ด้านของเรรันต์ หลังจากแอลกอฮอล์เข้าปากไปไม่รู้กี่แก้วต่อกี่แก้ว ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นตัวของตัวเอง มันรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก ความร้อนวูบวาบที่วิ่งพล่านไปทั่วร่างกายทำปฏิกริยาก่อให้เกิดเลือดฉูบฉีดเต็มไปหมด เธอไม่เคยรู้สึกสนุกขนาดนี้มาก่อน สนุกชนิดที่ว่าไม่ต้องคิดอะไรเลย จากที่เคยเต้นไม่เป็น กลับโยกย้ายส่ายสะเอวเสียจนหลุดโลก ทำผู้ชายที่เดินผ่านไปผ่านมา แม้แต่นั่งอยู่เหลียวหลังมองแต่เธอเป็นตาเดียวกัน ท่ามกลางแสงไฟสลัว บวกกับเสียงเพลงกระหึ่มสร้างความหึกเหิมให้กับคนเมาอย่างเธอเต็มที่ ยิ่งทำให้เบสภาคภูมิใจ ยิ้มกรุ่มกริ่มพร้อมคิด ไม่เสียแรงที่ได้เรรันต์มาเป็นแฟน เธอทั้งสวย ทั้งเซ็กซี่ ใครเห็นก็ต่างพากันอิจฉาตาร้อนเขา หากแต่ทว่า คงไม่ใช่คนนี้แน่นอน ที่มีความรู้สึกต่างกันลิบ เขายืนกอดอกดูอยู่ไกล ขมวดคิ้วชนกันเป็นปม จ้องเรรันต์ตาเขม็ง ไม่พอใจสุดๆที่เห็นน้องสาวนอกสายเลือดของตัวเองทำตัวแบบนี้ สวมชุดเว้าหน้าเว้าหลัง มือซ้ายถือแก้ว มือขวาคล้องแขนผู้ชาย ซึ่งในสายตาคนอื่นอาจจะมองดูดี หรือคิดแบบไหนเขาไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับเขา..มันไม่ใช่เลย ตัดสินใจเดิน
ถ้าในตอนนี้จะให้คิมหันต์บอกใครต่อใครว่าเขาไม่มีความรู้สึกเลย มันคงจะกลายเป็นเรื่องที่โกหกมหันต์ และเหมือนจะมากด้วย อะไรเหรอที่มันทำให้พี่ชายแสนดีมองผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงน้องสาวมาตลอดแล้วใจแตกได้ ถ้ามันไม่ใช่สิ่งนี้ ที่หากให้พูดแบบตรงๆ ไม่มีงอแล้วล่ะก็ .. ...องค์ประกอบของผู้หญิงที่เรรันต์มีไม่แพ้หญิงไทยในโลกเลย... ก่อนจะรีบสลัดมันออกโดยเร็ว เมื่อเห็นว่าคนนอนอยู่กำลังขยับตัวเพื่อเปลี่ยนท่านอน ลืมตาขึ้นมากะพริบมองเขาปริบๆ ในจังหวะที่เขาทำท่าจะปลีกตัวหนีแล้ว แต่เธอกลับยื้อไว้ “เดี๋ยวค่ะ พี่คิม...” ด้วยน้ำเสียงที่เบี่ยงไปทางสั่นกระเซ่านิดๆ แถมตาเยิ้มซะจนเขาอดก้มลงไปมองไม่ไหว “งานเข้าแล้วไง คิม มึง” “อย่า เพิ่ง ปาย...” “เมาก็นอนซะรันต์” แต่นั่นก็ต้องเก็บอาการไว้ ยื่นมือไปลูบหัวเธออย่างเอ็นดู บอกเป็นนัยๆให้เธอรู้ว่าเขากำลังจะไปจากห้องนี้แล้ว ทว่าเหมือนเธอจะไม่ฟัง เปลี่ยนจากการขยุ้มเพียงชายเสื้อ มาจับหมับตรงท่อนแขน ยื้อรั้งเขาไว้ให้แข็งแรงกว่าเก่า “อยู่กับหนูก่อนไม่ได้เหรอคะ แปปเดียวเอง
