โรงพยาบาล
“เป็นยังไงบ้างลูก” หลังจากที่ธีรดลและเพียงฟ้ากลับจากไร่ปรานโชคแล้วก็เดินทางมาหาผ้าแพรกับภูผาที่โรงพยาบาลต่อ
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ...เมื่อวานแพรคิดว่าจะไม่ได้เจอทุกคนซะแล้ว” ผ้าแพรกอดพ่อเธอเอาไว้แน่นแววตาของเธอตอนที่เอ่ยคำนี้ออกมาค่อนข้างเศร้าจนทุกคนต่างก็สลดไปตามๆกัน
“เรื่องเมื่อวานเราจะไม่พูดถึงมันแล้วนะลูกเพราะวันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน” ธีรดลลูบหัวลูกสาวของเขาเบาๆเรื่องไม่ดีที่มันผ่านไปแล้วเขาก็ไม่อยากให้พูดถึงเพราะจะเป็นการตอกย้ำความกลัวของผ้าแพรและพวกเขา
เย็นของวัน
บ้านสวน
“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก” เมื่อภูผาพาผ้าแพรกลับมาบ้านได้พิกุลและพิมพรรณก็รับเข้ามาสวมกอดเรียกขวัญหลานสาวของตนทันที
“แล้วนี่จับคนร้ายได้แล้วใช่ไหม” สายทองเอ่ยกับภูผาด้วยสีหน้าร้อนใจ
“ครับคุณย่าพวกมันแค่อยากก่อกวนไม่ให้คุณพ่อสร้างรีสอร์ทต่อ” คนตัวโตกอดอกพยักหน้าเบาๆ
“ตายจริงทำกันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปได้” หญิงชรายกมือทาบอกอย่างตกใจนี่ขนาดก่อกวนยังเล่นกันถึงเอาชีวิตแล้วถ้าจงใจที่จะทำร้ายคนเลยจะทำถึงขนาดไหน
“ไม่ใช่ก็คล้ายๆครับคุณย่า” ภูผาเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เขาคิดว่าไม่ใช่แค่ทำเป็นบ้านป่าอย่างที่คุณย่าของเขาพูดแต่มันน่าจะใช่เลยมากกว่า
บ้านเพียงฟ้า
“คุณพ่อจะเอายังไงต่อคะ” สองคนพ่อลูกนั่งคุยกันในบ้านด้วยท่าทีเป็นกังวลถึงเรื่องรีสอร์ท
“พ่อว่าจะต้องชะงักการสร้างรีสอร์ทไปก่อนไม่อยากมีปัญหา” ธีรดลเห็นทีเขาจะต้องชะลอไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด
“แต่ฟ้าว่าสร้างให้ที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวก็ดีนะคะจะได้ไม่มีใครกล้าทำผิดกฎหมายเพราะพื้นที่ตรงนั้นจะได้ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ” ผิดกับเพียงฟ้าที่อยากจะสร้างพื้นที่นี้ให้ดังเป็นพลุแตกคนที่ทำผิดกฎหมายจะได้ไม่กล้าทำอะไรสุ่มเสี่ยงเพราะจะถูกเพ่งเล็ง
“เล่นกับคนเถื่อนพ่อกลัวว่าคนรอบตัวเราจะเป็นอันตราย” ลำพังตัวธีรดลเองเขาเอาตัวรอดได้อยู่แล้วแต่ถ้าหากคนพวกนั้นต้องการก่อกวนอีกคนงานที่ก่อสร้างจะเป็นอันตรายแถมคนรอบตัวของเขาก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างเขาต้องหาวิธีจัดการกับกลุ่มคนพวกนี้ให้ได้ก่อนถึงจะสบายใจที่จะสร้างรีสอร์ทต่อไปได้
“ฟ้าไม่ชอบเลยจริงๆเกิดมาเป็นคนชาตินึงจะทำเลวหวังผลประโยชน์ไปถึงไหนตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้อยู่ดีทำมาหากินสุจริตมันจะตายนักหรือไง” ร่างบ้างกอดอกบ่นอู้อี้ด้วยสี่หน้าที่ไม่พอใจนัก
“พ่อต้องกลับกรุงเทพไปคุยกับทางบริษัทรับเหมาเรื่องชะลอการก่อสร้าง”
“ค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวพยักหน้ารับเบาๆเรื่องนี้เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อเธอต้องกลับไปจัดการด่วน
24.00 น.
