“พวกแกมาทำอะไรที่นี่” ภูผาพึ่งกลับมาถึงบ้านเห็นแดเนียลกับปกรณ์นั่งคุยอยู่กับผ้าแพรหัวร่อต่อกระซิกจึงรีบเข้ามาหย่อนก้นนั่งข้างๆคนเป็นภรรยาใบหน้าคมมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรเพราะเพื่อนของเขามาที่นี่โดยไม่บอกไม่กล่าว“เอาผ้าไหมลายใหม่มาให้คุณย่าน่ะสิแดนมันว่างพอดีฉันเลยชวนมันมากะทันหันไม่ทันได้บอก”“เดี๋ยวนี้แกกลับบ้านเร็วเป็นด้วยเหรอวะ” แดเนียลเอ่ยจบก็หันไปยิ้มอ่อนกับปกรณ์“ไม่มีอะไรสำคัญก็เลยกลับ” ใบหน้าคมยังมีสีหน้าที่ตึงเล็กน้อยเหตุด้วยยังไม่หายเคืองใจที่สองหนุ่มเพื่อนเขาเข้ามาคุยกับภรรยาเขาอย่างสนิทสนมครู่ต่อมาตอนนี้ผ้าแพรปล่อยให้สามหนุ่มได้นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนโดยเธอขอปลีกตัวไปเตรียมของว่างให้ทั้งสามอยู่ในครัว“เฮ้ย..ฉันเห็นในแถลงแกพูดจริงเหรอวะ...เปลี่ยนเป็นสนใจเมียแกแค่คนเดียวได้จริงเหรอ” ปกรณ์ว่าจะคุยเรื่องนี้กับภูผานานแล้วเมื่อเห็นผ้าแพรปลีกตัวออกไปเลยได้จังหวะถามต่อหน้า“แกเคยเห็นฉันโกหกหรือไง..ฉันคือคนที่ชัดเจนกับคำพูดและการกระทำสุดแล้ว” ภูผาพยักหน้าเบาๆเขาเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนรักก็รักไม่รักก็บอกไม่รักไม่ชอบเก็บความรู้สึก“ฉันดีใจนะที่แกเปลี่ยนได้แล้วน้องแพรล่ะเค้าคิ
“คุณภูอย่าแกล้งแพรค่ะ” มือน้อยจับมือของเขากำเอาไว้แน่นไม่ให้เขานั้นแกล้งเธอได้เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าเขาตอนนี้“ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยมาเดินเล่นดีกว่านะดวง” สายทองเอ่ยกับดวงใจเสียงดังคิดว่าวันนี้เธอคงจะไม่นั่งเล่นริมน้ำยามเย็นเหมือนเคยๆเสียแล้วเมื่อเอ่ยจบก็เดินอมยิ้มกลับเข้าไปในตัวบ้าน“ค่ะคุณท่าน” ดวงใจลอบมองภูผาและผ้าแพรด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินตามสายทองเข้าบ้านไป“คุณย่ามาเห็นจนได้” สาวเจ้าขมวดติ้วเล็กน้อยจากที่เขินภูผาอยู่พอตัวแล้วเมื่อรู้ว่าสายทองนั้นเห็นพฤติกรรมของพวกเธอตอนนี้ผ้าแพรก็ยิ่งรู้สึกอายเข้าไปใหญ่“ท่านเข้าใจน่าสามีภรรยาก็ต้องหวานกันเป็นธรรมดา...แพร”“คะ”“ทุกๆอย่างที่ฉันพูดออกไปไม่เคยโกหกสักคำเธอเชื่อใจฉันได้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีเรื่องผู้หญิงคนอื่นมากวนใจเธออีก” ดวงตาคมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมอกอย่างไม่วางตาทั้งเอ่ยกับเธอด้วยน้ำสียงที่หนักแน่นชัดถ้อยชัดคำให้หญิงสาวนั้นได้มั่นใจว่าสิ่งที่เขาลั่นวาจาไว้แล้วนั้นจะไม่คืนคำแน่นอน“จริงใช่ไหมคะ” ผ้าแพรเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้ามองคนเป็นสามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังหากเขาทำได้อย่างที่พูดเธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลั
