ภูผารู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป้รนความผิดของเขาหากเขาไม่เผลอตัวไปทุกอย่างมันคงไม่เป็นเช่นนี้แต่หากจะยังดึงดันเห็นใจมิรันตีให้เธอใกล้ชิดเขาต่อก็อาจจะเกิดปัญหาครอบครัวของเขาตามมาได้ซึ่งเขาก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นเช่นนั้น
สามวันต่อมา
เชียงใหม่
“เห็นว่าวันนี้คุณธีจะเข้ามาพร้อมกับหลานๆเลยนะคะแม่” พิมพรรณเอ่ยกับคนเป็นแม่ในขณะที่นั่งทำกับข้าวเพื่อต้อนรับหลานๆที่กำลังจะมา
“เราก็อยู่รับเองละกันแม่พิม” พิกุลเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก
“แม่ยังไม่หายโกรธคุณธีอีกเหรอคะเรื่องมันผ่านมานานมากแล้วคุณธีเองเค้าก็รู้สึกผิดไม่แน่นะคะวันนั้นที่รูปพี่พรหล่นอาจจะอยากให้ทุกคนได้รู้ความจริงก็ได้” พิมพรรณละมือมองหน้าคนเป็นแม่อย่างอ่อนใจหากแม่เธอให้อภัยธีรดลได้เธอเชื่อว่าผ้าแพรน่าจะมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่
“....” สิ้นเสียงคนเป็นลูกสาวพิกุลก็ยังคงเงียบไม่พูดไม่จาอะไรจนพิมพรรณนั้นเลิกที่จะพูดอะไรอีก
ช่วงสายของวัน
“สวัสดีครับน้าพิมคุณยาย” เมื่อเดินทางมาถึงบ้านสวนกันได้ทุกคนก็กรูกันขึ้นไปทักทายเจ้าบ้านที่ชานเรือน
“ไหว้พระเถอะลูก” พิกุลรับไหว้ภูผา
“ยายคะ” ผ้าแพรโผข้าไปกอดคนเป็นยายพร้อมพิมพรรณเช่นเคยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดี
“สวัสดีครับของฝากครับคุณแม่” ธีรดลเตรียมรังนกชั้นดีใส่กระเช้าเพื่อมาให้พิกุลโดยเฉพาะ
“เอ่อ..ขอบคุณนะคะ” ด้วยความที่เห็นแม่ตนนั้นยังเฉยพิมพรรณจึงรีบยื่นมือไปรับของจากธีรดล
“ยังไงผมขอตัวไปที่บ้านของฟ้าเลยแล้วกันนะครับ...พ่อหาพี่เค้าก่อนนะลูก” ธีรดลหน้าเจื่อนอยู่บ้างแต่เขาก็ยังฝืนยิ้มเข้าใจพิกุลดีและเขาก็จะไม่ยอมแพ้
“มาเหนื่อยๆดื่มน้ำดื่มท่าซะก่อนสิ” ระหว่างที่ธีรดลจะกันหลังกลับพิกุลก็เหลือบไปมองหน้าหลานรักของเธอที่เจื่อนอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคนเป็นพ่อจะไปเธอจึงรีบเอ่ยรั้งธีรดลเอาไว้ก่อน
“ขอบคุณครับคุณแม่” สิ้นเสียงของพิกุลทุกคนต่างก็อมยิ้มไปตามๆกัน
“พักกันตามสบายฉันจะไปเตรียมสำรับก่อน” ว่าจบพิกุลก็เดินลงไปที่ครัวด้านล่าง
“ฉันไปช่วยนะแม่” พิมพรรณยิ้มแก้มปริรีบเดินตามไปช่วยคนเป็นแม่อย่างรวดเร็ว
“ฉันนึกว่าแม่จะไม่ญาติดีกับคุณธีได้ซะอีก” มืออวบช่วยคนเป็นแม่จัดแจงสำรับไปด้วยมองคนเป็นแม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วยดีใจที่เห็นสัญญาณที่ดีระหว่างแม่เธอกับธีรดลแล้ว
