เมื่อพิกุลรู้ว่าภูผาถูกหมามุ่ยมาจึงให้เขาถอดเสื้อผ้าออกให้หมดใส่แต่ผ้าขาวม้าผูกเอวเอาไว้แล้วนั่งที่แคร่ใต้ถุนบ้านแล้วจึงใช้เทียนขี้ผึ้งลนไฟจนอ่อนคลึงไปตามเนื้อตัวเพื่อให้ขนหมามุ่ยนั้นหลุดออกจากผิวหนัง
“อีกเดี๋ยวก็จะเบาแล้วล่ะ”พิกุลใช้เทียนคลึงตามเนื้อตัวหลานเขยพร้อมกับผ้าแพรโดยพิกุลคลึงด้านหลังและผ้าแพรนั้นจัดการคลึงที่แผงอกด้านหน้า
“ดีนะที่ยังรู้ตัวทันไม่งั้นคงเกาเป็นลิงล่ะทีนี้” พิกุลพูดไปอมยิ้มไปสงสารหลานก็สงสารแต่ก็ยังรู้สึกขบขันที่ภูผานั้นไม่ระวังจนเจอพิษของหมามุ่ยจนได้
“เอ..ย่าว่าโดนที่ตัวแต่ทำไมแดงที่หน้าล่ะ” สายทองยืนมองหลานเธออยู่ครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่าหน้าของหลานเธอจะแดงเป็นพิเศษทั้งที่ไม่ใช่จะถูกหมามุ่ยคงจะเป็นพิษความเขินคนที่ก้มๆเงยๆตรงหน้ามากกว่า
“ที่หน้าก็โดนหมามุ่ยเหมือนกันเหรอคะ” ใบหน้านวลได้ยินสายทองว่าเช่นนั้นจึงหยุดมือจากการคลึงเทียนขี้ผึ้งบนหน้าอกของภูผาและเงยหน้ามาจับจ้องผิวหน้าของภูผาใกล้ๆจนคนตัวโตเบนหน้าหนี
“อ๋อ..เปล่าไม่มีอะไรหรอก” ภูผาเอ่ยเสียงเรียบทั้งเพ่งมองไปยังต้นไม้ต้นหญ้าใกล้ๆที่ไม่ใช่ใบหน้าหวานของหญิงสาว
“จะว่าไปมันก็แดงอย่างที่คุณย่าว่าจริงๆนะคะ” มือน้อยวางก้อนเทียนขี้ผึ้งและจับคางใบหน้าคมพร้อมขมวดคิ้วเพ่งดูใกล้ๆไม่ใช่แค่หน้าของภูผาแต่รวมถึงหูด้วยที่แดง
“ไม่มีอะไรหรอกน่า..เอ้านี่ทำๆซะจะได้หายคันซะที” มือหนาของคนถูกพิษหมามุ่ยรีบดึงมือทั้งสองของหญิงสาวออกและจับเทียนขี้ผึ้งที่หญิงสาววางเอาไว้ใส่มือน้อยของเธอเช่นเดิมเพื่อให้เธอนั้นจัดการกับตัวเขาต่อ
สามวันต่อมา
วันนี้ทั้งสี่มาที่แม่อายกันอีกครั้งเพื่อมาดูเรือนรับรองที่ทำเสร็จตามที่ธีรดลคิดเอาไว้พอดี
เมื่อธีรดลและภูผาตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่างแล้วไม่มีอะไรต้องแก้จึงค่อนข้างที่จะสบายใจที่งานนั้นดำเนินจนเสร็จเรียบร้อยไปแล้วหนึ่งส่วนตอนนี้ก็เหลือแค่สร้างในส่วนบ้านพักแต่ละหลังให้เสร็จเท่านั้นก็จะเห็นเป็นรูปเป็นร่างของรีสอร์ทขึ้นมาแล้ว
“คุณแพรครับพอดีมีคนมาส่งของต้องการให้เซ็นรับอยู่ทางห้องข้างหลังน่ะครับ” ในขณะที่ผ้าแพรกำลังนั่งรอทุกคนอยู่ที่เรือนรับรองเพราะถูกห้ามไม่ให้ตามไปดูงานก่อสร้างตัวบ้านพักเพราะอากาศร้อนจู่ๆก็มีคนงานเข้ามาเรียกเธอให้ช่วยเซ็นเอกสารรับของ
“ได้ค่ะ..พี่นำแพรไปเลยค่ะ” เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ว่างเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไรและตามชายคนงานนั้นไปด้านหลังเรือนรับรอง
“ไหนคะ..ไม่เห็นมีใครอยู่เลย” เมือเข้ามาในห้องโล่งด้านหลังที่น่าจะเตรียมเป็นห้องเก็บของเธอก็ไม่เห็นจะมีคนอยู่สักกะคนเดียวจึงหันหลังมาถามคนที่พาเธอมา
แกร๊กกก
“เอ่อ...พี่คะ” แต่ก็สายไปเสียแล้วเพราะชายคนนั้นได้ล็อกประตูขังเธอเอาไว้
ครู่ต่อมา
