“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” แดเนียลเหมือนจะจับจ้องไปที่ผ้าแพรไม่วางสายตาว่าในรูปน่ารักแล้วตัวจริงยิ่งน่ารักเสียกว่า
“เรียกพี่สองคนว่าพี่ก็ได้ไหนๆเราก็คนกันเอง” ปกรณ์ทักทายผ้าแพรอย่างเป็นกันเองจนภูผาเริ่มหน้าตึงเล็กน้อย
“ค่ะพี่กรพี่แดน” สายตาคมของภูผามองผ้าแพรอย่างไม่พอใจที่ดันไปยอมเรียกเพื่อนของเขาทั้งสองว่าพี่ทั้งที่พึ่งเจอกันแต่กลับเรียกเขาด้วยความห่างเหิน
“น้องแพรนี่น่ารักกว่าในรูปเยอะเลยนะครับ” ปกรณ์ดูอาการของภูผาออกเขาอยากจะรู้นักว่าความหวงเมียของเพื่อนเขานั้นมันจะมีมากระดับไหนทั้งที่ก่อนหน้านี้โอ้อวดคุยโวนักหนาว่าไม่มีทางให้ใจกับผู้หญิงคนไหน
“พี่กรเคยเห็นรูปแพรด้วยเหรอคะ” ผ้าแพรรู้สึกว่าปกรณ์เป็นคนที่คุยเก่งระดับหนึ่งเลยแบบนี้เธอค่อยหายเกร็งหน่อยคิดว่าเพื่อนของภูผาจะไม่อยากยุ่งกับเธอเสียแล้วเพราะเธอก็ไม่ได้อยู่สังคมเดียวกับพวกเขา
“เคยสิในข่าวไงแล้วนี่มาทำอะไรกันเหรอครับ” ปกรณ์เดินอ้อมภูผาหน้าตาเฉยแล้วเข้าไปประชิดตัวผ้าแพรหยิบสมาร์ทโฟนราคาแพงของเขาเปิดข่าวให้ผ้าแพรได้ดูว่านักข่างลงรูปเธอกับภูผาแล้วเขียนข่าวว่าอย่างไร
แดเนียลเองก็ได้แต่อมยิ้มกับปกรณ์ที่หาเรื่องแกล้งภูผาส่วนคนถูกแกล้งก็เก็บอาการไม่พอใจเพราะกลัวจะเสียฟอร์มแต่ยังไงคนเป็นเพื่อนก็ย่อมดูออก
“อ๋อ..คุณภูพาแพรมาหาซื้อเสื้อผ้ากับของใช้น่ะค่ะแต่แพรยังเลือกไม่ได้เลยว่าจะซื้อแบบไหนค่ะ” ผ้าแพรดูรูปภาพในจอมือถือราคาแพงของปกรณ์เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อในภาพนั้นเธอเองก็ดูดีในชุดแต่งงานอยู่ไม่น้อยทั้งยังคุยจ้อกับปกรณ์เหมือนกับว่าสนิทกันมานานแล้วอย่างไงอย่างงั้น
“พี่ช่วยเลือกเอาไหมพี่น่ะรู้จักผ้าทุกชนิดแถมยังรู้ว่าผู้หญิงใส่อะไรจะสวยด้วย” ปกรณ์โวยกใหญ่แต่ก็ใช่ว่าเขาแค่คุยอวดเท่านั้นเขารู้จริงว่าผ้าแบบไหนดีหรือไม่ดีด้วยดีกรีลูกเจ้าของโรงงานทอผ้าส่งออกยักษ์ใหญ่
“จริงเหรอคะดีเลยค่ะ” ผ้าแพรเห็นทีเธอจะมีตัวช่วยแล้วเอกะจะเลือกสักชุดสองชุดเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจของสายทองเท่านั้นหากมีปกรณ์ช่วยเลือกคงประหยัดเวลาไม่น้อย
“มานี่สิเดี๋ยวพี่พาไปเลือก” ปกรณ์โอบไหล่ร่างบางหลวมๆหมายจะพาเข้าไปในโซนเดรสคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์หรู
สายตาของภูผาตอนนี้หากเป็นคมมีดก็คงจะเฉือนเนื้อหนังของปกรณ์ออกมาเป็นชิ้นๆแล้วทังยังกัดฟันกรอดที่ผ้าแพรนั้นไม่ปฏิเสธการถูกเนื้อต้องตัวของปกรณ์เลยสักนิดทั้งที่เขายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้
“ค่ะ..เอ่อเดี๋ยวค่ะพี่กร” ผ้าแพรชะงักฝีเท้าเล็กน้อยและเดินกลับมาหาภูผา