“เห็นแม่เราเป็นคนแก่กะโหลกกะลาหรือไงแม่พิม..” พิกุลเอ่ยเสียงดังเธออายุปูนนี้แล้วโกรธใครก็อยากจะให้มันพอประมาณไม่อยากให้ใครมาเรียกเธอว่าคนแก่เอาแต่ใจได้
ช่วงเย็นของวันหลังจากที่ธีรดลกลับไปแล้วผ้าแพรก็ลงมาเล่นกับเจ้าข้าวขาวกับเจ้าข้าวทองที่ใต้ถุนบ้านเพราะหลังจากที่เจ้าลูกหมาสองตัวนี้หย่านมแล้วก็มาขุดหลุมนอนที่ใต้ถุนดังเช่นแม่ของมันในตอนที่ยังไม่ท้อง
แฮ้กๆๆ..ๆๆ
“ข้าวขาว..ข้าวทองโตขนาดนี้แล้วเหรอคิดถึงจังเลย...” เมื่อเจ้าสองข้าวเห็นผ้าแพรและภูผาเดินเข้ามาหาก็ส่งเสียงเห่าทักทายทั้งกระดิกหางดุ๊กดิ๊กจะให้คนทั้งสองเล่นด้วย
“มันออกจากกอกล้วยมาอยู่ใต้ถุนบ้านหลายวันแล้วล่ะ” พิมพรรณหันมาบอกหลานสาวในขณะที่นั่งกวนมะม่วงอยู่ตรงแคร่ไม้
“ดีแล้วที่มันย้ายมานอนนี่เดี๋ยวคนไปดูจะถูกหมามุ่ยละยุ่งอีก” พิกุลเอ่ยออกมากด้วยน้ำเสียงปนขบขัน
“คุณยายอย่าพูดสิครับ..ผมยังขยาดไม่หายเลย” ภูผาถึงกับชะงักเมื่อได้ยินคำว่าหมามุ่ยเขายังจำความรู้สึกของการที่ถูกพิษหมามุ่ยได้ดี
“อยากอยู่ที่นี่สักกี่วัน” ตกดึกหลังจากที่ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วสองสามีภรรยาก็เดินออกมาที่ชานบ้านเพื่อมายืนดูดาวกันเช่นเคย
“คุณภูอยู่ได้กี่วันล่ะคะ”
“ตามใจเธอเลย”
“งั้นเรากลับพร้อมคุณพ่อก็ได้ค่ะ”
“ได้สิ..อุ่นขึ้นหรือเปล่า” คนตัวโตเอ่ยจบก็รวบกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังเอาไว้แน่นเพื่อที่จะให้เธอนั้นอบอุ่นในขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางอากาศเย็น
“ค่ะ...คุณภูคะใกล้คลอดแพรขอกลับมาอยู่ที่นี่นะคะ” ที่เธอขอภูผาเพราะคิดว่าการอยู่ที่นี่ใกล้คลอดและหลังคลอดจะสะดวกต่อการอยู่ไฟหลังคลอดมากกว่า
“ฉันไม่ขัดอยู่แล้ว” ภูผาเอ่ยเสียงอ่อนหากหญิงสาวมีความสุขมีหรือเขาจะขัด
ครู่ต่อมา
“ยืนนานแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอากลับห้องกันเถอะ” เมื่อยืนคุยกันได้พักใหญ่ภูผาเห็นว่ามันเริ่มดึกแล้วยุงก็ค่อนข้างที่จะกวนพวกเขามิวายจึงรวบอุ้มร่างบางด้วยท่าเจ้าสาวแล้วพาเธอเดินกลับเข้าห้องไป
“เอ่อ..แพรเดินเองได้ค่ะ” ผ้าแพรอมยิ้มอ่อนเขาเล่นทำให้เธอเขินอีกแล้ว
“แต่ฉันอยากอุ้มเธอ” คนตัวโตไม่ยอมทำตามคำของเขายังคงเดินต่อ
“ทำไมเธอถึงทำฉันหลงได้ขนาดนี้นะเพราะสายตาใสซื่อดวงนี้ใช่หรือเปล่า” เมื่อมึงในห้องก็วาวหญิงสาวลงบนเตียงทั้งยังส่งสายตาหยาดเยิ้มมองคนในอ้อมกอดไม่วางตา
“คุณภู” จมูกโด่งกดหอมจนสาวเจ้าเอียงอายก้มหน้างุดและนี่ก็เป็นอีกคืนที่ทั้งสองมีความสุขบนเตียงด้วยกันอีกครั้ง