รุ่งสางไม่ทันตะวันจะขึ้น คิมหันต์สะดุ้งตื่น ในขณะอ้อมแขนยังคงกอดเรรันต์อยู่ ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม ก่อนจะดันตัวเธอออกห่างเบาๆ ระวังอย่างมากที่จะไม่ให้เธอตื่น ...ไม่ใช่เขาไม่สนใจ ไม่ใช่ว่าจะหนีปัญหา... ...เขารู้ตัวดี เขาทำอะไรลงไป เพียงแต่ตอนนี้ด้วยสถานะ จึงไม่สามารถนอนกกเธอได้ เขาเลือกที่จะกลับห้องของตัวเองก่อนสว่าง นอกจากไม่อยากใหัใครมาเห็นแล้ว วันนี้เป็นวันทำงานของเขาวันแรกด้วย เนื่องจากตำแหน่งใหม่ในบริษัทตระกูลจรัญทิพย์คนถูกเลือกหนึ่งในนั้นคือคิมหันต์ ความจำเป็นมันจึงสูงลิ่ว มองหน้าเรรันต์ที่หลับสนิทอยู่พักใหญ่ ประทับริมฝีปากบนหน้าผากมน แล้วจึงจะปลีกตัวออกมา ใช้ท่าทางไม่ต่างกันเลยกับคนแอบได้แอบเสียกันเอง ใช่ เขาย่อง และเธอก็รู้ แอด... ซึ่งในขณะที่คนตัวสูงกำลังเดินย่องออกไป จนกระทั่งบานประตูปิดลงแล้วนั้น หลังบานประตูเขาจะไม่เห็นเลย ว่ามีผู้หญิงคนนึงนอนกอดตัวเองร้องไห้อยู่ เธอบีบผ้านวมที่ห่มร่างเปลือยแน่น ปล่อยน้ำตาไหลเปื้อนหมอน ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งผิดหวังตัวเอง ทั้งจุก ทั้งเสียด ไปพร้อ
ตรงโต๊ะอาหาร ในสถานะหนึ่งของครอบครัว กับความรู้สึกของเรรันต์ที่ไม่ได้เต็มใจอยากจะมา ซ้ำเหมือนเธอขนความอึดอัดมาเต็มที่ด้วยนั้น ทำอกเธอเริ่มสั่นคลอน เรรันต์จุก ก้มหน้าก้มตากินข้าวแต่กลับกลืนแทบไม่ลง ลำคอเธอตีบจนเกินไป อย่าว่าแต่สบตา แค่จะปริปากพูดยังลำบากเลย ยิ่งผู้หญิงคนนี้มาด้วยกันกับเขาแล้ว ยิ่งตอกย้ำสถานะตัวเธอเอง ในขณะที่ตัวจริงอย่างแพรววาพยายามทำหน้าที่ของแฟนที่ดี ตักอาหารให้กันบ้างไม่ก็ป้อนเข้าปาก คิมหันต์ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง ให้ความสำคัญโดยการยิ้มรับตลอด นั่นก็ยิ่งทำเรรันต์ใจหาย บอกเป็นนัยๆให้รู้ว่า ไม่มีวิธีใดที่ดีพอจะทำให้เรื่องนี้มันจบหรอก นอกจาก.. ลืม ลืมมันซะ ลืมมันให้หมด! ข่มใจไม่ให้เงยขึ้นไปมอง แล้วก็สั่งใจตัวเองว่า..นี่น่ะพี่ชายเธอนะ พี่ชายก็คือพี่ชาย ถึงแม้สายตาที่มองเธออยู่ตอนนี้ จะไม่ใช่ก็เถอะ “อ้าว น้องรันต์อิ่มแล้วเหรอคะ” เสียงคนที่ทำให้เธอหมั่นไส้ที่สุดในตอนนี้ถาม ในขณะเธออุตส่าห์กินเงียบๆ และกำลังจะลุกไปเงียบๆแล้ว กลับมาชะงักไว้ เรรันต์หันไปมองคิมหันต์แว้บนึง
