...เมืองซีโจว แคว้นต้าหยวน...
เมืองซีโจวนั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้นหลายพันลี้ แต่ทว่ากลับคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายเพราะเป็นเมืองหน้าด่านเป็นศูนย์รวมของการค้า มีพื้นที่อุมสมบูรณ์ ทิศหนึ่งนั้นติดแม่น้ำกว้างใหญ่ที่ไม่มีวันแห้งเหือดเป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน และยังโอบล้อมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ สิ่งปลูกสร้างต่างๆ เจริญรุ่งเรืองไม่แพ้กับเมืองหลวง
เมืองซีโจวนั้นยังประกอบไปด้วยอีกหลายอำเภอที่มีนายอำเภอมาจากตระกูลใหญ่ หนึ่งในนั้นคืออำเภอซีซา
อำเภอซีซา มีตระกูลเฉินปกครองมาหลายชั่วอายุคน
จวนตระกูลเฉิน ในค่ำคืนนี้นั้นดูครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันนี้นั้นเป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบหกสิบปีของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉิน มารดาของท่านนายอำเภอ เฉินสวีคัง ซึ่งในปีนี้นั้นถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต แขกเหรื่อที่มาร่วมอวยพรล้วนมาจากตระกูลใหญ่
ในขณะที่ทุกคนภายในงานนั้นกำลังชื่นชมการแสดงการร่ายรำของนางรำอันดับหนึ่ง ร่วมดื่มกินกันอย่างครื้นเครงนั้น แต่ภายในเรือนหลังหนึ่งกลับปรากฏร่างงดงามของสตรีนอนเปลือยกายบิดเร่าอยู่บนเตียงกว้างราวกับกำลังทรมาน
นางคือ เฉินหลี่เจิน คุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉิน ที่เกิดจากฮูหยินเอกสตรีผู้เป็นที่รักของท่านนายอำเภอเฉินผู้ที่ได้สิ้นบุญไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน จึงทำให้เฉินหลี่เจินได้รับความรักและเอ็นดูจากผู้เป็นบิดาเป็นอย่างมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุให้สตรีนางนี้มีนิสัยเอาแต่ใจเป็นสตรีนิสัยร้ายกาจ นางจึงเป็นที่เกลียดชังของคนในจวน และเป็นหลานสาวที่ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินชิงชังเพราะมารดาของนางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านยากจนที่บุตรชายไปคว้ามาเท่านั้น
ท่านนายอำเภอเฉินนั้นมีภรรยาสี่นาง เมื่อสิ้นฮูหยินเอกผู้เป็นฮูหยินรองจึงได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินเอกแทนมารดาของเฉินหลี่เจิน นางมีนามว่า มู่ตาน นางเป็นบุตรีคนรองของตระกูลซู ตระกูลของขุนนางถึงจะไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตแต่ก็มีเส้นสายอยู่ไม่น้อย นางเป็นสะใภ้คนโปรดของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน ทั้งคู่มีบุตรชายหญิงด้วยกันสองคน คือคุณหนูรอง เฉินอวี่จู และ คุณชายใหญ่ เฉินอวี่หาน ยังมีอนุสาม อี้เหริน อนุสี่ อี้ฟาง ทั้งสองมาจากตระกูลหลิน เป็นตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย อนุทั้งสองนางนั้นล้วนมีบุตรีคนละนาง คือคุณหนูสาม เฉินอี้ซิน และคุณหนูสี่ เฉินอี้หลาน
และทั้งหมดคือศัตรูของเฉินหลี่เจินที่ต่อสู้ชิงดีชิงเด่นกันมานานหลายปี
วันนี้เป็นงานฉลองของท่านย่าและยังเป็นวันที่บุตรสาวตระกูลเฉินที่ถึงวัยออกเรือนจะได้คัดเลือกคู่ครองของตัวเอง เฉินหลี่เจินนางหมายมั่นว่านางจะต้องโดดเด่นที่สุดในงานวันนี้ ว่าที่สามีของนางจะต้องเป็นบุรุษที่ดีที่สุด อาภรณ์และเครื่องประดับที่ถูกคัดสรรมาจึงล้วนดีเยี่ยม แต่ขณะที่นางกำลังอาบน้ำชำระกายกลับรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง หลูปี้ บ่าวรับใช้คนสนิทของนางจึงเสนอให้นางนั้นนอนพักผ่อนเสียก่อน เพราะกว่างานจะเริ่มนั้นอีกหลายชั่วยาม ซึ่งนางก็เห็นดีด้วยเพราะหากจะให้ฝืนทนคงจักไม่ไหว แต่ก็ไม่วายเอ่ยย้ำกับบ่าวคนสนิทให้ปลุกนางเมื่อถึงเวลา