กลางดึกแล้วภูผาก็ยังนอนไม่หลับเพราะผ้าแพรนั้นตื่นขึ้นมาผวาเป็นระยะจนเข้าต้องคอยปลอบ
“ร้อน.. แพรร้อน.. ฮือๆๆ” รอบที่สามแล้วที่หญิงสาวผวาร้องให้ตื่นมาแบบนี้
“แพร.. แพร.. ไม่มีอะไรแพร..มันไม่มีอะไรเราอยู่บ้านเราแล้วนะ” แขนแกร่งของภูผาต้องคอยโอบร่างบางเอาไว้ตลอดเวลา
“..อือ.อืม..” เมื่อได้ยินคำปลอบคนตัวเล็กในอ้อมกอดจึงค่อยสงบลงและหลับลงไป
“นอนเถอะฉันอยู่ตรงนี้ไม่ต้องกลัว” สีหน้าของเขาไม่สู้ดีเอาเสียเลยไม่รู้ว่าหญิงสาวนั้นจะเป็นแบบนี้ไปอีกกี่คืน
วันต่อมา
เพียงฟ้าขับรถมาที่แม่อายอีกครั้งโดยได้บอกใครตอนนี้ที่นี่เหลือแค่ซากปรักหักพังกับรอยไฟไหม้คนงานต่างก็กลับกันไปหมดแล้วเพราะได้รู้ว่าที่นี่ชะลอการก่อสร้าง
“ดูซิเสียหายหมดเลยเพราะไอ้พวกเฮงซวยแท้ๆ” หญิงสาวยืนเท้าเอวข้างรถคันหรูของเธอด้วยความเจ็บใจ
“ใครเฮงซวยเหรอครับน้องสาว” จู่ๆก็มีชายฉกรรจ์ตัวสูงใหญ่ท่าทางค่อนข้างอันธพาลสองคนเดินออกจากหลังซากเรือนรับรองเข้ามาหาเธอ
“คุณเป็นใคร” หญิงสาวถอยหลังเล็กน้อยแต่น้ำเสียงของเธอยังพยายามส่งเสียงแข็งเพื่อบ่งบอกกับอีกฝ่ายว่าเธอไม่ได้มีความเกรงกลัว
“นี่เสี่ยนัสลูกเสี่ยน่านเจ้าของไร่ศรีน่านไงครับ” พัสสนลูกสมุนของมนัสรีบเอ่ยแนะนำตัวคนเป็นนายให้กับหญิงสาวได้รู้จัก
“หึ..งั้นที่ว่าเฮงซวยก็พวกคุณไงอย่าคิดว่าฉันจะหยุดการสร้างรีสอร์ทที่นี่ง่ายๆนะฉันไม่เคยกลัวหมาลอบกัดอย่างพวกคุณหรอก” เมื่อได้รู้ดังนั้นเพียงฟ้าก็เลือดขึ้นหน้าเดินดุ่มๆไปประชิดตัวทั้งสองพร้อมชี้หน้าต่อว่าเสียงดังด้วยสีที่เคียดแค้น
“ปากจัดซะด้วย..อีกเดี๋ยวจะปากจัดแบบรี้หรือเปล่านะ” มนัสกระชากแขนเพียงฟ้าจนหญิงสาวนั้นเซถลาเข้าไปชนกับแผงอกของเขา
“นี่ทำอะไรอย่าจะแตะตัวฉันนะ” เพียงฟ้ารีบกะมือของคนพาลออกจากแขนเธอแต่ก็เหนียงเกินกว่าแรงเธออยู่มาก
บรื๊นนน
อัสนีและเหล่าลูกน้องของเขาขับรถกระบะเข้ามาในที่ของธีรดลเพราะเขาเห็นว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังถูกมนัสและลูกน้องรังแก
“ปล่อยเธอถ้าไม่อยากมีปัญหา” อัสนีเดินลงจากรถเข้าไปผลักหน้าอกของมนัสจนเซแล้วดึงร่างบางของเพียงฟ้ามาไว้ด้านหลังของเขา
“เสือก..คิดว่ากูกลัวมึงหรือไงไอ้พ่อเลี้ยง” มนัสที่ค่อนข้างเสียน้าเนื่องจากคนอยู่เยอะแถมมีลูกน้องยืนอยู่ข้างๆจึงรีบชักปืนออกมาจากเอวจ่อไปที่หน้าอัสนี
“ถ้าไม่อยากให้พ่อมึงเดือดร้อนไปประกันตัวมึงอีกก็ลองดู” อัสนีไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัวปลายกระบอกปืนที่จ่อมาทางเขาสักนิดเขารู้ว่าช่วงนี้มนัสนั้นกำลังถูกศรีน่านคุมพฤติกรรมเพราะไม่กี่วันมานี้สร้างเรื่องยิงคนจนบาดเจ็บจนเป็นคดีมารอบหนึ่งแล้ว