เรรันต์ยืนนิ่งอยู่อึดใจนึง ในขณะสายละห้อยจ้องมองไปทางอื่นเหมือนนึกคิด ก่อนจะช้อนตากลับขึ้นไป ทั้งๆที่ข้างในเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาซื่งคลอเต็มเบ้า ไร้ปัญญาจะต้านได้ “รับผิดชอบ? รับผิดชอบยังไงคะ พี่จะยอมเลิกกับพี่แพรว แล้วไปบอกแม่น่ะเหรอ” ...เงียบ... เงียบกริบ ทุกอย่างนิ่งสงบ เสมือนถูกปิดสวิตส์ เหลือแต่เพียงเสียงหัวใจเท่านั้น ที่มันเต้นแรงของเรรันต์ ที่มันทั้งเจ็บทั้งจุก เพราะไร้ซึ่งรู้คำตอบที่ชัดเจน “กล้าไหมละคะ” เธอย้ำถามทั้งน้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม เก็บต่อไปคงไม่ไหวแล้ว และไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว “ฮึก ถ้าไม่กล้า ก็อย่ามายุ่งกับหนู” “รันต์..” “ไม่ต้องมาสนใจด้วย ว่าหนูจะเป็นยังไง” บอกพร้อมดันตัวเขาออก ในจังหวะที่เขาพยายามจะเข้ามาจับแขนเธอใหม่ “รันต์ เดี๋ยวสิ ฟังพี่ก่อน” “ไม่ฟังแล้ว ฟังไปมันก็ยิ่งทำให้หนูรู้สึกแย่ การที่พี่มายืนช่างใจอยู่แบบนี้ ทำเหมือนเสียดายพี่แพรว ถ้าจะต้องสูญเสีย ถ้าจะต้องเลิก มันทำหนูเจ็บ พี่รู้ไหม..”
..มหาลัย... สิ้นวันหยุด เหมือนสิ้นใจ เรรันต์หมดความร่าเริงนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น หมดแล้วรอยยิ้มบุ๋ม ที่ใครเห็นเป็นต้องมอง ยิ้มครั้งนึงเหมือนโลกน่าอยู่ไปค่อนใบ ถึงเธอไม่ได้ร้องไห้ แต่ก็เหมือนไร้ความรู้สึกอยู่ดี ปลีกตัวนั่งนิ่งคนเดียวตลอดทั้งวัน จนกระทั่งหมดคาบเรียน ถึงเวลากลับบ้าน ทว่า..เธอยังคงอยู่ ติ้ด ติ้ด ติ้ด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเรรันต์สะดุ้งโหยง ละสายตาจากตำราเรียนที่เผลอถือติดมือมานั่งจ้อง หวังกลบเกลื่อนสีหน้าใกล้ตายของตัวเอง หันมามองจอ ก่อนกดรับ (รันต์) คำแรกที่ได้ยินทำเธอถอนหายใจ กรอกเสียงเหนื่อยลงไป แม้แต่ปลายสายยังรู้ (อยู่ไหนครับ) “ห้องสมุดน่ะเบส จะมาเหรอ มาสิ” (ได้ครับ เดี๋ยวไป) อันที่จริง เขาแค่จะชวนเธอไปทานข้าวด้วยเท่านั้น แต่พอเธอตอบกลับมาเพียงสั้นๆแค่นี้ เขาก็ไปต่อไม่ถูก เลี่ยงไปหาถึงที่ไม่ได้ ทั้งที่ระยะทางที่เขายืนกับห้องสมุดมันห่างกันเป็นกิโล อีกทั้งรถยน
' อ้าวคิม นั่นคุณจะไปไหนน่ะ ' เสียงแหลมปรี๊ดแฝงความจริตในร่างเรียบร้อยร้องเรียก คิมหันต์ไม่ได้สนใจเสียงนั้น แต่กลับเลือกเดินเร็วไปหาผู้หญิงอีกคนแทน เพียงเพราะชายหนุ่มเกิดทนไม่ได้ขึ้นมา กับภาพกระหนุงกระหนิงออเซาะกันให้เห็นซึ่งๆหน้า จนรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นกำลังถูกหยามศักดิ์ศรี