แต่เมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เลยเวลาไปหลายชั่วยามแล้ว นั่นทำให้นางรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก สายตาหวานคมที่ทอประกายเกรี้ยวกราดมองหาตัวผู้เป็นบ่าวของตน เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายใบหน้างดงามกลับยิ่งบิดเบี้ยว แต่ยังมิทันที่นางจะทันได้ลุกออกจากเตียง เพื่อสั่งสอนนังบ่าวไม่รู้ความ ร่างกายของนางกลับไร้เรี่ยวแรง นางเห็นว่ามีกลุ่มควันที่มีกลิ่นหอมประหลาดถูกปล่อยเข้ามาในห้องของนาง จนเกิดความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วกาย โดยเฉพาะจุดกลางร่างที่รู้สึกร้อนวูบวาบ
มีคนเล่นสกปรกกับนาง
และการที่คนพวกนั้นจะเล่นงานนางได้ถึงขนาดนี้ย่อมต้องมีคนในที่รู้เห็น ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ หลูปี้ นังบ่าวทรยศ
รู้ตัวในตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเบื้องหน้าของนางกลับปรากฏเงาร่างของบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ กำลังก้าวเข้ามาหานางที่นอนบิดเร่าอยู่บนเตียงอย่างช้าๆ แม้ใจของนางจะต่อต้าน แต่ร่างกายกลับโหยหาจนรู้สึกเจ็บปวดทรมาน สายตาของนางนั้นพร่าเลือน มิอาจรู้ได้ว่าชายที่กำลังเข้ามาใกล้นางนั้นคือผู้ใด รู้เพียงใบหน้านั้นช่างน่ากลัว มันปกคลุมไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยและดวงตาคมดุนั้นแดงก่ำจนน่ากลัว นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งหวาดกลัวและขยะแขยง ปลายเล็บแหลมคมจิกลงบนฝ่ามือบอบบางจนบาดลึกผิวเนื้อ เลือดสีแดงไหลซึม แต่นางกลับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย มีเพียงความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก เงาร่างใหญ่ของชายชั่วผู้นั้นคืบคลานเข้ามาใกล้จนร่างบอบบางของนางนั้นสั่นสะท้าน เฉินหลี่เจินจ้องมองร่างกายกำยำที่เข้ามาคร่อมทับตัวนางนัยน์ตาของนางแดงก่ำด้วยความคับแค้นที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้
ฟันขาวราวกับไข่มุกเรียงตัวสวยเป็นระเบียบกัดลงบนเรียวปากอวบอิ่มจนสัมผัสถึงรสฝาดของเลือด เมื่อกลางกายสาวที่หวงแหนมาตลอดสิบหกหนาวถูกล่วงล้ำอย่างไร้ความปรานี แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจแต่กลับไม่มีเสียงร้องหลุดจากริมฝีปากอวบอิ่มแม้แต่น้อย
ความอัปยศในครั้งนี้ นางจะเอาคืนอย่างสาสม เฉินหลี่เจินนางหลับตาลงไม่อาจมองภาพน่าอดสูนั้นได้ สัมผัสรุนแรงจากมือหยาบกร้านคู่นั้นกำลังบีบเคล้นเนื้อตัวจนรู้สึกเจ็บ
กว่าช่วงเวลาอันเลวทรามจะจบลงนางรู้สึกเจ็บปวดทั้งกายและใจจนแทบจะกระอักเลือดออกมา ทั้งเกลียดชังและขยะแขยงชายชั่วผู้นี้ราวกับจะฆ่าให้ตาย แต่นางกลับไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับ ได้แต่นอนแน่นิ่งปล่อยให้น้ำตาแห่งความชิงชังและเจ็บแค้นหลั่งไหลออกมาเงียบๆ
เสียงฝีเท้าของผู้คนมากมายที่มุ่งตรงมาทางนี้ ทำให้ฝ่ามือหนาของบุรุษที่กำลังจ้องมองแผ่นหลังบอบบางของสตรีที่นอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ข้างกายด้วยประกายเย็นชา ตวัดผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่างของนางเอาไว้ ก่อนตัวเขาจะลุกขึ้นมาคว้าเอาเสื้อผ้าที่เกลื่อนอยู่บนพื้นมาสวมใส่อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด พอดีกับที่ประตูนั้นได้เปิดออกกว้าง พร้อมกับผู้คนมากมายที่กรูกันเข้ามาเฉินหลี่เจินที่หลับตาแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลนอง ริมฝีปากบวมช้ำกดลึกขึ้นอย่างเย้ยหยัน คนสารเลวพวกนั้นคงกำลังหัวเราะเยาะนางอยู่ในใจ เสียงหวีดร้องคุ้นหูที่ดังขึ้นราวกับตกใจหนักหนาของคนเหล่านั้น