จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขาได้เด็กในบ้านเป็นภรรยา ความรักที่ต้องหลบซ่อนเอาไว้ภายใต้ความกดดันจะต้องแก้ไขกันอย่างไร
Lihat lebih banyakด้านของเรรันต์ หลังจากแอลกอฮอล์เข้าปากไปไม่รู้กี่แก้วต่อกี่แก้ว ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นตัวของตัวเอง มันรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก ความร้อนวูบวาบที่วิ่งพล่านไปทั่วร่างกายทำปฏิกริยาก่อให้เกิดเลือดฉูบฉีดเต็มไปหมด เธอไม่เคยรู้สึกสนุกขนาดนี้มาก่อน สนุกชนิดที่ว่าไม่ต้องคิดอะไรเลย จากที่เคยเต้นไม่เป็น กลับโยกย้ายส่ายสะเอวเสียจนหลุดโลก ทำผู้ชายที่เดินผ่านไปผ่านมา แม้แต่นั่งอยู่เหลียวหลังมองแต่เธอเป็นตาเดียวกัน ท่ามกลางแสงไฟสลัว บวกกับเสียงเพลงกระหึ่มสร้างความหึกเหิมให้กับคนเมาอย่างเธอเต็มที่ ยิ่งทำให้เบสภาคภูมิใจ ยิ้มกรุ่มกริ่มพร้อมคิด ไม่เสียแรงที่ได้เรรันต์มาเป็นแฟน เธอทั้งสวย ทั้งเซ็กซี่ ใครเห็นก็ต่างพากันอิจฉาตาร้อนเขา หากแต่ทว่า คงไม่ใช่คนนี้แน่นอน ที่มีความรู้สึกต่างกันลิบ เขายืนกอดอกดูอยู่ไกล ขมวดคิ้วชนกันเป็นปม จ้องเรรันต์ตาเขม็ง ไม่พอใจสุดๆที่เห็นน้องสาวนอกสายเลือดของตัวเองทำตัวแบบนี้ สวมชุดเว้าหน้าเว้าหลัง มือซ้ายถือแก้ว มือขวาคล้องแขนผู้ชาย ซึ่งในสายตาคนอื่นอาจจะมองดูดี หรือคิดแบบไหนเขาไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับเขา..มันไม่ใช่เลย ตัดสินใจเดิน
แกร็ก... เสียงหมุนลูกบิดที่ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับคนเปิด ทำเรรันต์ซึ่งนอนกลิ้งอยู่บนเตียงในทีแรกถึงกับหน้าเหวอ อ้าปากค้าง ทำตัวไม่ถูก คิมหันต์ผุดเข้ามาเลิกคิ้วขึ้น เสมือนถาม เธอเป็นอะไรไป? ทำไมถึงไม่ลงไปทานข้าวพร้อมกับคนอื่นข้างล่าง ทว่า.เรรันต์กลับหลุบตาลง ทำเป็นไม่สนใจ เอนหลังพิงพนักเตียง จรดนิ้วเรียวพิมพ์งานต่อ “เฮ้อ” นั่นทำคิมหันต์ถึงกับผ่อนลมหายใจระงม ระบายความอาการไม่พอใจออกมา วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ เดินไปยืนเท้าสะเอวข้างๆ “ไม่สบายเหรอคะ” ถามเสียงเรียบด้วยความเป็นห่วง ในขณะคนถูกถามยังไม่ตอบ “หรือไม่หิว?” เหมือนเดิม เธอแสร้งเงียบ ทำอย่างกับเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีตัวตน... “มีเรียนรึเปล่า” นั่นเลยทำให้คนถามขัดใจหนัก ถึงกับโน้มตัวลงไปกระชากแขนเธออย่างแรง เพื่อให้เธอหันมาสนใจ “เรรันต์ ไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ!” “หนูไม่ว่างคุย ไม่เห็นเหรอว่ารีบทำรายงานอยู่น่ะ เดี๋ยวก็ส่งอาจารย์ไม่ทันหรอก” ประโยคหลังเธอแค่พึมพำกับตัวเอง ในขณะดวงตายังคงจ้องมองจอคอมอยู่อย่างนั้น นั่นเลยทำให้คิมหันต์รู้เลยทันที ว่าเธอต้