“ไฟไหม้ครับ.. ไฟไหม้.. คุณธีครับ” ไม่นานเสียงเอะอะโวยวายก็เกิดขึ้นจนธีรดลภูผาและเพียงฟ้าที่ยืนดูการก่อสร้างบ้านพักหลังใหญ่ต่างก็ตกใจไปตามกัน
“ไฟไหม้ที่ไหน” ธีรดลรีบตะโกนถามคนงานที่มาโวยวายหน้าบ้านทันที
“เรือนรับรองครับ”
“แพร” จบเสียงคนงานชายภูผาก็รีบวิ่งกลับไปที่เรือนรับรองทันทีเพราะรู้ว่าผ้าแพรนั้นอยู่ที่นั่น
ปั้งๆๆ
“แค่กๆๆ” ผ้าแพรพยายามเคาะประตูเท่าไรก็ไม่มีใครมาช่วยแถมตอนนี้ยังรู้สึกแสบคอเพราะควันที่พวยพุ่งเข้ามาจากด้านนอกซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าใครมาจุดกองไฟอะไรในเวลานี้
“ใครอยู่ข้างนอกบ้างคะช่วยด้วยย..แค่กๆๆ..คุณพ่อขา..คุณภู.. แพรร้อน.. ฮือๆๆ” เมื่อกลุ่มควันพวยพุ่งเข้ามามากจนเธอแสบหูแสบตาหายใจไม่ออกก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าน่าจะไม่ใช่แค่คนจุดกองไฟน่าจะเป็นไฟไหม้ที่นี่มากกว่าเพราะเธอเริ่มร้อนและเสียงไฟที่กำลังลั่นประทุก็ลั่นจนความกลัวมันเข้ามาในใจของเธอไม่น้อยน้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมาไม่ขาดสายร่างบางที่เหนื่อยอ่อนค่อยๆฟุบกองกับพื้นเสียงเรียกแสนเบาของเธอตอนนี้เรียกหาคนด้านนอกเพื่อหวังว่าพวกเขาจะมาช่วย
“แพร..แพรรร..” ภูผาวิ่งหาหญิงสาวรอบๆเรือนรับรองหวังว่าจะเห็นเธอยืนอยู่แต่เปล่าเลยทำให้ตอนนี้เขาใจเสียไม่น้อยจนต้องร้องเรียกหญิงสาวเสียงฝาดยิ่งเห็นไฟโหมแรงเท่าไรเขาก็ยิ่งหน้าเสีย
“ทำไมไฟโหมขนาดนี้ล่ะทั้งที่ก็พึ่งไหม้” มือน้อยของเพียงฟ้าหยิบถังที่วางอยู่ใกล้ๆตักน้ำจากถังน้ำที่เอาไว้ล้างอุปกรณ์ก่อสร้างที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วส่งให้พ่อเธอเพื่อที่จะดับไฟทั้งยังสงสัยไม่น้อยว่าเธอห่างจากเรือนรับรองไปไม่กี่นาทีไฟก็เกิดไหม้โหมหนักขนาดนี้คิดว่าไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุแน่นอน
“นั่นสิ” ธีรดลคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีคนจงใจไม่อย่างนั้นไฟไม่แรงขนาดนี้แน่ภายในเวลาไม่เท่าไรแต่ก็ยังเก็บความแครงใจนั้นเอาไว้ก่อนและรีบสาดน้ำเข้าไปในเรือนรับรองเพื่อที่จะดับไฟลงอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าผ้าแพรน่าจะติดอยู่ในนั้นแลเขาคงทำใจไม่ได้แน่หากเห็นลูกกับหลานในท้องเป็นอะไรไป
“แพร.. แพรรร.. เธออยู่ที่ไหน” ภูผาเริ่มเสียงสั่นขึ้นทุกทีเมื่อเรียกชื่อของผ้าแพรเพราไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาวแม้แต่น้อย
“คุณภูคะแพรอยู่ในนี้ค่ะ.. แค่กๆๆ..” ผ้าแพรรีบรวบแรงฮึดส่งเสียงเรียกภูผาเมื่อได้ยินเสียงของเขาตะโกนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“แพร..ใครมันเล่นบ้าอะไรวะเนี่ย” ภูผาได้ยินเสียงหญิงสาวที่ห้องเก็บของจึงรีบวิ่งมาดูแต่ก็เห็นว่ามีโซ่เส้นใหญ่พร้อมกุญแจล็อกเอาไว้ที่หน้าประตูมือหนาลูบหน้าอย่างอารมณ์เสียที่รู้ว่าหญิงสาวถูกขังเอาไว้ในนี้
