“พวกพี่อยู่แถวนี้เหรอคะ” ผ้าแพรเห็นชายฉกรรจ์สองคนสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดโพกผ้าข่าวม้าปิดหน้าเหลือเพียงแค่ดวงตาแตกต่างจากคนงานที่นี่ยืนมองพวกเธอนานสองนานไม่ใกล้ไม่ไกลนักจึงเดินเข้าไปถามเผื่อจะเป็นคนแถวพื้นที่นี้ แต่สองคนนั้นพอเห็นผ้าแพรเดินเข้ามาหาก็รีบเดินหนีกลับกันไปทันที
“อะไรเหรอแพร” เพียงฟ้าเห็นผ้าแพรเดินแยกออกมาจึงเดินมาตาม
“แพรเห็นพวกพี่เค้านั่งดูเรานานแล้วพอเดินไปถามก็หนีไปเลย” ผ้าแพรขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คงเป็นคนที่ไร่แถวนี้ล่ะมั้ง” เพียงฟ้าไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะคนที่เดินผ่านทางนี้ก็ไม่พ้นคนในไร่ใดไร่หนึ่งที่อยู่ข้างๆที่ผืนนี้
เมื่อเดินดูพื้นที่กันพักใหญ่จนเริ่มร้อนมากแล้วทุกคนก็มานั่งพักที่เต้นสนามใต้ต้นไม้ใหญ่
“ข้าวผัดกับขนมค่ะ” ผ้าแพรหยิบกล่องอาหารที่เธอเตรียมมาเผื่อทุกคนออกจากถุงผ้าและยื่นให้ทุกคนคนละกล่องในนั้นเป็นข้าวผัดไข่ที่เธอเป็นคนเตรียมเอง
“ร้อนหรือเปล่า” เมื่อร่างบางหย่อนก้นลงนั่งข้างๆภูผาจึงแกะห่อผ้าเย็นซับหน้าผากให้กับผ้าแพรเพราะตอนนี้เธอเหงื่อออกจนไรผมเปียกไปหมด
“ไม่เท่าไรค่ะ” ใบหน้าหวานหันไปยิ้มขอบคุณคนข้างๆมือน้อยก็คอยแกะกล่องข้างให้กับเขา
ธีรดลนั่งมองพฤติกรรมของทั้งสองด้วยรอยยิ้มเขาไม่คราแครงใจเลยสักนิดว่าทำไมภูผาถึงได้อ่อนโยนกับผ้าแพรได้ขนาดนี้เพราะเมื่อวานก่อนที่เขาจะคุยกับผ้าแพรเขาได้คุยกับภูผามาก่อนแล้วในเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง
เหตุการณ์เมื่อวาน
“เรื่องแพรพ่อขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“ครับ”
“พ่อถามตรงๆเลยนะคิดยังไงกับน้องเพราะพ่อก็พอจะรู้มาว่าเราไม่ได้รู้จักหรือคบหากันมาก่อนที่จะเกิดเรื่อง” เรื่องที่ธีรดลเป็นห่วงเห็นจะเป็นเรื่องความรู้สึกของทั้งสองแม้ภูผาจะรับผิดชอบผ้าแพรทุกอย่างหากไมได้รักลูกสาวของเขาวันนึงภูผาก็ต้องไปมีเล็กมีน้อยอยู่ดี
“ผมยอมรับนะครับว่าผมไม่อยากแต่งงานมีครอบครัวแต่ตอนนี้ความคิดนั้นมันก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วครับผมอยากปกป้องและดูแลใครสักคนแบบคนรักจริงๆจังๆแลคนที่เปลี่ยนความคิดผมก็คือแพร” คนถูกถามเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบออกมาด้วยแววตาและน้ำเสียงที่จริงจัง
“พ่อรู้ว่าภูไม่ใช่คนชอบโกหกและมีความรับผิดชอบมากพอยังไงพ่อก็ขอให้เราดูแลน้องให้ดีเพราะพ่อคงทำหน้าที่นี้ไม่ได้มากเท่าไร” ธีรดลยิ้มอ่อนอย่างสบายใจมือหนาตบบ่าหลานรักที่กลายเป็นลูกเขยเบาๆในเมื่อผ่าแพรมีครอบครัวแล้วเขาจะเข้าไปดูแลอะไรมากคงไม่ได้ก็ได้แต่ฝากฝังลูกสาวของเขาให้กับภูผาหวังว่าภูผานั้นจะรักษาคำพูดที่ให้กับเขาเอาไว้
“ผมรับปากครับ” เขาพยักหน้ารับเบาๆคนอย่างภูผาพูดแล้วไม่คืนคำ
.........ปัจจุบัน......