กระทั่งคว้าแขนเธอได้สำเร็จจึงจะหยุดเดิน พร้อมกับเสียงถามดังลั่น " รันต์ เลิกเรียนแล้วทำไมไม่กลับบ้าน! " " อ๊ะ.." นั่นถึงกับทำให้เรรันต์ตกใจ ก่อนจะถูกบังคับให้หันมาเผชิญหน้าด้วยแรงกระชากของเขา "ชักเหลวไหลขึ้นทุกวันแล้วนะ" "พี่คิม..." วินาทีแรกที่ได้ยินประโยคนี้ เธอเองก็อึ้ง ที่เขากล้าแหกหน้าเธอต่อหน้าประชาชนในสถานที่สาธารณะ พลางมองซ้ายมองขวา ก่อนจะหันกลับมาขมวดคิ้วมอง แสดงอาการไม่พอใจออกมาให้เขาเห็น "แล้วพี่คิม มายุ่งอะไรด้วย" กัดฟันถาม ตอกกลับเช่นกัน อย่างไม่มีความเกรงกลัว ทำคิมหันต์ถึงกับทึ่ง แต่เลือกที่จะยืนนิ่ง มองดูเธอละสายตาจากเขา มองข้ามไปยังแพร
หลังจากมั่นใจว่าสิ่งที่ได้ยินจากปากคิมหันต์หูเธอไม่ได้ฝาด เธอหย่อนคิ้วเสมือนใช้ความคิด พลางใช้กำลังทั้งหมดที่มีผลักอกเขาออกไปตอนเผลอทันที "ปล่อยหนู! " จนกระทั่งเธอหลุดออกจากพันธนาการนั้นสำเร็จ ยืนมองหน้าคนที่นอนหงายอยู่บนเตียงอย่างไม่เข้าใจ ก่อนตั้งคำถาม "เลิกกับพี่แพรว เลิกทำไมคะ " มันคือคำถามที่เธออาจจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ทว่า..แค่เธออยากได้ยินจากปากคิมหันต์ซ้ำก็เท่านั้น เขายันตัวเองจากท่านอนเป็นท่านั่ง พลางแค่นหัวเราะ "ก็...มารักกับรันต์ไง" และตอบหน้าตาเฉย "มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ กับการทิ้งคนทั้งคนที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด " เรรันต์เลิกคิ้วถาม แววตาผิดหวัง ทว่าเขากลับยิ้มกว้างยียวน "สำหรับคนอื่นพี่ไม่รู้ แต่สำหรับพี่มันง่าย พี่เลิกก็คือ...เลิก " "พี่คิม...พี่นี่เลวมากเลยนะ" หญิงสาวกัดฟันสบถ คนตรงข้ามหุบยิ้ม พลางขมวดคิ้วทันที "นี่รันต์ด่าพี่เหรอ " เค้นถามเสียงต่ำ จนเรรันต์กระพริบตาปริบ เสมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนแสร้งทำใจดีสู้เสือ สบตาเขา "ใช่ค่ะ
“ นี่ ปล่อยหนูลงเดี๋ยวนี้นะ! “ “ ....” “ ปล่อย...” “ อึม! “ “ โอ้ย เจ็บนะ “ “ จะดิ้นทำไม ไม่เข้าใจ “ “ ก็คนมันเวียนหัวจะอ้วกนี่คะ “ “ มันอั้นไม่ได้เลยรึไง “ “ อะไรนะ “ “ ไอ้อาการนั่นน่ะ เก็บไว้ไม่ได้เลยเรอะ มันเสี่ยงนายแม่จับได้นะรู้ไหม “ “ พี่คิม ..” เรรันต์เบิกตาโต “ แพ้ท้องนะคะพี่ ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ ถึงจะสั่งมันได้! ” “ ....” “ คนเห็นแก่ตัว “ เรรันต์ถึงกับขมวดคิ้วน้ำตาคลอเบ้า ช้อนตามองไม่กระพริบ หลังจากคิมหันต์พาเดินโทงๆ อุ้มเธอมาทุ่มไว้บนที่นอนของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นความน้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้นมาฉับพลันทันที เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูด เธอปาดน้ำตาตัวเองออก ก่อนไต่จากที่นอนลงมายืนหวังจะเดินกลับห้อง ทว่า..