ทำให้มือเล็กกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา ความเกลียดชังกลืนกินนางจนด้านชา ไม่สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเบื้องหลังแม้แต่น้อย ปล่อยให้คนพวกนั้นแสดงงิ้วกันตามแต่ใจสวรรค์เหตุใดจึงได้ใจร้ายกับนางนัก คนพวกนั้นร้ายกาจกับนางก่อนมิใช่หรอกหรือ สิ่งที่นางตอบโต้ล้วนแล้วแต่ต้องการที่จะปกป้องตัวเอง แล้วเหตุใดจึงลงโทษนางเช่นนี้หลังจากนี้นางก็พอจะรู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง เฉินหลี่เจินนางได้แต่คิดอย่างขมขื่นใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความอับอายขายหน้าให้กับตระกูลเฉินเป็นอย
หยางซานตง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ อดีตนั้นเขาเป็นเด็กผู้ชายใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูที่ตาเฒ่าหยางกระเตงกลับมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เดิมนั้นเฒ่าหยางเป็นทหารอยู่ในกองทัพ แต่เมื่อครั้งที่ไปรบพลาดพลั้งถูกศัตรูฟาดฟันจนเสียแขน จึงทำให้ต้องออกจากการเป็นทหาร แต่ตอนที่กลับมานั้นเขาได้พาเด็กชายตัวน้อยกลับมาด้วย เฒ่าหยางบอกกับทุกคนว่าเด็กชายนั้นเป็นบุตรของเขาเอง แม้จะไม่มีผู้ใดเชื่อเพราะเด็กน้อยนั้นหล่อเหลาราวกับเทพเซียน ผิวพรรณหรือก็ผุดผ่องนุ่มนิ่มราวกับซาลาเปา ส่วนเฒ่าหยางตัวดำเหมือนกับก้นกระทะ แต่ไม่เชื่อแล้วอย่างไร พวกเขาจะทำเช่นไรได้ในเมื่อไม่ใช่เรื่องของตนเฒ่าหยางเมื่อกลับมาอยู่ในหมู่บ้านก็อาศัยอยู่ในผืนดินผืนเล็กท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นของบิดามารดาที่ทิ้งเอาไว้ให้ มีเพียงบ้านหลังเล็กให้พอได้อยู่อาศัย เก็บฟืนหาของป่าเลี้ยงตัวเองและบุตรชาย ต่อมาก็หันมาเผาถ่านขายเลี้ยงชีพวันเวลาผันผ่านเฒ่าหยางจากบุรุษในวัยฉกรรจ์ก็แก่ชราลง ส่วนเด็กชายตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูในวันวาน ก็เติบโตขึ้นกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา จนกระทั่งเมื่อหลายปีก่อนเฒ่าหยางได้จบชีวิตลง ทิ้งผู้เป็นบุตรชายให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เดิม
ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เฉินหลี่เจินนางได้ว่าจ้างให้คนส่งข่าวเกี่ยวกับคนตระกูลเฉินอยู่เสมอ และในวันนี้ข่าวที่ถูกส่งมาทำให้นางตัดสินใจลอบเข้าไปในตัวอำเภอเพราะความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก เพียงรับรู้ว่าคนพวกนั้นอยู่ดีมีสุขนางก็รู้สึกโกรธแค้นมากพอแล้ว แต่เรื่องนี้กลับทำให้นางเจ็บแค้นแทบกระอัก เมื่อ เฉินอวี่จู น้องสาวต่างมารดาที่นางเกลียดชังอีกฝ่ายเข้ากระดูก นางได้ตบแต่งให้กับคุณชายตระกูลใหญ่ที่ตนเองเคยผูกสัมพันธ์ก็ยิ่งสร้างความเกลียดชังและคับแค้นใจแก่นาง จนต้องมาให้เห็นกับตา ภาพเกี้ยวเจ้าสาวที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามและขบวนสินเดิมยาวเหยียด ทำให้นางคับแค้นจนหลั่งน้ำตา แต่กลับไม่อาจทำสิ่งใดได้ ได้แต่ยืนมองความพ่ายแพ้ของตนเองอย่างเจ็บช้ำนางกลับมายังเรือนโกโรโกโสหลังนั้นด้วยความแค้นที่อัดแน่นสุมอก ใช้สุราดับไฟร้อน หมกตัวอยู่แต่ในเรือน นางกลายเป็นสตรีติดสุรา ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่สนใจรูปโฉมที่นางภูมิอกภูมิใจหนักหนา ผิวพรรณที่เคยผ่องใสนั้นดูแห้งกร้าน ใบหน้าหมองคล้ำอมทุกข์"หยุดดื่มได้แล้ว"หยางซานตงเดินเข้ามาแล้วแย่งจอกสุราออกจากมือของนาง มิหนำซ้ำเขายังเอาไหสุราของนางเททิ้งจนหมด แม้อยากจะอาละวาดเ
