20.30 น.
“กลัวจะไม่ได้ไปหรือไง” ภูผาเห็นหญิงสาวเตรียมเก็บเสื้อผ้าเสียตั้งแต่อาบน้ำเสร็จจึงเอ่ยหยอก
“ก็อยากเตรียมพร้อมเอาไว้ค่ะ” มือน้อยบรรจงพับผ้าลงกระเป๋าเดินทางทังที่เสื้อผ้าตัวเองนั้นมีไม่กี่ชุดเก็บก่อนจะไปก็ยังทัน
“เอาไว้ก่อนเถอะพรุ่งนี้ก็ยังมีเวลา” ภูผาเดินยกกระเป๋าของคนเป็นภรรยาไปไว้หน้าตู้เสื้อผ้าด้วยอยากให้หญิงสาวหยุดมือแล้วจึงเดินกลับมานอนกอดเอเอาไว้แน่น
“เอ่อ..จ..จะทำอะไรคะ” ผ้าแพรเอ่ยถามคนที่กำลังกอดด้วยสีหน้าตกใจเพราะชายหนุ่มไม่ได้กอดเธอเฉยๆอย่างเมื่อก่อนแต่ตอนนี้เขาเริ่มกดจมูกโด่งหอมเธอไม่ยอมหยุด
“ฉันก็จะมีความสุขกับภรรยาฉันบ้างสิ” คนตัวโตเอ่ยเสียงแหบพร่าทั้งยังไม่ยอมหยุดการกระทำ
“ค..คุณภู..แต่ว่า..เจ้าตัวเล็ก” สาวเจ้าฟังคำภูผาจบก็เบิกตาโพรงตัวเกร็งเธอเข้าใจความหมายที่ภูผาพูดจึงค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักหากเขาจะมีความสุขกับเธอตอนนี้แล้วลูกเธอในท้องจะเป็นอย่างไร
“ฉันคุยกับพี่หมอเรียบร้อยแล้วลูกเราจะไม่เป็นอะไร..” สายตาคมมองคนเป็นภรรยาหยาดเยิ้มทั้งยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยนี่เองคือเหตุผลที่ภูผาขอตัวไปคุยกับหมอน้ำก่อนจะลับเป็นการส่วนตัว
“อื้อ..” ว่าจบก็บดจูบริมฝีปากบางโดยที่ไม่ทันให้สาวเจ้าตั้งตัวมือหนาสอดประสานกับมือเรียวเอาไว้แน่นไม่นานคนตัวโตก็ได้มอบบทรักอันแสนนุ่มนวลให้กับหญิงสาวได้พบกับความสุขในค่ำคืนอันแสนหวาน
เช้าวันต่อมา
“คุณภูอย่าแกล้งแพรสิคะ” ใบหน้านวลหันมาขมวดคิ้วดุคนที่กำลังรงบกอดเธอลงไปนอนต่อในขณะที่เธอกำลังจะลงจากเตียง
“ฉันไม่อยากไปทำงานเลย” คนตัวโตกอดก่ายภรรยารักไม่ยอมให้ลุกไปไหนเพราะอยากกอดเธออยู่แบบนี้นานๆก่อนที่จะไปทำงาน
“ทำไมล่ะคะ”
“ไม่อยากห่างเธอไง” ดวงตาคมไล่สายตามองคนในอ้อมกอดปานจะกลืนกินทั้งเอ่ยคำหวานด้วยน้ำเสียงแหบพร่าออดอ้อน
ริมฝีปากบางอมยิ้มเล็กๆมองคนเป็นสามีด้วยสายตาที่เอ็นดูไม่คิดว่าเขานั้นจะมีมุมขี้อ้อนแบบนี้เหมือนกัน
เกือบจะสายแล้วแต่ภูผานั้นก็ยังไม่ออกจากบ้านยังคงมีสีหน้าที่อาลัยอาวรณ์ไม่อยากจะจากผ้าแพรนั้นไปไหนจนหญิงสาวต้องเดินจูงมือออกมาส่งที่หน้าบ้าน
“ไปแล้วนะ”
“ค่ะ”
“จะอาลัยอาวรณ์อะไรกันนักหนาเย็นก็กลับมาเจอหน้าเมียเราแล้ว” สายทองที่เดินตามออกมาก็อดที่จะบ่นหลานชายเธอเป็นไม่ได้บทได้รักก็รักเสียจนปานจะกลืนกินให้เป็นคนเดียวกัน
“ไปสิคะเดี๋ยวจะสายนะคะ” สิ้นคำเอ่ยของผ้าแพรภูผากต้องจำหันหลังออกจากบ้านไปแต่โดยดี
“เราไปทำอะไรให้พี่เค้าหลงนักหนาเนี่ย” สายทองเอ่ยหยอกหลานสะใภ้ด้วยสายตาสงสัยในขระที่หลานชายของเธอนั้นออกไปแล้ว