“พ่อว่าอีกสามวันจุดที่เรือนรับรองก็น่าจะเสร็จนะ” ธีรดลพูดพรางมองไปที่เรือนรับรองที่สร้างด้วยไม้สักเรือนไทยประยุกต์ทรงปั้นหยาหลังไม่ใหญ่มากนักที่กำลังจะสร้างเสร็จในไม่กี่วัน
“อีกสามวันงั้นเหรอครับถ้าคุณพ่อจะมาบอกผมด้วยนะครับ” ภูผาก็อยากเห็นเรือนรับรองที่เสร็จแล้วเหมือนกันในเมื่ออีกสามวันเขาก็ยังอยู่ที่เชียงใหม่เลยถือโอกาสขอมาดูด้วยเสียเลย
“ได้สิพ่อก็ว่าจะชวนเรามาดูความเรียบร้อยด้วยเหมือนกัน” ธีรดลพยักหน้าเขาเองก็อยากให้ภูผาเข้ามาช่วยดูความเรียบร้อยเช่นกัน
เย็นของวัน
“ไปดูที่มาเป็นยังไงบ้างล่ะ” หลังจากที่ภูผาพาผ้าแพรกลับมาที่บ้านได้พักใหญ่แล้วตอนนี้เธอเห็นผ้าแพรง่วนที่ช่วยพิมพรรณทำกับข้าวอยู่ในครัวเธอจึงหาเรื่องคุยกับภูผาเรื่องที่ไปดูที่วันนี้
“ที่ตรงนั้นสวยมากเลยครับคุณย่าเหมาะกับการทำรีสอร์ทจริงๆแต่ผมยังคิดว่ามันแปลกๆที่สวยขายราคาถูกเหมือนรีบขาย” ภูผาเอ่ยออกมาด้วยท่าทีครุ่นคิด
“แล้วตาธีว่ายังไงล่ะ” คำพูดของหลานชายทำเอาสายทองต้องขมวดคิ้วตาม
“เหมือนคุณพ่อจะคิดว่าชาวบ้านอยากย้ายไปที่อื่นเร็วๆถึงรีบขายแต่ชาวบ้านหลายหลังคาเรือนแบบนั้นจะพร้อมใจกันขายขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ก็น่าคิดนะ...แต่ย่าว่าคงไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมากเลย” สายทองลองคิดตามที่ภูผาบอกแต่เธอก็เชื่อในการทำงานของธีรดลถ้าหากมีอะไรน่าแปลกธีรดลคงจะไม่เลือกลงทุนจึงบอกให้ภูผานั้นอย่าคิดอะไรมากสำหรับเธอหากเรื่องอะไรมันจะเกิดมันคงเป็นเรื่องที่ฟ้าลิขิตมาแล้วให้ต้องเจอ
“คุณภูเจ้าข้าวขาวกับเจ้าข้าวทองนี่อ้วนขึ้นมากเลยนะคะ” ภูผาพาผ้าแพรเอาข้าวมาให้เจ้าข้าวเหนียวเช่นเดิมในช่วงเย็นและเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เมื่อหญิงสาวมาถึงแล้วจะต้องตรงไปขย้ำเจ้าลูกหมาตัวอ้วนทั้งสองเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว
หงิงๆๆ
“อ้อนเป็นแล้วหมอ...หมั่นเขี้ยวจังเลยๆ” มือน้อยเกาพุงลูกหมาทั้งสองอย่างสนุกมือเจ้าอ้วนทั้งสองก็ครางหงิงๆชอบใจที่มีคนเล่นด้วย
เจ้าของร่างสูงที่ยืนพิงกอกล้วยอีกกอใกล้ๆเอาแต่ยืนกอดอกจ้องร่างบางนั่งยิ้มหัวเราะเล่นกับลูกหมาด้วยความเพลินตาไม่นานเขาก็รู้สึกแปลกๆเจ็บๆคันๆที่หลังจนมาถึงบ่าลามมาที่หน้าอกจนต้องใช้มือเกายกใหญ่แต่เหมือนยิ่งเกาเท่าไรก็ยิ่งคันมากขึ้น
“โอะ..โอ้ยย..”