นั่นเป็นเรื่องราวของเจ้าของร่างที่ทำให้ผู้มาใหม่ถึงกับกุมขมับ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนมาอยู่ในที่แห่งนี้ นางนั่งสงบจิตสงบใจอยู่พักใหญ่หลังจากที่ฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง สายตาก็จ้องมองร่างเล็กๆ ที่ขดตัวอยู่มุมห้อง เด็กน้อยผู้นั้นได้หลับไปแล้ว นางนั่งมองก้อนกลมๆ ก้อนนั้นอย่างเวทนา ชีวิตเด็กคนนี้เหตุใดจึงได้น่าสงสารขนาดนี้กันคนเรานี่ก็แปลกนัก คนที่เขาอยากจะมีลูกพยายามแทบตาย หมดเงินหมดทองไปมากก็ไม่อาจสมหวัง แต่คนที่ไม่อยากจะมี ไม่พร้อมที่จะมี กลับมองไม่เห็นคุณค่าของชีวิตเล็กๆ นี้ เมื่อรู้ว่าเขามีค่ามากแค่ไหน ตอนนั้นก็สายเกินไปเสียแล้วนางมองเด็กน้อยตรงหน้า สงสารอีกฝ่ายจับใจ หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาจะบอบช้ำมากเพียงใดกัน แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นก้อนซาลาเปาสีขุ่นที่วางอยู่ใกล้ๆ กับที่เด็กน้อยผู้นั้นนอนอยู่ นางยิ่งรู้สึกขมพร่าในลำคอ ดูก็รู้ว่าซาลาเปาก้อนนั้นไม่อาจที่จะกินได้อีก แต่เพราะความหิวเด็กน้อยจึงต้องกินมันร่างผอมบางจึงสูดลมเข้าปอดอึกใหญ่อย่างฮึดสู้เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คงต้องลองดูกันสักตั้ง ถือเสียว่าสวรรค์ท่านประทานพรให้ตามคำขอของนาง ให้ตามคำขอทุกประการเสียด้วย นางได้เกิดเป็นหญิงสมใจ
เฉินหลี่เจินนางเก็บทุกอย่างล้างจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินสำรวจทุกอย่างในครัว ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ข้าวสารนั้นมีอยู่เต็มถังไม้ใบใหญ่ ซึ่งยังไม่มีการตักใช้เลย ในตะกร้าก็มีไข่อยู่เต็ม แป้ง เกลือ น้ำตาลกรวด น้ำปรุงรส น้ำมัน ถั่วและพวกธัญพืชต่างๆ ล้วนถูกเติมเอาไว้เต็มโถ ผักดอง กุ้งแห้ง เนื้อปลาตากแห้งและยังมีเนื้อหมูตากแห้งอีกด้วย ทุกอย่างล้วนยังไม่ถูกนำมาใช้ คงเป็นบิดาของเด็กน้อยที่จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ ช่างเป็นสามีและบิดาที่แสนดีจริงๆ และนางยังจำได้ว่าอีกฝ่ายได้มอบเงินเก็บทั้งหมดให้กับเจ้าของร่างก่อนไปด้วย แต่เจ้าของร่างนี้กลับไม่สนใจสิ่งใดเลยช่างน่าเศร้านัก แต่ไหนๆ อีกฝ่ายก็ตายไปแล้ว ตอนนี้นางคือเฉินหลี่เจิน จะไปต่อว่าคนตายก็กระไรอยู่ ต่อไปตนแค่ทำหน้าที่แทนนางให้ดีที่สุดก็พอคิดได้เช่นนั้นก็ลงมือจุดไฟ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องไม้ฟืนและถ่านที่ใช้สำหรับหุงหาอาหาร นางเห็นว่าตรงด้านหลังเรือนนั้นมีทั้งไม้ฟืนและถ่านอยู่เต็มโรงเก็บ ก็เจ้าของเรือนมีอาชีพเผาถานจะขาดแคลนได้อย่างไร อาหารมื้อแรกในวันนี้ นางจะทำข้าวต้มธรรมดาใส่พุทราจีนสักเล็กน้อย มีเครื่องเคียงเป็นเนื้อปลาตากแห้งทอดกรอบและผักด
"เปาเป่า"หลี่เจินนางเอ่ยเรียกเด็กน้อยเสียงเบา มองสบแววตากลมโตคู่นั้นอย่างไม่อาจที่จะบรรยายความรู้สึก แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง"มาหา...แม่สิ"เมื่อเปล่งคำนั้นออกไป นางรับรู้ถึงความเต็มตื้นในจิตใจ รู้สึกรักและผูกพันกับเด็กชายตรงหน้าขึ้นมาอย่างประหลาด มือผอมบางทั้งสองค่อยๆ ยกขึ้น ยื่นไปด้านหน้า นางมองสบตาเด็กน้อยอย่างรอคอยเจ้าตัวเล็กนั้นจ้องมองการกระทำของสตรีตรงหน้าด้วยดวงตาสั่นไหว เขาเป็นเพียงเด็ก แค่เพียงเห็นความอ่อนโยนของคนตรงหน้าก็ลดอาการเกร็งตัวและหวาดกลัวลง ลืมเลือนความเจ็บปวดที่เคยได้รับจนหมดสิ้น ยิ่งคนตรงหน้าคือมารดา คือคนที่เขาโหยหาอ้อมกอดและอยากจะเป็นที่รักของนางมากที่สุด เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะโผเข้าหาอ้อมแขนนั้นร่างเล็กที่พุ่งเข้ามากอดนางเอาไว้แน่น ทำให้หลี่เจินผละไปด้านหลังเล็กน้อยกับแรงปะทะนั้น แม้จะตกใจบ้างในคราแรก แต่ต่อมานางก็ยิ้มและหัวเราะออกมา เมื่อรับรู้ถึงความยินดีของเจ้าตัวน้อย เอ่ยกับเจ้าลูกแมวที่ซุกใบหน้าอยู่ในอ้อมแขนของนางเสียงสั่นเครือ"ขอโทษ แม่...ขอโทษนะเปาเป่า"เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ รู้สึกจุกแน่นร้าวไปทั้งอก น้ำตาหลั่งไหลออกมาอย่า