“ช่วยแพรด้วยค่ะแพรร้อน.. อืม.. “ ตอนนี้ผ้าแพรเธอทั้งร้อนทั้งหายใจไม่ออกน้ำเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือค่อยๆอ่อนลงแล้วสติของเธอก็ค่อยๆดับวูบลงปั้ง..ๆๆ แกร๊กกภูผาถอดเสื้อของเขาชุบน้ำแล้วหยิบขวานที่อยู่ใกล้ๆวิ่งฝ่ากองไฟจามขวานใส่กุญแจสองสามทีก็หลุดออกเมื่อประตูเปิดได้เข่าของเขาก็แทบทรุดเมือเห็นหญิงสาวหมดสติกองอยู่กับพื้นไปแล้ว “แพร..” ชายหนุ่มรีบเอาเสื้อของเขาคลุมตัวหญิงสาวแล้วอุ้มเธอออกมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบพาเธอส่งโรงพยาบาลอย่างด่วนที่สุดชั่วโมงต่อมาโรงพยาบาลตอนนี้ทุกคนจดจ่ออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินรอฟังอาการของผ้าแพรด้วยความกังวลไม่นานนักหมอหนุ่มก็ได้ออกมาเจ้งอาการของผ้าแพรกับทุกคน“แม่กับเด็กปลอดภัยครับดีนะครับที่สูดควันไปไม่มากยังไงให้เธอนอนดูอาการที่นี่คืนนึงนะครับ” คำพูดของหมอหนุ่มทำสถานการณ์ที่ตรึงเครียดค่อยๆดีขึ้น“เฮ่อ..” ภูผาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เขาคิดว่าทั้งสองจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว“...” ธีรดลและเพียงฟ้ากอดกันกลมโล่งใจไปตามๆกันที่ผ้าแพรและหลานของพวกเขาปลอดภัยไม่มีคำพูดอะไรออกมาเพราะดีใจจนพูดไม่ออกRrrrrRrrrr“ได้ค่ะ..โอเค” เพียงฟ้าผละออกจากอกของพ่อเธอเมื่อมีสายเข้า“พ่อค
โรงพยาบาล“อืม..” ผ้าแพรรู้สึกตัวตื่นมาในช่วงหัวค่ำสายตาของเธอตอนนี้มองไปรอบๆอย่างตื่นกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นภูผานั่งอยู่ข้างๆเธอจึงรีบดึงแขนของเขามาจับเอาไว้“เป็นยังไงบ้าง..” คนตัวโตรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกอดร่างบางเอาไว้แน่นเพราะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตัวสั่นยิ่งคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดที่ปล่อยเธอเอาไว้คนเดียว“.....” ผ้าแพรเงยหน้ามองภูผาด้วยน้ำตาเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิดว่าเธอจะไม่รอดกลับมาเสียแล้ว“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอันตรายอีกแล้วไม่มีเรื่องร้ายอะไรแล้วนะแพร” มือหนายกลูบหัวทุยของหญิงสาวเบาๆยิ่งเห็นเธอดูกลัวมากเท่าไรเขาก็ยิ่งใจไม่ดีมากเท่านั้น“เป็นยังไงบ้างล่ะ” พิกุลและทุกคนที่เรือนตอนนี้นั่งมองโสพิศที่กำลังคุยกับภูผาอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเห็นโสพิศวางสายได้พิกุลก็รีบถามอาการของผ้าแพรทันที“ตาภูบอกว่าหนูแพรฟื้นแล้วค่ะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพรุ่งนี้ก็กลับได้แล้วค่ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มอ่อนโล่งใจที่ตอนนี้ผ้าแพรและลูกในท้องไม่เป็นอะไรหมอขอดูอาการแค่คืนนี้หากไม่มีอะไรแทรกซ้อนพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้วันต่อมาไร่ปรานโชคเรือนสา
