เคธี่ สาวสองที่ทุ่มเทให้กับความรัก เป็นคนมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าสิ่งใดที่สตรีที่ดีพร้อมสมควรจะมี นางมีหมด งานบ้านงานเรือน เย็บปักถักร้อย นางล้วนทำทุกอย่างอย่างตั้งใจ ทุกอย่างนั้นนางล้วนทำเพื่อชายคนรัก เพียงแค่ชายคนรักเอ่ยปาก แต่ชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ของนางต้องพังลง เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้น ร้านเสริมสวยของนางจำต้องปิดตัวลง การใช้ชีวิตเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง บิดาที่รักยิ่งก็มาจากไปเพราะโรคระบาด จนรู้สึกเคว้งคว้างไปหมด คนรักที่คิดพึ่งพิงก็กลับมาทอดทิ้งในวันที่หมดสิ้นทุกอย่าง โดยข้ออ้างที่ชายผู้นั้นใช้เพื่อจะทิ้งนางไปคือการที่นางมีลูกให้กับเขาไม่ได้ นางท้อแท้ในชะตาชีวิตจนเลือกทางผิด เพราะอารมณ์ชั่ววูบจึงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง ก่อนตายก็พร่ำภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากเทพยาดามีจริง ชาติหน้าลูกขอให้เกิดมาเป็นหญิงแท้ มีบุรุษที่รักมั่น มีบุตรให้อุ้มชู แต่นึกไม่ถึงว่าคำขอของนางจะเป็นจริงและรวดเร็วถึงเพียงนี้ ตื่นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของสตรีแต่เป็นสตรีที่ตัวเหม็นมาก และนางยังมีบุตรชายที่มอมแมมราวกับลูกแมวจรจัด ส่วนสามีน่ะหรือ นางมีสามีเป็นชายเก็บฟืน
ดูเพิ่มเติมเสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนร่างสูงของบุรุษเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีหนวดเคราบางเบาส่งให้เขายิ่งดูหล่อคมมีเสน่ห์น่าหลงใหลซานตงก้าวเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบาแล้วหยุดอยู่ตรงด้านหน้าเตียงนอนหลังใหญ่ที่มีร่างอวบอิ่มของภรรยาที่กำลังนอนตะแคงด้านข้างขดกายอย่างน่าเอ็นดู ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้วอีกเพียงไม่นานบุตรของเขาก็จะออกมาลืมตาดูโลกเขาจ้องมองใบหน้างดงามของภรรยาที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยดูมีความสุขราวกับตอนนี้นางกำลังหลับฝันดี แม้นางจะกำลังตั้งครรภ์แต่ก็ยังงดงามเย้ายวนอย่างที่สุด จนคนแอบมองใจกระตุกสั่นไหว เขาอยากจะทักทายเจ้าก้อนแป้งอีกแล้วมือหนาจึงค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากเรือนกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจนเหลือเพียงกางเกงตัวในบางเบา เคลื่อนกายหนาเข้าไปนอนซ้อนแผ่นหลังเล็กแผ่วเบาหลี่เจินที่รับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาของมือใหญ่ที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของนาง ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมดกดำเงางามกับกลิ่นหอมอันคุ้นเคยกำลังซุกไซ้ดอมดมไปทั่วซอกคอและลาดไหล่ขาวนวลที่ไม่รู้ว่าเปล่าเปลือยไปตั้งแต่เมื่อไหร่"ท่านพี่ อ่า"มือเล็กที่ตั้งใจจะยกขึ้นดันศ