20.30 น.“กลัวจะไม่ได้ไปหรือไง” ภูผาเห็นหญิงสาวเตรียมเก็บเสื้อผ้าเสียตั้งแต่อาบน้ำเสร็จจึงเอ่ยหยอก“ก็อยากเตรียมพร้อมเอาไว้ค่ะ” มือน้อยบรรจงพับผ้าลงกระเป๋าเดินทางทังที่เสื้อผ้าตัวเองนั้นมีไม่กี่ชุดเก็บก่อนจะไปก็ยังทัน“เอาไว้ก่อนเถอะพรุ่งนี้ก็ยังมีเวลา” ภูผาเดินยกกระเป๋าของคนเป็นภรรยาไปไว้หน้าตู้เสื้อผ้าด้วยอยากให้หญิงสาวหยุดมือแล้วจึงเดินกลับมานอนกอดเอเอาไว้แน่น“เอ่อ..จ..จะทำอะไรคะ” ผ้าแพรเอ่ยถามคนที่กำลังกอดด้วยสีหน้าตกใจเพราะชายหนุ่มไม่ได้กอดเธอเฉยๆอย่างเมื่อก่อนแต่ตอนนี้เขาเริ่มกดจมูกโด่งหอมเธอไม่ยอมหยุด“ฉันก็จะมีความสุขกับภรรยาฉันบ้างสิ” คนตัวโตเอ่ยเสียงแหบพร่าทั้งยังไม่ยอมหยุดการกระทำ “ค..คุณภู..แต่ว่า..เจ้าตัวเล็ก” สาวเจ้าฟังคำภูผาจบก็เบิกตาโพรงตัวเกร็งเธอเข้าใจความหมายที่ภูผาพูดจึงค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักหากเขาจะมีความสุขกับเธอตอนนี้แล้วลูกเธอในท้องจะเป็นอย่างไร“ฉันคุยกับพี่หมอเรียบร้อยแล้วลูกเราจะไม่เป็นอะไร..” สายตาคมมองคนเป็นภรรยาหยาดเยิ้มทั้งยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยนี่เองคือเหตุผลที่ภูผาขอตัวไปคุยกับหมอน้ำก่อนจะลับเป็นการส่วนตัว“อื้อ..” ว่าจบก็บดจูบริมฝีปากบางโดย
ภูผารู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป้รนความผิดของเขาหากเขาไม่เผลอตัวไปทุกอย่างมันคงไม่เป็นเช่นนี้แต่หากจะยังดึงดันเห็นใจมิรันตีให้เธอใกล้ชิดเขาต่อก็อาจจะเกิดปัญหาครอบครัวของเขาตามมาได้ซึ่งเขาก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นเช่นนั้นสามวันต่อมาเชียงใหม่“เห็นว่าวันนี้คุณธีจะเข้ามาพร้อมกับหลานๆเลยนะคะแม่” พิมพรรณเอ่ยกับคนเป็นแม่ในขณะที่นั่งทำกับข้าวเพื่อต้อนรับหลานๆที่กำลังจะมา“เราก็อยู่รับเองละกันแม่พิม” พิกุลเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก“แม่ยังไม่หายโกรธคุณธีอีกเหรอคะเรื่องมันผ่านมานานมากแล้วคุณธีเองเค้าก็รู้สึกผิดไม่แน่นะคะวันนั้นที่รูปพี่พรหล่นอาจจะอยากให้ทุกคนได้รู้ความจริงก็ได้” พิมพรรณละมือมองหน้าคนเป็นแม่อย่างอ่อนใจหากแม่เธอให้อภัยธีรดลได้เธอเชื่อว่าผ้าแพรน่าจะมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่“....” สิ้นเสียงคนเป็นลูกสาวพิกุลก็ยังคงเงียบไม่พูดไม่จาอะไรจนพิมพรรณนั้นเลิกที่จะพูดอะไรอีกช่วงสายของวัน“สวัสดีครับน้าพิมคุณยาย” เมื่อเดินทางมาถึงบ้านสวนกันได้ทุกคนก็กรูกันขึ้นไปทักทายเจ้าบ้านที่ชานเรือน“ไหว้พระเถอะลูก” พิกุลรับไหว้ภูผา“ยายคะ” ผ้าแพรโผข้าไปกอดคนเป็นยายพร้อมพิมพรรณเช่นเคยด้วยใบ