ใบหน้านวลตอนนี้แดงซ่านเป็นลูกตำลึงเธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรให้ภูผาเขาถึงได้ดูหลงเธอขนาดนี้
โรงแรมXX
“อีกสามวันผมจะไม่อยู่นะครับมีอะไรก็วางไว้ที่โต๊ะผมเหมือนเดิมก็แล้วกัน” ภูผาแจ้งกับมิรันตีในขณะที่เธอเข้ามาในห้องเพื่อเอาเอกสารมาให้เขาเซ็น
“บอสจะไปไหนเหรอคะ” มิรันตีกัดฟันเล็กน้อยก่อนที่จะถามภูผาออกไปเพราะเขาละจากงานได้คงไม่พ้นเรื่องภรรยาของเขาอีกเป็นแน่
“ผมจะไปบ้านภรรยาผม” ภูผาตอบไปตามตรงเพราะเขาก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบัง
“ดูบอสใส่ใจเธอเป็นพิเศษนะคะ” มิรันตีเริ่มเสียงแข็ง
“ภรรยาผมก็ต้องใส่ใจไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ” ภูผาละงานเงยหน้ามองเลขาสาวด้วยสายตาที่ไม่พอใจเท่าไรนัก
“แล้วเมล่ะคะ” มิรันตีเอ่ยเสียงแข็งสีหน้าของเธอตอนนี้ออกอาการหึงหวงเจ้านายของเธออย่างเห็นได้ชัดตลอดเวลาเธอทำนิ่งมาตลอดเพราะคิดว่าภูผาจะสนใจเธอบ้างในฐานะที่เธอไม่กระโตกกระตากแสดงความเป็นเจ้าของในตัวของเขาแต่ไม่เลยเขากลับเปลี่ยนไปจากเป็นผู้ชายที่ไม่สนใจจะมีรักกลับดูเหมือนจะรักภรรยาของเขาไปแล้วจริงๆ
“วันนั้นคุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุคุณบอกกับผมเองว่าขอให้จบไปผมคิดว่าจะจบไปแล้วซะอีกนะครับ” ภูผานึกถึงคำเตือนของแดเนียลขึ้นมาได้เขาไม่ควรไว้ใจอารมณ์ของผู้หญิงตามที่เพื่อนของเขาบอกจริงๆคราแรกบอกให้ลืมแต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะคิดกับเขาเกินเลยไปเสียอย่างนั้น
“เมพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้เฉยๆเท่านั้นแต่พอเมเห็นว่าบอสใส่ใจภรรยาบอสขนาดนี้มันทำให้เมทำใจที่จะเฉยไม่ได้อีกต่อไป” มิรันตีเอ่ยความในใจของเธอออกมาอย่างหน้าไม่อายเพราะเธอหวังมาตอดว่าสักวันภูผาจะกลับมายุ่งกับเธอบ้างแต่ไม่เลยเธอชะล่าใจจนเกินไปจนเขาให้ใจกับคนอื่นทั้งที่คนนั้นมาทีหลังเธอ
“คุณก็รู้นะครับว่าถ้าคุณควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้เราก็คงทำงานด้วยกันไม่ได้” ภูผารู้สึกเสียดายในฝีมือการทำงานของมิรันตีที่รู้ใจเขาไปหมดทุกเรื่องแต่วันนี้ในเมื่อเธอไม่ทำตามสัญญาที่ให้เขาเอาไว้เข่าก็จำเป็นที่จะต้องให้เธอนั้นไปอยู่แผนกอื่นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกันมากนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
“ฉันขอลาออกค่ะ” มิรันตีรู้ดีว่าถ้าเธอเผยความรู้สึกออกมาผลมันจะเป็นเช่นไรจึงขอชิงลาออกไปก่อนที่ภูผาจะไล่ออกหรือไล่ให้เธอไปทำงานไกลหูไกลตาของเขาแทนเมื่อเอ่ยจบสาวเจ้าก็หันหลังออกไปทันที