กลับถูกคั่นไว้ด้วยแขนกำยำ พร้อมลมปากมากระซิบ “ เดี๋ยว..คุยกันก่อน “ “ อย่ามายุ่งนะ หนูไม่อยากอยู่ใกล้พี่แล้ว อยากจะนอน เหม็นขี้หน้า “ เรรันต์สะบัดแขน “ นอนที่นี่ก็ได้ “ คิมหันต
หลายวันผ่านมา ไม่มีใครบอกเรื่องที่เบสทะเลาะกับคิมหันต์ตรงลานจอดรถ เปล่ามีเรื่องเพล่งพรายออกไปถึงหูคุณนายอารีย์ หรือใครอื่นให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แม้แต่เรรันต์เองก็ไม่อาจจะรู้ได้ นั่นเพราะเธอหนีปัญหาโดยการไม่รับสายเบสซะดื้อๆ แถมยังหลบหน้าอีกต่างหาก เพียงเหตุผลแค่ว่า เบสทำเธอตกใจในวันนั้น...เท่านั้น "รันต์...” “ หื้ม “ เสียงแอม เพื่อนอีกคนของเธอสะกิดเรียก เรรันต์ที่กำลังเหม่อลอยถึงกับสะดุ้งตื่นจากภวังค์ หันไปขานรับ ในขณะที่สีหน้าเธอจืดชืดไม่ต่างกับผีดิบ “ เป็นอะไรรึเปล่า เราเรียกตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นจะได้ยิน “ “ เรียกหลายครั้งแล้วเหรอ “ “ อืม ใช่ “ “ โทษทีนะ เราไม่ค่อยสบายน่ะ “ เธอบอก เสียงแหบ แอมถึงกับขมวดคิ้วสงสัย “ หมู่นี้รันต์ไม่ไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแล้วเหรอ ปกติเราเห็นหลังเลิกเรียนรันต์จะอยู่แต่ที่นั่น “ ซึ่งคำถามนี้แหละ ที่ทำเธอหลบตาก้มหน้าสลด นึกถึงวันวานแล้วถอนหายใจ “ เฮ้อ...ไม่ค่อยมีเวลา “ “ จริงเหรอ ไม่ใช่เรื่องเบสหรอกนะ ใช่มั้ย? “
" เบส...คือรันต์ ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยนะ แต่..." เสียงที่เปล่งออกมามีแค่นั้น ก่อนจะกลืนกลับไปของเรรันต์ ทำให้เบสพอจะรู้แล้วว่า เธอหมดใจแล้วจริงๆ ไม่ใช่สิ..ไม่เคยมีใจให้เขาเลยต่างหาก ที่ผ่านมาเขาหลอกตัวเองทั้งนั้น สำคัญไปมากกว่านั้น ระยะเวลาการรอคอยของเขา ต่อให้อดทนเนิ่นนานแค่ไหน สุดท้าย ..เธอก็ไม่มีวันหันมารักเขา ในเมื่อเธอมีคนอื่นอยู่ในใจอยู่ก่อน มันจะต่างอะไร กับการรักข้างเดียว ความเจ็บปวดที่ก่อตัวอยู่ภายในใจของเบส มันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ นั่นเพราะว่ามันมีมากเกินคำบรรยาย.. เขากลัวเจ็บ... เจ็บในชนิดที่ว่า ไม่ขอเสียเธอไปได้ไหม เขายอมโง่ก็ได้ “ เบสขอมากไปเหรอ ถ้าจะขอให้รันต์... “ " อย่าเลยเบส รันต์รู้ว่าการกระทำของรันต์นั้นมันเห็นแก่ตัว ไม่ยุติธรรมกับเบส แต่อย่าเลยนะ...