วันต่อมาวัดxx“ทำไมคุณพ่อถึงอยากมาที่วัดนี้ล่ะคะ” วันนี้เพียงฟ้ามาวัดที่แม่อายกับพ่อของเธอสองคนหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจที่พ่อของเธอเลือกที่จะมาวัดไกลขนาดนี้เพราะที่แม่ริมก็มีวัดตั้งหลายวัดพ่อเธอไม่ยักจะไป“พ่ออยากมาไหว้พระทำบุญที่นี่เผื่องานที่เราทำจะสะดวกขึ้น” อันที่จริงธีรดลอยากจะมาดูความเป็นอยู่ของชุมชนแถวนี้ด้วยเพราะถ้าหากสร้างรีสอร์ทไปแล้วจะมีกิจกรรมหรือสถานชนที่ที่ไหนให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมกันบ้าง“สวัสดีครับคุณธี” อัสนีเห็นธีรดลเดินอยู่ที่หน้าโบสถ์จึงเข้ามาทักทาย“อ้าว..พ่อเลี้ยงบังเอิญจังเลยนะครับ”“คุณธีมาทำอะไรที่นี่ครับ” อัสนีเหลือยบสายตามองหญิงสาวที่กำลังก้มหน้างุดอาการของเธอเป็นเช่นนี้เขารู้ได้เลยว่าเธอคงยังไม่บอกเรื่องนั้นกับพ่อของเธอเป็นแน่“ไหว้พระขอพรกับวัดในพื้นที่เผื่องานจะราบรื่นน่ะครับ” ในระหว่างที่ธีรดลคุยกับอัสนีเพียงฟ้าก็เริ่มหน้าเสียเพราะกลัวว่าเรื่องวันนั้นที่เธอมาที่นี่จะหลุดให้พ่อของเธอได้รู้แล้วเธอจะโดนดุครั้งใหญ่“อ่อ..ดีแล้วล่ะครับ..คุณก็ไปไหนมาไหนกับคุณพ่อคุณแบบนี้ดีแล้ว” อัสนีพยักหน้าเบาๆและหันไปคุยกับเพียงฟ้า“ทำไมเหรอครับ” ธีรดลเริ่มสงสัยกับคำ
“ฮือๆๆ..” มิรันตีเมื่อเห็นหน้าคนเป็นแม่ก็ยอมอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากคัตเตอร์“ผมขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ” ภูผาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากการกระทำอันไม่มีหัวคิดของเข่าทำร้ายคนไปหลายคนเขาฟุบนั่งก้มลงพนมมือด้วยน้ำตาคลอเอ่ยขอโทษแม่ของมิรันตีจากใจจริงไม่มีคำไหนที่ดีไปกว่าคำนี้แล้ว“ฉันรู้ทุกอย่างรู้มาตลอด...ฉันผิดเองที่น่าจะดึงลูกฉันกลับมาตั้งแต่แรก” แสงดาปาดน้ำตาเอ่ยกับภูผาเสียงสั่นเธอรู้มาตอลดว่าลูกสาวของเธอรักคนที่ไม่เคยรักตัวเองแต่เธอก็ไม่เคยห้ามปรามทั้งยังพาลูกเอมาที่นี่เพราะไม่อยากให้ลูกสาวของเธอได้เจอกับภูผาเผื่ออาการเสียใจจะดีขึ้นแต่ไม่เลยกลับทำให้เรื่องมันดูแย่ลงไปอีก“คุณควรจะรักตัวเองให้มากๆเพราะคนที่เจ็บที่สุดเมื่อเห็นคุณเป็นทุกข์คือแม่ของคุณ...ผมมันก็แค่ผู้ชายไม่ดีคนนึงที่ทำให้ใจคุณเป็นทุกข์ยังจะสนใจผมอยู่อีกทำไม” ภูผาพูดย้ำให้หญิงสาวได้คิด“แม่คะ..” มิรันตีเงียบไปครู่หนึ่งเธอยอมวางคัตเตอร์ลงและหันไปกอดแม่ของเธอสะอื้นตัวโยนที่ทำอะไรสิ้นคิดลงไป“กลับบ้านกันนะลูก...ฉันจะไม่ปล่อยให้ลุกฉันมายุ่งกับคุณอีกและคุณก็ห้ามมายุ่งกับลูกฉันเหมือนกัน” แสงดาเอ่ยเสียงหน
สี่เดือนต่อมาตลอดเวลาสี่เดือนกว่าที่ผ่านมาภูผาและผ้าแพรดูจะรักกันมากขึ้นทุกวันทั้งคำพูดคำจาก็ดูสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนตอนนี้ผ้าแพรก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีแล้วจึงมาอยู่ที่บ้านสวนส่วนภูผานั้นก็หาคนเก่งมาบริหารงานแทนไปก่อนเพราะต้องการพักงานยาวเพื่อดูแลคนเป็นภรรยาที่ใกล้จะคลอด“ค่อยๆลูกค่อยๆ” พิมพรรณค่อยๆพยุงหลานเธอนั่งบนแคร่เพราะท้องที่โตเกินตัวของผ้าแพรทำให้เธอเดินเหินลุกนั่งลำบาก“ทานผลไม้สิแพร” เป็นเช่นเคยที่ผ้าแพรอยู่ตรงไหนภูผาก็จะคอยอยู่ด้วยไม่ห่างทั้งยังหาของนั่นนี่ให้หญิงสาวได้ทานเพื่อบำรุงอยู่ตลอดเวลา“แพรยังรู้สึกอิ่มอยู่เลยค่ะพี่ภู” ผ้าแพรส่ายหัวทั้งมองสามีเธอด้วยสายตาที่อ่อนใจเพราะเขาแทบจะหาอะไรให้เธอได้ทานไม่หยุดปากจนจุกไปหมดแล้ว“อิ่มก็ต้องทานเราอิ่มแต่ลูกอาจจะหิวก็ได้” “.