“อะไรคะ..น..นั่นเถาหมามุ่ยนี่คะอย่าเกาค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงร้องของภูผาใบหน้านวลก็หันขวับไปมองด้วยความตกใจจนดวงตากลมเบิกโพรงเพราะตอนนี้เธอพึ่งจะสังเกตเห็นว่ากอกล้วยที่ภูผายืนอยู่มันมีเถาหมามุ่ยอยู่เต็มไปหมดเธอจึงรีบให้ภูผาหยุดเกาและพากันกลับมาที่บ้าน
เมื่อพิกุลรู้ว่าภูผาถูกหมามุ่ยมาจึงให้เขาถอดเสื้อผ้าออกให้หมดใส่แต่ผ้าขาวม้าผูกเอวเอาไว้แล้วนั่งที่แคร่ใต้ถุนบ้านแล้วจึงใช้เทียนขี้ผึ้งลนไฟจนอ่อนคลึงไปตามเนื้อตัวเพื่อให้ขนหมามุ่ยนั้นหลุดออกจากผิวหนัง“อีกเดี๋ยวก็จะเบาแล้วล่ะ”พิกุลใช้เทียนคลึงตามเนื้อตัวหลานเขยพร้อมกับผ้าแพรโดยพิกุลคลึงด้านหลังและผ้าแพรนั้นจัดการคลึงที่แผงอกด้านหน้า“ดีนะที่ยังรู้ตัวทันไม่งั้นคงเกาเป็นลิงล่ะทีนี้” พิกุลพูดไปอมยิ้มไปสงสารหลานก็สงสารแต่ก็ยังรู้สึกขบขันที่ภูผานั้นไม่ระวังจนเจอพิษของหมามุ่ยจนได้“เอ..ย่าว่าโดนที่ตัวแต่ทำไมแดงที่หน้าล่ะ” สายทองยืนมองหลานเธออยู่ครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่าหน้าของหลานเธอจะแดงเป็นพิเศษทั้งที่ไม่ใช่จะถูกหมามุ่ยคงจะเป็นพิษความเขินคนที่ก้มๆเงยๆตรงหน้ามากกว่า“ที่หน้าก็โดนหมามุ่ยเหมือนกันเหรอคะ” ใบหน้านวลได้ยินสายทองว่าเช่นนั้นจึงหยุดมือจากการคลึงเทียนขี้ผึ้งบนหน้าอกของภูผาและเงยหน้ามาจับจ้องผิวหน้าของภูผาใกล้ๆจนคนตัวโตเบนหน้าหนี“อ๋อ..เปล่าไม่มีอะไรหรอก” ภูผาเอ่ยเสียงเรียบทั้งเพ่งมองไปยังต้นไม้ต้นหญ้าใกล้ๆที่ไม่ใช่ใบหน้าหวานของหญิงสาว“จะว่าไปมันก็แดงอย่างที่คุณย่าว่าจริงๆนะคะ” มือน้อ
“ช่วยแพรด้วยค่ะแพรร้อน.. อืม.. “ ตอนนี้ผ้าแพรเธอทั้งร้อนทั้งหายใจไม่ออกน้ำเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือค่อยๆอ่อนลงแล้วสติของเธอก็ค่อยๆดับวูบลงปั้ง..ๆๆ แกร๊กกภูผาถอดเสื้อของเขาชุบน้ำแล้วหยิบขวานที่อยู่ใกล้ๆวิ่งฝ่ากองไฟจามขวานใส่กุญแจสองสามทีก็หลุดออกเมื่อประตูเปิดได้เข่าของเขาก็แทบทรุดเมือเห็นหญิงสาวหมดสติกองอยู่กับพื้นไปแล้ว “แพร..” ชายหนุ่มรีบเอาเสื้อของเขาคลุมตัวหญิงสาวแล้วอุ้มเธอออกมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบพาเธอส่งโรงพยาบาลอย่างด่วนที่สุดชั่วโมงต่อมาโรงพยาบาลตอนนี้ทุกคนจดจ่ออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินรอฟังอาการของผ้าแพรด้วยความกังวลไม่นานนักหมอหนุ่มก็ได้ออกมาเจ้งอาการของผ้าแพรกับทุกคน“แม่กับเด็กปลอดภัยครับดีนะครับที่สูดควันไปไม่มากยังไงให้เธอนอนดูอาการที่นี่คืนนึงนะครับ” คำพูดของหมอหนุ่มทำสถานการณ์ที่ตรึงเครียดค่อยๆดีขึ้น“เฮ่อ..” ภูผาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เขาคิดว่าทั้งสองจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว“...” ธีรดลและเพียงฟ้ากอดกันกลมโล่งใจไปตามๆกันที่ผ้าแพรและหลานของพวกเขาปลอดภัยไม่มีคำพูดอะไรออกมาเพราะดีใจจนพูดไม่ออกRrrrrRrrrr“ได้ค่ะ..โอเค” เพียงฟ้าผละออกจากอกของพ่อเธอเมื่อมีสายเข้า“พ่อค