แล้วในที่สุดวันมงคลของคุณหนูฉีหลานเฟิ่งและท่านแม่ทัพต้วนฝูชิงก็มาถึง เจ้าสาวในวันนี้นั้นงดงามเป็นอย่างมาก จนผู้ที่มีส่วนในความสำเร็จครั้งนี้นั้นยิ้มแก้มปริ หลี่เจินรู้สึกยินดีกับเด็กสาวผู้นั้นเป็นอย่างมากที่นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเสียที เรื่องราวของคุณหนูฉีหลานเฟิ่งและคนรัก ดูเหมือนว่าจะลงเอยกันได้ด้วยดี ดูได้จากสีหน้าของเจ้าบ่าวที่อิ่มเอิบแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่ได้ยินมาว่ากว่าจะปรับความเข้าใจกันได้แม่ทัพต้วนฝูชิงผู้ยิ่งใหญ่แทบจะหลั่งน้ำตากันเลยทีเดียว ต่อจากนี้ไปนางได้แต่อวยพรให้ชีวิตคู่ของทั้งสองมีแต่ความสุข ครองรักกันไปจนแก่เฒ่าวันเวลาผันผ่าน ผู้คนต่างใช้ชีวิตดำเนินไปตามวิถีทางของตัวเอง มีเรื่องราวผ่านมามากมาย รวมไปถึงข่าวคราวจากชายแดนที่ร่ำลือกันอย่างหนาหู ผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาใช้บริการในหอเหม่ยฮวาต่างก็กล่าวถึงเรื่องนี้ ข่าวที่ได้รับฟังมานั้นทำให้หลี่เจินตกตะลึงอยู่ไม่น้อย ว่ากันว่าในค่ายทหารรักษาชายแดนมีหญิงงามผู้เป็นนางคณิกาที่ลือเลื่องถึงความร้อนแรง สามารถสร้างความเกษมสำราญให้บรรดาเหล่าทหารกลัดมันจนเลี่ยงชื่อไปทั้งค่าย ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ปีนป่ายเป็นนางคณ
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้คนต่างโจษจันเกี่ยวกับเรื่องราวในตระกูลเฉินที่ในตอนนี้จวนนายอำเภอถูกปิดเงียบ ไร้เงาของคนภายในจวนไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่ เฉินอวี่จูถูกสามีหย่าขาดในข้อหาคบชู้สู่ชาย สร้างความอับอายให้แก่ตระกูลเป็นอย่างมาก เดิมทีโทษของนางคือห้าม้าแยกร่าง แต่ด้วยความเมตตาของท่านเจ้าเมืองและเห็นแก่หน้าบิดาของลูกสะใภ้ จึงเพียงเนรเทศนางออกจากเมืองซีโจวไปยังชายแดนทุรกันดาร หลังจากเฉินอวี่จูถูกเนรเทศออกไป ต่อมาก็มีข่าวการแต่งเข้าไปเป็นอนุภรรยาจวนตระกูลฮวนของเฉินอี้ซินผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของเฉินอวี่จู และนั่นก็เป็นที่กล่าวถึงของผู้คนอีกครั้งจนไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้เกี่ยวกับถึงเรื่องนี้แม้แต่แม่ทัพตระกูลต้วน ต้วนฝูชิง บุรุษที่ผู้คนต่างรับรู้ว่าเขาคือคนรักของเฉินอี้ซิน ที่มีข่าวคราวรักสามเส้าออกมาให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง คนผู้นั้นคงโศกเศร้าอยู่เป็นแน่แต่เปล่าเลย ตอนนี้ผู้ที่ทุกคนต่างคิดว่าเขาคงกำลังเศร้าโศกเสียใจที่สตรีคนรักกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นกลับกำลังนั่งดื่มด่ำกับสุรารสเลิศบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งอย่างสบายอกสบายใจ ข่าวนี้ช่างเป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุดในรอบปี เขารู้สึกโล่งใจและยินดีเป็น
