เกิดมาพร้อมกับความทรงจำในชาติก่อนยังไม่พอ ยังต้องเกิดเป็นคู่หมั้นชินอ๋องซื่อจื่อที่เป็นถึงพระเอกสุดท้ายก็ถูกตัวร้ายฆ่าตายเพื่อบูชาความรักที่แสนโง่งม เพื่อเอาชีวิตรอดจึงพยายามหลีกเลี่ยงตัวซวยผู้นั้น ข้าว่าข้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้ล่อลวงอันใดบุรุษพวกนั้น แต่เหตุใดบุรุษที่ควรจะถูกนางเอกดอกบัวขาวล่อลวง กลับเอาแต่บังเอิญมาเจอนางอยู่ร่ำไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนงามอย่างนางก็ลำบากใจน่ะสิ ..................................... “ชินอ๋องซื่อจื่อ พระองค์จะเอาแต่ใจเช่นนี้ไม่ได้ พระองค์ไม่มีสิทธิ์มาห้ามหม่อมฉัน” ตัวซวยผู้นี้เหตุใดถึงได้หน้าหนาหน้าทน นางแสดงตัวว่าไม่อยากอยู่ใกล้มากถึงเพียงนี้ ก็ยังดื้อรั้น “หึ” กล่าวถึงสิทธิ์หรือ หากตอนนั้นนางไม่เอ่ยปฏิเสธคำของบิดาเข้าด้วยท่าทางไร้เดียงสา วันนี้เขาและนางก็คงได้กลายเป็นคู่หมั้น ++++++++++++++++++++++++
Lihat lebih banyak“ท่านราชเลขาฯ จางหวงแหนน้องสาวยิ่งข้าได้ประจักษ์ด้วยตาตนเองก็วันนี้” เจิ้งเข่อชิงกล่าว “อย่ามัวแต่เยินยอพี่ชายข้าเลย เราไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีหรือไม่ ข้าอยากชมดอกไม้” แม้จะพลาดไม่ได้ดูฉากตกหลุมรักของพระเอกนางเอก อย่างน้อยได้ชมดอกไม้ให้รื่นหูรื่นตาบ้างก็ยังดี “เจ้านี่นะ ชมดอกไม้น่ะแค่กล่าวเอาไว้ให้ดูดี จุดประสงค์แท้จริงคือให้มาชมบุรุษ” หวังเยว่ฉิงกล่าว สตรีทั้งสามคนสนทนากันพลางเดินไปที่สวนดอกไม้ โดยไม่รู้ว่ามีสายตามากมายจับจ้อง “ไม่รู้ว่าคุณหนูจางจะโกรธเคืองข้าหรือไม่ ข้าต้องไปขอโทษนางเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง...” หลิวเฟิงเหมียนยังกล่าวไม่ทันจบก็ต้องเดินสะดุดกับอะไรบางอย่างจนเซไปเกาะองค์รัชทายาท&nb
“นี่เจ้า! กล่าววาจาเช่นนี้ตั้งใจบีบบังคับนางหรือ” เจิ้งเข่อชิงรีบลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างสหายคนใหม่ที่น่าเอ็นดู “คุณหนูเจิ้งท่านกล่าววาจาว่าร้ายเมิ่งเอ๋อร์เช่นนี้ไม่ดีเลยนะเจ้าคะ” สวี่ลู่ฟาง หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงก็ลุกขึ้นยืนบ้าง “ข้าน่ะหรือกล่าวว่าร้ายนาง หากคุณหนูคุณชายในที่นี้ไม่โง่เง่าก็คงจะมองเห็นและได้ยินชัดเจนว่าเป็นคุณชายหลิวและคุณหนูหลิวต่างหากที่พยายามจะลากชิงหนี่ว์ซึ่งกำลังบาดเจ็บที่มือให้ออกไปแสดงความสามารถ” เมื่อเห็นคุณหนูเจิ้งกล่าวเช่นนั้นนางจึงรีบเอ่ยวาจาต่อทันที “ขออภัยเจ้าค่ะ ที่ข้ามิอาจฝืนร่างกายทำการแสดงให้ทุกคนได้ชื่นชม แต่หากคุณชายหลิวและคุณหนูหลิวยืนยันอยากจะฟัง ข้าก็คงต้องทำร้ายตนเองด้วยการใช้มือที่บาดเจ็บนี้เล่นพิณแล้ว” “เอาล่ะ คุณหนูจางบาดเจ็บเช่นนี้ เฟิงเหมียนเจ้าคงมิคิดจะให้นางต้องฝืนร่างกายแสดงความสามารถหรอกนะ” องค์รัชทายาทยื่นบันไดให้สหายได้ลง “มิได้ๆ ข้าหลิวเฟิงเหมียนต้องขออภัยคุณหนูจางด้วยที่ไม่รู้เรื่องการบาดเจ็บของเจ้า เป็นข้าที่อยากให้ทุกคนได้รู้จักเจ้ามากเกินไป แต่อย่างน้อยวัน