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าผ้าแพรคงจะมาชวนตนไปเลือกเสื้อผ้าเป็นแน่คนอื่นหรือจะสู้คนในครอบครัวช่วยเลือกให้
“คุณภูจะรอแพรตรงนี้ใช่ไหมคะ” ร่างบางยืนตรงหน้าภูผาเงยหน้าพร้อมรอยยิ้มที่กลับมาถามเพราะกลัวว่าหากเลือกเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจะไม่มีคนรอจ่ายเงินเพราะเธอเองคงไม่มีเงินจ่ายของแพงๆแบบนี้แน่นอน
“อืม” ใบหน้าคมเข้มหุบยิ้มแทบไม่ทันทั้งเอ่ยเสียงตอบในลำคออย่างไม่พอใจนัก
“โอเคค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบแล้วหญิงสาวจึงเดินไปหาปกรณ์ตามเดิมและเข้าไปในโซนเสื้อผ้าคุยกับปกรณ์กะหนุงกะหนิงกันอยู่สองคน
วินาทีนี้แดเนียลเกือบกลั้นขำไม่อยู่ที่เห็นภูผาเสียอาการจนน่าขบขัน
“แพรน่ารักดีนะดูซื่อๆดี” แดเนียลเห็นการพูดคุยกิริยาท่าทางผ้าแพรแวบเดียวก็ดูออกว่าเธอนั้นเป็นคนอย่างไรสายตาซื่อๆของเธอหาได้ยากนักกับคนสมัยนี้
“อืม..เธอซื่อเกินไปตามประสาคนที่ไม่ค่อยได้เจอโลกกว้างนั่นแหละ” ภูผาลอบถอนหายใจเบาๆแม่คำสนทนายังอยู่กับแดเนียลแต่สายตายังลอบมองไปทางปกรณ์และผ้าแพรอยู่ตลอดเวลา
ครู่ต่อมา
“น้องแพรเลือกของนิดเดียวเองผู้หญิงต้องมีเสื้อผ้าสวยๆไว้ใส่เยอะๆไม่ใช่เหรอ” ปกรณ์เลือกชุดให้ผ้าแพรเป็นสิบชุดคิดว่าเธอจะเหมาหมดแต่กลับเลือกจ่ายเงินเพียงสองชุดเท่านั้น
“แพรไม่ค่อยได้ออกไปไหนหรอกค่ะ” สาวเจ้าตอบกลับคนหวังดีด้วยรอยยิ้ม
“นี่จะไปไหนกันอีกหรือเปล่าฉันว่าจะเลี้ยงข้าวพวกแกสักมื้อ” ปกรณ์หันไปถามภูผาที่เอาแต่ยืนหน้าบึ้ง
“ฉันจะกลับแล้วแพรท้องอยู่เดี๋ยวจะเพลีย” ภูผาตอบกลับเสียงห้วน
“แพรไหวค่ะคุณภูไม่อยู่ทานข้าวกับเพื่อนๆก่อนเหรอคะ” ผ้าแพรส่ายหัวหงึกหงักเธอยังไม่ได้เอ่ยมาสักคำเลยว่าเหนื่อยหรือเพลีย
“ไม่..ฉันกลับก่อนนะ” ภูผาเอ่ยจบก็ดึงถุงกระดาษจากผ้าแพรและหันหลังเดินไปที่ลิฟท์ทันที
“แพรกลับก่อนนะคะพี่ๆ” ผ้าแพรเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยลาชายหนุ่มทั้งสองและรีบจ้ำอ้าวตามหลังคนตัวโตไป
“.หึ่..” แดเนียลมองตามหลังภูผาแล้วหันมาแสยะยิ้มให้กับปกรณ์เพราะรู้ดีว่าอาการหงุดหงิดของภูผานั้นเกิดจากอะไรนี่หรือคนที่ไม่คิดจะมีรักเขาคิดว่ามันน่าจะไม่ทันแล้ว
ระหว่างที่จะกลับสายตากลมมองร้านขนมผ่านลิฟท์แก้วตาละห้อยเพราะไม่กล้าทวงถามกับภูผาเรื่องที่จะพาเธอกลับมาซื้อของหวานพวกนั้น
“คุณภูรีบกลับทำไมเหรอคะแพรยังไม่เหนื่อยเลยค่ะ” ผ้าแพรตัดสินใจเอ่ยถามกับคนที่นั่งเงียบมาตลอดการขับรถกลับ