“เออ..” มนัสได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆลดปืนลงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินกลับแต่เขาก็แว้งกัดอัสนีในขณะที่เผลอใช้กระบอกปืนในมือฟาดไปที่ใบหน้าของอัสนีอย่างจังพลั้ก“ว้ายย” เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นต่อหน้าหญิงสาวระยะประชิดทำให้เธอตกใจอย่างมากจึงกรีดร้องออกมาเสียงดังพลั้กก อัสนีหันกลับมาชกมนัสจนอีกฝ่ายล้มพับลงไป“หยุดนะโว้ย” จักรกฤษมือขวาของอัสนีเห็นว่าพัสสนกำลังชักปืนจ่อมาที่เจ้านายของเขาจึงรีบจ่อปืนไปที่หัวของพัสสนก่อนพร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนที่ยืนอยู่“หมาหมู่เหรอวะกูไปก็ได้โว้ย” มนัสเอ่ยเสียงฝาดด้วยความแค้นจัดวันนี้เขาเสียหน้าวันหน้าเขาจะต้องเอาคืนอัสนีให้ได้เอ่ยจบก็รีบขึ้นรถตัวเองออกไปเรือนสายฟ้า“โอ้ยย..ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด” อัสนีเอี้ยวหน้าหนีมือเพียงฟ้าแทบไม่ทันไม่รู้ว่าเธอจะทำแผลให้เขาหรือจะทำให้เขาระบมหนักมากกว่าเดิม“ฉันเบามือสุดแล้วนะคุณ...” เพียงฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยเธอคิดว่าเธอเบามือสุดแล้วด้วยซ้ำกับการใช้สำลีเช็ดเลือกที่มุมปากของเขา“แล้วมาทำอะไรที่นี่คนเดียวไม่รู้หรือไงมันอันตรายถ้าพวกผมไม่ผ่านไปแถวนั้นป่านนี้..”“รู้แล้ว.. ไม่ต้องพูด..ฉันแค่มาดูความเสียหายเฉยๆไม่คิด
“เปล่านะคะฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” ผ้าแพรส่ายหัวพัลวันเธอไมได้มีเจตนาแบบที่ทับทิมกล่าวหาแม้แต่น้อย“อย่ามาตอแหล” เสียงฝาดของทับทิมทำเอาผ้าแพรสะดุ้งเฮือก“อย่ามาทำกิริยาต่ำๆในบ้านของฉันนะ” โสพิศได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดูเมื่อเห็นว่าผ้าแพรกำลังถูกทับทิมทำร้ายเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปผลักทับทิมออกและชี้หน้าต่อว่าด้วยความไม่พอใจ“คุณแพร” ดวงใจเห็นผ้าแพรนั่งกองกับพื้นจึงรีบพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาไปนั่งที่โซฟา“สวัสดีค่ะคุณแม่ทับทิมแค่แวะมาคุยกับนังนี่แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละค่ะขอตัว” ทับทิมยกมือไหว้ทักทายโสพิศเสียงแข็งก่อนจะเดินเชิดหน้าออกไปอย่างไม่มีมารยาท“ตาภูไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกันมารยาททรามที่สุด” โสพิศส่ายหัวด้วยสีหน้าระอาที่ลูกชายของเธอไม่เลือกผู้หญิงที่ยุ่งด้วยเอาเสียเลย“เป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย..ดวงรีบไปเอายามาทาเร็ว” เมื่อทับทิมกลับไปแล้วโสพิศจึงรีบเข้ามาดูตามเนื้อตัวผ้าแพรเพราะเนื้อตัวมีรอยแดงหลายแห่งและรีบให้ดวงใจไปหายามาทาลูกสะใภ้ของเธอก่อนที่จะช้ำไปมากกว่านี้หลายชั่วโมงต่อมา“กลับมาก็ดีแล้วมาคุยกับย่าหน่อยซิ” สายทองเห็นหลานชายเธอกลับบ้านมาในช่วงบ่ายก็รีบเรียกไปคุยทันทีเพราะ