วันต่อมาวัดxx“ทำไมคุณพ่อถึงอยากมาที่วัดนี้ล่ะคะ” วันนี้เพียงฟ้ามาวัดที่แม่อายกับพ่อของเธอสองคนหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจที่พ่อของเธอเลือกที่จะมาวัดไกลขนาดนี้เพราะที่แม่ริมก็มีวัดตั้งหลายวัดพ่อเธอไม่ยักจะไป“พ่ออยากมาไหว้พระทำบุญที่นี่เผื่องานที่เราทำจะสะดวกขึ้น” อันที่จริงธีรดลอยากจะมาดูความเป็นอยู่ของชุมชนแถวนี้ด้วยเพราะถ้าหากสร้างรีสอร์ทไปแล้วจะมีกิจกรรมหรือสถานชนที่ที่ไหนให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมกันบ้าง“สวัสดีครับคุณธี” อัสนีเห็นธีรดลเดินอยู่ที่หน้าโบสถ์จึงเข้ามาทักทาย“อ้าว..พ่อเลี้ยงบังเอิญจังเลยนะครับ”“คุณธีมาทำอะไรที่นี่ครับ” อัสนีเหลือยบสายตามองหญิงสาวที่กำลังก้มหน้างุดอาการของเธอเป็นเช่นนี้เขารู้ได้เลยว่าเธอคงยังไม่บอกเรื่องนั้นกับพ่อของเธอเป็นแน่“ไหว้พระขอพรกับวัดในพื้นที่เผื่องานจะราบรื่นน่ะครับ” ในระหว่างที่ธีรดลคุยกับอัสนีเพียงฟ้าก็เริ่มหน้าเสียเพราะกลัวว่าเรื่องวันนั้นที่เธอมาที่นี่จะหลุดให้พ่อของเธอได้รู้แล้วเธอจะโดนดุครั้งใหญ่“อ่อ..ดีแล้วล่ะครับ..คุณก็ไปไหนมาไหนกับคุณพ่อคุณแบบนี้ดีแล้ว” อัสนีพยักหน้าเบาๆและหันไปคุยกับเพียงฟ้า“ทำไมเหรอครับ” ธีรดลเริ่มสงสัยกับคำ
“ฮือๆๆ..” มิรันตีเมื่อเห็นหน้าคนเป็นแม่ก็ยอมอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากคัตเตอร์“ผมขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ” ภูผาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากการกระทำอันไม่มีหัวคิดของเข่าทำร้ายคนไปหลายคนเขาฟุบนั่งก้มลงพนมมือด้วยน้ำตาคลอเอ่ยขอโทษแม่ของมิรันตีจากใจจริงไม่มีคำไหนที่ดีไปกว่าคำนี้แล้ว“ฉันรู้ทุกอย่างรู้มาตลอด...ฉันผิดเองที่น่าจะดึงลูกฉันกลับมาตั้งแต่แรก” แสงดาปาดน้ำตาเอ่ยกับภูผาเสียงสั่นเธอรู้มาตอลดว่าลูกสาวของเธอรักคนที่ไม่เคยรักตัวเองแต่เธอก็ไม่เคยห้ามปรามทั้งยังพาลูกเอมาที่นี่เพราะไม่อยากให้ลูกสาวของเธอได้เจอกับภูผาเผื่ออาการเสียใจจะดีขึ้นแต่ไม่เลยกลับทำให้เรื่องมันดูแย่ลงไปอีก“คุณควรจะรักตัวเองให้มากๆเพราะคนที่เจ็บที่สุดเมื่อเห็นคุณเป็นทุกข์คือแม่ของคุณ...ผมมันก็แค่ผู้ชายไม่ดีคนนึงที่ทำให้ใจคุณเป็นทุกข์ยังจะสนใจผมอยู่อีกทำไม” ภูผาพูดย้ำให้หญิงสาวได้คิด“แม่คะ..” มิรันตีเงียบไปครู่หนึ่งเธอยอมวางคัตเตอร์ลงและหันไปกอดแม่ของเธอสะอื้นตัวโยนที่ทำอะไรสิ้นคิดลงไป“กลับบ้านกันนะลูก...ฉันจะไม่ปล่อยให้ลุกฉันมายุ่งกับคุณอีกและคุณก็ห้ามมายุ่งกับลูกฉันเหมือนกัน” แสงดาเอ่ยเสียงหน