“แต่ฉันเหนื่อยหรือจะให้ฉันกลับไป” ภูผาหันมาตอบหญิงสาวเสียงแข็งจนหญิงสาวก้มหน้างุด“ไม่เป็นไรค่ะเหนื่อยก็กลับบ้านไปนอนพักนะคะ” มือน้อยทั้งสองของเธอบีบกันแน่น“เธอยังอยากได้ขนมพวกนั้นอยู่อีกหรือเปล่า” เวลานี้ที่เห็นหญิงสาวนั่งหน้าละห้อยเขาก็จำได้ว่าเขาลืมพาเธอแวะซื้อขนมก่อนจะกลับอย่างที่รับปากเธอเอาไว้หากเขาไม่โมโหปกรณ์จนรีบร้อนจะกลับเธอก็คงไม่นั่งหน้าหงอยแบบนี้แน่“อ๋อ..ไม่หรอกค่ะ” ผ้าแพรเงยหน้าอมยิ้มอ่อนแม้เธอจะอยากได้ขนมพวกนั้นมากแค่ไหนหากภูผาลืมก็ไม่เป็นไร22.00 น.“ทำไมคุณภูนอนดึกจังล่ะคะไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ” ผ้าแพรนอนมองภูผาที่อยู่ในชุดนอนสีเทากำลังนั่งพิงหัวเตียงทำงานในโน๊ตบุ๊คด้วยสายตาสะลึมสะลือเพราะตอนนี้เธอง่วงเต็มทน“เธอง่วงก็นอนก่อนเลย” ภูผาตอบกลับในขณะที่สายตาและมือของเขายังจับจ้องอยู่กับโน๊ตบุ๊ค“เปิดไฟแบบนี้แพรคงไม่หลับหรอกค่ะ”“โอเค..งั้นฉันจะปิดไฟ” ภูผาหันไปมองคนที่กำลังนอนกอดหมอนข้างดุท่าเธอจะง่วงเต็มทนเขาจำต้องละมือวางงานและเอื้อมมือปิดไฟดวงใหญ่ในห้องให้เหลือเพียงแสงไฟจากโคมไฟใกล้หัวเตียงแล้วลิ้มตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางหญิงสาว“ดีค่ะ” ผ้าแพรยิ้มอ่อนแบบนี้เธอค่อยนอนได้หน่
18.00 น.โต๊ะอาหาร“ไปตั้งแต่เช้ากลับมาซะเย็นวันหยุดแทนที่จะอยู่บ้านกับเมีย” สายทองตำหนิหลานชายของเธอในระหว่างที่ร่วมโต๊ะทานอาหารเย็น“ผมก็มีธุระนี่ครับวันนี้อาหารเยอะเลยมีแขกมาเหรอครับ” ภูผารู้ดีว่าเขาต้องถูกตำหนิอยู่แล้วเมื่อออกนอกบ้านในวันหยุดโดยที่ไม่บอกย่าของเขาว่าไปทำอะไรแต่ที่เขาแปลกใจก็คือไม่รู้ว่าวันนี้จะมีแขกมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยหรืออย่างไรถึงมีอาหารหลากหลายเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ“ไม่มีหรอกค่ะแพรตั้งใจทำอาหารหลายๆอย่างให้คุณภูกับทุกคนลองชิมว่าจานไหนอร่อยแพรจะได้ทำบ่อยๆค่ะ” ผ้าแพรรีบเอ่ยขึ้นมาเพราะนี่เป็นฝีมือของเธอ“แต่ที่ย่าชิมก็อร่อยทุกอย่างนะ”“ฉันก็เห็นด้วยกับคุณแม่นะเธอก็มีฝีมือปลายจวักดีเหมือนกันนี่”คำชมของสายทองและโสพิศทำคนลงมือยิ้มแก้มปริหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งคราวนี้ก็เหลือแค่ภูผาเท่านั้นว่าจะโอเคกับฝีมือของเธอหรือเปล่า“งั้นคุณภูลองชิมสิคะว่าชอบหรือเปล่าเพราะคุณย่าบอกว่าถ้าอาหารในบ้านอร่อยคุณภูจะไม่ไปทานอาหารนอกบ้านทำให้มีความสุขในบ้านได้ค่ะ” พูดจบก็ยิ้มหวานดูภูผาว่าเขานั้นจะเลือกทานอะไรและจะชอบหรือไม่“อ๋อ..ผมเข้าใจแล้ว” จบคำพูดของผ้าแพรสายตาคมของภูผาก็มองไปที่ย่าของเ