แม่อิ่มลูกก็อิ่มนั่นแหละเดี๋ยวท้องเมียเราจะแตกเอาเล่นยัดโน่นยัดนี่ให้ทานแบบนี้” พิกุลเห็นทีหากจะไม่ปรามภูผามีหวังหลานเธอคงได้อิ่มจนแทบออกปากแน่20.30 น.“ดิ้นเก่งแบบนี้ออกมาวิ่งเล่นก็พ่อเร็วๆสิครับลูก” ตกดึกก่อนที่จะเข้านอนภูผาจะคุยเล่นหับลูกในท้องผ้าแพรพักใหญ่และดูเหมือนเจ้าตัวเล็กในท้องจะชอบให้พ่อพ
ครู่ต่อมา“จะมองหน้าลูกอีกนานหรือเปล่าคะ” ผ้าแพรเห็นภูผามองลุกชายที่หลับสนิทมาพักใหญ่แล้วจึงทักขึ้น“ลูกเราน่ารักขนาดนี้พี่จะหยุดมองได้ยังไง...รู้ใช่ไหมว่าแพรกับลูกเหมือนดวงใจของพี่” คนตัวโตหันมากอดภรรยาของเขาเอาไว้หลวมๆ“แพรรู้ค่ะ..แล้วก็ขอบคุณพี่ภูมากนะคะที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีตลอดมา” มือเรียวของหญิงสาวกุมมือหนาของภูผาเอาไว้แน่นใครจะไปคิดกันว่าคนที่มีการใช้ชีวิตต่างกันราวฟ้ากับเหวจะต้องมาแต่งงานอยู่กินด้วยกันเพราะต้องมีหน้าที่ที่รับผิดชอบร่วมกันแถมสองคนยังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในเวลาอันรวดเร็วถ้าไม่ใช่พรหมลิขิตที่ขีดเอาไว้แล้วห้าเดือนต่อมาบ้านริมน้ำ“หลานป้าจ้ำม่ำที่สุดเลย” เพียงฟ้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นกับหลานชายตัวกลมวัยแปดเดือนของเธออยู่พักใหญ่แล้วตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ยอมวางมือ“ทำไมลงมากรุงเทพได้ล่ะท่าทางฝนจะตกหนักใหญ่แล้วล่ะมั้ง” ภูผาเอ่ยหยอก“ฟ้ามีธุระจะคุยกับคุณพ่อนิดหน่อยน่ะค่ะ” “เรื่องอะไรเหรอคะ” ผ้าแพรอดที่จะถามเพียงฟ้าไม่ได้เพราะพี่สาวเธอมากรุงเทพได้ก็น่าจะเป็นธุระสำคัญน่าดู“พี่อยากจะทำรีสอร์ทอีกสักตั้ง” เพียงฟ้าตัดสินใจแล้วว่าเธอจะสานต่อโครงการนี้เองบ้านธีรดล
“ฟ้ายังไมได้พูดถึงพ่อเลี้ยงเลยนะคะ...แล้วแพรกับเด็กๆล่ะคะ” สาวเจ้าก้มหน้างุดโบ้ยไปคุยเรื่องอื่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นรู้ทันความคิดของเธอ“อยู่บ้านรอคุณพ่อน่ะถ้าคุณพ่อมาแล้วจะตามมา”“ฟ้าทำให้คุณพ่อเป็นกังวลอีกจนได้” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่และแล้วเธอก็ทำให้พ่อของเธอต้องมาเป็นห่วงอีกจนได้“ใครจะคิดว่ามันจะเกิดล่ะอย่าคิดมากเลย” ภูผาทำได้เพียงแค่ปลอบใจเรื่องแบบนี้มีใครอยากจะให้เกิดแกร๊กก“คุณอัส” เพียงฟ้าหันมองไปทางประตูเมื่อมันมีเสียงเปิดแล้วเธอก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่เห็นอัสนีเข้ามา“คุณภูสวัสดีครับตาวินกวนหรือเปล่าครับ” “ไม่เลยครับพอมีเพื่อนเข้าก็อารมณ์ดีเลยครับ” เรื่องธาวินภูผาให้อัสนีเบาใจได้เพราะรายนั้นพอเจอน้องชายก็เล่นด้วยกันจนน่าจะลืมความกลัวจากเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว“ค่อยโล่งอก” อัสนียิ้มออกกะว่าเดี๋ยวช่วงเย็นก็จะไปรับธาวินกลับแล้วเพราะไม่อยากรบกวนผ้าแพรกับภูผานาน“คุณเป็นยังไงบ้าง” อัสนีเดินเข้ามานั่งที่ข้างเตียงของเพียงฟ้าตรงข้ามกับที่ภูผานั่ง“คนอย่างเพียงฟ้าเจ็บแค่นี้จิ้บๆ” สีหน้าของหญิงสาวดูจะเบิกบานกว่าตอนที่คุยกับคนเป็นพี่ชายมากจนภูผาอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ทีเห็นเขาทำห