โรงพยาบาล“อืม..” ผ้าแพรรู้สึกตัวตื่นมาในช่วงหัวค่ำสายตาของเธอตอนนี้มองไปรอบๆอย่างตื่นกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นภูผานั่งอยู่ข้างๆเธอจึงรีบดึงแขนของเขามาจับเอาไว้“เป็นยังไงบ้าง..” คนตัวโตรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกอดร่างบางเอาไว้แน่นเพราะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตัวสั่นยิ่งคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดที่ปล่อยเธอเอาไว้คนเดียว“.....” ผ้าแพรเงยหน้ามองภูผาด้วยน้ำตาเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิดว่าเธอจะไม่รอดกลับมาเสียแล้ว“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอันตรายอีกแล้วไม่มีเรื่องร้ายอะไรแล้วนะแพร” มือหนายกลูบหัวทุยของหญิงสาวเบาๆยิ่งเห็นเธอดูกลัวมากเท่าไรเขาก็ยิ่งใจไม่ดีมากเท่านั้น“เป็นยังไงบ้างล่ะ” พิกุลและทุกคนที่เรือนตอนนี้นั่งมองโสพิศที่กำลังคุยกับภูผาอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเห็นโสพิศวางสายได้พิกุลก็รีบถามอาการของผ้าแพรทันที“ตาภูบอกว่าหนูแพรฟื้นแล้วค่ะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพรุ่งนี้ก็กลับได้แล้วค่ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มอ่อนโล่งใจที่ตอนนี้ผ้าแพรและลูกในท้องไม่เป็นอะไรหมอขอดูอาการแค่คืนนี้หากไม่มีอะไรแทรกซ้อนพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้วันต่อมาไร่ปรานโชคเรือนสา
โรงพยาบาล“เป็นยังไงบ้างลูก” หลังจากที่ธีรดลและเพียงฟ้ากลับจากไร่ปรานโชคแล้วก็เดินทางมาหาผ้าแพรกับภูผาที่โรงพยาบาลต่อ“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ...เมื่อวานแพรคิดว่าจะไม่ได้เจอทุกคนซะแล้ว” ผ้าแพรกอดพ่อเธอเอาไว้แน่นแววตาของเธอตอนที่เอ่ยคำนี้ออกมาค่อนข้างเศร้าจนทุกคนต่างก็สลดไปตามๆกัน“เรื่องเมื่อวานเราจะไม่พูดถึงมันแล้วนะลูกเพราะวันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน” ธีรดลลูบหัวลูกสาวของเขาเบาๆเรื่องไม่ดีที่มันผ่านไปแล้วเขาก็ไม่อยากให้พูดถึงเพราะจะเป็นการตอกย้ำความกลัวของผ้าแพรและพวกเขาเย็นของวันบ้านสวน“ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก” เมื่อภูผาพาผ้าแพรกลับมาบ้านได้พิกุลและพิมพรรณก็รับเข้ามาสวมกอดเรียกขวัญหลานสาวของตนทันที“แล้วนี่จับคนร้ายได้แล้วใช่ไหม” สายทองเอ่ยกับภูผาด้วยสีหน้าร้อนใจ“ครับคุณย่าพวกมันแค่อยากก่อกวนไม่ให้คุณพ่อสร้างรีสอร์ทต่อ” คนตัวโตกอดอกพยักหน้าเบาๆ“ตายจริงทำกันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปได้” หญิงชรายกมือทาบอกอย่างตกใจนี่ขนาดก่อกวนยังเล่นกันถึงเอาชีวิตแล้วถ้าจงใจที่จะทำร้ายคนเลยจะทำถึงขนาดไหน“ไม่ใช่ก็คล้ายๆครับคุณย่า” ภูผาเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เขาคิดว่าไม่ใช่แค่ทำเป็นบ้านป่าอย่างที่คุณย่าของเขา