“เป็นอะไรคะไม่ชอบเหรอคะ” ผ้าแพรผละออกจากชายหนุ่มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไป“อ่อเปล่าฉันว่าปิดไปทั้งตาเลยจะดีกว่า” ภูผาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำถามเขารีบหยิบชิ้นแตงกวามาปิดตาทั้งสองข้างและรีบนอนลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน“คุณภูหลับไปได้เลยนะคะเดี๋ยวอีกสักพักฉันจะเอาออกให้เอง” ผ้าแพรก้มมองหน้าชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินถือจานไปวางที่โต๊ะตรงมุมห้อง“อือ” คนตัวโตค่อยหายใจทั่วท้องได้หน่อยที่ได้ยินเสียงร่างบางอยู่ไกลๆวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเงียบเหงาเป็นพิเศษเพราะภูผาก็ไปทำงานแต่เช้าโสพิศก็ออกไปทำธุระพาดวงใจและสมหมายคนขับรถไปด้วยที่บ้านริมน้ำหลังนี้ก็เหลือเพียงแค่สายทองกับผ้าแพรเท่านั้น“ผลไม้ค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเห็นสายทองนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหลังบ้านติดริมแม่น้ำที่เดิมที่สายทองนั้นชอบนั่งเธอจึงเข้าครัวปอกผลไม้สามสี่อย่างใส่จานมาให้สายทองได้ทานเป็นของว่าง“ขอบใจจ่ะ...เป็นยังไงบ้างเริ่มคุ้นชินกับที่นี่แล้วหรือยัง” หญิงชราละมือจากหนังสือแล้วนั่งทานผลไม้ที่ผ้าแพรจัดใส่จานมาให้พรางถามเรื่องการเป็นอยู่ไปด้วย“ค่ะคุณย่า” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆพร้อมอมยิ้มอ่อนคนที่นี่ดีกับเธอท
“คุณแพรคะยื่นแขนมาค่ะ” ไม่นานหมอสาวก็เรียกให้ผ้าแพรนั้นยื่นแขนวางบนโต๊ะเพื่อที่เธอจะได้จัดการเช็ดแอลกอฮอลและเจาะเลือด“สามีให้กำลังใจภรรยาด้วยนะคะ” หมอสาวเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวผ้าแพรก้อมยิ้มและพร้อมบอกให้ภูผานั้นให้กำลังใจหญิงสาวเพื่อที่จะได้ลดความกลัวลงบ้าง“ครับ” มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวของคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดมากุมเอาไว้แน่นแบบนี้คงไม่ได้กลัวนิดหน่อยอย่างที่เธอบอกเขาเป็นแน่“นิดเดียวนะคะ” หมอสาวให้สัญญาณก่อนที่จะลงปลายเข็มไปที่เส้นเลือด“อืม” ร่างบางสะดุ้งเบาๆเมื่อปลายเข็มจิ้มมาที่เนื้อของเธอดีที่มือเรียวอีกข้างที่ภูผาจับมือเธอเอาไว้เธอค่อยหายกลัวไปเปราะหนึ่งไม่อย่างนั้นตอนนี้คงได้น้ำตาไหลจนขายขี้หน้าคนในนี้ไปแล้วครู่ต่อมา“วัดคลื่นหัวใจเจ้าตัวเล็กหน่อยนะคะ” เมื่อเจาะเลือดเสร็จตอนนี้ภูผากับผ้าแพรก็อยู่ในห้องอัลตร้าซาวน์โดยตอนนี้ผ้าแพรนั้นนอนอยู่บนเตียงและมีภูผานั่งอยู่ข้างๆ“เอ่อ..” ในขณะที่หมอสาวเริ่มถกชุดคลุมของผ้าแพรขึ้นหญิงสาวก็เห็นว่าภูผายังคงเอาแต่จับจ้องมาที่ท้องของเธอไม่ยอมหันหนีไปเสียและตอนนี้หมอสาวก็กำลังถกกางเกงตัวจิ๋วของเธอลงผ้าแพรจึงรีบใช้มือเรียวดันเบี่ยงใบหน้าของภูผ