“ฉันมาได้ก็แล้วกันลูกฉันอยู่ไหนเอาลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้” เพียงฟ้าไม่ยอมบอกว่าเธอตามทุกคนมาได้อย่างไรเธอรีบแผดเสียงใส่มนัสกับลูกน้องอีกสองสามคนที่ยืนอยู่ด้วยความโมโห“เฮ้ยย” มนัสออกคำสั่งให้ลูกน้องจับตัวหญิงสาวเอาไว้“ลองมาจับฉันสิแม่จะยิงให้ไส้กระจุยเลย” ก่อนที่ลูกน้องสองสามคนของมนัสจะเข้ามาประชิดตัวของเธอหญิงสาวจึงรีบควักปืนออกจากกระเป๋าออกมาป้องกันตัวอย่างไม่เกรงกลัว“ลองยิงดูสิ” มนัสรีบเปิดประตูรถอีกคันที่มีธาวินอยู่ด้านในและจ่อปืนไปที่เจ้าก้อนกลมที่กำลังร้องเรียกหาคนเป็นแม่น้ำตาพรั่งพรู“แม่ๆ..แง้งๆๆๆ”“เอาลูกฉันมาเดี๋ยวนี้นะจำเอาไว้ว่าถ้าลูกฉันเป็นอะไรแกไม่ตายดีแน่” เพียงฟ้ามือไม้สั่นไม่คิดว่าพวกคนชั่วพวกนี้จะเอาเด็กมาเป็นเครื่องมือทั้งที่ธาวินนั้นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย“คุณฟ้า” อัสนีที่นั่งซุ่มดูเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับคนินทร์เมื่อเห็นว่าเพียงฟ้ากำลังอยู่ในอันตรายเขาจึงจะรีบเขาไปช่วยแต่ก็ถูกคนินทร์นั้นรั้งเอาไว้ก่อน“อย่าพึ่งเข้าไป” คนินทร์มองเกมส์ออกว่าตอนนี้มนัสคงยังไม่ทำอะไรทั้งเพียงฟ้าและและธาวินแน่นอนแต่หากเพื่อนเขาออกไปแล้วก็ไม่แน่จึงอยากจะรอให้กำลังเสริมมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว
ครู่ต่อมา“เดี๋ยวนี้ทานข้าวเก่งจังเลยนะครับฝีมือแม่อร่อยใช่ม้า...” เพียงฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อธาวินนั้นถูกใจในฝีมือการทำข้าวบดของเธอจนตอนนี้กินจนหมดถ้วยแล้ว“หม่ำๆๆ..” เด็กชายจ้องมองไปที่ถ้วยในมือของคนเป็นแม่ว่าเมื่อไรจะป้อนอีกเพราะเจ้าตัวนั้นยังไม่อิ่ม“ยังไม่อิ่มอีกเหรอข้าวหมดแล้วด้วยสิรอแม่เดี๋ยวนะครับเดี๋ยวแม่เอาน้ำผักมาให้เข้าใจไหมครับ” “ฮับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก“เก่งที่สุดเลย” สาวเจ้ารีบลุกออกจากระเบียงบ้านเข้าไปในครัวเพื่อไปเอาน้ำผักในตู้เย็นมาให้ธาวินกินแก้หิวในระหว่างที่เธอไปทำอาการให้เด็กชายใหม่สถานีตำรวจ“ไหนคุณว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วไงทำไมถึงมีหมายจับออกมาได้” ศรีน่านเข้ามาที่สถานีตำรวจตามหมายจับอย่างหัวเสียเพราะเขาคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไรที่จะต้องมาที่นี่แล้วเสียอีก“ผมบอกกับเสี่ยว่าไม่มีปัญหาตอนขนของไม่ได้รับปากนี่ครับว่าจะไม่มีหมายจับออกมา” คนินทร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อน“แก..” ศรีน่านกัดฟันกรอดคิดในใจว่าเขาไม่น่าเสียรู้สารวัตรละอ่อนนี่เลย“การลงทุนครั้งนี้ถือว่าไม่สูญเปล่านะครับเสี่ย” อัสนีเข้ามาในห้องและหย่อนก้นนั่งลงข้างๆศรีน่านด้วยสีหน้าระรื่น“อัสนี” ศรีน่านขมวดคิ้วแปลก