สี่เดือนต่อมาตลอดเวลาสี่เดือนกว่าที่ผ่านมาภูผาและผ้าแพรดูจะรักกันมากขึ้นทุกวันทั้งคำพูดคำจาก็ดูสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนตอนนี้ผ้าแพรก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีแล้วจึงมาอยู่ที่บ้านสวนส่วนภูผานั้นก็หาคนเก่งมาบริหารงานแทนไปก่อนเพราะต้องการพักงานยาวเพื่อดูแลคนเป็นภรรยาที่ใกล้จะคลอด“ค่อยๆลูกค่อยๆ” พิมพรรณค่อยๆพยุงหลานเธอนั่งบนแคร่เพราะท้องที่โตเกินตัวของผ้าแพรทำให้เธอเดินเหินลุกนั่งลำบาก“ทานผลไม้สิแพร” เป็นเช่นเคยที่ผ้าแพรอยู่ตรงไหนภูผาก็จะคอยอยู่ด้วยไม่ห่างทั้งยังหาของนั่นนี่ให้หญิงสาวได้ทานเพื่อบำรุงอยู่ตลอดเวลา“แพรยังรู้สึกอิ่มอยู่เลยค่ะพี่ภู” ผ้าแพรส่ายหัวทั้งมองสามีเธอด้วยสายตาที่อ่อนใจเพราะเขาแทบจะหาอะไรให้เธอได้ทานไม่หยุดปากจนจุกไปหมดแล้ว“อิ่มก็ต้องทานเราอิ่มแต่ลูกอาจจะหิวก็ได้” “.แม่อิ่มลูกก็อิ่มนั่นแหละเดี๋ยวท้องเมียเราจะแตกเอาเล่นยัดโน่นยัดนี่ให้ทานแบบนี้” พิกุลเห็นทีหากจะไม่ปรามภูผามีหวังหลานเธอคงได้อิ่มจนแทบออกปากแน่20.30 น.“ดิ้นเก่งแบบนี้ออกมาวิ่งเล่นก็พ่อเร็วๆสิครับลูก” ตกดึกก่อนที่จะเข้านอนภูผาจะคุยเล่นหับลูกในท้องผ้าแพรพักใหญ่และดูเหมือนเจ้าตัวเล็กในท้องจะชอบให้พ่อพ
ครู่ต่อมา“จะมองหน้าลูกอีกนานหรือเปล่าคะ” ผ้าแพรเห็นภูผามองลุกชายที่หลับสนิทมาพักใหญ่แล้วจึงทักขึ้น“ลูกเราน่ารักขนาดนี้พี่จะหยุดมองได้ยังไง...รู้ใช่ไหมว่าแพรกับลูกเหมือนดวงใจของพี่” คนตัวโตหันมากอดภรรยาของเขาเอาไว้หลวมๆ“แพรรู้ค่ะ..แล้วก็ขอบคุณพี่ภูมากนะคะที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีตลอดมา” มือเรียวของหญิงสาวกุมมือหนาของภูผาเอาไว้แน่นใครจะไปคิดกันว่าคนที่มีการใช้ชีวิตต่างกันราวฟ้ากับเหวจะต้องมาแต่งงานอยู่กินด้วยกันเพราะต้องมีหน้าที่ที่รับผิดชอบร่วมกันแถมสองคนยังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในเวลาอันรวดเร็วถ้าไม่ใช่พรหมลิขิตที่ขีดเอาไว้แล้วห้าเดือนต่อมาบ้านริมน้ำ“หลานป้าจ้ำม่ำที่สุดเลย” เพียงฟ้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นกับหลานชายตัวกลมวัยแปดเดือนของเธออยู่พักใหญ่แล้วตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ยอมวางมือ“ทำไมลงมากรุงเทพได้ล่ะท่าทางฝนจะตกหนักใหญ่แล้วล่ะมั้ง” ภูผาเอ่ยหยอก“ฟ้ามีธุระจะคุยกับคุณพ่อนิดหน่อยน่ะค่ะ” “เรื่องอะไรเหรอคะ” ผ้าแพรอดที่จะถามเพียงฟ้าไม่ได้เพราะพี่สาวเธอมากรุงเทพได้ก็น่าจะเป็นธุระสำคัญน่าดู“พี่อยากจะทำรีสอร์ทอีกสักตั้ง” เพียงฟ้าตัดสินใจแล้วว่าเธอจะสานต่อโครงการนี้เองบ้านธีรดล
