยทันทีเพราะ
เมื่อถึงเวลาแถลงข่าวนักข่าวหลายคนต่างก็มุ่งประเด็นของข่าวที่ออกมาเมื่อเช้ากันก่อนเป็นอันดับแรก“เรื่องราวที่เกิดขึ้นผมยอมรับครับว่าคนในรูปเป็นผมแต่ผมกับทับทิมเราไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” และนี่ก็เป็นคำตอบของภูผาที่ให้ข่าวแก่ทุกคนทำเอานักข่าวหลายสิบคนต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจหากไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมถึงมีภาพหลุดแบบนั้นออกมา“ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วมีภาพหลุดว่านอนด้วยกันได้ยังไงคะ” เสียงนักข่าวสาวตะโกนออกมาระหว่างที่ตอนนี้มีแต่ความเงียบ“เสร็จงานก็จ่ายเงินคำนี้พี่ๆนักข่าวน่าจะเข้าใจนะครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามสั้นๆแต่ความหมายของมันก็ทำให้ทุกคนต่างก็ตาลุกวาวเพราะไม่คิดว่าดาราสาวสวยที่กำลังดังอย่างทับทิมจะขายบริการ“หมายความว่าคุณทับทิมขายตัวอย่างนั้นเหรอคะ” ความเป็นนักข่าวแม้จะเข้าใจความหมายก็อยากจะถามซ้ำเพื่อที่จะได้รับคำตอบจากปากภูผาตรงๆ“ตามที่ผมพูดเมื่อครู่ครับ” เขาจะพูดเพียงแค่ครั้งเดียวและคิดว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่ก็น่าจะกระจ่างแล้ว“ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคุณภูแต่งงานแล้วแต่ยังซื้อบริการงั้นเหรอครับ” เมื่อคำถามประเด็นหลักหมดไปประเด็นต่อมาก็ถูกถามขึ้นเสียงดังฟังชัดจากนักข่าวชายหนุ่มอีกสำนั
เช้าวันต่อมาผ้าแพรตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่เมื่อสายตามองเห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆสมองประมวลเรื่องราวเมื่อคืนที่เขาทำกับเธอจนสร้างความสับสนใจใจขึ้นมาอีกครั้ง“...” หญิงสาวพลิกตะคงหันหน้ามองใบหน้าคมที่กำลังหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าครุ่นคิดทั้งเมื่อลองขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายช้าๆหัวใจของเธอกลับเต้นเร็วผิดปกติแถมยังรู้สึกไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าเขาใกล้ๆทั้งที่เขาก็ไม่ได้รู้ตัว“จะจ้องหน้าฉันอีกนานหรือเปล่า” แขนแกร่งตวัดรวบร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้แน่นเขารู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนเธอตื่นแล้วแต่เมื่อเห็นหญิงสาวตื่นจึงแกล้งหลับ“เอ่อ..อืม” เมื่อถูกจับได้สาวเจ้าก็เอาแต่ก้มหน้างุดพ่นลมหายใจอ่อนลงบนอกแกร่งของคนที่กอดเธอเอาไว้“วันนี้พักผ่อนเยอะๆรู้ไหมฉันจะรีบไปรีบกลับ”ฟอดดดด พูดจบก็เชยใบหน้านวลขึ้นมาหอมฟอดใหญ่แล้วจึงค่อยลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะรีบไปทำงานจะได้รีบกลับหากเป็นไปได้ทุกวันเขาอยากจะพาเธอไปด้วยกันด้วยซ้ำทิ้งให้หญิงสาวนั้นนอนกำผ้าห่มแน่นหน้าแดงแทบจะเป็นลูกตำลึงอยู่บนเตียง“หน้าตาสดใสขึ้นนะเรา” สายทองชวนหลานสะใภ้ของเธอมานั่งคุยกันที่ห้องโถงในช่วงสายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นหน้าตาสดใสขึ้นก็พลอยสบายใจไปอ
