เช้าวันต่อมา
ผ้าแพรตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่เมื่อสายตามองเห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆสมองประมวลเรื่องราวเมื่อคืนที่เขาทำกับเธอจนสร้างความสับสนใจใจขึ้นมาอีกครั้ง
“...” หญิงสาวพลิกตะคงหันหน้ามองใบหน้าคมที่กำลังหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าครุ่นคิดทั้งเมื่อลองขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายช้าๆหัวใจของเธอกลับเต้นเร็วผิดปกติแถมยังรู้สึกไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าเขาใกล้ๆทั้งที่เขาก็ไม่ได้รู้ตัว
“จะจ้องหน้าฉันอีกนานหรือเปล่า” แขนแกร่งตวัดรวบร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้แน่นเขารู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนเธอตื่นแล้วแต่เมื่อเห็นหญิงสาวตื่นจึงแกล้งหลับ
“เอ่อ..อืม” เมื่อถูกจับได้สาวเจ้าก็เอาแต่ก้มหน้างุดพ่นลมหายใจอ่อนลงบนอกแกร่งของคนที่กอดเธอเอาไว้
“วันนี้พักผ่อนเยอะๆรู้ไหมฉันจะรีบไปรีบกลับ”
ฟอดดดด พูดจบก็เชยใบหน้านวลขึ้นมาหอมฟอดใหญ่แล้วจึงค่อยลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะรีบไปทำงานจะได้รีบกลับหากเป็นไปได้ทุกวันเขาอยากจะพาเธอไปด้วยกันด้วยซ้ำ
ทิ้งให้หญิงสาวนั้นนอนกำผ้าห่มแน่นหน้าแดงแทบจะเป็นลูกตำลึงอยู่บนเตียง
“หน้าตาสดใสขึ้นนะเรา” สายทองชวนหลานสะใภ้ของเธอมานั่งคุยกันที่ห้องโถงในช่วงสายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นหน้าตาสดใสขึ้นก็พลอยสบายใจไปอีกเปราะ
“คุณย่าขาแพรมีอะไรจะถามนิดหน่อยค่ะ” ผ้าแพรอมยิ้มอ่อนรีบเอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้กับคนที่นั่งคุยด้วยในขณะที่กำลังปลอดคน
“ว่ามาสิลูก”
“ถ้าเราชอบใครสักคนแบบหญิงรักชายอะไรแบบนี้ค่ะ..เรา..จะเป็นยังไงคะ” ดวงตากลมโตดูสงสัยเรื่องที่ถามเอามากเป็นพิเศษ
“อืม..เราใจเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ๆคนๆนั้นหรือเปล่ารู้สึกเขินเค้าบ่อยแค่ไหน...เมื่อมีทุกข์หรือมีความสุขชื่อของเค้าจะมาก่อนคนแรกย่าว่าถ้าเรามีคล้ายๆที่ย่าพูดแสดงว่าเราน่าจะตกหลุมรักเค้าแล้วล่ะ” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สายทองนั้นตอบได้ไม่ยากเพราะเธอยังจำความรู้สึกในวันที่ตกหลุมรักปู่ของภูผาได้ดี
“แบบนั้นแน่ใช่ไหมคะคุณย่า” หญิงสาวก้มหน้าครุ่นคิดความรู้สึกของเธอที่มีต่อภูผาในเวลาไม่นานมานี้ก็เป็นเช่นที่สายทองนั้นบอกนี่เองหรือที่เขาเรียกว่าการมีความรักแบบคนรัก