หลี่เจินนางจ้องมองเจ้าตัวเล็กที่ถูกนางจับอาบน้ำขัดถูขี้ไคลจนสะอาดสะอ้านด้วยตาเป็นประกาย เส้นผมหนานุ่มที่ปกคลุมศีรษะทุยเล็กถูกนางสระจนหอมกรุ่น ผิวของเขานุ่มนิ่มขาวนวลราวกับเต้าหู้ คิ้วตาจมูกปากล้วนได้รูปน่ามอง หากโตขึ้นเขาคงเป็นบุรุษที่รูปงามมาก"เปาเป่าของแม่รูปงามยิ่งนัก"เปาเป่าน้อยที่ตอนนี้ตัวหอมกรุ่น แก้มขาวๆ ของเขานั้นแดงเรื่อ ใบหูเล็กแดงก่ำอย่างน่าเอ็นดู เขารู้สึกเขินอายกับคำชมของมารดาเป็นอย่างมาก ท่าทางน่าเอ็นดูนั้นทำให้หลี่เจินไม่อาจอดใจไหวต้องดึงเจ้าตัวเล็กนั้นมากอดมาหอมเสียหลายฟอด นั่นยิ่งทำให้เปาเป่าหัวใจพองโต มารดาหอมแก้มเขานั่นหมายถึงมารดารักเขามาก ต่อไปเขาจะอาบน้ำทุกวันหลังจากขัดถูสิ่งสกปรกให้บุตรชายจนเกลี้ยงเกลา นางก็ปล่อยให้เขาได้เล่นน้ำสักครู่ ส่วนนางก็หันมาแกะเม็ดบัวออกจากฝัก ก่อนจะเดินมาถึงลำธาร เปาเป่านั้นบอกว่าจะพานางไปดูดอกเหลียนฮวาที่กำลังบานสะพรั่ง มันงดงามมาก เขาอยากให้นางได้เห็น ถัดไปจากลำธารเดินลงใต้ไปไม่ไกลมากนักเป็นบึงบัวขนาดใหญ่ที่ความยาวนั้นไกลสุดสายตา ดอกบัวกำลังพากันเบ่งบานเต็มบึงหลากหลายสี เหล่าผีเสื้อและแมลงบินวนโฉบไปโฉบมา บางตัวก็กำลังดอมดมดอกเหลี
วันนี้ตลอดทั้งวันสองแม่ลูกต่างช่วยกันทำความสะอาดเรือนครั้งใหญ่ ในที่สุดเรือนหลังน้อยก็มีสภาพที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ดูสะอาดสะอ้านสบายตา แต่ก็ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องซ่อมแซม รอให้อะไรหลายๆ อย่างลงตัวมากกว่านี้ ค่อยมาว่ากันอีกที เมื่อดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดมิดมาเยือน หลี่เจินนางจุดตะเกียงและเชิงเทียนทั้งหมดที่มีอยู่ แต่แสงสว่างของมันช่างน้อยนิด นางไม่คุ้นชินกับแสงสลัวเช่นนี้เลยเด็กน้อยเปาเป่าที่ดูจะง่วงงุนเต็มที คว้าเอาผ้าห่มและหมอนตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องโถง สายตาของเด็กน้อยมองหาฟูกนอนของเขาที่นางได้เก็บออกไป นางมองการกระทำนั้นแล้วขมวดคิ้วมุ่น"เปาเป่านั่นลูกจะทำอะไรหรือ"เปาเป่าหันมามองมารดา ดวงตาที่หรี่ปรือนั้นฝืนขึ้นตอบผู้เป็นมารดา"ข้าจะเข้านอนขอรับท่านแม่"หลี่เจินเดินเข้ามาหาบุตรชายคว้าเอาหมอนและผ้าห่มในมือเด็กน้อยมาถือเอาไว้"แล้วเหตุใดจึงจะมานอนตรงนี้เล่า"คำถามของมารดาทำให้เปาเป่าน้อยมึนงง ว่าเหตุใดมารดาจึงถามเช่นนั้นก็ในเมื่อที่ตรงนี้เป็นที่ที่เขานอนในทุกคืน"ไป ไปนอนกับแม่"คำพูดของมารดาทำให้อาการง่วงงุนของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง แต่มิได้ทันตั้งตัว หรือคิดทบทวนคำพูดนั้นซ้ำ ร่างเ
เมื่อค้นพบจุดหมายของตัวเองอีกครั้งหลี่เจินนางจึงลงมือทำอาหารด้วยรอยยิ้ม จิตใจนั้นโปร่งโล่งขึ้น นางจะเดินตามความฝันที่ครั้งหนึ่งมันเคยพังทลายลง แต่ในครั้งนี้มันจะต้องดีกว่าเดิมเพราะนางมีอีกคนอยู่เคียงข้าง นางยังมีอนาคตของบุตรชายที่รอคอยให้นางผลักดันเขาให้มีอนาคตที่สดใส บุตรชายของนางจะต้องไม่มีมารดาเป็นเพียงสตรีขี้เมาไร้ประโยชน์ เขาจะต้องภูมิใจที่มีนางเป็นมารดาหลี่เจินนางลงมือสับหมูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มวันนี้นางจะทำขนมจีบกุ้งให้บุตรชายได้กิน เมื่อสับหมูเสร็จก็ต่อด้วยการสับกุ้ง จัดการกับของสดเสร็จเรียบร้อยก็หันมาเตรียมเครื่องผสมต่างๆ โดยโขลกรากผักชี กระเทียมและพริกไทยเข้าด้วยกัน นำมาผสมกับกุ้งสับ หมูสับ และต้นหอมซอย เติมเครื่องปรุงเล็กน้อยแล้วนวดทุกอย่างด้วยมือพักเอาไว้ จากนั้นจึงหันมาเตรียมส่วนผสมที่จะทำแผ่นเกี๊ยว หลี่เจินนางมองหาภาชนะสำหรับผสมแป้งจนได้อ่างไม้ขนาดพอเหมาะมาใบหนึ่ง จากนั้นจึงนำแป้งสาลีมาใส่ในอ่างไม้ แล้วทำหลุมตรงกลาง ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ใส่เกลือเล็กน้อยตามด้วยน้ำมัน แล้วค่อยๆ ตะล่อมๆ ผสมแป้ง เติมน้ำเปล่าลงไปทีละนิดๆ แล้วค่อยๆ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดีจากนั้นก็นำผ้าขาวสะอาดมาคล
