Share

ตอนที่ยี่สิบสี่ มีลูกคงน่ารัก

กอบัวและข้ามภพอยู่ที่ไร่สันติจนเกือบเที่ยงสันติจึงชวนทั้งสองทานข้าวเที่ยงฝีมือตองนวลภรรยาของเขาก่อนที่กอบัวและข้ามภพจะกลับ

ทั้งสี่นั่งล้อมวงทานข้าวกันอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่หลังบ้านกลางวงตอนนี้มีอาหารหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแกงเห็ดเผาะใส่ชะอมน้ำพริกหนุ่มกับแคปหมูต้มยำไก่บ้านสีสันจัดจ้านปลาย่างไข่เจียวรวมไปถึงผักต้มหลากหลายอย่างที่แขกอย่างกอบัวและข้ามภพเห็นแล้วก็น้ำลายสอไปตามๆกัน

“เอาเลยลูก..ไม่ต้องเกรงใจ”

ตองนวลหญิงวัยกลางคนผิวขาวร่างท้วมตักข้าวใส่จานให้ทุกคนก่อนจะบอกให้แขกทั้งสองลงมือทานได้ไม่ต้องเกรงใจด้วยดูท่าคงจะหิวกันน่าดูเพราะท้องของทั้งสองแข่งกันร้องตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

“ค่ะ..”

มือเรียวยกช้อนกลางตักแกงเห็ดใส่จานก่อนจะใช้ช้อนในจานตัวเองตักข้าวใส่ปากคำโตเคี้ยวตุ้ยด้วยท่าทีหิวโหยจนข้ามภพและสองลุงป้าต้องแอบอมยิ้มกับท่าทีน่าเอ็นดูของกอบัว

" กับข้าวฝีมือป้านวลอร่อยทุกอย่างเลยนะคะ"

"อร่อยจริงๆครับ"

ข้ามภพเอ่ยเสริมหลังจากได้ชิมต้มยำไก่เข้าไปสองสามคำ

"พ่อหนุ่มมีเมียน่ารักน่าชังนะ.. มีลูกกันหรือยังล่ะ"

สันติเคี้ยวข้าวหมดปากได้ก็เอ่ยชมกอบัวเปราะเห็นว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ดูน่าตาดีทั้งคู่มีลูกด้วยกันคงจะออกมาน่ารักมาก

"ถ้ามีลูกคงจะน่ารักน่าชังน่าดูนะ.. เมียก็น่ารักผัวก็หล่อเข้ม"

ตองนวลจะทักทั้งคู่ตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็ไม่กล้าเมื่อเห็นสามีเธอเกริ่นมาเช่นนี้จึงเอ่ยเสริม

กอบัวและข้ามภพหยุดมือกะทันหันก่อนจะสบตากันเล็กน้อยและเป็นฝ่ายกอบัวที่หลบสายตาชายหนุ่มไปก่อนเพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะตอบคนที่ถามว่าอย่างไร

"เอ่อ..ก็..คิดอยู่ครับ"

คำตอบของข้ามภพทำเอาหญิงสาวที่กำลังหยิบแคปหมูเข้าปากเกือบจะสำลักออกมาไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ตอบคำถามออกไปแบบนั้น

"เราสองคนคงจะติดอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน..เบื่อๆก็มาเดินเล่นที่ไร่ลุงได้นะ...ข้างหลังไกลๆโน้น..ลุงปลูกสวนเก๊กฮวยเอาไว้ให้เมียเราไปถ่ายรูปตอนเช้าๆคงสวยน่าดู"

สันติชี้มือไปทางไร่เก๊กฮวยเหนือแปลงผักหลังบ้าน

"ครับ..แล้วผมจะไปนะครับ"

"อยากกินอะไรโทรบอกเดี๋ยวลุงให้ป้านวลทำให้จะมากินที่นี่หรือให้ไปส่งที่บ้านหมอก็ได้"

"ไม่ต้องเกรงใจนะลูก"

กอบัวและข้ามภพรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษเมื่อคนที่นี่ต้อนรับและให้การช่วยเหลือคนนอกอย่างพวกเขาดีมากๆข้ามภพคิดว่านี่แหละคือเสน่ห์ของคนที่ต่างจังหวัดคิดไม่ผิดเลยที่มาเลือกสรรวัตถุดิบด้วยตัวเอง

สันติขับรถกระบะมาส่งกอบัวและข้ามภพที่บ้านหมอชลเทพช่วงบ่ายทั้งสองมีกับข้าวสองสามถุงจากที่ตองนวลตักมาให้และเสื้อผ้าอีกสองสามชุดที่สันตินั้นไปขอจากลูกๆมาให้พวกเขาได้ใส่

“ดีนะคะที่ได้เสื้อผ้าของลูกลุงสันมาคนละสองชุดไม่อย่างนั้นบัวก็ไม่รู้จะใส่อะไรแล้วฟ้าฝนครึ้มตลอดแบบนี้ถ้าซักผ้ายังไงก็ไม่แห้ง”

ร่างบางที่นั่งพับชุดของตนแยกกับชุดของชายหนุ่มเธอหันไปพูดกับคนที่นั่งจ้องมือถือเงียบอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง

“เอ่อ..แล้ว..คุณภพบอกที่บ้านหรือยังคะเรื่องที่ติดอยู่ที่นี่”

"ผมจะหายไปเป็นปีก็ไม่มีใครมาห่วงหรอก"

ชายหนุ่มเอ่ยตอบโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองคนที่ถาม

"ทำไมล่ะคะ"

"ช่างเถอะ...ผมว่าจะออกไปคุยงานกับกวินสักเดี๋ยวคุณก็นอนพักผ่อนเถอะ”

ชายหนุ่มว่าจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกทันที

“ค่ะ”

กอบัวมองตามหลังประธานหนุ่มที่เดินออกไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเพราะเธอคิดว่าข้ามภพนั้นต้องมีปมในใจเกี่ยวกับครอบครัวแน่นอนไม่เช่นนั้นคงไม่เอ่ยว่าครอบครัวไม่ห่วงแบบเมื่อครู่

กรุงเทพมหานคร

โรงพยาบาลxxx

ตอนนี้ในห้องของหมอสิทธิศักดิ์หมอวัยกลางคนประจำตัวของเปรมเริ่มตรึงเครียดเพราะคนไข้ของเขานั้นไม่ค่อยจะเชื่อฟังอะไรเอาเสียเลย

"คุณเปรมต้องรักษาจริงจังแล้วนะครับจะรักษาตามอาการแบบนี้ไม่ได้แล้ว"

สิทธิศักดิ์เอ่ยด้วยสีหน้ากังวลเพราะผลเอ็กซเรย์สมองของเปรมวันนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าเนื้องอกในสมองของเปรมโตขึ้นเร็วมากหากไม่รีบผ่าตัดอาจจะทำให้เส้นประสาทในสมองถูกกดทับและส่งผลอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาจจะถึงขั้นทำให้เสียชีวิตก็เป็นได้

"ขอเวลาผมอีกเดือนนะครับหมอ"

เปรมอยากจะจัดการงานที่บริษัทและเรื่องพินัยกรรมให้มันเรียบร้อยก่อนจะเข้าทำการรักษาจริงจังเพราะหากเขาไม่ทำให้เสร็จเกิดเขาผ่าตัดแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาตอนนั้นคนที่ยังอยู่ก็จะต้องลำบากหรือมีข้อพิพาทกันแน่นอน

"ครั้งสุดท้ายนะครับ"

"ผมรับปาก"

และแล้วสิทธิศักดิ์ก็ต้องตามใจคนไข้ในการดูแลอีกครั้งเรพาะแม้นเขาจะบังคับให้เปรมผ่าตัดหากเจ้าตัวไม่ยินยอมก็บังคับกันไม่ได้อยู่ดี

บ้านพิพัฒน์

"เข้ามาหาผมถึงที่นี่มีอะไรเหรอครับคุณเปรม"

พิพัฒน์ตกใจพอสมควรที่จู่ๆเปรมก็โทรมาขอพบเขาในช่วงเย็นอย่างกะทันหัน

"ผมต้องการให้คุณรับรู้การทำพินัยกรรมที่ผมเซ็นเอาไว้"

เปรมยื่นซองสีน้ำตาลตรงหน้าพิพัฒน์

“นี่เป็นพินัยกรรมที่ผมทำเอาไว้พินัยกรรมนี้อีกฉบับอยู่ที่อำนาจทนายของผมและฉบับนี้ผมอยากให้คุณเก็บเอาไว้และอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราพินัยกรรมฉบับนี้จะถูกเปิดเมื่อวันที่ผมจากไปแล้วเท่านั้นฝากด้วยนะครับ”

เปรมมีเหตุผลของเขาที่ต้องทำพินัยกรรมเอาไว้สองฉบับและที่ต้องการให้พิพัฒน์เก็บอีกหนึ่งฉบับไว้เป็นความลับก็เพื่อต้องการป้องกันความผิดพลาดในอนาคตที่เขาก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ผมจะเก็บมันไว้อย่างดีครับ...คุณเปรมดูซูบผอมลงมากเลยนะครับ..ได้ข่าวว่าคุณเปรมเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆรักษาสุขภาพด้วยนะครับ”

พิพัฒน์ไม่ขอถามเหตุผลกับเปรมว่าเพราะอะไรถึงต้องเก็บทุกอย่างเป็นความลับแต่เขาคิดว่าคนอย่างเปรมทำอะไรมักรอบคอบเสมอตอนนี้ที่เขาห่วงเห็นจะเป็นร่างกายของเปรมมากกว่าไม่รู้ว่าข้ามภพจะรู้หรือเปล่าว่าพ่อตัวเองดูโทรมขนาดไหน

“คนมีอายุแล้วก็แบบนี้นั่นแหละครับอาจจะมีเจ็บป่วยด้วยโรคคนแก่แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร..ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

เปรมไม่เคยคิดจะบอกกับใครว่าเขาเป็นอะไรด้วยไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงและคิดว่าเขานั้นยังคงดูแลตัวเองได้เสร็จธุระเรื่องพินัยกรรมแล้วตอนนี้เขาก็สบายใจคราวนี้ก็เหลือแค่งานในบริษัทที่ยุ่งๆเขาต้องจัดการให้มันเรียบร้อยเท่านั้น

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status