“เออ..” มนัสได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆลดปืนลงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินกลับแต่เขาก็แว้งกัดอัสนีในขณะที่เผลอใช้กระบอกปืนในมือฟาดไปที่ใบหน้าของอัสนีอย่างจังพลั้ก“ว้ายย” เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นต่อหน้าหญิงสาวระยะประชิดทำให้เธอตกใจอย่างมากจึงกรีดร้องออกมาเสียงดังพลั้กก อัสนีหันกลับมาชกมนัสจนอีกฝ่ายล้มพับลงไป“หยุดนะโว้ย” จักรกฤษมือขวาของอัสนีเห็นว่าพัสสนกำลังชักปืนจ่อมาที่เจ้านายของเขาจึงรีบจ่อปืนไปที่หัวของพัสสนก่อนพร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนที่ยืนอยู่“หมาหมู่เหรอวะกูไปก็ได้โว้ย” มนัสเอ่ยเสียงฝาดด้วยความแค้นจัดวันนี้เขาเสียหน้าวันหน้าเขาจะต้องเอาคืนอัสนีให้ได้เอ่ยจบก็รีบขึ้นรถตัวเองออกไปเรือนสายฟ้า“โอ้ยย..ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด” อัสนีเอี้ยวหน้าหนีมือเพียงฟ้าแทบไม่ทันไม่รู้ว่าเธอจะทำแผลให้เขาหรือจะทำให้เขาระบมหนักมากกว่าเดิม“ฉันเบามือสุดแล้วนะคุณ...” เพียงฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยเธอคิดว่าเธอเบามือสุดแล้วด้วยซ้ำกับการใช้สำลีเช็ดเลือกที่มุมปากของเขา“แล้วมาทำอะไรที่นี่คนเดียวไม่รู้หรือไงมันอันตรายถ้าพวกผมไม่ผ่านไปแถวนั้นป่านนี้..”“รู้แล้ว.. ไม่ต้องพูด..ฉันแค่มาดูความเสียหายเฉยๆไม่คิด
“เปล่านะคะฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” ผ้าแพรส่ายหัวพัลวันเธอไมได้มีเจตนาแบบที่ทับทิมกล่าวหาแม้แต่น้อย“อย่ามาตอแหล” เสียงฝาดของทับทิมทำเอาผ้าแพรสะดุ้งเฮือก“อย่ามาทำกิริยาต่ำๆในบ้านของฉันนะ” โสพิศได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดูเมื่อเห็นว่าผ้าแพรกำลังถูกทับทิมทำร้ายเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปผลักทับทิมออกและชี้หน้าต่อว่าด้วยความไม่พอใจ“คุณแพร” ดวงใจเห็นผ้าแพรนั่งกองกับพื้นจึงรีบพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาไปนั่งที่โซฟา“สวัสดีค่ะคุณแม่ทับทิมแค่แวะมาคุยกับนังนี่แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละค่ะขอตัว” ทับทิมยกมือไหว้ทักทายโสพิศเสียงแข็งก่อนจะเดินเชิดหน้าออกไปอย่างไม่มีมารยาท“ตาภูไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกันมารยาททรามที่สุด” โสพิศส่ายหัวด้วยสีหน้าระอาที่ลูกชายของเธอไม่เลือกผู้หญิงที่ยุ่งด้วยเอาเสียเลย“เป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย..ดวงรีบไปเอายามาทาเร็ว” เมื่อทับทิมกลับไปแล้วโสพิศจึงรีบเข้ามาดูตามเนื้อตัวผ้าแพรเพราะเนื้อตัวมีรอยแดงหลายแห่งและรีบให้ดวงใจไปหายามาทาลูกสะใภ้ของเธอก่อนที่จะช้ำไปมากกว่านี้หลายชั่วโมงต่อมา“กลับมาก็ดีแล้วมาคุยกับย่าหน่อยซิ” สายทองเห็นหลานชายเธอกลับบ้านมาในช่วงบ่ายก็รีบเรียกไปคุยทันทีเพราะ