เราไม่อยากเป็นคนสองใจอ่ะ " “ ใช่ ... เบสลืมไป รันต์คงไม่อยากคบซ้อน หรือนอกใจเขา “ " ..... " " เบส เข้าใจ" ความข่มขื่นที่แลกมาด้วยความจำเป็น มันทำเรรันต
หลายวันถัดมาต่อจากคืนนั้น วันนี้เป็นวันที่เรรันต์จะต้องแสดงละคร แต่หลังรู้ว่าในท้องตนเองนั้นมีน้อง เธอก็กังวลเรื่องการสวมชุดรัดแน่นไปโดยปริยาย กระนั้นคิดจะแก้ ก็ดูจะสายเกินไป เหมียวนักศึกษารุ่นพี่ที่อาสารับชุดเธอไปซักเมื่อวันก่อน ปฏิบัติการเย็บเข้ารูปตามคำขอของเธอไปเรียบร้อย ทันจะแก้ไข นั่นเลยเป็นสาเหตุทำให้เรรันต์วิตกกังวลอยู่ตอนนี้ ตึงเครียดมากจนถึงขนาดทำให้เธอหมดความมั่นใจ " เป็นอะไรรึเปล่าน้องรันต์ หน้าซีดเชียว "เสียงถามจากข้างหลังทำเธอสะดุ้งตื่น กังวลหนักเข้าไปอีก หญิงสาวหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นสตาฟที่เดินมาทักทายสีหน้ายิ้มแย้ม " เปล่าค่ะพี่ หนูคงตื่นเต้น " เธอโกหก " ธรรมดาแหละ คนซื้อตั๋วมาดูเยอะขนาดนั้น เป็นพี่ พี่ก็คงทำอะไรไม่ถูก แต่อย่างน้องรันต์พี่มั่นใจนะ ว่าน้องต้องทำได้ ตอนซ้อมพี่เห็นตั้งใจมาตลอด วันจริงคงจะจำบทได้แม่นแน่ๆ เรื่องความมั่นใจนี่ไม่ต้องพูดถึง สวยๆอย่างน้องรันต์มุมไหนก็เป๊ะจ้ะ " " แหม พี่ว่านก็ชมเกินไป รันต์เขินนะคะ " เธอบอก แสร้งทำท่าเอียงอาย จนคนข้างหลังขำ ก่อนชะงักกลางคันเพราะคนมาใหม่คน
เอี๊ยด!! เสียงล้อซุปเปอร์คาร์ถูกชะงัก ก่อนแล่นเข้ามาจอดสนิทใต้หลังคาเหล็ก ทำชายรูปร่างสูงหน้าตาดีสองคนหันมามองพร้อมกัน ก่อนหนึ่งในนั้นจะพ่นควันบุหรี่ออกมาแสะยิ้มแค่มุมปาก ทิ้งก้นมันลงถังแล้วเดินล้วงกระเป๋าลงไปหาถึง ประตูรถ " ไง..ไอ้เสือ " ทักทายเสียงทุ้ม สีหน้าสดใส ทว่า..คนในรถกลับไม่เล่นด้วย เขาผลักมือที่เท้าอยู่บนหลังคารถของเพื่อนออก ก่อนลงมายืนเทียบ " ไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ มาหากูทีไร เครียดมาทุกที กูไม่ใช่กระโถนนะโว้ย " " ก็คล้ายล่ะวะ" คิมหันต์แทรกติดตลก ก้าวฉับๆไปหาอีกคนที่ยืนรออยู่ข้างหน้า ก่อนจะโยนเงินปึกหนึ่งให้ ในจังหวะทีเขาแทบจะรับมันไม่ทัน " เงิน? เงินอะไร" " ปิดผับ คืนนี้ กูสองคนเหมา " เขาบอก เดินล้วงกระเป๋าเข้าไปแบบไม่สนใจคำตอบ ทำเอาคนรับเงินไปแล้วอย่างเจ้าของผับถึงกับลำบากใจ หันมองสิงขรแล้วขมวดคิ้ว " เอาน่า ตามใจมันหน่อย " " จะให้กูไล่แขกเหรอ ห้องวีไอพีของกู มันก็ใช้ได้นี่ อีกอย่าง ไม่กี่ชั่วโมงก็จะปิดแล้ว" เขาออกความเห็นขอความเห็นใจ ก่อน