..เกือบจะเที่ยงคืน... หลังจากเรรันต์หลับไปแล้ว เธอกลับต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาใหม่ เพราะเสียงเห่ากรรโชกของลัคกี้ หมาพันธุ์ไซบิเรียนจอมขี้บ่นที่เพิ่งได้เป็นของขวัญมา มันเอาแต่ร้องฮิ่งๆและกระดิกหาง ทำเรรันต์เริ่มรำคาญ ผุดลุกจากท่านอนเป็นท่านั่ง ขยี้หน้าขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด "เห่าทำไมลัคกี้ หนูกำลังทำพี่นอนไม่หลับอยู่นะ" เธอบ่นอุบ ก่อนจะผละลงจากเตียงไปหาสาเหตุ เผลอมองลงต่ำ เห็นช่องลมหลังบานประตูมีแสงไฟ "ชู่ว..ลัคกี้ เงียบนะ" ทันทีที่รู้ว่าบางอย่างอยู่ข้างนอก เธอก็ชี้หน้าหมาพลางกระซิบ ย่อตัวไปจับมันขึ้นมาอุ้ม ก่อนค่อยๆย่องไปที่ประตู "เที่ยงคืนแล้ว ใครมาเปิดไฟทางเดิน " พึมพำ พลางยื่นมือไปหมุนลูกบิดแง้มมันออก ความกว้างแค่ตาข้างเดียวมองเห็น ก่อนกะพริบถี่เตรียมเพ่ง ทว่า..ต้องเบิกตากว้างกว่าเดิม เมื่อเพ่งไปเห็นภาพอันไม่สมควร คิมหันต์ในท่ายืนหันหลังคุยกับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งไม่ใช่คนในครอบครัวนี้ ทว่ากลับได้ยินแค่เสียงไม่เห็นหน้าที่ชัดเจนของหล่อน เพราะแผ่นหลังเขาบดบัง
" พี่คิม!!! " จนแผ่นหลังชายหนุ่มถึงติดพนัก ก่อนเขาจะอมยิ้มกว้างต่อความบ๊องของเธอ แต่ไม่คิดจะดันออก ปล่อยให้เรรันต์กอดอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง... " โตขึ้นเยอะเลยนะเรา.." "............" " ตัวหนักชะมัด" " อุ๊ย..ขอโทษค่ะ " คนถูกกอดเขินอายเพิ่งนึกขึ้นได้ ผละตัวออกเปลี่ยนเป็นท่าคุกเข่าพลางยิ้มเขิน หลุบตาลงนิ่ง ในขณะที่เขามองเธอไม่วางตา ก่อนจะยื่นเรียวนิ้วมาเชยคาง แล้วยิ้มกว้างซะจนตาหยี หญิงสาวจึงแก้เขิน แสร้งหันเบือนหน้า ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงรวดเร็ว " เอ่อ.. พี่คิมมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ หนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย " เธอถามเสียงตะกุกตะกัก พลางเบิกตาโต เมื่อคิมหันต์ลุกขึ้นยืนบ้าง ว้าว... ดูดีจัง.... ผู้ชายตรงหน้าไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาสูงขึ้น ขาวขึ้น และที่สำคัญเป็นหนุ่มขึ้น ภายใต้เสื้อหนังแบรนด์เนมตัวนั้นเผยให้ดูออกว่ามันต้องซ่อนเร้นแผงอกที่ผ่าเผย กับก้อนเนื้อเป็นมัดๆไว้ข้างในแค่ไหน... " เพิ่งจะถึงนี่แหละ" ก่อนจะสลัดความคิดนั่นออกแทบไม่ทัน เมื่ออยู่ๆ คิมหันต์ขมวดคิ้วถาม " หืม...เป็
หลักจากเบสโพล่งประโยคขอคบหากับเรรันต์ออกมา แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว นอกจากมีปากกาที่หลุดจากง่ามนิ้วทั้งห้าแล้ว ยังมีปากที่อ้ากว้างค้างของเธอด้วยเธอถึงกับไปต่อไม่ถูกได้แต่นั่งอ้ำอึ้งอยู่อีกฝั่งของคนพูด เบสปั้นหน้าขอความเห็นใจสุดๆ เรียกคะแนนน่าสงสาร จากสายตาละห้อยนั้นของเขา เพราะไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธจากเธอเลย ในขณะหญิงสาวเหมือนจะใบ้กินไปแล้ว เธอเอาแต่หลบตา จนกระทั่งนานเกินไป ทำให้คนใจร้อนอย่างเบสทนรอไม่ไหว ต้องยื่นนิ้วชี้ตัวเองเข้าไปเกี่ยวนิ้วก้อยของเธอขึ้นมาเขย่า " นะ รันต์นะ เบสชอบรันต์จริงๆ อย่าใจร้ายกับเบสเลย " " แต่ว่า .." " นะ ให้โอกาสเบสเถอะนะ " " คือ.." " นะ... " เบสขัดคอเธอทุกทาง ดักทางเธอซะตันแบบนี้ ทำเอาสาวน้อยตาหวานถึงกับช่างใจ ตอนนี้เบสไม่ต่างกับเด็กน้อยขี้อ้อนร้องขอขนมเลย เธอมองหน้าเขาพร้อมครุ่นคิด สักพักนัยย์ต่ก็เกิดประกายขึ้นมา เสมือนนึกอะไรบางอย่างออก ...บางทีเบสอาจจะช่วยให้เธอลืมความรู้สึกดีๆที่มีต่อคิมหันต์ก็ได้ ... ก่อนเม้มปากแน่น
