Share

ตอนที่23

“วันนี้พี่คิณนอนค้างที่นี่นะคะ” สาวเจ้ายังคงกอดพี่ชายของเธอไม่ยอมปล่อยทำเอาคนที่ถือตะกร้ามะม่วงอยู่ถึงกับวางตะกร้าลงบนแคร่ไม้ใต้ถุนบ้านอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก

“ไม่ได้หรอกแพรพี่มีประชุมต่อที่แวะมาก็ทักทายยายกับน้าพิมเท่านั้น” ที่คนินทร์มาที่นี่เพราะเขามีธุระผ่านมาจึงแวะมาทักทายทุกคน

“ทำไมล่ะคะประชุมเสร็จก็กลับมานอนที่นี่ไม่ได้เหรอเราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะคะ” ผ้าแพรบ่นอู้อี้เพราะเมื่องานแต่งเธอคนินทร์ก็ไม่ว่างมาวันนี้ก็ยังไม่ว่างอยู่คุยกับเธออีก

“เราโตจนมีลูกมีสามีแล้วนะแพรจะอ้อนพี่เค้าเป็นเด็กๆได้ยังไง” พิกุลปรามหลานสาวของเธอด้วยตอนนี้ต่างคนต่างโตมีหน้าที่รับผิดชอบจะให้ผ้าแพรมาอ้อนคนินทร์เป็นเด็กๆจะไม่ได้

“ขอโทษทีนะคะพอดีสองคนนี้เค้าเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ” พิมพรรณเห็นโสพิศเริ่มมองพฤติกรรมของผ้าแพรและคนินทร์อย่างไม่พอใจเธอจึงต้องอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้โสพิศฟังว่าทั้งคู่ไมได้คิดอะไรเกินเลยกว่าพี่น้องแน่นอนแค่สนิทกันมากเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆเท่านั้น

“ฉันจะพยายามเข้าใจค่ะ” โสพิศพยักหน้าเบาๆและจะพยายามทำความเข้าใจแต่เหมือนลูกชายของเธอจะไม่เข้าใจเพราะเดินหน้าหงิกหน้างอหนีเข้าไปในสวนหลังบ้านแล้ว

ครู่ต่อมา

หลังจากที่คนินทร์อยู่คุยเล่นพักใหญ่เขาก็ต้องขอตัวกลับเพราะยังต้องมีประชุมเรื่องคดีอีกหลายคดีต่อก่อนคนินทร์กลับผ้าแพรก็ได้จัดการห่อมะม่วงสิบกว่าลูกที่ภูผาเก็บมาให้กับคนินทร์ไปเพื่อที่จะไปฝากกรุณาแม่ของคนินทร์ด้วย

“แพรกับพี่คิณเล่นด้วยกันนอนด้วยกันตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะพี่คิณพึ่งย้ายบ้านไปอยู่อีกอำเภอเมื่อตอนที่แพรจบม.ปลาย”  ผ้าแพรนั่งปอกมะม่วงไปอธิบายความสัมพันธ์ของเธอกับคนินทร์ให้โสพิศและสายทองได้ฟังไปพรางๆ

“ย่าถึงว่าเราสนิทกันจังเลย” สายทองรู้แบบนี้ก็สบายใจนึกว่าผ้าแพรจะสนใจผู้ชายคนอื่นมากกว่าหลานเธอเสียแล้วแบบนั้นคงไม่ดีแน่เพราะเธอจะไม่ยอมเสียหลานสะใภ้แบบผ้าแพรไปเด็ดขาด

“แต่เราก็โตแล้วนะแพรจับมือถือแขนผู้ชายคนอื่นแม้จะเป็นพี่ที่สนิทแต่ก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆมันดูไม่ดีเท่าไร” โสพิศถือโอกาสตักเตือนสะใภ้เธอเสียตอนนี้เลย

“หนูจะจำไว้ค่ะคุณแม่..แต่ถ้าในบ้านคงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” ผ้าแพรพยักหน้ารับคำครั้งหน้าเธอจะระวังแต่ถ้าหากเป็นในบ้านตัวเองเธอก็อยากจะขอข้อยกเว้น

“ก็อย่าไปทำข้างนอกแล้วกัน” โสพิศจำต้องยอมในข้อเรียกน้องของผ้าแพร

“คุณภูมาทานมะม่วงสิคะหวานมากเลย” ดวงตากลมเหลือบไปเห็นอคิณเดินออกมาจากสวนจึงรีบเรียกให้เขามาทานมะม่วงที่เธอพึ่งปอกเสร็จ

“นึกว่าให้พี่คิณของเธอไปหมดแล้วซะอีก” ภูผาเอ่ยเสียงห้วนสีหน้าของเขายังดูอารมณ์ไม่ดีเช่นเดิม