หลังผ้าม่าน ในห้องน้ำ บนคอห่าน มีนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่าเรรันต์นั่งนิ่งอยู่ เธออยู่กับความรู้สึกช็อคสุดๆ ไม่ต่างเลยกับหุ่นขี้ผึ้ง หลังทำใจอยู่นานกว่าจะตัดสินใจ ใช้เครื่องตรวจครรภ์จุ่มลงไปในปัสสาวะของตัวเอง ก่อนจะมานั่งลุ้น ว่าสิ่งที่อยู่ในสมองตอนนี้เป็นจริงอย่างที่คิดรึไม่ เธอภาวนาอย่าให้มันเกิดขึ้นเลย เธอยังไม่พร้อม ในสถานะนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ เป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย แต่แล้ว.. เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง เรรันต์ถึงกับทิ้งร่างอย่างเบาหวิว หัวใจตกลงไปบนตาตุ่ม เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า เมื่อก้มลงไปดู แล้วพบว่ามันขึ้น... สองขีด “ ฮึก...” เธอปิดปากตัวเองแน่น ร้องไห้โฮ “ ฮึกๆๆ ฮื้อ...” กำเครื่องตรวจคันในมือแทบหัก เงียบไปอึดใจนึงเหมือนช็อค ก่อนจะใช้กำปั้นทุบลงไปตรงขาตัวเองจนเจ็บ ด้วยความโมโห จนได้! และแล้วเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับเธอจนได้! หญิงสาวถึงกับใบ้กิน เครียดหนัก ได้แต่เอามือลูบหน้าตัวเองวนอยู่อย่างนั้น เธอรู้ เธออาจจะมีอะไ
คิมหันต์ถึงกับนิ่ง เขาชะงักกลางคัน ขมวดคิ้วมองคนข้างล่างที่ตอนนี้นอนอมยิ้มอยู่ ก่อนจะหรี่ตาข้างเดียวเหมือนครุ่นคิด “ จริงรึเปล่า...” พลางแกล้งถาม พร้อมกับทำบางอย่าง ที่สามารถทำให้คนนอนยิ้มอยู่ข้างล่างนั้น หุบยิ้มได้ทันที หลังจากตกใจหนัก ต่อการพิสูจน์มันด้วยตัวของเขาเอง “ ว๊าย! “ นั่นคือมือของเขาที่ยื่นมาแตะน้องน้อยหอยสังข์ของเรรันต์ ซึ่งมีแต่ผ้าลื่นชุดนอนไร้ชั้นใน “ ไหน? ไม่เห็นมีผ้าอนามัยเลย “ กับเสียงถาม ที่ทำเธอหน้าแดงก่ำ หญิงสาวเงียบกริบ มีแต่ตาที่เบิกโพลง “ เดี๋ยวนี้หัดโกหกพี่แล้วเหรอ ร้ายนะเรา “ ต่างจากเขายังยิ้มกว้าง ใช้น้ำเสียงโทนเสียง ราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร ส่วนเธอ.. “ พี่...คิม!!! ” ตะโกนใส่หน้า พร้อมกำปั้นเล็ก ทุบรัวๆ บนแผงอกแกร่งไปแล้ว “ ทำไมถึงทำแบบนี้เนี่ย “ “ ฮ่าๆๆ ชู่ว...ไม่เสียงดังสิคะ เดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นกันหมดหรอก “ “ ก็พี่น่ะ! ...” “ ชู่ว...บอกว่าอย่าเสียงดังไง “ ชายหนุ