โรงพยาบาล“เป็นยังไงบ้างลูก” หลังจากที่ธีรดลและเพียงฟ้ากลับจากไร่ปรานโชคแล้วก็เดินทางมาหาผ้าแพรกับภูผาที่โรงพยาบาลต่อ“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ...เมื่อวานแพรคิดว่าจะไม่ได้เจอทุกคนซะแล้ว” ผ้าแพรกอดพ่อเธอเอาไว้แน่นแววตาของเธอตอนที่เอ่ยคำนี้ออกมาค่อนข้างเศร้าจนทุกคนต่างก็สลดไปตามๆกัน“เรื่องเมื่อวานเราจะไม่พูดถึงมันแล้วนะลูกเพราะวันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน” ธีรดลลูบหัวลูกสาวของเขาเบาๆเรื่องไม่ดีที่มันผ่านไปแล้วเขาก็ไม่อยากให้พูดถึงเพราะจะเป็นการตอกย้ำความกลัวของผ้าแพรและพวกเขาเย็นของวันบ้านสวน“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก” เมื่อภูผาพาผ้าแพรกลับมาบ้านได้พิกุลและพิมพรรณก็รับเข้ามาสวมกอดเรียกขวัญหลานสาวของตนทันที“แล้วนี่จับคนร้ายได้แล้วใช่ไหม” สายทองเอ่ยกับภูผาด้วยสีหน้าร้อนใจ“ครับคุณย่าพวกมันแค่อยากก่อกวนไม่ให้คุณพ่อสร้างรีสอร์ทต่อ” คนตัวโตกอดอกพยักหน้าเบาๆ“ตายจริงทำกันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปได้” หญิงชรายกมือทาบอกอย่างตกใจนี่ขนาดก่อกวนยังเล่นกันถึงเอาชีวิตแล้วถ้าจงใจที่จะทำร้ายคนเลยจะทำถึงขนาดไหน“ไม่ใช่ก็คล้ายๆครับคุณย่า” ภูผาเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เขาคิดว่าไม่ใช่แค่ทำเป็นบ้านป่าอย่างที่คุณย่าของเขา
“เออ..” มนัสได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆลดปืนลงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินกลับแต่เขาก็แว้งกัดอัสนีในขณะที่เผลอใช้กระบอกปืนในมือฟาดไปที่ใบหน้าของอัสนีอย่างจังพลั้ก“ว้ายย” เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นต่อหน้าหญิงสาวระยะประชิดทำให้เธอตกใจอย่างมากจึงกรีดร้องออกมาเสียงดังพลั้กก อัสนีหันกลับมาชกมนัสจนอีกฝ่ายล้มพับลงไป“หยุดนะโว้ย” จักรกฤษมือขวาของอัสนีเห็นว่าพัสสนกำลังชักปืนจ่อมาที่เจ้านายของเขาจึงรีบจ่อปืนไปที่หัวของพัสสนก่อนพร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนที่ยืนอยู่“หมาหมู่เหรอวะกูไปก็ได้โว้ย” มนัสเอ่ยเสียงฝาดด้วยความแค้นจัดวันนี้เขาเสียหน้าวันหน้าเขาจะต้องเอาคืนอัสนีให้ได้เอ่ยจบก็รีบขึ้นรถตัวเองออกไปเรือนสายฟ้า“โอ้ยย..ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด” อัสนีเอี้ยวหน้าหนีมือเพียงฟ้าแทบไม่ทันไม่รู้ว่าเธอจะทำแผลให้เขาหรือจะทำให้เขาระบมหนักมากกว่าเดิม“ฉันเบามือสุดแล้วนะคุณ...” เพียงฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยเธอคิดว่าเธอเบามือสุดแล้วด้วยซ้ำกับการใช้สำลีเช็ดเลือกที่มุมปากของเขา“แล้วมาทำอะไรที่นี่คนเดียวไม่รู้หรือไงมันอันตรายถ้าพวกผมไม่ผ่านไปแถวนั้นป่านนี้..”“รู้แล้ว.. ไม่ต้องพูด..ฉันแค่มาดูความเสียหายเฉยๆไม่คิด