“ใช่แล้วล่ะเชื่อย่าสิย่าอาบน้ำร้อนมาก่อนไปตกหลุมรักใครเข้าล่ะ” สายทองมองหลานสะใภ้ของเธอด้วยสายตามีเลศนัยและพอจะรู้ว่าทำไมผ้าแพรถึงมาถามเธอเรื่องนี้แต่ก็ทำเป็นไขสือไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เอ่อ...แพรแค่ถามเอาไว้เฉยๆค่ะคุณย่า” สาวเจ้ารีบตอบกลับตะกุกตะกักเพราะกลัวว่าสายทองนั้นจะจับผิดเธอได้
บ่ายของวัน
ช่วงบ่ายแดเนียลและปกรณ์เข้ามาที่บ้านริมน้ำเพื่อเอาผ้าไหมทอลายใหม่จากโรงงานของปกรณ์มาให้สายทองและถือโอกาสมาเยี่ยมทุกคนในบ้านด้วย
“ยังไงก็ขอบใจนะลูกที่อุตส่าห์แวะมาเยี่ยมย่ายังไงย่าขอตัวก่อนไม่อยากรบกวนหนุ่มๆสาวๆคุยกันแล้วก็ว่าจะไปงีบเสียหน่อย” สายทองอยู่คุยกับเหล่าหลานๆครู่หนึ่งจึงขอตัวเพราะคิดว่าหนุ่มๆสาวๆน่าจะคุยกันถูกคอกว่า
“ครับคุณย่า” ปกรณ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่สายทองรู้ใจพวกเขาหากมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยเขาคงคุยเล่นตามประสาคนขี้เล่นไม่สะดวกเท่าไร
“แล้วแพรรู้เพศลูกหรือยังพวกพี่จะได้หาซื้อของรับขวัญหลานถูก” แดเนียลเอ่ยถามผ้าแพรเขาเองก็รู้สึกเห่อหลานไม่น้อยเหมือนกันแม้จะยังไม่เห็นหน้าเพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดเคยฝันว่าภูผาจะแต่งงานมีลูกก่อนใครคิดว่าจะเป็นเขาเสียอีกที่จะแต่งงานก่อนเพื่อน
“ยังเลยค่ะตอนนี้พึ่งจะเข้าเดือนที่สี่พี่หมอก็ยังไม่ได้บอกว่าจะรู้เพศเมื่อไร” ใบหน้าหวานส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อน
“ยังไงถ้ารู้แล้วรีบบอกพวกพี่เลยนะ” ปกรณ์รีบโพล่งออกมาเขามีหลายอย่างเลยที่อยากจะซื้อรับขวัญหลานแต่อยากจะรู้เพศเสียก่อนจะได้ซื้อได้ถูก
“ได้เลยค่ะ”
“ดูแกตื่นเต้นนะอยากจะมีบ้างหรือไง” แดเนียลตบบ่าปกรณ์หนักๆสองสามที
“คนรักฉันยังไม่มีเลย” ปกรณ์ส่ายหัวตอนนี้เขายังไม่เจอใครที่ถูกใจที่จะให้เป็นแม่ของลูกเสียทีที่มีตอนนี้ก็แค่คนชั่วครั้งชั่วคราวที่เปลี่ยนหน้าบ่อยเท่านั้น
“แกก็หัดรักใครบ้างสิไม่ใช่เจ้าชู้ไปเรื่อย” แดเนียลอมยิ้ม
“ก็ยังไม่เจอที่ใช่นี่หว่า” ปกรณ์ยักไหล่เบาๆ
“พี่ๆคะเวลาที่พวกพี่รักใครสักคนจะแสดงออกความรักยังไงคะ” ผ้าแพรเห็นสองหนุ่มคุยกันเรื่องรักๆใคร่ๆพอดีเธอจึงอยากจะถามเรื่องนี้เพื่ออยากจะฟังความคิดเห็นในมุมของผู้ชายบ้าง
“สำหรับพี่ก็ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษบอกรักให้เค้ารู้..แล้วก็..มีของขวัญวันพิเศษอะไรประมาณนี้” ปกรณ์ขมวดคิ้วครุ่นคิดพร้อมค่อยๆพูดออกมา
“นี่มันวิธีจีบหญิงของแกหรือเปล่าวะ...แพรฟังพี่นะการแสดงออกของความรักมีหลายแบบ...บางคนก็จะพูดโจ่งแจ้งแสดงให้รู้ว่ารักแบบไอ้กรบางคนก็แสดงออกทางพฤติกรรมเช่นห่วงใยใส่ใจความรู้สึกของเราทุกอย่างให้เกียรติเราประมาณนี้” แดเนียลมองปกรณ์ด้วยสายตาระอาและต้องรีบอธิบายคำตอบที่ดูมีสาระก่อนที่ผ้าแพรจะเชื่อแค่มุมมองของปกรณ์อย่างเดียว