“ไม่เป็นไรค่ะ...คุณอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ลำบากเหรอคะ” ผ้าแพรมีแววตาสงสารหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัดเธอนึกไม่ออกเลยว่าหากเธออยู่คนเดียวตอนท้องจะลำบากและหดหู่แค่ไหน“นั่นสิสามีคุณเป็นคนยังไงกันถึงได้ปล่อยให้คุณอยู่แบบนี้” ภูผาเอ่ยอย่างใส่อารมณ์“ที่ไหนที่เค้าไม่อยากอยู่ฉันก็มาอยากบังคับค่ะอยู่กันไปก็อึดอัดเปล่าๆเค้าก็คงมีเหตุผลของเค้านั่นแหละค่ะถึงได้ทิ้งฉันไปแบบนี้”“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรคนแบบนี้ก็คือคนที่ขาดความรับผิดชอบเห็นแก่ตัวที่สุด”“คุณภูคะ” ผ้าแพรดึงข้อมือภูผาเบาๆให้เขาลดอารมณ์ลงเพราะเขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งเห็นหญิงสาวข้างๆเธอหน้าเสีย“ต่อไปนี้คุณจะไม่ตัวคนเดียวนะคะเรารู้จักกันถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วฉันจะแวะเวียนมาหาคุณบ่อยๆนะคะคุณ...” ผ้าแพรเริ่มเปลี่ยนเรื่องและทำความรู้จักกับหญิงสาวท้องโตทันทีเพราะรู้สึกถูกชะตากับเธอตั้งแต่แรกเห็นเธอเป็นหญิงสาวที่น่าจะแก่กว่าเธอไม่กี่ปีแต่รูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่ไม่น้อยไม่รู้ว่าสามีของหญิงสาวที่ทิ้งเธอไปไม่เสียดายบ้างหรืออย่างไร“ฉันชื่อวีนาค่ะแล้วคุณล่ะคะ” หญิงสาวตอบพร้อมยิ้มอ่อน“ฉันชื่อแพรส่วนสามีฉันชื่อภูค่ะ” ผ้าแพรเริ่มแนะนำตัวเองและภูผาอย่างเป็นทาง
“นี่มันหวานมากเลยนะคะ” โสพิศลองใช้ช้อนตักมะพร้าวกวนมาชิมแล้วเธอก็ต้องรีบดื่มน้ำตามเพราะมันหวานมากจนเธอแสบคอกันเลยทีเดียว“ใช่แล้วล่ะค่ะเดี๋ยวเราใส่เป็นไส้อีกทีทานด้วยกันรสก็จะกลมกล่อม” พิมพรรณพยักหน้ากับโสพิศเบาๆหากผสมกับหน้าขนมแล้วรสชาติของมันก็จะหวานๆเค็มๆลงตัว“ยายคะหนูขอสักสองลูกได้หรือเปล่าตอนนี้ทนรอขนมเสร็จไม่ไหวแล้ว” ผ้าแพรหันไปยิ้มแหยให้กับพิกุลเพราะเมื่อนึกถึงรสชาติหวานมันของมะพร้าวกวนเธอก็น้ำลายแทบไหล“มันหวานมากเกินไปนะเราน่ะท้องอยู่จะทานอะไรก็ต้องเลือก” โสพิศรีบปรามผ้าแพรทันทีเพราะเธอก็ได้ยินมาว่าหมอน้ำนั้นสั่งให้ผ้าแพรอย่าทานอาหารรสจัดมากนัก“เอาน่าแม่โสคนท้องอยากจะทานอะไรก็ให้เค้าทานไปเถอะเดี๋ยวคลอดแล้วก็ทานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าตอนให้นมลูกไม่ได้แล้ว” สายทองเห็นว่าไส้ขนมลูกสองลูกก็คงไม่ถึงกับอันตรายอีกอย่างคนท้องอยากทานอะไรเธอเองก็ไม่อยากจะห้าม“สองลูกพอนะ” โสพิศหยิบไส้ขนมใส่ใบตองแผ่นเล็กให้ผ้าแพรใจก็ห่วงสุขภาพของผ้าแพรแต่ก็เข้าใจได้เช่นกันว่าความอยากอาหารของคนท้องมันเป็นอย่างไร“ค่ะคุณแม่” ร่างบางรีบรับไส้ขนมจากมือโสพิศริมฝีปากบางยิ้มกว้างเมื่อจะได้ทานของอร่อยมือน้อยหยิบ