“ผมไม่เคยพูดเล่น”“คุณอัส..เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุไม่ดีขึ้นเลยนะคะฉันก็เสียใจเหมือนกันในที่ตาวินต้องเจ็บเพราะฉัน”“ออกไปได้แล้ว” อัสนียังคงยืนยันเสียงแข็งสิ้นเสียงของพ่อเลี้ยงหนุ่มดวงตากลมโตของหญิงสาวก็เหลือบมองเด็กชายที่นั่งยิ้มให้เธออยู่ตาละห้อยหากตอนนี้เธอต้องไปจริงๆคงคิดถึงธาวินแย่แต่ในเมื่อเจ้าของบ้านไม่ยอมใจอ่อนให้เธอขนาดนี้อยู่ไปก็คงจะอึดอัดกันน่าดูจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินหันหลังออกไปด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยว“แม่..แม่..” เด็กชายส่งเสียงเรียกคนเป็นแม่พร้อมมองตาแป๋วด้วยความไร้เดียงสา“ครับลูก” เพียงฟ้าแทบน้ำตาตกเมื่อได้ยินธาวินเรียกเธอเอาไว้“ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย” อัสนีกัดฟันกรอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหันไปบอกกับหญิงสาวเสียงแข็ง“ฉันจะรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีค่ะ” ริมฝีปากบางที่กำลังบุ้ยอยู่คราแรกตอนนี้ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจรีบสัญญากับอีกฝ่ายว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ธาวินมีอันตรายอย่างครั้งก่อนแน่นอนหลายวันต่อมาเพียงฟ้าและอัสนีได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกเกือบเดือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆแต่ก็ยังไม่มีใครรู้คว
“ตาวินเป็นอะไรคะ” เพียงฟ้าได้ยินเสียงร้องของธาวินดังขึ้นจึงรีบวิ่งเข้ามาในบ้านหน้าตาตื่นอย่างรวดเร็ว“ลูกอมในโหลนี่ของคุณใช่หรือเปล่า” อัสนีมองต่ำไปที่พื้นทั้งพูดกับเพียงฟ้าเสียงแข็ง“อืมใช่..” หญิงสาวพยักหน้ายอมรับว่าเจ้าโถลูกอมเป็นของเธอแต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ทำไมมาอยู่กับพื้นได้“คุณเกือบทำให้ตาวินตายแล้วรู้ตัวหรือเปล่าผมไม่น่าไว้ใจคุณเลย” “ฮือๆๆๆ”“ฉันทำอะไร” สองหนุ่มสาวสาดอารมณ์ใส่กันในขณะที่ธาวินยังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุด“ก็ไอ้นี่มันอยู่ในคอตาวินไงดีนะที่ลุงพันช่วยไว้ทัน” อัสนีหยิบลูกอมชิ้นที่ติดคอธาวินเมื่อครู่ชูให้เพียงฟ้าได้ดู“แต่โหลแก้วนี่ฉันจำได้ว่าเอาไว้บนโต๊ะนี่คะ” เพียงฟ้าค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้หยิบโถลูกอมลงมาเพราะเธอจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรในเมื่อธาวินนั่งเล่นอยู่กับพื้น“ยังจะแก้ตัวอีกแค่ยอมรับว่าตัวเองผิดมันยากนักหรือไง” อัสนีแผดเสียงฝาดจนเพียงฟ้าสะดุ้งตัวโยนพูดอะไรไม่ออก“ใจเย็นๆกันก่อนเถอะครับ” ประพันธ์เห็นท่าอัสนีจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จึงอาศัยความเป็นผู้ใหญ่ของตนปรามเอาไว้ก่อนเพราะเขาก็เข้าใจว่าเพียงฟ้าคงไมได้ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้เหมือนกันจี๊ดๆๆๆ“อีตา