“อืม..” เมื่อฟังคำแดเนียลจบผ้าแพรก็อมยิ้มอ่อนรีบก้มหน้าลงเพราะกลัวว่าสองหนุ่มจะเห็นเธอมีพิรุจ ตอนนี้เธอเชื่อไปเกือบหมดใจแล้วว่าสิ่งที่ภูผาพูดเขาไม่ได้หลอกลวงเธอเพราะเขาดูแลเอาใจใส่ห่วงใยทั้งให้เกียรติเธอกับครอบครัวเธอทุกอย่าง
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่” ภูผาพึ่งกลับมาถึงบ้านเห็นแดเนียลกับปกรณ์นั่งคุยอยู่กับผ้าแพรหัวร่อต่อกระซิกจึงรีบเข้ามาหย่อนก้นนั่งข้างๆคนเป็นภรรยาใบหน้าคมมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรเพราะเพื่อนของเขามาที่นี่โดยไม่บอกไม่กล่าว“เอาผ้าไหมลายใหม่มาให้คุณย่าน่ะสิแดนมันว่างพอดีฉันเลยชวนมันมากะทันหันไม่ทันได้บอก”“เดี๋ยวนี้แกกลับบ้านเร็วเป็นด้วยเหรอวะ” แดเนียลเอ่ยจบก็หันไปยิ้มอ่อนกับปกรณ์“ไม่มีอะไรสำคัญก็เลยกลับ” ใบหน้าคมยังมีสีหน้าที่ตึงเล็กน้อยเหตุด้วยยังไม่หายเคืองใจที่สองหนุ่มเพื่อนเขาเข้ามาคุยกับภรรยาเขาอย่างสนิทสนมครู่ต่อมาตอนนี้ผ้าแพรปล่อยให้สามหนุ่มได้นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนโดยเธอขอปลีกตัวไปเตรียมของว่างให้ทั้งสามอยู่ในครัว“เฮ้ย..ฉันเห็นในแถลงแกพูดจริงเหรอวะ...เปลี่ยนเป็นสนใจเมียแกแค่คนเดียวได้จริงเหรอ” ปกรณ์ว่าจะคุยเรื่องนี้กับภูผานานแล้วเมื่อเห็นผ้าแพรปลีกตัวออกไปเลยได้จังหวะถามต่อหน้า“แกเคยเห็นฉันโกหกหรือไง..ฉันคือคนที่ชัดเจนกับคำพูดและการกระทำสุดแล้ว” ภูผาพยักหน้าเบาๆเขาเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนรักก็รักไม่รักก็บอกไม่รักไม่ชอบเก็บความรู้สึก“ฉันดีใจนะที่แกเปลี่ยนได้แล้วน้องแพรล่ะเค้าคิ
“คุณภูอย่าแกล้งแพรค่ะ” มือน้อยจับมือของเขากำเอาไว้แน่นไม่ให้เขานั้นแกล้งเธอได้เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าเขาตอนนี้“ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยมาเดินเล่นดีกว่านะดวง” สายทองเอ่ยกับดวงใจเสียงดังคิดว่าวันนี้เธอคงจะไม่นั่งเล่นริมน้ำยามเย็นเหมือนเคยๆเสียแล้วเมื่อเอ่ยจบก็เดินอมยิ้มกลับเข้าไปในตัวบ้าน“ค่ะคุณท่าน” ดวงใจลอบมองภูผาและผ้าแพรด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินตามสายทองเข้าบ้านไป“คุณย่ามาเห็นจนได้” สาวเจ้าขมวดติ้วเล็กน้อยจากที่เขินภูผาอยู่พอตัวแล้วเมื่อรู้ว่าสายทองนั้นเห็นพฤติกรรมของพวกเธอตอนนี้ผ้าแพรก็ยิ่งรู้สึกอายเข้าไปใหญ่“ท่านเข้าใจน่าสามีภรรยาก็ต้องหวานกันเป็นธรรมดา...แพร”“คะ”“ทุกๆอย่างที่ฉันพูดออกไปไม่เคยโกหกสักคำเธอเชื่อใจฉันได้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีเรื่องผู้หญิงคนอื่นมากวนใจเธออีก” ดวงตาคมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมอกอย่างไม่วางตาทั้งเอ่ยกับเธอด้วยน้ำสียงที่หนักแน่นชัดถ้อยชัดคำให้หญิงสาวนั้นได้มั่นใจว่าสิ่งที่เขาลั่นวาจาไว้แล้วนั้นจะไม่คืนคำแน่นอน“จริงใช่ไหมคะ” ผ้าแพรเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้ามองคนเป็นสามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังหากเขาทำได้อย่างที่พูดเธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลั
20.30 น.“กลัวจะไม่ได้ไปหรือไง” ภูผาเห็นหญิงสาวเตรียมเก็บเสื้อผ้าเสียตั้งแต่อาบน้ำเสร็จจึงเอ่ยหยอก“ก็อยากเตรียมพร้อมเอาไว้ค่ะ” มือน้อยบรรจงพับผ้าลงกระเป๋าเดินทางทังที่เสื้อผ้าตัวเองนั้นมีไม่กี่ชุดเก็บก่อนจะไปก็ยังทัน“เอาไว้ก่อนเถอะพรุ่งนี้ก็ยังมีเวลา” ภูผาเดินยกกระเป๋าของคนเป็นภรรยาไปไว้หน้าตู้เสื้อผ้าด้วยอยากให้หญิงสาวหยุดมือแล้วจึงเดินกลับมานอนกอดเอเอาไว้แน่น“เอ่อ..จ..จะทำอะไรคะ” ผ้าแพรเอ่ยถามคนที่กำลังกอดด้วยสีหน้าตกใจเพราะชายหนุ่มไม่ได้กอดเธอเฉยๆอย่างเมื่อก่อนแต่ตอนนี้เขาเริ่มกดจมูกโด่งหอมเธอไม่ยอมหยุด“ฉันก็จะมีความสุขกับภรรยาฉันบ้างสิ” คนตัวโตเอ่ยเสียงแหบพร่าทั้งยังไม่ยอมหยุดการกระทำ “ค..คุณภู..แต่ว่า..เจ้าตัวเล็ก” สาวเจ้าฟังคำภูผาจบก็เบิกตาโพรงตัวเกร็งเธอเข้าใจความหมายที่ภูผาพูดจึงค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักหากเขาจะมีความสุขกับเธอตอนนี้แล้วลูกเธอในท้องจะเป็นอย่างไร“ฉันคุยกับพี่หมอเรียบร้อยแล้วลูกเราจะไม่เป็นอะไร..” สายตาคมมองคนเป็นภรรยาหยาดเยิ้มทั้งยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยนี่เองคือเหตุผลที่ภูผาขอตัวไปคุยกับหมอน้ำก่อนจะลับเป็นการส่วนตัว“อื้อ..” ว่าจบก็บดจูบริมฝีปากบางโดย
ภูผารู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป้รนความผิดของเขาหากเขาไม่เผลอตัวไปทุกอย่างมันคงไม่เป็นเช่นนี้แต่หากจะยังดึงดันเห็นใจมิรันตีให้เธอใกล้ชิดเขาต่อก็อาจจะเกิดปัญหาครอบครัวของเขาตามมาได้ซึ่งเขาก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นเช่นนั้นสามวันต่อมาเชียงใหม่“เห็นว่าวันนี้คุณธีจะเข้ามาพร้อมกับหลานๆเลยนะคะแม่” พิมพรรณเอ่ยกับคนเป็นแม่ในขณะที่นั่งทำกับข้าวเพื่อต้อนรับหลานๆที่กำลังจะมา“เราก็อยู่รับเองละกันแม่พิม” พิกุลเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก“แม่ยังไม่หายโกรธคุณธีอีกเหรอคะเรื่องมันผ่านมานานมากแล้วคุณธีเองเค้าก็รู้สึกผิดไม่แน่นะคะวันนั้นที่รูปพี่พรหล่นอาจจะอยากให้ทุกคนได้รู้ความจริงก็ได้” พิมพรรณละมือมองหน้าคนเป็นแม่อย่างอ่อนใจหากแม่เธอให้อภัยธีรดลได้เธอเชื่อว่าผ้าแพรน่าจะมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่“....” สิ้นเสียงคนเป็นลูกสาวพิกุลก็ยังคงเงียบไม่พูดไม่จาอะไรจนพิมพรรณนั้นเลิกที่จะพูดอะไรอีกช่วงสายของวัน“สวัสดีครับน้าพิมคุณยาย” เมื่อเดินทางมาถึงบ้านสวนกันได้ทุกคนก็กรูกันขึ้นไปทักทายเจ้าบ้านที่ชานเรือน“ไหว้พระเถอะลูก” พิกุลรับไหว้ภูผา“ยายคะ” ผ้าแพรโผข้าไปกอดคนเป็นยายพร้อมพิมพรรณเช่นเคยด้วยใบ