เมื่อถึงเวลาแถลงข่าวนักข่าวหลายคนต่างก็มุ่งประเด็นของข่าวที่ออกมาเมื่อเช้ากันก่อนเป็นอันดับแรก“เรื่องราวที่เกิดขึ้นผมยอมรับครับว่าคนในรูปเป็นผมแต่ผมกับทับทิมเราไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” และนี่ก็เป็นคำตอบของภูผาที่ให้ข่าวแก่ทุกคนทำเอานักข่าวหลายสิบคนต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจหากไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมถึงมีภาพหลุดแบบนั้นออกมา“ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วมีภาพหลุดว่านอนด้วยกันได้ยังไงคะ” เสียงนักข่าวสาวตะโกนออกมาระหว่างที่ตอนนี้มีแต่ความเงียบ“เสร็จงานก็จ่ายเงินคำนี้พี่ๆนักข่าวน่าจะเข้าใจนะครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามสั้นๆแต่ความหมายของมันก็ทำให้ทุกคนต่างก็ตาลุกวาวเพราะไม่คิดว่าดาราสาวสวยที่กำลังดังอย่างทับทิมจะขายบริการ“หมายความว่าคุณทับทิมขายตัวอย่างนั้นเหรอคะ” ความเป็นนักข่าวแม้จะเข้าใจความหมายก็อยากจะถามซ้ำเพื่อที่จะได้รับคำตอบจากปากภูผาตรงๆ“ตามที่ผมพูดเมื่อครู่ครับ” เขาจะพูดเพียงแค่ครั้งเดียวและคิดว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่ก็น่าจะกระจ่างแล้ว“ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคุณภูแต่งงานแล้วแต่ยังซื้อบริการงั้นเหรอครับ” เมื่อคำถามประเด็นหลักหมดไปประเด็นต่อมาก็ถูกถามขึ้นเสียงดังฟังชัดจากนักข่าวชายหนุ่มอีกสำนั
เช้าวันต่อมาผ้าแพรตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่เมื่อสายตามองเห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆสมองประมวลเรื่องราวเมื่อคืนที่เขาทำกับเธอจนสร้างความสับสนใจใจขึ้นมาอีกครั้ง“...” หญิงสาวพลิกตะคงหันหน้ามองใบหน้าคมที่กำลังหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าครุ่นคิดทั้งเมื่อลองขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายช้าๆหัวใจของเธอกลับเต้นเร็วผิดปกติแถมยังรู้สึกไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าเขาใกล้ๆทั้งที่เขาก็ไม่ได้รู้ตัว“จะจ้องหน้าฉันอีกนานหรือเปล่า” แขนแกร่งตวัดรวบร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้แน่นเขารู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนเธอตื่นแล้วแต่เมื่อเห็นหญิงสาวตื่นจึงแกล้งหลับ“เอ่อ..อืม” เมื่อถูกจับได้สาวเจ้าก็เอาแต่ก้มหน้างุดพ่นลมหายใจอ่อนลงบนอกแกร่งของคนที่กอดเธอเอาไว้“วันนี้พักผ่อนเยอะๆรู้ไหมฉันจะรีบไปรีบกลับ”ฟอดดดด พูดจบก็เชยใบหน้านวลขึ้นมาหอมฟอดใหญ่แล้วจึงค่อยลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะรีบไปทำงานจะได้รีบกลับหากเป็นไปได้ทุกวันเขาอยากจะพาเธอไปด้วยกันด้วยซ้ำทิ้งให้หญิงสาวนั้นนอนกำผ้าห่มแน่นหน้าแดงแทบจะเป็นลูกตำลึงอยู่บนเตียง“หน้าตาสดใสขึ้นนะเรา” สายทองชวนหลานสะใภ้ของเธอมานั่งคุยกันที่ห้องโถงในช่วงสายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นหน้าตาสดใสขึ้นก็พลอยสบายใจไปอ