ภูผารู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป้รนความผิดของเขาหากเขาไม่เผลอตัวไปทุกอย่างมันคงไม่เป็นเช่นนี้แต่หากจะยังดึงดันเห็นใจมิรันตีให้เธอใกล้ชิดเขาต่อก็อาจจะเกิดปัญหาครอบครัวของเขาตามมาได้ซึ่งเขาก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นเช่นนั้นสามวันต่อมาเชียงใหม่“เห็นว่าวันนี้คุณธีจะเข้ามาพร้อมกับหลานๆเลยนะคะแม่” พิมพรรณเอ่ยกับคนเป็นแม่ในขณะที่นั่งทำกับข้าวเพื่อต้อนรับหลานๆที่กำลังจะมา“เราก็อยู่รับเองละกันแม่พิม” พิกุลเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก“แม่ยังไม่หายโกรธคุณธีอีกเหรอคะเรื่องมันผ่านมานานมากแล้วคุณธีเองเค้าก็รู้สึกผิดไม่แน่นะคะวันนั้นที่รูปพี่พรหล่นอาจจะอยากให้ทุกคนได้รู้ความจริงก็ได้” พิมพรรณละมือมองหน้าคนเป็นแม่อย่างอ่อนใจหากแม่เธอให้อภัยธีรดลได้เธอเชื่อว่าผ้าแพรน่าจะมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่“....” สิ้นเสียงคนเป็นลูกสาวพิกุลก็ยังคงเงียบไม่พูดไม่จาอะไรจนพิมพรรณนั้นเลิกที่จะพูดอะไรอีกช่วงสายของวัน“สวัสดีครับน้าพิมคุณยาย” เมื่อเดินทางมาถึงบ้านสวนกันได้ทุกคนก็กรูกันขึ้นไปทักทายเจ้าบ้านที่ชานเรือน“ไหว้พระเถอะลูก” พิกุลรับไหว้ภูผา“ยายคะ” ผ้าแพรโผข้าไปกอดคนเป็นยายพร้อมพิมพรรณเช่นเคยด้วยใบ
วันต่อมาวัดxx“ทำไมคุณพ่อถึงอยากมาที่วัดนี้ล่ะคะ” วันนี้เพียงฟ้ามาวัดที่แม่อายกับพ่อของเธอสองคนหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจที่พ่อของเธอเลือกที่จะมาวัดไกลขนาดนี้เพราะที่แม่ริมก็มีวัดตั้งหลายวัดพ่อเธอไม่ยักจะไป“พ่ออยากมาไหว้พระทำบุญที่นี่เผื่องานที่เราทำจะสะดวกขึ้น” อันที่จริงธีรดลอยากจะมาดูความเป็นอยู่ของชุมชนแถวนี้ด้วยเพราะถ้าหากสร้างรีสอร์ทไปแล้วจะมีกิจกรรมหรือสถานชนที่ที่ไหนให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมกันบ้าง“สวัสดีครับคุณธี” อัสนีเห็นธีรดลเดินอยู่ที่หน้าโบสถ์จึงเข้ามาทักทาย“อ้าว..พ่อเลี้ยงบังเอิญจังเลยนะครับ”“คุณธีมาทำอะไรที่นี่ครับ” อัสนีเหลือยบสายตามองหญิงสาวที่กำลังก้มหน้างุดอาการของเธอเป็นเช่นนี้เขารู้ได้เลยว่าเธอคงยังไม่บอกเรื่องนั้นกับพ่อของเธอเป็นแน่“ไหว้พระขอพรกับวัดในพื้นที่เผื่องานจะราบรื่นน่ะครับ” ในระหว่างที่ธีรดลคุยกับอัสนีเพียงฟ้าก็เริ่มหน้าเสียเพราะกลัวว่าเรื่องวันนั้นที่เธอมาที่นี่จะหลุดให้พ่อของเธอได้รู้แล้วเธอจะโดนดุครั้งใหญ่“อ่อ..ดีแล้วล่ะครับ..คุณก็ไปไหนมาไหนกับคุณพ่อคุณแบบนี้ดีแล้ว” อัสนีพยักหน้าเบาๆและหันไปคุยกับเพียงฟ้า“ทำไมเหรอครับ” ธีรดลเริ่มสงสัยกับคำ