จบสิ้นกันเสียทีหลี่เจินมองบ่าวไพร่ที่ลากเอาคนทั้งสองไปคุมขังเอาไว้ก่อนตามคำสั่งของเจ้าของจวนเพื่อรอคำตัดสินในวันรุ่งขึ้น กลิ่นอายและคราบความใคร่ที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้ทำให้หลี่เจินรู้สึกพะอืดพะอมใบหน้าของนางประเดี๋ยวซีดขาวประเดี๋ยวแดงก่ำ จนต้องรีบหันกายเร่งฝีเท้าตามทุกคนออกไประหว่างที่ทุกคนกำลังพากันออกไปยังห้องโถงกลางเพื่อหารือเรื่องการตัดสินโทษของเฉินอวี่จูที่ได้กระทำการทุกอย่าง หยางซานตงที่เห็นว่าใบหน้างามของภรรยานั้นแดงก่ำจึงคิดขึ้นได้ว่านางนั้นก็อาจจะโดนพิษยาปลุกกำหนัดด้วยเช่นกัน จึงโน้มใบหน้าลงมากระซิบชิดใบหูเล็ก"เจินเอ๋อ ให้พี่ขับพิษกำหนัดให้ก่อนดีหรือไม่ ยังพอจะมีเวลานะ"คำของผู้เป็นสามีทำให้หลี่เจินตัวแข็ง มองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตาพราวระยับที่สื่อความนัยนั้นทำให้นางสะบัดร้อนสะบัดหนาว สถานการณ์เช่นนี้เขายังมีอารมณ์คิดเรื่องอย่างว่า"นี่ท่าน...ข้ามิได้ถูกพิษกำหนัดเสียหน่อย"หลี่เจินฟาดฝ่ามือลงบนบ่าแกร่งของบุรุษบ้าตัณหาเต็มแรง ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตามทุกคนไปยังห้องโถงไม่อาจที่จะทนมองหน้าอีกฝ่ายที่หื่นไม่ดูเวล่ำเวลาหยางซานตงยิ้มให้กับท่าทางเขินอายของภรรยาตัวน้อย ก่อนคิ้
หลี่เจินเดินตามหญิงรับใช้นางนั้นมาจนถึงห้องห้องหนึ่ง เมื่อส่งนางถึงที่หมายหญิงรับใช้ผู้นั้นก็ปลีกตัวออกไปในทันที นางยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลักบานประตูเข้าไป หลังประตูบานนั้นสตรีที่นางต้องการเจอตัวกำลังนั่งด้วยท่าทางเกียจคร้านละเลียดจิบสุราในมือด้วยใบหน้ามีความสุขยิ่ง สายตาที่ใช้จ้องมองนางวาววับดูไม่น่าไว้ใจแม้แต่น้อย"เจ้าต้องการอะไร มีสิ่งใดก็พูดมา"หลี่เจินเอ่ยถามอีกฝ่าย สายตานั้นจ้องมองสตรีจิตวิปลาสตรงหน้าอย่างระมัดระวัง"ใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ พี่สาว"เสียงอ่อนหวานของเฉินอวี่จูนั้นฟังดูช่างเยือกเย็น ริมฝีปากที่แต้มชาดสีสดนั้นแสยะยิ้มที่ทำให้คนมองนึกถึงฆาตกรโรคจิต สตรีนางนี้เกินเยียวยาแล้วจริงๆ"เจ้ามิต้องกล่าวให้มากความ ถุงหอมใบนี้ไปอยู่กับเจ้าได้เช่นไร"หลี่เจินกดข่มความหวาดผวาที่ชวนให้หนาวเยือกเอ่ยถามอีกฝ่ายราวกับกำลังควบคุมโทสะ ท่าทางของนางทำให้สตรีตรงหน้าหัวเราะขึ้นมาราวกับกำลังเจอเรื่องตลกขบขัน"เอ...ข้าเอาถุงหอมใบนี้มาได้เช่นไรนะ เจ้าอยากรู้จริงๆ น่ะหรือ พี่สาว"เฉินอวี่จูเอ่ยกับสตรีหน้าโง่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า นางรู้สึกสมเพชเวทนาอีกฝ่ายยิ่งนัก เพียงนางให้บ่า
แล้วงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดของท่านนายอำเภอเฉินก็มาถึง ผู้คนในอาภรณ์งดงามหรูหราต่างหลั่งไหลเข้ามาร่วมอวยพรให้กับเจ้าของงานเลี้ยงผู้เป็นใหญ่ในอำเภอซีซาแห่งนี้ ผู้ที่มาร่วมงานต่างเป็นคนใหญ่คนโตและมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น และในครั้งนี้ดูท่าว่าจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าในทุกปี คาดว่าคงมีสิ่งพิเศษเป็นแน่เฉินอวี่จูในอาภรณ์งดงามหรูหรา ใบหน้าหวานนั้นถูกแต่งแต้มจนงามล้ำต่างได้รับคำชื่นชมและความสนใจจากผู้คนที่มาร่วมงาน นางหยัดยิ้มกว้างเคียงคู่มากับบุรุษรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาคล้ายดังบัณฑิตผู้ทรงภูมิที่เหล่าสตรียังไม่ออกเรือนต่างชม้ายชายตามอง