"อะไรกัน! " เสียงใสหญิงแต่แหบใหญ่ของผู้อาวุโสที่สุดในบ้านดังขึ้น ทั้งคู่หันขวับไปมองตามเสียง ก่อนจะพากันนิ่ง ราวกับมีความคิดเดียวกัน ...ไม่รู้เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วได้ยินอะไรรึเปล่า ... ทว่า..ต้องขอบคุณโชคช่วย เพราะดูเหมือนคุณนายอารีย์จะเข้ามาไม่นาน " แกทำอะไรน้องน่ะคิม โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงกันแล้ว ยังจะเล่นเป็นเด็กๆอีก เสียงดังไปถึงข้างบนโน่น " พวกเขาถอนหายใจพร้อมกัน ก่อนเรรันต์จะแสร้งทำเป็นนอยด์ " นายแม่ พี่คิมเอ็ดหนูค่ะ " เธอตอบเสียงหวานฟังดูน่ารัก พลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในขณะคิมหันต์ตอนนี้ เปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน " เห้ย โยนมานี่เลยเรอะ?! เอ่อ ก็แค่ถามน้องทำไมกลับดึกครับนายแม่ ไม่มีอะไร " " แล้วทำไมต้องเสียงดัง " หล่อนทำหน้าดุ มองคนทั้งคู่ " ก็นั่นน่ะสิคะ นายแม่ พี่คิมจะเสียงดังทำไมก็ไม่รู้ หนูเลยคิดว่าเอ็ดหนูน่ะสิ " เรรันต์แทรกขึ้นทันที ประโยคนี้ ทำเอาคิมหันต์ถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนเปลี่ยนสีหน้าทันควัน ตัดปัญหาโ
ช่วงเย็นในมหาลัย เรรันต์เลิกเรียนแล้วแต่ยังไม่ได้กลับบ้าน เธอมีกิจกรรมที่จะต้องทำต่อ นั่นคือการซ้อมละครเวที ซึ่งถูกรุ่นพี่รับมอบหมายให้เป็นนางเอก คู่กันกับนักศึกษาชายแปลกหน้าอีกคน ถ้าให้ถามถึงความชอบพอไหมในสิ่งที่ทำนี้ เรรันต์บอกได้เต็มปากเลยว่า เธอไม่ได้เต็มใจสักนิด เหตุผลมาจากความเกรงใจล้วนๆ “ ดีมากเลยจ้ะน้องรันต์ นี่ขนาดซ้อมนะ ยังเริ่ดขนาดนี้ แสดงจริงล่ะก็ คงเพอร์เฟ็คน่าดู “ “ พี่ก็...ชมเกินไปแล้วค่ะ มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก “ เรรันต์ยิ้มกว้าง ในขณะที่มือเธอนั้นกำลังเก็บของจากล็อคเกอร์ใส่กระเป๋าอยู่ “ เกินไปที่ไหน พี่พูดจากใจค่า “ “ ฮ่าๆ งั้นก็ ขอบคุณนะคะ “ “ ว่าแต่..กลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย คนที่บ้านมารับไหม “ “ วันนี้รันต์ขับรถมาเอง “ “ อ่อ งั้นขับรถดีๆนะจ๊ะ ระวังโดนฉุดล่ะ “ “ ฮ่าๆๆ ค่า ^^ “ เธอขำ ก่อนจะปิดล็อคเกอร์ ยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ทำท่าจะเดิน แต่ทว่า.. “ อุ๊ย..ผู้ชายมา