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาตามช่องหน้าต่างของเรือนทำให้หลี่เจินรู้สึกตัวตื่น วันนี้นางตื่นสายมากคงเป็นเพราะนางได้หลับไปช่วงรุ่งสาง แต่เปาเป่าบุตรชายของนางก็ยังไม่ตื่นเช่นกัน และสิ่งที่น่าตกใจคือตัวของเด็กชายนั้นร้อนมาก เขากำลังไม่สบายหลี่เจินนางรีบลุกพรวดจากที่นอนด้วยหัวใจที่สั่นระรัว กุลีกุจอเอาน้ำใส่อ่างเล็กและเช็ดตัวให้บุตรชาย เด็กน้อยตัวร้อนราวกับไฟ ริมฝีปากเล็กๆ นั้นแดงก่ำ นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ร้อนผ่าวและรัวเร็ว นางไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน มันทำให้นางรู้สึกกลัว มือนางสั่นน้อยๆ ในขณะเช็ดตัวให้บุตรชาย เพราะนี่คือครั้งแรกที่ต้องดูแลเด็กเล็กที่ป่วย เห็นเด็กน้อยผวาทุกครั้งที่นางใช้ผ้าเช็ดไปตามเนื้อตัวของเขา ดวงตาเด็กน้อยหรี่ขึ้นมองนาง นัยน์ตานั้นแดงเรื่อมีหยาดน้ำเอ่อคลอ เพียงเห็นใบหน้านางเขาก็คลี่ยิ้มออกมา ไม่งอแงแม้แต่น้อย ยอมให้นางเช็ดตัวโดยง่าย นางรู้สึกสงสารจับใจ หัวใจของนางราวกับจะอ่อนแอไปด้วย นี่คงเป็นความรู้สึกของคนเป็นแม่ นี่หรือคือกรรมที่นางต้องชดใช้ เหตุใดความทุกข์ทรมานจึงไม่เกิดแก่นางเพียงผู้เดียวกันเล่าที่นี่ไม่มีโรงพยาบาลมีเพียงหมอชาวบ้านและการใช้ยาต้ม ย
หลี่เจินนางนอนกระสับกระส่าย รู้สึกหนาวเย็นจนนอนไม่หลับ จึงได้ลืมตาตื่นขึ้น ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำให้รู้ได้ว่านางหลับไปแล้ว แต่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ในฝันนั้นนางกำลังยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ถึงว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกหนาวจับใจ นางกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นว่ามีผู้เฒ่าชราผมขาวราวกับไข่มุกเปล่งประกายยาวละพื้นกำลังมองนางอยู่ นางรู้ได้ในทันทีว่าท่านเป็นเทพเซียนที่นำพานางมายังสถานที่แห่งนี้ นางจึงได้ก้าวเข้าไปคารวะอีกฝ่ายแล้วนั่งลงตรงหน้า"ท่านผู้เฒ่า""ได้พบกันเสียทีนะนังหนู"เสียงแหบแห้งของท่านผู้เฒ่าเอ่ยกับนางอย่างมีเมตตา"ท่านต้องการพบข้า เพราะอยากจะให้พรข้าหรือเจ้าคะ"หลี่เจินนางส่งยิ้มหวานให้ผู้เฒ่าชราผู้นั้น ในหนังในละครก็เป็นเช่นนี้ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าให้นางน้อยๆ"เจ้านั้นมีกรรมที่ผูกพันกับคนที่นี่ จึงได้ต้องกลับมาชดใช้ ในภพชาติก่อนเจ้ายังกระทำกรรมกับชีวิตตนเอง หากข้ามอบพรวิเศษแก่เจ้า แล้วจักเรียกว่าชดใช้กรรมได้อย่างไร"หลี่เจินนั้นหุบยิ้มลงในทันใด สีหน้านั้นแสดงออกถึงความผิดหวัง ก่อนจะมองผู้อาวุโสตาปริบๆ"ข้อเดียวก็ไม่ได้หรือเจ้าค่ะ"เฒ่าชราระบายลมหายใจออกมาแล้วหลั
วันนี้ตลอดทั้งวันสองแม่ลูกต่างช่วยกันทำความสะอาดเรือนครั้งใหญ่ ในที่สุดเรือนหลังน้อยก็มีสภาพที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ดูสะอาดสะอ้านสบายตา แต่ก็ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องซ่อมแซม รอให้อะไรหลายๆ อย่างลงตัวมากกว่านี้ ค่อยมาว่ากันอีกที เมื่อดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดมิดมาเยือน หลี่เจินนางจุดตะเกียงและเชิงเทียนทั้งหมดที่มีอยู่ แต่แสงสว่างของมันช่างน้อยนิด นางไม่คุ้นชินกับแสงสลัวเช่นนี้เลยเด็กน้อยเปาเป่าที่ดูจะง่วงงุนเต็มที