ยิ่งนัยน์ตาหงส์ของสตรีผู้นั้นมองเห็นบุรุษที่นั่งในตำแหน่งเหนือกว่าผู้อื่นจ้องมองไปที่ว่าที่คู่หมั้นด้วยสายตาล้ำลึก ยิ่งทำให้นางไม่พอใจ แปะๆ ทันทีที่การบรรเลงจบลง เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องคุณหนูคุณชายต่างพร้อมใจกันปรบมือให้กับการแสดงความสามารถของคุณหนูเจิ้งผู้ที่ถูกเล่าลือว่าร้ายกาจ “ขอบคุณทุกท่านเจ้าค่ะที่ให้โอกาสข้าได้แสดงความสามารถ” เจิ้งเข่อชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพราะเป็นรอยยิ้มที่แผ่ไปถึงดวงตาบ่งบอกถึงความสุข ทำให้บุรุษที่จ้องมองต่างเคลิบเคลิ้ม ในขณะที่สตรีต่างตกตะลึงไปกับความงามของคุณหนูผู้เย่อหยิ่ง ‘คุณหนูเจิ้งยิ้มเช่นนี้งดงามกว่าสตรีอันดับหนึ่งอย่างคุณหนูสวี่เสียอีก’ คุณหนูผู้หนึ่งกล่าว ‘ข้าเห็นด้วยกับเจ้า ไหนจะชาติตระกูล กิริยามารยาทเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ นางช่างเหมาะสมกับตำแหน่งฮองเฮา’ ‘นั่นสิ หากนางลงแข่งขันชิงตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ข้าว่าคุณหนูเจิ้งต้องได้ตำแหน่งเป็นแน่’ เมื่อได้ยินบรรดาคุณหนูต่างพูดคุยถึงเจิ้งเข่อชิงในทางที่ดี มุมปากของสตรีตัวน้อยจึงยกยิ้มก่อนจะจิบชาอย่างอารมณ์ดี
3ความเก่งกาจของสหายคนใหม่ ด้านหลิวเฟิงเหมียนที่หลังจากช่วยกู้หน้าให้สาวงามแล้วกลับมานั่งที่เดิม กำลังจะยกชาขึ้นจิบต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาไม่ใคร่พอใจของสหาย “อันฉี หากเจ้าไม่พอใจข้าที่ลุกไปเก็บผ้าคลุมหน้าให้กับคุณหนูสวี่ เหตุใดเจ้าไม่ลุกไปเองเล่า” เพราะได้ยินมาจากน้องสาวว่าคุณหนูสวี่กับชินอ๋องซื่อจื่อมีใจให้กัน จึงคิดว่าสหายเกรงใจองค์รัชทายาทที่ก็มีใจให้คุณหนูสวี่จึงไม่กล้าแสดงออกมากนัก ตนเองก็เลยช่วยรักษามารยาทให้ “ข้ามาคิดดูแล้ว ใบหน้าของเจ้าควรมีรอยตำหนิสักสองสามรอยจริง” “อย่าได้คิดทำเช่นนั้นเชียว” “เช่นนั้นก็ไปทำให้ใบหน้าตนไม่น่ามองซะ” ดวงตาดำของโจวอันฉีฉายแววจริงจังจนสหายขนลุก “หากเจ้าไม่พอใจข้าเรื่องคุณหนูสวี่ เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอกอย่างไรนางก็ยังชื่นชอบเจ้า” “หุบปากซะ” “แค่กล่าวถึงก็ไม่ได้ เจ้ามันขี้หวงเกินไปแล้ว” ‘ต่อไปเป็นการแสดงความสามารถของคุณหนูเจิ้ง จากจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย’ “หากข้าจำไม่ผิดในรายชื่อคุณหนูที่จะขึ้นแสดงไม่มีชื่อของคุณหนูเจิ้งนี่” หลิ
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ จริงๆ ที่ข้าไม่กินอันใดเลยเพราะพี่ชายของข้ากำชับไว้ว่า บรรดาคุณหนูที่ชอบริษยาผู้อื่นมักจะใช้งานเลี้ยงเช่นนี้สร้างเรื่องอื้อฉาวให้ตนเอง หรือสร้างเรื่องเพื่อทำลายผู้อื่น ข้าควรระวังให้มาก” เพราะกลัวคุณหนูที่นั่งห่างออกไปจะได้ยิน จางชิงหนี่ว์จึงยื่นดวงหน้าหวานเข้าไปใกล้สหายแล้วกระซิบบอกเสียงเบาที่ข้างหู ใบหน้าหวานของคุณหนูเจิ้งเห่อร้อนกับความใกล้ชิดนี้ ความน่ารักสดใสของคุณหนูผู้นี้ทำให้ภาพลักษณ์เย่อหยิ่งของตนพังทลาย นางช่างเหมือนกระต่ายป่าขนปุกปุยที่ตนเคยเลี้ยงไว้เมื่อตอนเป็นเด็ก การได้รู้จักจางชิงหนี่ว์ในวันนี้ทำให้ความนิยมชมชอบของน่ารักที่เจิ้งเข่อชิงเคยลืมเลือนไปถูกรื้อฟื้น ที่ผ่านมาเพราะถูกฝึกฝนให้เป็นว่าที่ฮองเฮา นางจึงไม่อาจแสดงออกถึงความต้องการที่แท้จริงของตนได้ บัดนี้เมื่อตัดสินใจที่จะปล่อยมือนางจึงค้นพบความสุขอีกครั้ง ‘เหตุใดหนี่ว์เอ๋อร์ของข้าถึงได้น่ารักเช่นนี้’ อยากจะรั้งตัวเข้ามากอดสักครา แต่เกรงว่านางจะตื่นตกใจ “ข้าเข้าใจแล้ว แต่การที่เจ้าปล่อยท้องให้หิวเช่นนี้ก็ไม่ดีเท่าใดนัก อย่างไรลองกินขนมนี่ดีหรื
สตรีตัวน้อยที่กล่าวปฏิเสธข้อเสนอการหมั้นหมายกับชินอ๋องซื่อจื่อพร้อมทั้งปฏิเสธรางวัลทั้งหมดแลกกับราชโองการเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ส่วนพี่ชายก็ปฏิเสธรางวัลแลกกับการได้เป็นขุนนางช่วยเหลืองานในวังเพื่อจะได้เป็นเสาหลักให้น้องสาว ซึ่งสุดท้ายจางชิงเทียนก็สามารถพิสูจน์ตนเองถึงความสามารถและได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ให้ทำงานอยู่ข้างกาย นั่นเป็นครั้งเดียวที่องค์รัชทายาทเช่นเขาได้เจอสตรีผู้นั้น “เฟยหลง สตรีที่พูดคุยกับคู่หมายเจ้าเป็นคุณหนูจวนใดหรือ เหตุใดข้าไม่เคยเห็นหน้า” “ข้าไม่ทราบ” องค์รัชทายาทกล่าวพลางจ้องมองไปยังว่าที่คู่หมั้นซึ่งตนไม่ได้พึงใจกำลังนั่งพูดคุยกับสตรีที่มีดวงหน้างดงามน่ามอง ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ระบายเต็มดวงหน้าหวานของเจิ้งเข่อชิง รู้จักกันมาตั้งนานเขาเพิ่งเคยเห็นนางยิ้มเช่นนี้เป็นครั้งแรก... “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน อันฉีเจ้ารู้หรือไม่” “หึ” ชินอ๋องซื่อจื่อส่งเสียงสั้นๆ เพียงแค่นั้นก่อนจะยกชาขึ้นจิบ สายตาจับจ้องไปที่กลุ่มสตรีสามคนกำลังพูดคุยกัน ในงานจิบชาชมดอก
‘มิได้ ข้าไม่ควรสบตากับเขา แรงดึงดูดของพระเอกรุนแรงเกินไป ข้าอาจจะพลั้งเผลอเข้าไปในบทบาทเดิม’ “ชิงหนี่ว์ เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่” “ขออภัยเจ้าค่ะ นานๆ ทีข้าจะได้ออกมาร่วมงานเช่นนี้ ข้าจึงพลั้งเผลอมองบุรุษรูปงามนานเกินไปบ้าง” “ข้าชอบเจ้ายิ่ง เรามาเป็นสหายกันเถิด” หวังเยว่ฉิงคว้ามือน้อยมาจับไว้ด้วยความดีใจ สตรีตรงไปตรงมาไม่เสแสร้งในเมืองหลวงช่างหากได้ยากยิ่ง “ข้ายินดีเจ้าค่ะ ท่านล่ะเจ้าคะ อยากเป็นสหายของข้าด้วยหรือไม่” จางชิงหนี่ว์หันไปเอ่ยถามแล้วส่งยิ้มกว้างให้กับนางร้ายที่นั่งเงียบ “อะ...อืม” “เข่อชิงตอบรับแล้ว เช่นนั้นต่อจากนี้เราเป็นสหายกันแล้วนะ” หวังเยว่ฉิงกล่าวอย่างอารมณ์ดี พลางเอามือข้างหนึ่งของนางไปวางลงบนมือของเจิ้งเข่อชิงทำให้เจ้าตัวรีบก้มหน้าลงเพื่อซ่อนสีหน้า ‘เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้งดงามน่ามองเช่นนี้’ คุณหนูเจิ้งผู้เย่อหยิ่งไม่เข้าใจตนเองว่าเหตุใดถึงใจเต้นแรงยามเห็นรอยยิ้มของสหายคนใหม่ เมื่อปรับเปลี่ยนสีหน้าได้แล้วจึงเงยขึ้นมองคุณหนูจางก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างจริงใจ