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่” ภูผาพึ่งกลับมาถึงบ้านเห็นแดเนียลกับปกรณ์นั่งคุยอยู่กับผ้าแพรหัวร่อต่อกระซิกจึงรีบเข้ามาหย่อนก้นนั่งข้างๆคนเป็นภรรยาใบหน้าคมมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรเพราะเพื่อนของเขามาที่นี่โดยไม่บอกไม่กล่าว“เอาผ้าไหมลายใหม่มาให้คุณย่าน่ะสิแดนมันว่างพอดีฉันเลยชวนมันมากะทันหันไม่ทันได้บอก”“เดี๋ยวนี้แกกลับบ้านเร็วเป็นด้วยเหรอวะ” แดเนียลเอ่ยจบก็หันไปยิ้มอ่อนกับปกรณ์“ไม่มีอะไรสำคัญก็เลยกลับ” ใบหน้าคมยังมีสีหน้าที่ตึงเล็กน้อยเหตุด้วยยังไม่หายเคืองใจที่สองหนุ่มเพื่อนเขาเข้ามาคุยกับภรรยาเขาอย่างสนิทสนมครู่ต่อมาตอนนี้ผ้าแพรปล่อยให้สามหนุ่มได้นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนโดยเธอขอปลีกตัวไปเตรียมของว่างให้ทั้งสามอยู่ในครัว“เฮ้ย..ฉันเห็นในแถลงแกพูดจริงเหรอวะ...เปลี่ยนเป็นสนใจเมียแกแค่คนเดียวได้จริงเหรอ” ปกรณ์ว่าจะคุยเรื่องนี้กับภูผานานแล้วเมื่อเห็นผ้าแพรปลีกตัวออกไปเลยได้จังหวะถามต่อหน้า“แกเคยเห็นฉันโกหกหรือไง..ฉันคือคนที่ชัดเจนกับคำพูดและการกระทำสุดแล้ว” ภูผาพยักหน้าเบาๆเขาเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนรักก็รักไม่รักก็บอกไม่รักไม่ชอบเก็บความรู้สึก“ฉันดีใจนะที่แกเปลี่ยนได้แล้วน้องแพรล่ะเค้าคิ
“คุณภูอย่าแกล้งแพรค่ะ” มือน้อยจับมือของเขากำเอาไว้แน่นไม่ให้เขานั้นแกล้งเธอได้เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าเขาตอนนี้“ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยมาเดินเล่นดีกว่านะดวง” สายทองเอ่ยกับดวงใจเสียงดังคิดว่าวันนี้เธอคงจะไม่นั่งเล่นริมน้ำยามเย็นเหมือนเคยๆเสียแล้วเมื่อเอ่ยจบก็เดินอมยิ้มกลับเข้าไปในตัวบ้าน“ค่ะคุณท่าน” ดวงใจลอบมองภูผาและผ้าแพรด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินตามสายทองเข้าบ้านไป“คุณย่ามาเห็นจนได้” สาวเจ้าขมวดติ้วเล็กน้อยจากที่เขินภูผาอยู่พอตัวแล้วเมื่อรู้ว่าสายทองนั้นเห็นพฤติกรรมของพวกเธอตอนนี้ผ้าแพรก็ยิ่งรู้สึกอายเข้าไปใหญ่“ท่านเข้าใจน่าสามีภรรยาก็ต้องหวานกันเป็นธรรมดา...แพร”“คะ”“ทุกๆอย่างที่ฉันพูดออกไปไม่เคยโกหกสักคำเธอเชื่อใจฉันได้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีเรื่องผู้หญิงคนอื่นมากวนใจเธออีก” ดวงตาคมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมอกอย่างไม่วางตาทั้งเอ่ยกับเธอด้วยน้ำสียงที่หนักแน่นชัดถ้อยชัดคำให้หญิงสาวนั้นได้มั่นใจว่าสิ่งที่เขาลั่นวาจาไว้แล้วนั้นจะไม่คืนคำแน่นอน“จริงใช่ไหมคะ” ผ้าแพรเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้ามองคนเป็นสามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังหากเขาทำได้อย่างที่พูดเธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลั
20.30 น.“กลัวจะไม่ได้ไปหรือไง” ภูผาเห็นหญิงสาวเตรียมเก็บเสื้อผ้าเสียตั้งแต่อาบน้ำเสร็จจึงเอ่ยหยอก“ก็อยากเตรียมพร้อมเอาไว้ค่ะ” มือน้อยบรรจงพับผ้าลงกระเป๋าเดินทางทังที่เสื้อผ้าตัวเองนั้นมีไม่กี่ชุดเก็บก่อนจะไปก็ยังทัน“เอาไว้ก่อนเถอะพรุ่งนี้ก็ยังมีเวลา” ภูผาเดินยกกระเป๋าของคนเป็นภรรยาไปไว้หน้าตู้เสื้อผ้าด้วยอยากให้หญิงสาวหยุดมือแล้วจึงเดินกลับมานอนกอดเอเอาไว้แน่น“เอ่อ..จ..จะทำอะไรคะ” ผ้าแพรเอ่ยถามคนที่กำลังกอดด้วยสีหน้าตกใจเพราะชายหนุ่มไม่ได้กอดเธอเฉยๆอย่างเมื่อก่อนแต่ตอนนี้เขาเริ่มกดจมูกโด่งหอมเธอไม่ยอมหยุด“ฉันก็จะมีความสุขกับภรรยาฉันบ้างสิ” คนตัวโตเอ่ยเสียงแหบพร่าทั้งยังไม่ยอมหยุดการกระทำ “ค..คุณภู..แต่ว่า..เจ้าตัวเล็ก” สาวเจ้าฟังคำภูผาจบก็เบิกตาโพรงตัวเกร็งเธอเข้าใจความหมายที่ภูผาพูดจึงค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักหากเขาจะมีความสุขกับเธอตอนนี้แล้วลูกเธอในท้องจะเป็นอย่างไร“ฉันคุยกับพี่หมอเรียบร้อยแล้วลูกเราจะไม่เป็นอะไร..” สายตาคมมองคนเป็นภรรยาหยาดเยิ้มทั้งยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยนี่เองคือเหตุผลที่ภูผาขอตัวไปคุยกับหมอน้ำก่อนจะลับเป็นการส่วนตัว“อื้อ..” ว่าจบก็บดจูบริมฝีปากบางโดย
ภูผารู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป้รนความผิดของเขาหากเขาไม่เผลอตัวไปทุกอย่างมันคงไม่เป็นเช่นนี้แต่หากจะยังดึงดันเห็นใจมิรันตีให้เธอใกล้ชิดเขาต่อก็อาจจะเกิดปัญหาครอบครัวของเขาตามมาได้ซึ่งเขาก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นเช่นนั้นสามวันต่อมาเชียงใหม่“เห็นว่าวันนี้คุณธีจะเข้ามาพร้อมกับหลานๆเลยนะคะแม่” พิมพรรณเอ่ยกับคนเป็นแม่ในขณะที่นั่งทำกับข้าวเพื่อต้อนรับหลานๆที่กำลังจะมา“เราก็อยู่รับเองละกันแม่พิม” พิกุลเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก“แม่ยังไม่หายโกรธคุณธีอีกเหรอคะเรื่องมันผ่านมานานมากแล้วคุณธีเองเค้าก็รู้สึกผิดไม่แน่นะคะวันนั้นที่รูปพี่พรหล่นอาจจะอยากให้ทุกคนได้รู้ความจริงก็ได้” พิมพรรณละมือมองหน้าคนเป็นแม่อย่างอ่อนใจหากแม่เธอให้อภัยธีรดลได้เธอเชื่อว่าผ้าแพรน่าจะมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่“....” สิ้นเสียงคนเป็นลูกสาวพิกุลก็ยังคงเงียบไม่พูดไม่จาอะไรจนพิมพรรณนั้นเลิกที่จะพูดอะไรอีกช่วงสายของวัน“สวัสดีครับน้าพิมคุณยาย” เมื่อเดินทางมาถึงบ้านสวนกันได้ทุกคนก็กรูกันขึ้นไปทักทายเจ้าบ้านที่ชานเรือน“ไหว้พระเถอะลูก” พิกุลรับไหว้ภูผา“ยายคะ” ผ้าแพรโผข้าไปกอดคนเป็นยายพร้อมพิมพรรณเช่นเคยด้วยใบ