“ฮือๆๆ..” มิรันตีเมื่อเห็นหน้าคนเป็นแม่ก็ยอมอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากคัตเตอร์“ผมขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ” ภูผาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากการกระทำอันไม่มีหัวคิดของเข่าทำร้ายคนไปหลายคนเขาฟุบนั่งก้มลงพนมมือด้วยน้ำตาคลอเอ่ยขอโทษแม่ของมิรันตีจากใจจริงไม่มีคำไหนที่ดีไปกว่าคำนี้แล้ว“ฉันรู้ทุกอย่างรู้มาตลอด...ฉันผิดเองที่น่าจะดึงลูกฉันกลับมาตั้งแต่แรก” แสงดาปาดน้ำตาเอ่ยกับภูผาเสียงสั่นเธอรู้มาตอลดว่าลูกสาวของเธอรักคนที่ไม่เคยรักตัวเองแต่เธอก็ไม่เคยห้ามปรามทั้งยังพาลูกเอมาที่นี่เพราะไม่อยากให้ลูกสาวของเธอได้เจอกับภูผาเผื่ออาการเสียใจจะดีขึ้นแต่ไม่เลยกลับทำให้เรื่องมันดูแย่ลงไปอีก“คุณควรจะรักตัวเองให้มากๆเพราะคนที่เจ็บที่สุดเมื่อเห็นคุณเป็นทุกข์คือแม่ของคุณ...ผมมันก็แค่ผู้ชายไม่ดีคนนึงที่ทำให้ใจคุณเป็นทุกข์ยังจะสนใจผมอยู่อีกทำไม” ภูผาพูดย้ำให้หญิงสาวได้คิด“แม่คะ..” มิรันตีเงียบไปครู่หนึ่งเธอยอมวางคัตเตอร์ลงและหันไปกอดแม่ของเธอสะอื้นตัวโยนที่ทำอะไรสิ้นคิดลงไป“กลับบ้านกันนะลูก...ฉันจะไม่ปล่อยให้ลุกฉันมายุ่งกับคุณอีกและคุณก็ห้ามมายุ่งกับลูกฉันเหมือนกัน” แสงดาเอ่ยเสียงหน
สี่เดือนต่อมาตลอดเวลาสี่เดือนกว่าที่ผ่านมาภูผาและผ้าแพรดูจะรักกันมากขึ้นทุกวันทั้งคำพูดคำจาก็ดูสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนตอนนี้ผ้าแพรก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีแล้วจึงมาอยู่ที่บ้านสวนส่วนภูผานั้นก็หาคนเก่งมาบริหารงานแทนไปก่อนเพราะต้องการพักงานยาวเพื่อดูแลคนเป็นภรรยาที่ใกล้จะคลอด“ค่อยๆลูกค่อยๆ” พิมพรรณค่อยๆพยุงหลานเธอนั่งบนแคร่เพราะท้องที่โตเกินตัวของผ้าแพรทำให้เธอเดินเหินลุกนั่งลำบาก“ทานผลไม้สิแพร” เป็นเช่นเคยที่ผ้าแพรอยู่ตรงไหนภูผาก็จะคอยอยู่ด้วยไม่ห่างทั้งยังหาของนั่นนี่ให้หญิงสาวได้ทานเพื่อบำรุงอยู่ตลอดเวลา“แพรยังรู้สึกอิ่มอยู่เลยค่ะพี่ภู” ผ้าแพรส่ายหัวทั้งมองสามีเธอด้วยสายตาที่อ่อนใจเพราะเขาแทบจะหาอะไรให้เธอได้ทานไม่หยุดปากจนจุกไปหมดแล้ว“อิ่มก็ต้องทานเราอิ่มแต่ลูกอาจจะหิวก็ได้” “.แม่อิ่มลูกก็อิ่มนั่นแหละเดี๋ยวท้องเมียเราจะแตกเอาเล่นยัดโน่นยัดนี่ให้ทานแบบนี้” พิกุลเห็นทีหากจะไม่ปรามภูผามีหวังหลานเธอคงได้อิ่มจนแทบออกปากแน่20.30 น.“ดิ้นเก่งแบบนี้ออกมาวิ่งเล่นก็พ่อเร็วๆสิครับลูก” ตกดึกก่อนที่จะเข้านอนภูผาจะคุยเล่นหับลูกในท้องผ้าแพรพักใหญ่และดูเหมือนเจ้าตัวเล็กในท้องจะชอบให้พ่อพ