ตกดึกที่มันดึกจริงๆ เพราะทวีปตรงข้ามประเทศไทยที่เธออยู่ มันคือกลางวัน เรรันต์นอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่กลางฟูกเริ่มจะเคลิ้มหลับ แต่แล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขัดเธอให้ตาสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ....หน้าจอเผยชื่อคนเดียวกันกับที่เธอรอคอย ( เฮ้ ..) เสียงปลายสายดูสดชื่น ในขณะที่เรรันต์เริ่มหงอยเต็มที ผุดขึ้นเปลี่ยนจากท่านอนมาเป็นท่านั่ง ก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป “พี่คิม..” ( ไหงเสียงเป็นงั้นล่ะคะ หนูง่วงเหรอ ) “ง่วงสิ ก็พี่เล่นโทรมาซะป่านนี้ นี่มันดึกแล้วนะคะ” เธอบอกทำหน้าบู้บี้ใส่โทรศัพท์ ถึงปลายสายจะไม่เห็น แต่น้ำเสียงแบบนี้ก็พอจะเดาออก คิมหันต์จึงเป็นฝ่ายรู้สึกผิดเต็มๆ ( เฮ้อ...ก็คนมันยุ่งนี่นา ) “อ้างๆๆ พี่คิมติดสาวหนึบแหง” ( เฮ้ย! ใช่ที่ไหน แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา ) “ไม่ได้แก่แดดค่ะ มันเรื่องจริงใช่มั้ย?” ( อย่ามาทำเป็นรู้ดี ติดสงติดสาวที่ไหนกันเล่า ชีวิตมีแต่เรียนกับเรียนเบื่อจะตายอยู่แล้วเนี่ย เมื่อไหร่จะได้กลับไทยสักที )
ถึงกำหนดที่คิมหันต์จะต้องเดินทาง คราวนี้คนงอแงที่สุดไม่อยากจะให้ไปคงหนีไม่พ้น..เรรันต์ เด็กน้อยผู้มีดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์ เธอคือลูกสาวของเพื่อนคุณนายอารีย์ ที่ป่วยเป็นโรคร้ายตายไปเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนหล่อนยังสาว สมัยเรียนกับแม่ของเรรันต์ที่สนิทกันมาก พักด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน กลายเป็นข่าวลือราวกับพวกเขานั้นเป็นเลสเบี้ยนกัน จะเรียกตัวติดกันเลยก็ว่าได้ มีปัญหาอะไรต่างคนต่างช่วยเหลือกันมาตลอด แบ่งปันยามที่ไม่มี แม้กระทั่งบางครั้งคุณนายอารีย์ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ก็มีแม่ของเรรันต์นี่แหละ ที่คอยอยู่ช่วยเหลืออยู่เสมอ มาวันนี้ ถึงเวลาที่เพื่อนจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ทิ้งลูกสาววัยสองขวบไว้หนึ่งคน มีหรือหล่อนจะช่วยเพื่อนไม่ได้ เป็นธุระรับเรรันต์เป็นลูกบุณธรรมสืบมา แต่กระนั้นคนทั้งตระกูลต่างรู้แก่ใจดี คุณนายอารีย์มีลูกชายสามคน คนเล็กโตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงขนาดนั้น แถมสามีด่วนมาตายจากตั้งแต่ลูกยังเล็ก เอาเวลาไหนไปตั้งท้องเด็กวัยนั้นมาได้เล่า ทว่า...พวกเขาแค่ไม่พูดถึง และสัญชาตญาณของเรรันต์เองก็พอจะรู้ ตัวสาวเจ้าแท้จริงคือลูกของใคร