“เปล่านะคะฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” ผ้าแพรส่ายหัวพัลวันเธอไมได้มีเจตนาแบบที่ทับทิมกล่าวหาแม้แต่น้อย“อย่ามาตอแหล” เสียงฝาดของทับทิมทำเอาผ้าแพรสะดุ้งเฮือก“อย่ามาทำกิริยาต่ำๆในบ้านของฉันนะ” โสพิศได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดูเมื่อเห็นว่าผ้าแพรกำลังถูกทับทิมทำร้ายเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปผลักทับทิมออกและชี้หน้าต่อว่าด้วยความไม่พอใจ“คุณแพร” ดวงใจเห็นผ้าแพรนั่งกองกับพื้นจึงรีบพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาไปนั่งที่โซฟา“สวัสดีค่ะคุณแม่ทับทิมแค่แวะมาคุยกับนังนี่แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละค่ะขอตัว” ทับทิมยกมือไหว้ทักทายโสพิศเสียงแข็งก่อนจะเดินเชิดหน้าออกไปอย่างไม่มีมารยาท“ตาภูไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกันมารยาททรามที่สุด” โสพิศส่ายหัวด้วยสีหน้าระอาที่ลูกชายของเธอไม่เลือกผู้หญิงที่ยุ่งด้วยเอาเสียเลย“เป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย..ดวงรีบไปเอายามาทาเร็ว” เมื่อทับทิมกลับไปแล้วโสพิศจึงรีบเข้ามาดูตามเนื้อตัวผ้าแพรเพราะเนื้อตัวมีรอยแดงหลายแห่งและรีบให้ดวงใจไปหายามาทาลูกสะใภ้ของเธอก่อนที่จะช้ำไปมากกว่านี้หลายชั่วโมงต่อมา“กลับมาก็ดีแล้วมาคุยกับย่าหน่อยซิ” สายทองเห็นหลานชายเธอกลับบ้านมาในช่วงบ่ายก็รีบเรียกไปคุยทันทีเพราะ
เมื่อถึงเวลาแถลงข่าวนักข่าวหลายคนต่างก็มุ่งประเด็นของข่าวที่ออกมาเมื่อเช้ากันก่อนเป็นอันดับแรก“เรื่องราวที่เกิดขึ้นผมยอมรับครับว่าคนในรูปเป็นผมแต่ผมกับทับทิมเราไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” และนี่ก็เป็นคำตอบของภูผาที่ให้ข่าวแก่ทุกคนทำเอานักข่าวหลายสิบคนต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจหากไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมถึงมีภาพหลุดแบบนั้นออกมา“ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วมีภาพหลุดว่านอนด้วยกันได้ยังไงคะ” เสียงนักข่าวสาวตะโกนออกมาระหว่างที่ตอนนี้มีแต่ความเงียบ“เสร็จงานก็จ่ายเงินคำนี้พี่ๆนักข่าวน่าจะเข้าใจนะครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามสั้นๆแต่ความหมายของมันก็ทำให้ทุกคนต่างก็ตาลุกวาวเพราะไม่คิดว่าดาราสาวสวยที่กำลังดังอย่างทับทิมจะขายบริการ“หมายความว่าคุณทับทิมขายตัวอย่างนั้นเหรอคะ” ความเป็นนักข่าวแม้จะเข้าใจความหมายก็อยากจะถามซ้ำเพื่อที่จะได้รับคำตอบจากปากภูผาตรงๆ“ตามที่ผมพูดเมื่อครู่ครับ” เขาจะพูดเพียงแค่ครั้งเดียวและคิดว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่ก็น่าจะกระจ่างแล้ว“ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคุณภูแต่งงานแล้วแต่ยังซื้อบริการงั้นเหรอครับ” เมื่อคำถามประเด็นหลักหมดไปประเด็นต่อมาก็ถูกถามขึ้นเสียงดังฟังชัดจากนักข่าวชายหนุ่มอีกสำนั