คว้าเอาผ้าห่มและหมอนตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องโถง สายตาของเด็กน้อยมองหาฟูกนอนของเขาที่นางได้เก็บออกไป นางมองการกระทำนั้นแล้วขมวดคิ้วมุ่น"เปาเป่านั่นลูกจะทำอะไรหรือ"เปาเป่าหันมามองมารดา ดวงตาที่หรี่ปรือนั้นฝืนขึ้นตอบผู้เป็นมารดา"ข้าจะเข้านอนขอรับท่านแม่"หลี่เจินเดินเข้ามาหาบุตรชายคว้าเอาหมอนและผ้าห่มในมือเด็กน้อยมาถือเอาไว้"แล้วเหตุใดจึงจะมานอนตรงนี้เล่า"คำถามของมารดาทำให้เปาเป่าน้อยมึนงง ว่าเหตุใดมารดาจึงถามเช่นนั้นก็ในเมื่อที่ตรงนี้เป็นที่ที่เขานอนในทุกคืน"ไป ไปนอนกับแม่"คำพูดของมารดาทำให้อาการง่วงงุนของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง แต่มิได้ทันตั้งตัว หรือคิดทบทวนคำพูดนั้นซ้ำ ร่างเ
หลี่เจินนางจ้องมองเจ้าตัวเล็กที่ถูกนางจับอาบน้ำขัดถูขี้ไคลจนสะอาดสะอ้านด้วยตาเป็นประกาย เส้นผมหนานุ่มที่ปกคลุมศีรษะทุยเล็กถูกนางสระจนหอมกรุ่น ผิวของเขานุ่มนิ่มขาวนวลราวกับเต้าหู้ คิ้วตาจมูกปากล้วนได้รูปน่ามอง หากโตขึ้นเขาคงเป็นบุรุษที่รูปงามมาก"เปาเป่าของแม่รูปงามยิ่งนัก"เปาเป่าน้อยที่ตอนนี้ตัวหอมกรุ่น แก้มขาวๆ ของเขานั้นแดงเรื่อ ใบหูเล็กแดงก่ำอย่างน่าเอ็นดู เขารู้สึกเขินอายกับคำชมของมารดาเป็นอย่างมาก ท่าทางน่าเอ็นดูนั้นทำให้หลี่เจินไม่อาจอดใจไหวต้องดึงเจ้าตัวเล็กนั้นมากอดมาหอมเสียหลายฟอด นั่นยิ่งทำให้เปาเป่าหัวใจพองโต มารดาหอมแก้มเขานั่นหมายถึงมารดารักเขามาก ต่อไปเขาจะอาบน้ำทุกวันหลังจากขัดถูสิ่งสกปรกให้บุตรชายจนเกลี้ยงเกลา นางก็ปล่อยให้เขาได้เล่นน้ำสักครู่ ส่วนนางก็หันมาแกะเม็ดบัวออกจากฝัก ก่อนจะเดินมาถึงลำธาร เปาเป่านั้นบอกว่าจะพานางไปดูดอกเหลียนฮวาที่กำลังบานสะพรั่ง มันงดงามมาก เขาอยากให้นางได้เห็น ถัดไปจากลำธารเดินลงใต้ไปไม่ไกลมากนักเป็นบึงบัวขนาดใหญ่ที่ความยาวนั้นไกลสุดสายตา ดอกบัวกำลังพากันเบ่งบานเต็มบึงหลากหลายสี เหล่าผีเสื้อและแมลงบินวนโฉบไปโฉบมา บางตัวก็กำลังดอมดมดอกเหลี
"เปาเป่า"หลี่เจินนางเอ่ยเรียกเด็กน้อยเสียงเบา มองสบแววตากลมโตคู่นั้นอย่างไม่อาจที่จะบรรยายความรู้สึก แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง"มาหา...แม่สิ"เมื่อเปล่งคำนั้นออกไป นางรับรู้ถึงความเต็มตื้นในจิตใจ รู้สึกรักและผูกพันกับเด็กชายตรงหน้าขึ้นมาอย่างประหลาด มือผอมบางทั้งสองค่อยๆ ยกขึ้น ยื่นไปด้านหน้า นางมองสบตาเด็กน้อยอย่างรอคอยเจ้าตัวเล็กนั้นจ้องมองการกระทำของสตรีตรงหน้าด้วยดวงตาสั่นไหว เขาเป็นเพียงเด็ก แค่เพียงเห็นความอ่อนโยนของคนตรงหน้าก็ลดอาการเกร็งตัวและหวาดกลัวลง ลืมเลือนความเจ็บปวดที่เคยได้รับจนหมดสิ้น ยิ่งคนตรงหน้าคือมารดา คือคนที่เขาโหยหาอ้อมกอดและอยากจะเป็นที่รักของนางมากที่สุด เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะโผเข้าหาอ้อมแขนนั้นร่างเล็กที่พุ่งเข้ามากอดนางเอาไว้แน่น ทำให้หลี่เจินผละไปด้านหลังเล็กน้อยกับแรงปะทะนั้น แม้จะตกใจบ้างในคราแรก แต่ต่อมานางก็ยิ้มและหัวเราะออกมา เมื่อรับรู้ถึงความยินดีของเจ้าตัวน้อย เอ่ยกับเจ้าลูกแมวที่ซุกใบหน้าอยู่ในอ้อมแขนของนางเสียงสั่นเครือ"ขอโทษ แม่...ขอโทษนะเปาเป่า"เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ รู้สึกจุกแน่นร้าวไปทั้งอก น้ำตาหลั่งไหลออกมาอย่า