“อ้าวคุณจันทร์มีเอกสารที่ต้องเซ็นเหรอครับ” อัสนีเห็นณจันทร์เขชาก็พึ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้เข้าไปที่สำนักงานลายวันที่หญิงสาวมาที่นี่คงเป็นเรื่องเอกสารเป็นแน่“ค่ะ..”“สักครู่นะครับ..ฝากตาวินหน่อยคุณ”“อืม..ไปจัดการธุระของคุณเถอะ”ชายหนุ่มวางธาวินลงให้เพียงฟ้านั้นช่วยดูและเดินออกไปที่ห้องรับแขกเพื่อคุยธุระเรื่องงานกับณจันทร์เป็นการส่วนตัว“เธออยู่ที่นี่เหรอคะ” ในขณะที่อัสนีกำลังเซ็นเอกสารณจันทร์ก็ถือโอกาสถามเรื่องเพียงฟ้าด้วยเลยเพราะเธอรู้ว่าเพียงฟ้านั้นรับเป็นแม่บุญธรรมให้กับธาวินแต่ไม่คิดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่กับอัสนีด้วย“เห็นเธอว่าอย่างนั้นนะครับ” อัสนีเลยหน้าขึ้นมาให้คำตอบกับณจันทร์ครู่หนึ่งแล้วจึงก้มมองเอกสารต่อ“อ่อ..ค่ะ” ณจันทร์พยักหน้ารับเบาๆ“เรียบร้อยแล้วครับ...ช่วงนี้ผมคงไม่ค่อยได้เข้าไปที่สำนักงานคงต้องลำบากคุณจันทร์มาที่นี่บ่อยๆแล้วล่ะครับ”“ไม่เป็นไรเลยค่ะจันทร์ยินดี” ณจันทร์ยิ้มอ่อนเธอไม่ได้ลำบากเลยที่จะมาที่นี่“ขอบคุณนะครับ” หลายวันต่อมา“รีสอร์ทฉันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะคุณรั้วรอบขอบชิดก็มีแล้วตอนนี้มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะมั้งคุณไม่ต้องลำบากส่งคนมาเฝ้าก็ได้”ว
“ค่อยโล่งใจ..” อัสนีได้ยินเช่นนี้เขาก็พอโล่งใจที่ทุกอย่างราบรื่นแต่ดูจะไม่ราบรื่นก็ตรงที่เพียงฟ้าดูจะทำอะไรตามใจตัวเองกับบ้านของเขาจนเกินไป“คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่”“นี่มันบ้านผมจะมานอนบ้านผู้ชายไม่กลัวตัวเองเสียหายหรือไง” อัสนีคิดว่าหญิงสาวจะไม่ทำเรื่องอะไรให้เขาลำบากใจแล้วเสียอีกแต่คำที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาวเมื่อครู่ทำให้เขาต้องปวดหัวอีกรอบ“ไม่...ฉันจะอยู่ที่นี่ดูแลตาวินกับคุณ...” เพียงฟ้าพูดไปยิ้มไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับอาการไม่ยินดีกับอัสนีเลยสักนิดเพราะคนอย่างเธอตัดสินใจอะไรแล้วก็ต้องทำให้ได้“ผมแค่ให้คุณเซ็นรับเป็นแม่ตาวินเฉยๆไม่ได้ให้คุณมารับผิดชอบเต็มหน้าที่ขนาดนี้” อัสนีเห็นว่าเขาคงต้องทวนข้อตกลงกับหญิงสาวให้เข้าใจเสียใหม่แล้วเพราะเขาไม่ได้ให้เธอทำหน้าที่ตอลดเวลาแบบนี้“ไม่รู้ล่ะไหนๆฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นแม่ธาวินแล้วยังไงฉันก็จะทำหน้าที่เต็มความสามารถ...ดึกแบบนี้คุณไล่ฉันกลับไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือไง” ร่างบางกอดอกมองหน้าอัสนีด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์“เฮ้อ..” พ่อเลี้ยงหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกอดอกมองหน้าคนเอาแต่ใจพร้อมทั้งถอนหายใจเฮือกใหญ่และแล้วเขาก็ต้องยอมในความเผด็จการของเพียง