บ้านริมน้ำ“ไปเอาลูกเค้ามาแม่เค้าไปไหนล่ะ...มาให้ทวดอุ้มหน่อยสิตาวิน...ทวดคิดถึงจังเลยลูก” สายทองที่กำลังไกวเปลเหลนชายวัยแปดเดือนเมื่อเห็นภูผาอุ้มธาวินเด็กชายวัยขวบกว่าลูกของวีนาเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปอุ้มเพราะพักหลังมานี่ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไร“คือ...” ผ้าแพรมองหน้ากับคนเป็นสามีด้วยสายตาที่เป็นกังวลเพราะเรื่องที่เธอพึ่งรู้มานั้นก็ทำให้ใจเสียอยู่ไม่น้อยผ้าแพรเธอพึ่งได้รับข่าวจากศรีนวลหญิงชราข้างบ้านของวีนามาว่าวีนานั้นรักษาตัวโรคหัวใจมานานแล้วและตอนนี้ก็เข้าขั้นโคม่าศรีนวลจึงอาสาดูธาวินเพราะสงสารหากผ้าแพรและภูผาไม่เดินทางไปที่บ้านของวีนาวันนี้ก็ไม่มีทางรู้...สาเหตุที่พาธาวินมาที่นี่เพราะเธอขอกับศรีนวลว่าจะรับธาวินมาดูแลเอง“ตายจริงทำไมชีวิตหนูวีนาถึงได้เป็นแบบนี้กันนะ” สายทองได้รับฟังเรื่องราวก็หน้าเสียอยู่ไม่น้อยพรางมองไปที่ธาวินว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้อาภัพนักพ่อก็ไม่มีแล้วแม่ก็ยังมาป่วยอีกไร่ปรานโชค“พ่อเลี้ยงจะไปไหนคะ” วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เพียงฟ้านั้นมาหาพ่อเลี้ยงหนุ่มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขารีบร้อนจะออกไปข้างนอกจึงรีบลงรถและเดินมาถามเขาทันทีว่าเขากำลังจะไปที่ไหน“ผมมีธุระ” ตอนนี
“ผมอยากให้คุณจดทะเบียนเป็นพ่อแม่บุญธรรมให้กับธาวินเพราะผมกลัวว่าพ่อจริงๆของธาวินจะมารับตัวเค้าไปคนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้นรับผิดชอบชีวิตของใครไม่ได้แน่” พูดจบก็รีบยื่นจดหมายของวีนาให้กับหญิงสาวอ่าน ในจดหมายวีนาขอให้อัสนีรับเป็นพ่อให้กับธาวินและหาคนที่ไว้ใจได้จดทะเบียนเป็นแม่เพื่อที่ลูกของเธอจะได้มีครอบครัวที่ครบสมบูรณ์ในวันที่เธอไม่อยู่ที่เธอตัดสินใจขอร้องอัสนีเช่นนี้เพราะกลัวว่าสักวันพ่อจริงๆของธาวินจะมาทวงลูกของเธอคืนซึ่งเธอคงจะต้องเสียใจมากเป็นแน่หากคนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้นจะมาเลี้ยงดูลูกของเธอวันต่อมาเมื่อคืนคำถามของอัสนีทำให้เพียงฟ้านั้นนอนคิดอยู่แทบทั้งคืนเธอเห็นว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอแม้จะเป็นแม่ให้ธาวินแค่ในนามตามที่อัสนีบอกเท่านั้นแต่ในเมื่อเธอมีชื่อเป็นแม่ของเด็กคนนี้แล้วเธอก็คงจะต้องทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุดข้อนี้เธอถึงคิดหนักเพราะเธอไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนคงต้องศึกษากับน้องสาวเธออีกเยอะ“ฉันตกลงค่ะ” เพียงฟ้าเข้ามาหาอัสนีแต่เช้าเพื่อตอบตกลงในสิ่งที่เธอครุ่นคิดมาทั้งคืน“ปรึกษาครอบครัวคุณแล้วเหรอ” อัสนีมองหน้าหญิงสาวร่างเล็กที่ยังอยู่ในชุดนอนสี