เฉินหลี่เจินนางเก็บทุกอย่างล้างจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินสำรวจทุกอย่างในครัว ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ข้าวสารนั้นมีอยู่เต็มถังไม้ใบใหญ่ ซึ่งยังไม่มีการตักใช้เลย ในตะกร้าก็มีไข่อยู่เต็ม แป้ง เกลือ น้ำตาลกรวด น้ำปรุงรส น้ำมัน ถั่วและพวกธัญพืชต่างๆ ล้วนถูกเติมเอาไว้เต็มโถ ผักดอง กุ้งแห้ง เนื้อปลาตากแห้งและยังมีเนื้อหมูตากแห้งอีกด้วย ทุกอย่างล้วนยังไม่ถูกนำมาใช้ คงเป็นบิดาของเด็กน้อยที่จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ ช่างเป็นสามีและบิดาที่แสนดีจริงๆ และนางยังจำได้ว่าอีกฝ่ายได้มอบเงินเก็บทั้งหมดให้กับเจ้าของร่างก่อนไปด้วย แต่เจ้าของร่างนี้กลับไม่สนใจสิ่งใดเลยช่างน่าเศร้านัก แต่ไหนๆ อีกฝ่ายก็ตายไปแล้ว ตอนนี้นางคือเฉินหลี่เจิน จะไปต่อว่าคนตายก็กระไรอยู่ ต่อไปตนแค่ทำหน้าที่แทนนางให้ดีที่สุดก็พอคิดได้เช่นนั้นก็ลงมือจุดไฟ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องไม้ฟืนและถ่านที่ใช้สำหรับหุงหาอาหาร นางเห็นว่าตรงด้านหลังเรือนนั้นมีทั้งไม้ฟืนและถ่านอยู่เต็มโรงเก็บ ก็เจ้าของเรือนมีอาชีพเผาถานจะขาดแคลนได้อย่างไร อาหารมื้อแรกในวันนี้ นางจะทำข้าวต้มธรรมดาใส่พุทราจีนสักเล็กน้อย มีเครื่องเคียงเป็นเนื้อปลาตากแห้งทอดกรอบและผักด
นั่นเป็นเรื่องราวของเจ้าของร่างที่ทำให้ผู้มาใหม่ถึงกับกุมขมับ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนมาอยู่ในที่แห่งนี้ นางนั่งสงบจิตสงบใจอยู่พักใหญ่หลังจากที่ฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง สายตาก็จ้องมองร่างเล็กๆ ที่ขดตัวอยู่มุมห้อง เด็กน้อยผู้นั้นได้หลับไปแล้ว นางนั่งมองก้อนกลมๆ ก้อนนั้นอย่างเวทนา ชีวิตเด็กคนนี้เหตุใดจึงได้น่าสงสารขนาดนี้กันคนเรานี่ก็แปลกนัก คนที่เขาอยากจะมีลูกพยายามแทบตาย หมดเงินหมดทองไปมากก็ไม่อาจสมหวัง แต่คนที่ไม่อยากจะมี ไม่พร้อมที่จะมี กลับมองไม่เห็นคุณค่าของชีวิตเล็กๆ นี้ เมื่อรู้ว่าเขามีค่ามากแค่ไหน ตอนนั้นก็สายเกินไปเสียแล้วนางมองเด็กน้อยตรงหน้า สงสารอีกฝ่ายจับใจ หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาจะบอบช้ำมากเพียงใดกัน แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นก้อนซาลาเปาสีขุ่นที่วางอยู่ใกล้ๆ กับที่เด็กน้อยผู้นั้นนอนอยู่ นางยิ่งรู้สึกขมพร่าในลำคอ ดูก็รู้ว่าซาลาเปาก้อนนั้นไม่อาจที่จะกินได้อีก แต่เพราะความหิวเด็กน้อยจึงต้องกินมันร่างผอมบางจึงสูดลมเข้าปอดอึกใหญ่อย่างฮึดสู้เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คงต้องลองดูกันสักตั้ง ถือเสียว่าสวรรค์ท่านประทานพรให้ตามคำขอของนาง ให้ตามคำขอทุกประการเสียด้วย นางได้เกิดเป็นหญิงสมใจ
ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เฉินหลี่เจินนางได้ว่าจ้างให้คนส่งข่าวเกี่ยวกับคนตระกูลเฉินอยู่เสมอ และในวันนี้ข่าวที่ถูกส่งมาทำให้นางตัดสินใจลอบเข้าไปในตัวอำเภอเพราะความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก เพียงรับรู้ว่าคนพวกนั้นอยู่ดีมีสุขนางก็รู้สึกโกรธแค้นมากพอแล้ว แต่เรื่องนี้กลับทำให้นางเจ็บแค้นแทบกระอัก เมื่อ เฉินอวี่จู น้องสาวต่างมารดาที่นางเกลียดชังอีกฝ่ายเข้ากระดูก นางได้ตบแต่งให้กับคุณชายตระกูลใหญ่ที่ตนเองเคยผูกสัมพันธ์ก็ยิ่งสร้างความเกลียดชังและคับแค้นใจแก่นาง จนต้องมาให้เห็นกับตา ภาพเกี้ยวเจ้าสาวที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามและขบวนสินเดิมยาวเหยียด ทำให้นางคับแค้นจนหลั่งน้ำตา แต่กลับไม่อาจทำสิ่งใดได้ ได้แต่ยืนมองความพ่ายแพ้ของตนเองอย่างเจ็บช้ำนางกลับมายังเรือนโกโรโกโสหลังนั้นด้วยความแค้นที่อัดแน่นสุมอก ใช้สุราดับไฟร้อน หมกตัวอยู่แต่ในเรือน นางกลายเป็นสตรีติดสุรา ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่สนใจรูปโฉมที่นางภูมิอกภูมิใจหนักหนา ผิวพรรณที่เคยผ่องใสนั้นดูแห้งกร้าน ใบหน้าหมองคล้ำอมทุกข์"หยุดดื่มได้แล้ว"หยางซานตงเดินเข้ามาแล้วแย่งจอกสุราออกจากมือของนาง มิหนำซ้ำเขายังเอาไหสุราของนางเททิ้งจนหมด แม้อยากจะอาละวาดเ