ครู่ต่อมา“จะมองหน้าลูกอีกนานหรือเปล่าคะ” ผ้าแพรเห็นภูผามองลุกชายที่หลับสนิทมาพักใหญ่แล้วจึงทักขึ้น“ลูกเราน่ารักขนาดนี้พี่จะหยุดมองได้ยังไง...รู้ใช่ไหมว่าแพรกับลูกเหมือนดวงใจของพี่” คนตัวโตหันมากอดภรรยาของเขาเอาไว้หลวมๆ“แพรรู้ค่ะ..แล้วก็ขอบคุณพี่ภูมากนะคะที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีตลอดมา” มือเรียวของหญิงสาวกุมมือหนาของภูผาเอาไว้แน่นใครจะไปคิดกันว่าคนที่มีการใช้ชีวิตต่างกันราวฟ้ากับเหวจะต้องมาแต่งงานอยู่กินด้วยกันเพราะต้องมีหน้าที่ที่รับผิดชอบร่วมกันแถมสองคนยังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในเวลาอันรวดเร็วถ้าไม่ใช่พรหมลิขิตที่ขีดเอาไว้แล้วห้าเดือนต่อมาบ้านริมน้ำ“หลานป้าจ้ำม่ำที่สุดเลย” เพียงฟ้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นกับหลานชายตัวกลมวัยแปดเดือนของเธออยู่พักใหญ่แล้วตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ยอมวางมือ“ทำไมลงมากรุงเทพได้ล่ะท่าทางฝนจะตกหนักใหญ่แล้วล่ะมั้ง” ภูผาเอ่ยหยอก“ฟ้ามีธุระจะคุยกับคุณพ่อนิดหน่อยน่ะค่ะ” “เรื่องอะไรเหรอคะ” ผ้าแพรอดที่จะถามเพียงฟ้าไม่ได้เพราะพี่สาวเธอมากรุงเทพได้ก็น่าจะเป็นธุระสำคัญน่าดู“พี่อยากจะทำรีสอร์ทอีกสักตั้ง” เพียงฟ้าตัดสินใจแล้วว่าเธอจะสานต่อโครงการนี้เองบ้านธีรดล
บ้านริมน้ำ“ไปเอาลูกเค้ามาแม่เค้าไปไหนล่ะ...มาให้ทวดอุ้มหน่อยสิตาวิน...ทวดคิดถึงจังเลยลูก” สายทองที่กำลังไกวเปลเหลนชายวัยแปดเดือนเมื่อเห็นภูผาอุ้มธาวินเด็กชายวัยขวบกว่าลูกของวีนาเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปอุ้มเพราะพักหลังมานี่ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไร“คือ...” ผ้าแพรมองหน้ากับคนเป็นสามีด้วยสายตาที่เป็นกังวลเพราะเรื่องที่เธอพึ่งรู้มานั้นก็ทำให้ใจเสียอยู่ไม่น้อยผ้าแพรเธอพึ่งได้รับข่าวจากศรีนวลหญิงชราข้างบ้านของวีนามาว่าวีนานั้นรักษาตัวโรคหัวใจมานานแล้วและตอนนี้ก็เข้าขั้นโคม่าศรีนวลจึงอาสาดูธาวินเพราะสงสารหากผ้าแพรและภูผาไม่เดินทางไปที่บ้านของวีนาวันนี้ก็ไม่มีทางรู้...สาเหตุที่พาธาวินมาที่นี่เพราะเธอขอกับศรีนวลว่าจะรับธาวินมาดูแลเอง“ตายจริงทำไมชีวิตหนูวีนาถึงได้เป็นแบบนี้กันนะ” สายทองได้รับฟังเรื่องราวก็หน้าเสียอยู่ไม่น้อยพรางมองไปที่ธาวินว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้อาภัพนักพ่อก็ไม่มีแล้วแม่ก็ยังมาป่วยอีกไร่ปรานโชค“พ่อเลี้ยงจะไปไหนคะ” วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เพียงฟ้านั้นมาหาพ่อเลี้ยงหนุ่มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขารีบร้อนจะออกไปข้างนอกจึงรีบลงรถและเดินมาถามเขาทันทีว่าเขากำลังจะไปที่ไหน“ผมมีธุระ” ตอนนี