วันต่อมา“แง่ๆๆๆ..แง่ๆๆๆๆ..” ธาวินร้องงอแงไม่ยอมหยุดมาพักใหญ่แล้วใครอุ้มปลอบก็เหมือนกันหมดจนตอนนี้เล่นเอาเครียดกันทั้งบ้านแล้ว“เป็นอะไรไปครับทำไมวันนี้งอแงแต่เช้าเลย” ภูผาลองอุ้มหลานชายพร้อมทั้งยื่นรถคันเล็กสีแดงของเล่นชิ้นโปรดให้ในมือเด็กชายก็ยังไม่ยอมหยุดร้องง่ายๆ“แอ้ๆ..แอ้” พีรพัตรที่นั่งอยู่บนตักของแม่เห็นคนเป็นพี่ร้องงอแงไม่หยุดก็เอื้อมมือป้อมไปที่ธาวินทั้งมองด้วยแววตาไร้เดียงสา“เราไม่กวนพี่เค้าดีกว่านะลูก” “ตัวก็ไม่ร้อนท้องก็ไม่อืดแล้วเป็นอะไรถึงร้องไม่หยุดล่ะเนี่ย..มาส่งตาวินมาให้ย่า” สายทองรับธาวินจากภูผาเพื่อที่จะลองเปลี่ยนกันอุ้มเผื่อธาวินจะลดอาการงอแงลงบ้าง“นั่นสิครับคุณย่า” ภูผายืนเท้าเอวถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตาวินเป็นอะไรเหรอครับ” อัสนีได้ยินเสียงร้องตั้งแต่ยังไม่เข้ามาในบ้านเมื่อเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นของบ้านริมน้ำก็เห็นทุกคนรวมกันอยู่ที่นี่ทั้งธาวินยังร้องให้หน้าดำหน้าแดงจึงตกใจไม่น้อย“อยู่ดีๆก็ร้องครับปลอบยังไงก็ไม่หยุด” ภูผาเอ่ยเสียงอ่อนRrrrrrrrrrrrrr“ครับคุณหมอ...อ..อะไรนะครับ” ยังไม่ทันที่อัสนีจะเข้าไปอุ้มธาวินจากสายทองมือถือของเขาก็ด็มีเสียงเรียกเข้าเมื่อเห็นว
“พี่คิณทำได้อยู่แล้วค่ะพี่ชายของแพรเก่งที่สุด” ผ้าแพรเชื่อในคำพูดของคนินทร์เสมอหากพี่เธอดูมุ่งมั่นขนาดนี้เธอก็เชื่อว่าไม่นานศรีน่านจะต้องถูกจัดการแน่นอนพูดจบร่างบางก็เอียงหัวทุยซบบ่าของคนินทร์ใบหน้านวลนั้นระรื่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อรู้ว่าไม่นานคงจะมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้น“แอะ...แอ้มม..” ภูผารีบกระแอมกระไอยกใหญ่เมื่อเห็นว่าภรรยาตนนั้นกำลังถึงเนื้อถึงตัวกับคนินทร์ เสียงกระแอมกระไอเสียงดังทำเอาหญิงสาวแทบจะผละตัวออกจากคนินทร์ไม่ทันเพราะรู้ว่าตัวเองเผลอตัวผิดสัญญากับภูผาเรื่องที่จะไม่ทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายอื่นจนเกินเหตุแม้จะนับถือเป็นพี่ก็ตาม“หึ่มๆ..” คนินทร์อมยิ้มอ่อนเขาค่อยๆยื่นมือหน้าลูบหัวผ้าแพรเบาๆเขาคิดว่าผ้าแพรนั้นระวังตัวมากแล้วหากเป็นเมื่อก่อนคงกระโดดกอดคอเขาตั้งแต่มาถึงไร่ปรานโชควันนี้เพียงฟ้าและอัสนีก็ได้เซ็นเอกสารรับธาวินเป็นลูกเสียทีหลังจากที่ให้ทนายนั้นจัดการเดินเรื่องให้อยู่หลายวัน“ตอนนี้คุณทั้งสองคนก็เป็นพ่อแม่บุญธรรมธาวินสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วนะครับ” เศรษฐาเอ่ยยินดีกับทั้งสองเมื่อธุระที่ต้องการจัดการเสร็จสิ้่นก่อนจะกลับ“ขอบคุณนะครับคุณอา” เพียงฟ้าและอัสนีรีบยกมือไหว