วันต่อมาวัดxx“ทำไมคุณพ่อถึงอยากมาที่วัดนี้ล่ะคะ” วันนี้เพียงฟ้ามาวัดที่แม่อายกับพ่อของเธอสองคนหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจที่พ่อของเธอเลือกที่จะมาวัดไกลขนาดนี้เพราะที่แม่ริมก็มีวัดตั้งหลายวัดพ่อเธอไม่ยักจะไป“พ่ออยากมาไหว้พระทำบุญที่นี่เผื่องานที่เราทำจะสะดวกขึ้น” อันที่จริงธีรดลอยากจะมาดูความเป็นอยู่ของชุมชนแถวนี้ด้วยเพราะถ้าหากสร้างรีสอร์ทไปแล้วจะมีกิจกรรมหรือสถานชนที่ที่ไหนให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมกันบ้าง“สวัสดีครับคุณธี” อัสนีเห็นธีรดลเดินอยู่ที่หน้าโบสถ์จึงเข้ามาทักทาย“อ้าว..พ่อเลี้ยงบังเอิญจังเลยนะครับ”“คุณธีมาทำอะไรที่นี่ครับ” อัสนีเหลือยบสายตามองหญิงสาวที่กำลังก้มหน้างุดอาการของเธอเป็นเช่นนี้เขารู้ได้เลยว่าเธอคงยังไม่บอกเรื่องนั้นกับพ่อของเธอเป็นแน่“ไหว้พระขอพรกับวัดในพื้นที่เผื่องานจะราบรื่นน่ะครับ” ในระหว่างที่ธีรดลคุยกับอัสนีเพียงฟ้าก็เริ่มหน้าเสียเพราะกลัวว่าเรื่องวันนั้นที่เธอมาที่นี่จะหลุดให้พ่อของเธอได้รู้แล้วเธอจะโดนดุครั้งใหญ่“อ่อ..ดีแล้วล่ะครับ..คุณก็ไปไหนมาไหนกับคุณพ่อคุณแบบนี้ดีแล้ว” อัสนีพยักหน้าเบาๆและหันไปคุยกับเพียงฟ้า“ทำไมเหรอครับ” ธีรดลเริ่มสงสัยกับคำ
“ฮือๆๆ..” มิรันตีเมื่อเห็นหน้าคนเป็นแม่ก็ยอมอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากคัตเตอร์“ผมขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ” ภูผาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากการกระทำอันไม่มีหัวคิดของเข่าทำร้ายคนไปหลายคนเขาฟุบนั่งก้มลงพนมมือด้วยน้ำตาคลอเอ่ยขอโทษแม่ของมิรันตีจากใจจริงไม่มีคำไหนที่ดีไปกว่าคำนี้แล้ว“ฉันรู้ทุกอย่างรู้มาตลอด...ฉันผิดเองที่น่าจะดึงลูกฉันกลับมาตั้งแต่แรก” แสงดาปาดน้ำตาเอ่ยกับภูผาเสียงสั่นเธอรู้มาตอลดว่าลูกสาวของเธอรักคนที่ไม่เคยรักตัวเองแต่เธอก็ไม่เคยห้ามปรามทั้งยังพาลูกเอมาที่นี่เพราะไม่อยากให้ลูกสาวของเธอได้เจอกับภูผาเผื่ออาการเสียใจจะดีขึ้นแต่ไม่เลยกลับทำให้เรื่องมันดูแย่ลงไปอีก“คุณควรจะรักตัวเองให้มากๆเพราะคนที่เจ็บที่สุดเมื่อเห็นคุณเป็นทุกข์คือแม่ของคุณ...ผมมันก็แค่ผู้ชายไม่ดีคนนึงที่ทำให้ใจคุณเป็นทุกข์ยังจะสนใจผมอยู่อีกทำไม” ภูผาพูดย้ำให้หญิงสาวได้คิด“แม่คะ..” มิรันตีเงียบไปครู่หนึ่งเธอยอมวางคัตเตอร์ลงและหันไปกอดแม่ของเธอสะอื้นตัวโยนที่ทำอะไรสิ้นคิดลงไป“กลับบ้านกันนะลูก...ฉันจะไม่ปล่อยให้ลุกฉันมายุ่งกับคุณอีกและคุณก็ห้ามมายุ่งกับลูกฉันเหมือนกัน” แสงดาเอ่ยเสียงหน