แม้ข้างกายของเขานั้นจะมีฮูหยินเช่นนางเคียงกายอนิจจาสายตาชื่นชมระคนอิจฉาเหล่านั้นหาได้ทำให้นางรู้สึกพอใจไม่ อันว่ามนุษย์นั้นมิรู้จักพอย่อมจะเป็นคำกล่าวที่มิได้เกินจริงแม้แต่น้อย รัก โลภ โกรธ หลง หากมันจะมีอย่างพอดีก็คงมิมีอันใดผิด แต่หากทะเยอทะยาน อยากได้ อยากมีมากจนเกินไปก็สามารถสร้างหายนะให้แก่ชีวิต แต่ดูเหมือนจิตใจของนางจะมืดบอดเกินกว่าจะมองเห็นเสียแล้ว ภายในจิตใจยังครุ่นคิดถึงแต่ชายอื่น ผู้ซึ่งมีฐานะเป็นสามีของพี่สาวต่างมารดา สายตาหวานน
ร่างบอบบางของสตรีนางหนึ่งที่นอนคว่ำหน้าเปลือยแผ่นหลังและสะโพกมนอยู่บนตั่งเตียง ปล่อยให้บ่าวรับใช้ทายาลงบนร่องรอยฟกช้ำตรงสะโพกงามงอนและแผ่นหลัง ยังมีรอยขีดข่วนตรงเรียวขาขาวที่ทำให้ผิวเนื้อนวลมีตำหนิไม่น่ามอง สองมือของสตรีนางนั้นสั่นเทาดึงขย่ำระบายความเจ็บปวดลงบนผ้าปูเตียงจนยับย่น แต่ไหนเลยเจ็บปวดกายจะเท่าความเจ็บปวดที่ใจ ดวงตาหวานบัดนี้นั้นแดงก่ำเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำแห่งความคับแค้น ความเจ็บแค้นอัดแน่นภายในอก ไม่เคยมีใครทำเช่นนี้กับนางมาก่อน บุรุษผู้นั้นไม่เพียงกล้าเมินนาง แต่กลับทำร้ายนางโดยไม่กะพริบตาเฉินอวี่จูคิดอย่างคับแค้นใจ น้ำตาอุ่นร้อนหลั่งไหลอาบแก้ม เหตุใดนังเฉินหลี่เจินจึงได้ครอบครองบุรุษผู้นั้น เหตุใดชีวิตของมันถึงได้ดูมีความสุขและเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง มันยังคงชูคออยู่เหนือนาง ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด บุรุษที่นางมองอย่างสมเพชในกาลก่อน กลับรูปงามสมชายชาตรี แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองนาง แต่ยิ่งไม่อาจครอบครองอีกฝ่ายดังใจ นางยิ่งรู้สึกปรารถนา เพียงแค่หลับตาใบหน้าคร้ามคมและกลิ่นกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งของบุรุษเพศที่ได้สัมผัสเพียงชั่วครู่นั้น ทำให้นางยิ่งเกิดควา
ดวงตาวาววับของภรรยาที่จ้องมองมา ทำให้ลำคอของหยางซานตงแห้งผาก มองริมฝีปากอวบอิ่มที่เม้มเข้าหากันแน่นแล้วคลายออกแต่ทว่ามันกลับเริ่มสั่นระริก ดวงตาที่เมื่อครู่นั้นดูกราดเกรี้ยว เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมเอ่ยปากเสียทีบัดนี้มันดูรวดร้าว"ไม่เป็นไรในเมื่อท่านไม่อยากเอ่ยก็ไม่เป็นไร"น้ำเสียงแหบเครือเอ่ยขึ้นก่อนร่างบอบบางจะลุกออกจากตักของเขา"เจินเอ๋อ อย่าโกรธพี่เลยนะ เป็นสตรีไร้ยางอายนางนั้นต่างหาก"หยางซานตงกอดกระชับร่างบางเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยนางออกจากอ้อมแขน เพียงเห็นดวงตาหม่นหมองนั้นดวงใจของเขาก็แทบร้าวราน เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วเอ่ยถึงเหตุการณ์น่าโมโหนั้นจนหมดเปลือก ไม่คิดปิดบังแม้แต่น้อย สายตาคมมองใบหน้างดงามที่มืดครึ้มลงเรื่อยๆ ของภรรยาเมื่อเขานั้นเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองนางด้วยสายตาละห้อย"พี่สาบานได้ ว่าไม่ได้ล่วงเกินหรือเกินเลยกับนางแม้แต่น้อย"ตบท้ายด้วยการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าสตรีคนใดก็ไม่อาจที่จะทำให้เขาหวั่นไหวได้อีกแล้ว หัวใจและร่างกายของเขามันตอบสนองเพียงสัมผัสจากภรรยาเท่านั้นหลี่เจินหรี่ตามองผู้เป็นสามี สายตานั้นไล่มองเขาจนคนถูกมองใจไม่ดี นางไม่เชื่อเขาหรือ แล