“นี่มันเยอะไปนะลูกทานหวานมากมันไม่ดีเดี๋ยวน้าแบ่งครึ่งให้ก็แล้วกัน” พิมพรรณจะยึดคืนไส้ขนมทั้งหมดก็สงสารหลานจึงเอากลับไปเทใส่ถ้วยคืนไว้ครึ่งหนึ่งแล้วคืนให้หลานเธอไป“ขอบคุณค่ะน้าพิม” นับว่าพิมพรรณยังเห็นแก่ความอยากของหวานของคนท้องอย่างเธอบ้างแม้เหลือครึ่งกล่องก็ยังดี“คุณภูอะ” สาวเจ้าได้กล่องของหวานคืนมาก็ตวัดสายตาแอบเคืองใส่ภูผาเล็กน้อยแล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปเป็นครั้งแรกที่เธอขุ่นคืองเขาเลยก็ว่าได้“อ้าว” ภูผามองตามหลังหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจเขาห่วงสุขภาพของเธอแล้วเขานั้นผิดด้วยเหรอวันที่ฝากครรภ์กับหมอน้ำก็รับปากหมอเสียดิบดีว่าจะไม่ทานอาหารรสจัดวันนี้กลับทนไม่ไหวเสียอย่างนั้น“นี่รูปใครเหรอคะคุณพิม” โสพิศยืนดูรูปภาพเด็กทารกตัวอ้วนกลมในเปลที่แปะอยู่ข้างฝาบ้านพักใหญ่ครั้งก่อนเธอเคยเห็นรูปแล้วว่าจะถามแต่ก็ยังไม่ได้ถามเสียทีว่ารูปใครหากเดาไม่ผิดคงเป็นผ้าแพรเพราะบ้านนี้น่าจะไม่มีรูปเด็กเล็กที่อื่น“หนูแพรค่ะเล็กๆจ้ำม่ำมากเลย”“ถ้าหลานฉันออกมาน่ารักน่าชังแบบนี้คงดีนะ” เป็นอย่างที่โสพิศคิดหากเธอได้อุ้มหลานน่ารักน่าชังวันนั้นเธอคงมีความสุขไม่น้อยนึกแล้วก็อยากจะให้หลานเธอคลอดออกมาวันสองวันนี้เสี
“ผอมเยอะเลยไหนดูซิมีลูกกี่ตัว...ตั้งสองตัวแน่ะอ้วนมากเลย..เจ้าอ้วน” ผ้าแพรเห็นเจ้าข้าวเหนียวก้รีบพุ่งเข้าไปหาทั้งลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูและนั่งอุ้มลูกของเจ้าข้าวเหนียวทั้งสองตัวมาไว้ในอ้อมอกกอดเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวแฮ่ๆๆๆ“มันจะกัดฉันหรือเปล่าเนี่ย” ภูผาได้แต่ยืนตัวเกร็งเพราะดูเจ้าข้าวเหนียวจะไม่เป็นมิตรกับเขาเท่าไร“คุณภูรีบเทข้าวกับน้ำให้มันสิคะ”“โอเค..” คนตัวโตหยิบกะละมังสองใบที่วางอยู่ตรงหน้าเจ้าข้าวเหนียวเขารับเทข้าวให้มันจนเต็มกะละมังและเทน้ำตามอีกกะละมังอย่างรวดเร็วพอเจ้าข้าวเหนียวเห็นว่าเขาเป็นคนให้อาหารก็เริ่มกระดิกหางให้จึงทำให้ภูผาค่อยกล้าเข้าใกล้มันหน่อย“คุณภูว่าฉันจะตั้งชื่อลูกหมาว่าอะไรดีคะ” ผ้าแพรชูลูกหมาตัวอ้วนกลมสีขาวกับสีน้ำตาลทองทั้งสองให้ภูผาได้ดูหากเธอเดาม่ผิดพ่อของเจ้าสองตัวคงเป็นสีขาวแน่นอนเพราะไม่อย่างนันเจ้าตัวสีขาวนี้จะออกมาเป็นสีนี้ได้อย่างไร“ไหนฉันขอดูหน่อยตัวนี้สีทองก็ชื่อทองตัวนี้สีขาวก็ชื่อขาวไงไม่เห็นยาก” “คิดให้เยอะกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอคะเหมือนคุณพูดออกมาแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย” ใบหน้าหวานเริ่มขมวดคิ้วเป็นปมที่รู้สึกว่าภูผาจะตอบผ่านๆ“นี่ถ้าฉันไม่เห็น