เช้าวันต่อมาผ้าแพรตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่เมื่อสายตามองเห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆสมองประมวลเรื่องราวเมื่อคืนที่เขาทำกับเธอจนสร้างความสับสนใจใจขึ้นมาอีกครั้ง“...” หญิงสาวพลิกตะคงหันหน้ามองใบหน้าคมที่กำลังหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าครุ่นคิดทั้งเมื่อลองขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายช้าๆหัวใจของเธอกลับเต้นเร็วผิดปกติแถมยังรู้สึกไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าเขาใกล้ๆทั้งที่เขาก็ไม่ได้รู้ตัว“จะจ้องหน้าฉันอีกนานหรือเปล่า” แขนแกร่งตวัดรวบร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้แน่นเขารู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนเธอตื่นแล้วแต่เมื่อเห็นหญิงสาวตื่นจึงแกล้งหลับ“เอ่อ..อืม” เมื่อถูกจับได้สาวเจ้าก็เอาแต่ก้มหน้างุดพ่นลมหายใจอ่อนลงบนอกแกร่งของคนที่กอดเธอเอาไว้“วันนี้พักผ่อนเยอะๆรู้ไหมฉันจะรีบไปรีบกลับ”ฟอดดดด พูดจบก็เชยใบหน้านวลขึ้นมาหอมฟอดใหญ่แล้วจึงค่อยลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะรีบไปทำงานจะได้รีบกลับหากเป็นไปได้ทุกวันเขาอยากจะพาเธอไปด้วยกันด้วยซ้ำทิ้งให้หญิงสาวนั้นนอนกำผ้าห่มแน่นหน้าแดงแทบจะเป็นลูกตำลึงอยู่บนเตียง“หน้าตาสดใสขึ้นนะเรา” สายทองชวนหลานสะใภ้ของเธอมานั่งคุยกันที่ห้องโถงในช่วงสายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นหน้าตาสดใสขึ้นก็พลอยสบายใจไปอ
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่” ภูผาพึ่งกลับมาถึงบ้านเห็นแดเนียลกับปกรณ์นั่งคุยอยู่กับผ้าแพรหัวร่อต่อกระซิกจึงรีบเข้ามาหย่อนก้นนั่งข้างๆคนเป็นภรรยาใบหน้าคมมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรเพราะเพื่อนของเขามาที่นี่โดยไม่บอกไม่กล่าว“เอาผ้าไหมลายใหม่มาให้คุณย่าน่ะสิแดนมันว่างพอดีฉันเลยชวนมันมากะทันหันไม่ทันได้บอก”“เดี๋ยวนี้แกกลับบ้านเร็วเป็นด้วยเหรอวะ” แดเนียลเอ่ยจบก็หันไปยิ้มอ่อนกับปกรณ์“ไม่มีอะไรสำคัญก็เลยกลับ” ใบหน้าคมยังมีสีหน้าที่ตึงเล็กน้อยเหตุด้วยยังไม่หายเคืองใจที่สองหนุ่มเพื่อนเขาเข้ามาคุยกับภรรยาเขาอย่างสนิทสนมครู่ต่อมาตอนนี้ผ้าแพรปล่อยให้สามหนุ่มได้นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนโดยเธอขอปลีกตัวไปเตรียมของว่างให้ทั้งสามอยู่ในครัว“เฮ้ย..ฉันเห็นในแถลงแกพูดจริงเหรอวะ...เปลี่ยนเป็นสนใจเมียแกแค่คนเดียวได้จริงเหรอ” ปกรณ์ว่าจะคุยเรื่องนี้กับภูผานานแล้วเมื่อเห็นผ้าแพรปลีกตัวออกไปเลยได้จังหวะถามต่อหน้า“แกเคยเห็นฉันโกหกหรือไง..ฉันคือคนที่ชัดเจนกับคำพูดและการกระทำสุดแล้ว” ภูผาพยักหน้าเบาๆเขาเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนรักก็รักไม่รักก็บอกไม่รักไม่ชอบเก็บความรู้สึก“ฉันดีใจนะที่แกเปลี่ยนได้แล้วน้องแพรล่ะเค้าคิ