“แพรให้พี่คิณไปบ้างค่ะแต่ไม่ได้ให้หมด”

“ฉันไม่หิว” เอ่ยจบก็เดินหนีหญิงสาวไปนอนเปลที่ผูกกับเสาบ้านไม่ใกล้ไม่ไกลแคร่ไม้ที่หญิงสาวนั่ง

“อ้าว...เมื่อตอนที่เก็บมะม่วงยังบอกน่าทานอยู่เลยค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเห็นภูผาอารมณ์ไม่ดีจึงหันมาหน้าหงอยกับสายทอง

“ตาภูก็อย่างนี้แหละเราก็ปอกเก็บใส่กล่องไว้ให้พี่เค้าก็แล้วกัน” สายทองเห็นว่าภูผาอาจจะแค่ไม่พอใจเรื่องที่ผ้าแพรนั้นไม่สนใจตนตอนคนินทร์มาเท่านั้นอีกไม่นานเดี๋ยวก็หาย

“ค่ะคุณย่า” สาวเจ้าเหลือบสายตามองภูผาครู่หนึ่งอย่างไม่เข้าใจแล้วจึงหันกลับมาปอกมะม่วงใส่กล่องพลาสติกเพื่อจะจะเก็บเอาไว้ให้เขา

เย็นของวัน

โต๊ะอาหาร

ผ้าแพรพยายามพูดคุยกับภูผาหลายครั้งดูเหมือนเขาจะเฉยกับเธอโดยไม่มีเหตุผลแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะละความพยายามจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นหญิงสาวก็ยังคงคอยคุยจ้อแนะนำอาหารให้เขาอยู่ไม่ขาด

“คุณภูลองทานหมูพะโล้หรือยังคะแพรเป็นคนตุ๋นเองเลยนะคะ” ผ้าแพรเห็นว่าภูผากำลังยื่นมือไปที่จานหมูตุ๋นเธอจึงรีบบอกกับเขาทันทีว่านั่นเป็นฝีมือของเธอ

“......” จบคำพูดคนข้างๆมือหนาของภูผาก็ละจากช้อนกลางจานหมูตุ๋นมาเป็นผัดผักข้างๆ

“ผัดผักนั่นแพรก็ทำเองเหมือนกันค่ะ”

“นี่ล่ะเธอทำหรือเปล่า” เป็นอีกครั้งที่ภูผาเลือกที่จะไม่ทานอาหารฝีมือผ้าแพรเมือเห็นถ้วยต้มจืดวุ้นเส้นก่อนจะลงมือตักขึ้นมาจึงถามหญิงสาวก่อนว่าเป็นของเธอหรือไม่

“ต้มจืดน้าพิมทำค่ะ” หญิงสาวตอบคำถามด้วยสีหน้าเจื่อนๆเล็กน้อยพอจะมองออกแล้วว่าเขาคงไม่อยากทานฝีมือของเธอและมันก็เป็นเช่นนั้นอย่างที่หญิงสาวคิด

“อืม..” ภูผาค่อยๆตักต้มจืดใส่จานของตนและทานอย่างเงียบๆไม่สนใจที่จะหันมามองเธอแม้แต่น้อย

“คุณภูเป็นแบบนี้เพราะเรื่องคิณหรือเปล่าคะ” หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเย็นกันเรียบร้อยแล้วพิมพรรณก็เอ่ยปากถึงเรื่องของหลานทั้งสองหลังจากที่สองคนนั้นเข้าห้องไปพักผ่อนกันแล้ว

“ก็คงจะอย่างนั้นค่ะ” โสพิศพยักหน้าอย่างอ่อนใจ

“คิณกับแพรสนิทกันมากเสียด้วยสิวันหลังฉันจะบอกหลานฉันให้แล้วกันนะคะ” พิมพรรณเอ่ยด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

“ฉันเตือนแกไปแล้วล่ะค่ะแกก็ฟังอยู่เหมือนกันแต่น่าจะไม่รู้ตัวมากกว่าว่าตาภูเคืองเรื่องอะไร”

“หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันตลอดเดี๋ยวเค้าก็ปรับความเข้าใจกันเองนั่นแหละ” สายทองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเห็นว่าเรื่องนี้สองคนนั้นน่าจะเข้าใจกันได้ในเวลาไม่นานนัก

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นเราเป็นผู้ใหญ่ก็แค่คอยดูกันไป” พิกุลเอ่ยเสริมเรื่องของเด็กๆนั้นให้พวกเขาเรียนรู้กันเองจะดีกว่าลิ้นกับฟันอยู่ใกล้กันกระทบกระทั่งเป็นเรื่องปกติ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status