สี่เดือนต่อมาตลอดเวลาสี่เดือนกว่าที่ผ่านมาภูผาและผ้าแพรดูจะรักกันมากขึ้นทุกวันทั้งคำพูดคำจาก็ดูสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนตอนนี้ผ้าแพรก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีแล้วจึงมาอยู่ที่บ้านสวนส่วนภูผานั้นก็หาคนเก่งมาบริหารงานแทนไปก่อนเพราะต้องการพักงานยาวเพื่อดูแลคนเป็นภรรยาที่ใกล้จะคลอด“ค่อยๆลูกค่อยๆ” พิมพรรณค่อยๆพยุงหลานเธอนั่งบนแคร่เพราะท้องที่โตเกินตัวของผ้าแพรทำให้เธอเดินเหินลุกนั่งลำบาก“ทานผลไม้สิแพร” เป็นเช่นเคยที่ผ้าแพรอยู่ตรงไหนภูผาก็จะคอยอยู่ด้วยไม่ห่างทั้งยังหาของนั่นนี่ให้หญิงสาวได้ทานเพื่อบำรุงอยู่ตลอดเวลา“แพรยังรู้สึกอิ่มอยู่เลยค่ะพี่ภู” ผ้าแพรส่ายหัวทั้งมองสามีเธอด้วยสายตาที่อ่อนใจเพราะเขาแทบจะหาอะไรให้เธอได้ทานไม่หยุดปากจนจุกไปหมดแล้ว“อิ่มก็ต้องทานเราอิ่มแต่ลูกอาจจะหิวก็ได้” “.แม่อิ่มลูกก็อิ่มนั่นแหละเดี๋ยวท้องเมียเราจะแตกเอาเล่นยัดโน่นยัดนี่ให้ทานแบบนี้” พิกุลเห็นทีหากจะไม่ปรามภูผามีหวังหลานเธอคงได้อิ่มจนแทบออกปากแน่20.30 น.“ดิ้นเก่งแบบนี้ออกมาวิ่งเล่นก็พ่อเร็วๆสิครับลูก” ตกดึกก่อนที่จะเข้านอนภูผาจะคุยเล่นหับลูกในท้องผ้าแพรพักใหญ่และดูเหมือนเจ้าตัวเล็กในท้องจะชอบให้พ่อพ
ครู่ต่อมา“จะมองหน้าลูกอีกนานหรือเปล่าคะ” ผ้าแพรเห็นภูผามองลุกชายที่หลับสนิทมาพักใหญ่แล้วจึงทักขึ้น“ลูกเราน่ารักขนาดนี้พี่จะหยุดมองได้ยังไง...รู้ใช่ไหมว่าแพรกับลูกเหมือนดวงใจของพี่” คนตัวโตหันมากอดภรรยาของเขาเอาไว้หลวมๆ“แพรรู้ค่ะ..แล้วก็ขอบคุณพี่ภูมากนะคะที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีตลอดมา” มือเรียวของหญิงสาวกุมมือหนาของภูผาเอาไว้แน่นใครจะไปคิดกันว่าคนที่มีการใช้ชีวิตต่างกันราวฟ้ากับเหวจะต้องมาแต่งงานอยู่กินด้วยกันเพราะต้องมีหน้าที่ที่รับผิดชอบร่วมกันแถมสองคนยังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในเวลาอันรวดเร็วถ้าไม่ใช่พรหมลิขิตที่ขีดเอาไว้แล้วห้าเดือนต่อมาบ้านริมน้ำ“หลานป้าจ้ำม่ำที่สุดเลย” เพียงฟ้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นกับหลานชายตัวกลมวัยแปดเดือนของเธออยู่พักใหญ่แล้วตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ยอมวางมือ“ทำไมลงมากรุงเทพได้ล่ะท่าทางฝนจะตกหนักใหญ่แล้วล่ะมั้ง” ภูผาเอ่ยหยอก“ฟ้ามีธุระจะคุยกับคุณพ่อนิดหน่อยน่ะค่ะ” “เรื่องอะไรเหรอคะ” ผ้าแพรอดที่จะถามเพียงฟ้าไม่ได้เพราะพี่สาวเธอมากรุงเทพได้ก็น่าจะเป็นธุระสำคัญน่าดู“พี่อยากจะทำรีสอร์ทอีกสักตั้ง” เพียงฟ้าตัดสินใจแล้วว่าเธอจะสานต่อโครงการนี้เองบ้านธีรดล