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่” ภูผาพึ่งกลับมาถึงบ้านเห็นแดเนียลกับปกรณ์นั่งคุยอยู่กับผ้าแพรหัวร่อต่อกระซิกจึงรีบเข้ามาหย่อนก้นนั่งข้างๆคนเป็นภรรยาใบหน้าคมมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรเพราะเพื่อนของเขามาที่นี่โดยไม่บอกไม่กล่าว“เอาผ้าไหมลายใหม่มาให้คุณย่าน่ะสิแดนมันว่างพอดีฉันเลยชวนมันมากะทันหันไม่ทันได้บอก”“เดี๋ยวนี้แกกลับบ้านเร็วเป็นด้วยเหรอวะ” แดเนียลเอ่ยจบก็หันไปยิ้มอ่อนกับปกรณ์“ไม่มีอะไรสำคัญก็เลยกลับ” ใบหน้าคมยังมีสีหน้าที่ตึงเล็กน้อยเหตุด้วยยังไม่หายเคืองใจที่สองหนุ่มเพื่อนเขาเข้ามาคุยกับภรรยาเขาอย่างสนิทสนมครู่ต่อมาตอนนี้ผ้าแพรปล่อยให้สามหนุ่มได้นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนโดยเธอขอปลีกตัวไปเตรียมของว่างให้ทั้งสามอยู่ในครัว“เฮ้ย..ฉันเห็นในแถลงแกพูดจริงเหรอวะ...เปลี่ยนเป็นสนใจเมียแกแค่คนเดียวได้จริงเหรอ” ปกรณ์ว่าจะคุยเรื่องนี้กับภูผานานแล้วเมื่อเห็นผ้าแพรปลีกตัวออกไปเลยได้จังหวะถามต่อหน้า“แกเคยเห็นฉันโกหกหรือไง..ฉันคือคนที่ชัดเจนกับคำพูดและการกระทำสุดแล้ว” ภูผาพยักหน้าเบาๆเขาเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนรักก็รักไม่รักก็บอกไม่รักไม่ชอบเก็บความรู้สึก“ฉันดีใจนะที่แกเปลี่ยนได้แล้วน้องแพรล่ะเค้าคิ
“คุณภูอย่าแกล้งแพรค่ะ” มือน้อยจับมือของเขากำเอาไว้แน่นไม่ให้เขานั้นแกล้งเธอได้เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าเขาตอนนี้“ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยมาเดินเล่นดีกว่านะดวง” สายทองเอ่ยกับดวงใจเสียงดังคิดว่าวันนี้เธอคงจะไม่นั่งเล่นริมน้ำยามเย็นเหมือนเคยๆเสียแล้วเมื่อเอ่ยจบก็เดินอมยิ้มกลับเข้าไปในตัวบ้าน“ค่ะคุณท่าน” ดวงใจลอบมองภูผาและผ้าแพรด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินตามสายทองเข้าบ้านไป“คุณย่ามาเห็นจนได้” สาวเจ้าขมวดติ้วเล็กน้อยจากที่เขินภูผาอยู่พอตัวแล้วเมื่อรู้ว่าสายทองนั้นเห็นพฤติกรรมของพวกเธอตอนนี้ผ้าแพรก็ยิ่งรู้สึกอายเข้าไปใหญ่“ท่านเข้าใจน่าสามีภรรยาก็ต้องหวานกันเป็นธรรมดา...แพร”“คะ”“ทุกๆอย่างที่ฉันพูดออกไปไม่เคยโกหกสักคำเธอเชื่อใจฉันได้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีเรื่องผู้หญิงคนอื่นมากวนใจเธออีก” ดวงตาคมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมอกอย่างไม่วางตาทั้งเอ่ยกับเธอด้วยน้ำสียงที่หนักแน่นชัดถ้อยชัดคำให้หญิงสาวนั้นได้มั่นใจว่าสิ่งที่เขาลั่นวาจาไว้แล้วนั้นจะไม่คืนคำแน่นอน“จริงใช่ไหมคะ” ผ้าแพรเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้ามองคนเป็นสามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังหากเขาทำได้อย่างที่พูดเธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลั
20.30 น.“กลัวจะไม่ได้ไปหรือไง” ภูผาเห็นหญิงสาวเตรียมเก็บเสื้อผ้าเสียตั้งแต่อาบน้ำเสร็จจึงเอ่ยหยอก“ก็อยากเตรียมพร้อมเอาไว้ค่ะ” มือน้อยบรรจงพับผ้าลงกระเป๋าเดินทางทังที่เสื้อผ้าตัวเองนั้นมีไม่กี่ชุดเก็บก่อนจะไปก็ยังทัน“เอาไว้ก่อนเถอะพรุ่งนี้ก็ยังมีเวลา” ภูผาเดินยกกระเป๋าของคนเป็นภรรยาไปไว้หน้าตู้เสื้อผ้าด้วยอยากให้หญิงสาวหยุดมือแล้วจึงเดินกลับมานอนกอดเอเอาไว้แน่น“เอ่อ..จ..จะทำอะไรคะ” ผ้าแพรเอ่ยถามคนที่กำลังกอดด้วยสีหน้าตกใจเพราะชายหนุ่มไม่ได้กอดเธอเฉยๆอย่างเมื่อก่อนแต่ตอนนี้เขาเริ่มกดจมูกโด่งหอมเธอไม่ยอมหยุด“ฉันก็จะมีความสุขกับภรรยาฉันบ้างสิ” คนตัวโตเอ่ยเสียงแหบพร่าทั้งยังไม่ยอมหยุดการกระทำ “ค..คุณภู..แต่ว่า..เจ้าตัวเล็ก” สาวเจ้าฟังคำภูผาจบก็เบิกตาโพรงตัวเกร็งเธอเข้าใจความหมายที่ภูผาพูดจึงค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักหากเขาจะมีความสุขกับเธอตอนนี้แล้วลูกเธอในท้องจะเป็นอย่างไร“ฉันคุยกับพี่หมอเรียบร้อยแล้วลูกเราจะไม่เป็นอะไร..” สายตาคมมองคนเป็นภรรยาหยาดเยิ้มทั้งยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยนี่เองคือเหตุผลที่ภูผาขอตัวไปคุยกับหมอน้ำก่อนจะลับเป็นการส่วนตัว“อื้อ..” ว่าจบก็บดจูบริมฝีปากบางโดย