เมื่อถึงเวลาแถลงข่าวนักข่าวหลายคนต่างก็มุ่งประเด็นของข่าวที่ออกมาเมื่อเช้ากันก่อนเป็นอันดับแรก“เรื่องราวที่เกิดขึ้นผมยอมรับครับว่าคนในรูปเป็นผมแต่ผมกับทับทิมเราไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” และนี่ก็เป็นคำตอบของภูผาที่ให้ข่าวแก่ทุกคนทำเอานักข่าวหลายสิบคนต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจหากไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมถึงมีภาพหลุดแบบนั้นออกมา“ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วมีภาพหลุดว่านอนด้วยกันได้ยังไงคะ” เสียงนักข่าวสาวตะโกนออกมาระหว่างที่ตอนนี้มีแต่ความเงียบ“เสร็จงานก็จ่ายเงินคำนี้พี่ๆนักข่าวน่าจะเข้าใจนะครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามสั้นๆแต่ความหมายของมันก็ทำให้ทุกคนต่างก็ตาลุกวาวเพราะไม่คิดว่าดาราสาวสวยที่กำลังดังอย่างทับทิมจะขายบริการ“หมายความว่าคุณทับทิมขายตัวอย่างนั้นเหรอคะ” ความเป็นนักข่าวแม้จะเข้าใจความหมายก็อยากจะถามซ้ำเพื่อที่จะได้รับคำตอบจากปากภูผาตรงๆ“ตามที่ผมพูดเมื่อครู่ครับ” เขาจะพูดเพียงแค่ครั้งเดียวและคิดว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่ก็น่าจะกระจ่างแล้ว“ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคุณภูแต่งงานแล้วแต่ยังซื้อบริการงั้นเหรอครับ” เมื่อคำถามประเด็นหลักหมดไปประเด็นต่อมาก็ถูกถามขึ้นเสียงดังฟังชัดจากนักข่าวชายหนุ่มอีกสำนั
เช้าวันต่อมาผ้าแพรตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่เมื่อสายตามองเห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆสมองประมวลเรื่องราวเมื่อคืนที่เขาทำกับเธอจนสร้างความสับสนใจใจขึ้นมาอีกครั้ง“...” หญิงสาวพลิกตะคงหันหน้ามองใบหน้าคมที่กำลังหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าครุ่นคิดทั้งเมื่อลองขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายช้าๆหัวใจของเธอกลับเต้นเร็วผิดปกติแถมยังรู้สึกไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าเขาใกล้ๆทั้งที่เขาก็ไม่ได้รู้ตัว“จะจ้องหน้าฉันอีกนานหรือเปล่า” แขนแกร่งตวัดรวบร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้แน่นเขารู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนเธอตื่นแล้วแต่เมื่อเห็นหญิงสาวตื่นจึงแกล้งหลับ“เอ่อ..อืม” เมื่อถูกจับได้สาวเจ้าก็เอาแต่ก้มหน้างุดพ่นลมหายใจอ่อนลงบนอกแกร่งของคนที่กอดเธอเอาไว้“วันนี้พักผ่อนเยอะๆรู้ไหมฉันจะรีบไปรีบกลับ”ฟอดดดด พูดจบก็เชยใบหน้านวลขึ้นมาหอมฟอดใหญ่แล้วจึงค่อยลุกออกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะรีบไปทำงานจะได้รีบกลับหากเป็นไปได้ทุกวันเขาอยากจะพาเธอไปด้วยกันด้วยซ้ำทิ้งให้หญิงสาวนั้นนอนกำผ้าห่มแน่นหน้าแดงแทบจะเป็นลูกตำลึงอยู่บนเตียง“หน้าตาสดใสขึ้นนะเรา” สายทองชวนหลานสะใภ้ของเธอมานั่งคุยกันที่ห้องโถงในช่วงสายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นหน้าตาสดใสขึ้นก็พลอยสบายใจไปอ