ภายในห้องทำงานของนายหญิงเจ้าของหอเหม่ยฮวา สตรีสองนางนั้นกำลังนั่งสบตากันอยู่ ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของหอจะกล่าวขึ้น"หากข้าจะบอกเจ้าว่าข้าคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉินเล่า เจ้าจะว่าอย่างไร"หลี่เจินเอ่ยกับคุณหนูฉีหลานเฟิ่งอย่างตรงไปตรงมา จนใบหน้าของสตรีตรงหน้าดูตื่นตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ฉีหลานเฟิ่งมองใบหน้างดงามด้วยดวงตาสั่นไหว เหตุเพราะบนใบหน้านางนั้นอัปลักษณ์มีตุ่มหนองจึงหมกตัวอยู่เพียงในเรือนไม่ออกไปเที่ยวเล่นเช่นดังเด็กสาวในวัยเดียวกัน จึงทำให้นางไม่มีสหายที่จะคบค้าสมาคมด้วยและไม่เคยรับรู้ความเป็นไปด้านนอกจวนมากนัก แต่นางก็ไม่เคยเห็นสตรีนางนี้มาก่อน ตระกูลเฉินนั้นเป็นตระกูลของผู้ปกครองอำเภอแห่งนี้ผู้คนต่างรับรู้ว่านายอำเภอเฉินมีบุตรีสามนางที่เลอโฉม ทั้งสามนางนั้นก็เคยพบหน้ามาก่อน หรือนางจะเป็นคุณหนูเฉินหลี่เจินที่มีเรื่องอื้อฉาวเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นใบหน้าของนางยังเป็นเพียงตุ่มเล็กๆ มิได้ช้ำเลือดช้ำหนองเช่นตอนนี้ จึงพอจะรับรู้ข่าวมาบ้าง"ท่านคือคุณหนูใหญ่เฉินหลี่เจินหรือ"น้ำเสียงของสตรีนางนั้นฟังดูแหบแห้งจนน่าสงสารอยู่ไม่น้อยเฉินอี้ซิน คือสตรีที่บุรุษที่ฉีหลานเฟิ่งรักปรารถนา นางงดงา
ร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสีดำรัดรูปเดินทอดน่องไปตามทางเท้าที่ไร้ซึ่งผู้คน บนท้องถนนนั้นก็ดูโล่งจนน่าใจหาย ทั้งที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน รถลาบนท้องถนนนั้นแน่นขนัด ยิ่งเวลายามเย็นเช่นนี้ผู้คนที่เดินสัญจรบนทางเท้าแทบจะเดินชนกัน ดวงตาหมองเศร้าของหญิงสาวผู้นั้นกวาดมองไปรอบกายด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย ใบหน้าซูบตอบของเธอมีสีดำเปรอะเปื้อนกระดำกระด่าง จากขอบตาจรดปลายคาง เธอร้องไห้ น้ำตาของเธอทำให้สีสันที่แต่งแต้มรอบดวงตานั้นไหลย้อยลงมา แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ให้ความสนใจ กลับก้าวเดินไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย หากมีคนจ้องมองดีๆ ก็จะรู้ได้ว่าสตรีนางนี้ไม่ใช่หญิงแท้ แต่เป็นสาวสองที่คล้ายคลึงสตรีอยู่มาก เจ้าหล่อนเดินจนมาหยุดอยู่ตรงสะพานที่เบื้องล่างนั้นคือแม่น้ำเชี่ยวกราก ด้านล่างคือผืนน้ำ ด้านบนคือผืนฟ้าที่ดวงอาทิตย์กำลังลาลับช่างเป็นภาพที่สวยงามมากเคธี่ หรือ เมธี คือชื่อของเธอ เธอเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก กิจการของเธอกำลังไปได้ดีเพราะการบริการที่ดีมากและฝีมือที่โดดเด่นของเธอ เธอเป็นสาวประเภทสองที่มีความสามารถรอบด้าน เพื่อนๆ ของเธอต่างบอกว่าเธอนั้นเป็นคนเก่ง หยิบจับอะไรก็ล้วนแต่ออกมา...
ความคิดเห็น