“ผมอยากให้คุณจดทะเบียนเป็นพ่อแม่บุญธรรมให้กับธาวินเพราะผมกลัวว่าพ่อจริงๆของธาวินจะมารับตัวเค้าไปคนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้นรับผิดชอบชีวิตของใครไม่ได้แน่” พูดจบก็รีบยื่นจดหมายของวีนาให้กับหญิงสาวอ่าน ในจดหมายวีนาขอให้อัสนีรับเป็นพ่อให้กับธาวินและหาคนที่ไว้ใจได้จดทะเบียนเป็นแม่เพื่อที่ลูกของเธอจะได้มีครอบครัวที่ครบสมบูรณ์ในวันที่เธอไม่อยู่ที่เธอตัดสินใจขอร้องอัสนีเช่นนี้เพราะกลัวว่าสักวันพ่อจริงๆของธาวินจะมาทวงลูกของเธอคืนซึ่งเธอคงจะต้องเสียใจมากเป็นแน่หากคนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้นจะมาเลี้ยงดูลูกของเธอวันต่อมาเมื่อคืนคำถามของอัสนีทำให้เพียงฟ้านั้นนอนคิดอยู่แทบทั้งคืนเธอเห็นว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอแม้จะเป็นแม่ให้ธาวินแค่ในนามตามที่อัสนีบอกเท่านั้นแต่ในเมื่อเธอมีชื่อเป็นแม่ของเด็กคนนี้แล้วเธอก็คงจะต้องทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุดข้อนี้เธอถึงคิดหนักเพราะเธอไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนคงต้องศึกษากับน้องสาวเธออีกเยอะ“ฉันตกลงค่ะ” เพียงฟ้าเข้ามาหาอัสนีแต่เช้าเพื่อตอบตกลงในสิ่งที่เธอครุ่นคิดมาทั้งคืน“ปรึกษาครอบครัวคุณแล้วเหรอ” อัสนีมองหน้าหญิงสาวร่างเล็กที่ยังอยู่ในชุดนอนสี
วันต่อมา“แง่ๆๆๆ..แง่ๆๆๆๆ..” ธาวินร้องงอแงไม่ยอมหยุดมาพักใหญ่แล้วใครอุ้มปลอบก็เหมือนกันหมดจนตอนนี้เล่นเอาเครียดกันทั้งบ้านแล้ว“เป็นอะไรไปครับทำไมวันนี้งอแงแต่เช้าเลย” ภูผาลองอุ้มหลานชายพร้อมทั้งยื่นรถคันเล็กสีแดงของเล่นชิ้นโปรดให้ในมือเด็กชายก็ยังไม่ยอมหยุดร้องง่ายๆ“แอ้ๆ..แอ้” พีรพัตรที่นั่งอยู่บนตักของแม่เห็นคนเป็นพี่ร้องงอแงไม่หยุดก็เอื้อมมือป้อมไปที่ธาวินทั้งมองด้วยแววตาไร้เดียงสา“เราไม่กวนพี่เค้าดีกว่านะลูก” “ตัวก็ไม่ร้อนท้องก็ไม่อืดแล้วเป็นอะไรถึงร้องไม่หยุดล่ะเนี่ย..มาส่งตาวินมาให้ย่า” สายทองรับธาวินจากภูผาเพื่อที่จะลองเปลี่ยนกันอุ้มเผื่อธาวินจะลดอาการงอแงลงบ้าง“นั่นสิครับคุณย่า” ภูผายืนเท้าเอวถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตาวินเป็นอะไรเหรอครับ” อัสนีได้ยินเสียงร้องตั้งแต่ยังไม่เข้ามาในบ้านเมื่อเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นของบ้านริมน้ำก็เห็นทุกคนรวมกันอยู่ที่นี่ทั้งธาวินยังร้องให้หน้าดำหน้าแดงจึงตกใจไม่น้อย“อยู่ดีๆก็ร้องครับปลอบยังไงก็ไม่หยุด” ภูผาเอ่ยเสียงอ่อนRrrrrrrrrrrrrr“ครับคุณหมอ...อ..อะไรนะครับ” ยังไม่ทันที่อัสนีจะเข้าไปอุ้มธาวินจากสายทองมือถือของเขาก็ด็มีเสียงเรียกเข้าเมื่อเห็นว