2แรกพบสบตา ในที่สุดก็ถึงวันงานจิบชาชมดอกไม้ของจวนหลิวมีคุณหนูคุณชายมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้นำตระกูลหลิวเป็นถึงเสนาบดีฝ่ายขวาที่มีความสำคัญต่อราชสำนัก และเนื่องจากตระกูลหลิวได้แจ้งถึงจุดประสงค์การจัดงานชัดเจน สตรีวัยออกเรือนที่เข้าร่วมจึงพากันแต่งตัวงดงามอวดโฉมโดยหวังว่าจะมีบุรุษที่เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและชาติตระกูลหมายปองตน “เจ้าอย่ามัวเหม่อมอง ประเดี๋ยวจะพลัดหลงกับพี่” “เจ้าค่ะ” อีกไม่กี่เดือนนางก็จะปักปิ่นแล้ว พี่ใหญ่ก็เป็นห่วงนางเกินไป “เจ้าต้องระวังตัวให้ดี ในงานเลี้ยงเหล่านี้มักจะเกิดเรื่องไม่ดีงาม คุณหนูบางคนพลาดท่าเสียทีศัตรูจนต้องแต่งงานกับบุรุษที่ตนไม่พึงใจมานักต่อนัก&rdquo
“ปล่อยข้า” บุรุษสวมหน้ากากกล่าวแล้วพยายามดึงขาออกจากการเกาะกุม มือใหญ่สองข้างดึงรั้งตัวสตรีแปลกหน้าให้ออกห่าง “ข้าเพียงแค่เข้ามาวาดรูปบุรุษเพื่อเอาไปขายหาเงินเลี้ยงชีพเพียงเท่านั้น ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใดเลยนะเจ้าคะ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิดเจ้าค่ะ ท่านจะให้ข้าทำอันใดก็ได้ทั้งนั้นขอแค่อย่าได้เอาชีวิตข้าเลย” “ข้าบอกให้ปล่อยขาข้าอย่างไรเล่า” น้ำเสียงของบุรุษสวมหน้ากากเริ่มแสดงออกถึงโทสะ ก่อนที่เขาจะกระชากอย่างแรงทำให้สตรีผู้นั้นกระเด็นไปอีกทาง “โอ๊ย!” เจ็บชะมัด ใช่สิ! ข้ามันไม่ใช่โฉมสะคราญเหมือนนางเอกที่จะมีบุรุษมาพึงใจตั้งแต่แรกเห็น “เจ้า!&rdq
1เกือบไปแล้ว ผ่านมาเกือบเจ็ดปีแล้วที่พี่ชายผู้นี้ทำหน้าที่เป็นทั้งบิดาและมารดาให้นางเพราะตั้งแต่มารดาตาย บิดาจึงอาสาไปออกรบเกือบสามปีกว่าจะสิ้นลมในสนามรบ และก็เป็นเวลาสิบสี่ปีที่นางได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ซึ่งตามความเข้าใจของนางมันคือโลกนิยาย ทั้งยังเป็นหนึ่งในนิยายที่นางได้อ่านก่อนจะตายเพราะเดินข้ามทางม้าลายแล้วถูกรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ไร้จิตสำนึกชนล้มหัวกระแทกฟุตบาทตายอนาถ แม้จะงุนงงอยู่สักเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็ได้มาเกิดใหม่ในที่แห่งนี้ แต่ก็คิดเข้าข้างตนเองว่าคงเป็นเพราะก่อนตายเพียงสองวันนางได้บริจาคเงินหนึ่งร้อยหยวนให้กับวัดที่เดินผ่านทุกวัน ด้วยผลบุญนั้นจึงนำพาให้นางได้มาเกิดใหม่โดยไม่ต้องไปเดินเล่นในนรกก่อน ใช่แล้ว การมาที่โลกแห่งนี้ของนางไม่ได้ทะลุมิติหรือตายแล้วมาเข้าร่างผู้อื่นเช่นนางเอกนิยายที่เคยอ่าน แต่เป็นการที่นางตายจากแล้วเกิดใหม่โดยเริ่มตั้งแต่เป็นทารก ผ่านร้อนผ่านหนาวกว่าจะกลายเป็นแม่นางน้อยวัยใกล้ปักปิ่นผู้นี้ “พี่ใหญ่ข้าขอไปร่วมงานจิบชาชมดอกไม้ที่จวนหลิวมิได้หรือเจ้าคะ” จางชิงหนี่ว์ส่งสายตาออดอ้อนพี่ชาย “มิได้...
Komen