“อ่าว เรรันต์” ร่างสูงถึงกับถอดสีหน้า “หนูมาทำอะไรที่นี่คะ” เธอไม่ตอบ แต่กลับชะโงกหน้าผ่านวงแขนล่ำปราศจากเสื้อผ้า ใช้สายตาสอดส่องไปทั่ว ก่อนจะสะดุดตรงโซฟา ที่มีมือบางข้างหนึ่งตกลงมา พลางช้อนตาพูด “นายแม่ไม่พอใจใหญ่เลย ที่พี่คิมพาเพื่อนมานอนที่นี่อีกแล้ว มันไม่ดีเลยนะคะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ชะงักงันก่อนโน้มตัวลงมา ใช้มือข้างหนึ่งค้ำหัวเธอไว้ ส่วนอีกข้างเกาท้ายทอยแกรกๆ พลางแค่นหัวเราะ “จริงๆแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของเด็กเลยนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไหนๆหนูอุตส่าห์มาตามแล้ว พี่คิมไปร่วมงานด้วยก็ได้” “...” “เรรันต์ลงไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่คิมตามไป” “ได้ค่ะ” จบประโยคนั้น เธอหมุนตัวเดินไปอย่างว่าง่ายทันที ด้วยแววตาที่แป๋วเสียจนน่าทะนุถนอม และเพราะตรงนี้ละมั้ง ที่ทำคิมหันต์เอ็ดเธอไม่ลง ถึงจะไม่พอใจอยู่บ้างในบางที แต่ทว่า..เขาก็ไม่เคยถือสาเธอสักครั้ง “ฮึ” สิบนาทีผ่านไป อย่าว่าแต่คุณนายอารีย์ที่หันไปมองแล้วขมวดคิ้วเลย แขกในงานคงไม่ต่างกัน ซ
ซอด..แซด... ซอด..ซอด... เสียงโทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้ไร้ช่องสัญญาณ บ่งบอกให้รู้ว่าคนเปิดดูไม่รู้หลบอยู่ที่ไหน หลงเหลือแต่เพียงห้องหรูกว้างรสนิยมดีเท่านั้น ดวงตากลมโตเสมือนปลานิลกวาดมองไปทั่ว ก่อนจะหยุดอยู่ตรงประตูอีกบานที่ข้างในใช้เป็นห้องนอน แง้มจนแสงไฟข้างในเล็ดลอดออกมา “ดีจัง พี่คิมยังไม่นอน” เธอฉีกยิ้มกว้างเสียจนแก้มทั้งสองขึ้นรอยบุ๋ม กำชับตุ๊กตาตัวโปรดที่อุ้มมาด้วยไว้แน่น พลางเดินช้าเข้าไปข้างในหวังจะให้เจ้าของห้องเล่านิทานให้เธอฟัง แอด... ทว่าหลังบานประตูเปิดออก เธอกลับเห็นสิ่งนี้ที่ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งแทน “เฮ้ย!” เพราะในจังหวะนั้นชายหนุ่มที่ว่า กำลังขัดจรวดของตัวเองอยู่ เขาถึงกับตกใจ ทันทีที่หันมาเห็นเด็กน้อยวัยสิบขวบยืนตาแป๋วมองเขาอยู่ คนๆนั้นก็คือคนเดียวกันกับที่เธออยากให้เล่านิทานนั่นแหละ! “เรรันต์ ดึกดื่นป่านนี้ เข้ามาทำไมครับ!” เขาเผลอเสียงเข้มใส่ พลางดึงผ้านวมมาปิดท่อนล่าง ในขณะเด็กน้อยตรงหน้า ไม่ได้รู้สึกรู้สาหรือตกใจอะไร เธอกลับยืนหน้านิ่งไร้ความรู้สึก ก่อนจะ
ซอด..แซด... ซอด..ซอด... เสียงโทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้ไร้ช่องสัญญาณ บ่งบอกให้รู้ว่าคนเปิดดูไม่รู้หลบอยู่ที่ไหน หลงเหลือแต่เพียงห้องหรูกว้างรสนิยมดีเท่านั้น ดวงตากลมโตเสมือนปลานิลกวาดมองไปทั่ว ก่อนจะหยุดอยู่ตรงประตูอีกบานที่ข้างในใช้เป็นห้องนอน แง้มจนแสงไฟข้างในเล็ดลอดออกมา “ดีจัง พี่คิมยังไม่นอน” เธอฉีกยิ้มกว้างเสียจนแก้มทั้งสองขึ้นรอยบุ๋ม กำชับตุ๊กตาตัวโปรดที่อุ้มมาด้วยไว้แน่น พลางเดินช้าเข้าไปข้างในหวังจะให้เจ้าของห้องเล่านิทานให้เธอฟัง แอด... ทว่าหลังบานประตูเปิดออก เธอกลับเห็นสิ่งนี้ที่ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งแทน “เฮ้ย!” เพราะในจังหวะนั้นชายหนุ่มที่ว่า กำลังขัดจรวดของตัวเองอยู่ เขาถึงกับตกใจ ทันทีที่หันมาเห็นเด็กน้อยวัยสิบขวบยืนตาแป๋วมองเขาอยู่ คนๆนั้นก็คือคนเดียวกันกับที่เธออยากให้เล่านิทานนั่นแหละ! “เรรันต์ ดึกดื่นป่านนี้ เข้ามาทำไมครับ!” เขาเผลอเสียงเข้มใส่ พลางดึงผ้านวมมาปิดท่อนล่าง ในขณะเด็กน้อยตรงหน้า ไม่ได้รู้สึกรู้สาหรือตกใจอะไร เธอกลับยืนหน้านิ่งไร้ความรู้สึก ก่อนจะ...
Komen