ครู่ต่อมา“อย่างนี้ทุกทีสิน่าลูกสาวฉัน” ธีรดลถอนหายใจเฮือกใหญ่จ้องหน้าลูกสาวคนโตที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาที่ค่อนข้างปลงเมื่อรุ้เรื่องทั้งหมดจากปากคนเป็นลูก“คุณพ่ออย่าโกรธฟ้าเลยนะคะฟ้าขอโทษ” สาวเจ้าเอ่ยเสียงออดอ้อนคนเป็นพ่อเช่นที่เคยทำ“แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะเป็นแม่คนได้” เรื่องที่เพียงฟ้ารับเป็นแม่บุญธรรมให้กับธาวินเขาไมได้ติงอะไรแค่เขากลัวว่าเพียงฟ้าจะตัดสินใจเพียงเพราะอยากให้อัสนียื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องรีสอร์ทเท่านั้น“ฟ้าตัดสินใจแล้วค่ะ” ดวงตากลมมองหน้าคนเป็นพ่อด้วยสายตาที่มุ่มมั่น“ในเมื่อฟ้าตัดสินใจแล้วพ่อจะว่าอะไรได้...พ่อขอบอกไว้อย่างนะลูกหน้าที่แม่เป็นแล้วเลิกไม่ได้” ธีรดลพยักหน้าเบาๆและอดเตือนเพียงฟ้าไม่ได้ว่าหากลูกของเขาเลือกที่จะเป็นแม่ให้กับธาวินแล้วหน้าที่นี้มันจะคงอยู่ตลอดไปดังนั้นจะมาทำเป็นเล่นกับชีวิตคนๆนึงไม่ได้“ฟ้าเข้าใจค่ะ..เอ่อ..คุณพ่อพูดแบบนี้ไม่โกรธฟ้าใช่ไหมคะ” ธีรดลยิ้มอ่อนเขารู้ดีว่าลูกเขาอยากทำอะไรคงห้ามได้ยากคงต้องปล่อยให้เรียนรู้ผิดถูกเอาเองเพราะโตแล้ว“ขอบคุณนะคะคุณพ่อที่เข้าใจฟ้า” นับว่าตอนนี้เพียงฟ้าโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกนึกว่าจะโดนดุชุดใหญ่เสียอี
“พี่คิณทำได้อยู่แล้วค่ะพี่ชายของแพรเก่งที่สุด” ผ้าแพรเชื่อในคำพูดของคนินทร์เสมอหากพี่เธอดูมุ่งมั่นขนาดนี้เธอก็เชื่อว่าไม่นานศรีน่านจะต้องถูกจัดการแน่นอนพูดจบร่างบางก็เอียงหัวทุยซบบ่าของคนินทร์ใบหน้านวลนั้นระรื่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อรู้ว่าไม่นานคงจะมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้น“แอะ...แอ้มม..” ภูผารีบกระแอมกระไอยกใหญ่เมื่อเห็นว่าภรรยาตนนั้นกำลังถึงเนื้อถึงตัวกับคนินทร์ เสียงกระแอมกระไอเสียงดังทำเอาหญิงสาวแทบจะผละตัวออกจากคนินทร์ไม่ทันเพราะรู้ว่าตัวเองเผลอตัวผิดสัญญากับภูผาเรื่องที่จะไม่ทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายอื่นจนเกินเหตุแม้จะนับถือเป็นพี่ก็ตาม“หึ่มๆ..” คนินทร์อมยิ้มอ่อนเขาค่อยๆยื่นมือหน้าลูบหัวผ้าแพรเบาๆเขาคิดว่าผ้าแพรนั้นระวังตัวมากแล้วหากเป็นเมื่อก่อนคงกระโดดกอดคอเขาตั้งแต่มาถึงไร่ปรานโชควันนี้เพียงฟ้าและอัสนีก็ได้เซ็นเอกสารรับธาวินเป็นลูกเสียทีหลังจากที่ให้ทนายนั้นจัดการเดินเรื่องให้อยู่หลายวัน“ตอนนี้คุณทั้งสองคนก็เป็นพ่อแม่บุญธรรมธาวินสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วนะครับ” เศรษฐาเอ่ยยินดีกับทั้งสองเมื่อธุระที่ต้องการจัดการเสร็จสิ้่นก่อนจะกลับ“ขอบคุณนะครับคุณอา” เพียงฟ้าและอัสนีรีบยกมือไหว