แนะนำเรื่อง ปาวกะ เทพแห่งไฟผู้มีอิทธิฤทธิ์ที่สามารถให้พรกับมนุษย์ เป็นเทพที่ต้องการครอบครองธาตุน้ำและเป็นเทพผู้ไม่เคยรักใครจนมาเจอมนุษย์ผู้หญิงที่พร่ำแต่ขอพรกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระหว่างที่เขาประทานพรให้แก่ลินานั้น คัมภีร์ที่เขาขโมยมาเกิดหายไปแล้วที่แย่ไปกว่านั้นเขากลับทำให้มนุษย์ต้องตาย และเขาต้องตามหามนุษย์คนนั้นให้เจอ เพราะถ้าเขาไม่สามารถช่วยมนุษย์ที่ตายคนนั้นได้ แน่นอนล่ะเขาจะต้องหายดับสูญไปตลอดกาล ปาวกะ เทพแห่งไฟผู้ประทานแก่มนุษย์ อายุ250ปี ผู้ที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม แต่เวลาโกรธจะมีนัยน์ตาแดงก่ำ มีร่างกายที่ร้อนราวกับไฟหากเขาไม่อนุญาตให้สัมผัสก็ไม่มีผู้ใดสามารถทนต่อความร้อนที่ออกมาจากตัวของเขาได้ เป็นเทพที่ไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆ ลินา หญิงสาววัยยี่สิบสองที่พร่ำแต่ขอพรกับปาวกะโดยไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด และเธอไม่รู้ว่าการขอพรกับเทพนั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ และการข้อพรนั้นกลับนำพาเธอไปสู่อันตรายมากมาย เพราะเขาร้อนอย่างกับไฟที่แผดเผาเธอให้เจ็บเจียนตายแต่เธอก็ยินยอม...
View Moreร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้าน"กินกาแฟดีกว่า" ลินายืนเลือกระหว่างนมกับกาแฟที่เรียงกันอยู่ในตู้เย็นขนาดใหญ่แต่เธอยังไม่ทันได้หยิบอะไรก็ต้องตกใจ เพราะว่าเธอเห็นคนหน้าเหมือนกับปาวกะมากกำลังมาเดินเลือกซื้อนมใส่รถเข็นไปประมาณเกือบสิบขวดใหญ่ได้หญิงสาวต้องรีบหลบเข้าไปอีกฝั่งตรงชั้นวางขนมขบเคี้ยว ในขณะที่ผู้ชายร่างสูงที่เธอหลบอยู่นั้นกำลังเดินเข็นรถเข็นมา'เขาต้องชดใช้ เธอรู้ไหม เขามาอยู่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว' จู่ๆ ลินาก็นึกคำพูดของผีผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา งั้นก็แสดงว่าพลังของเขาอาจจะหมดไปด้วยถึงได้มาเดินซื้อนมกินแบบนี้ แต่เธอก็หลบหน้าได้ไม่เท่าไหร่เขาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว"ปาวกะ" ลินาอุทานเรียกชื่อของเขาอยู่ในลำคอ"เจ้า!" นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแกมเขียวเพ่งมองมายังลินา ทำให้เธอเกิดรู้สึกประหม่าทันที หญิงสาวยืนสบตากับเขาและนี่ครั้งแรกที่รู้สึกว่าเธอสบตากับเขานานกว่าทุกครั้ง ดวงตาของเขามันไม่ได้เป็นสีแดงเหมือนครั้งก่อนๆ และที่สำคัญดวงตาของเขา…สวยจังปาวกะเปลี่ยนทรงผมใหม่หรือบางทีมันอาจจะเป็นทรงเดิมที่ไม่ได้ถูกเซทขึ้น เหมือนครั้งที่แล้วที่เจอกัน ผมหน้าม้าที่ถูกปล่อยลงมาปกคิ้วมันสะท้อนกับไฟบนเพดานข
"อย่าเลยเปล่าประโยชน์ เพราะเขาไม่ให้เธอไป" เสียงผีผู้ชายพูดขึ้นในลิฟต์ ลินาได้ยินหมดทุกอย่างแต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วอีกอย่างเธอเองก็คิดว่าผีพวกนั้นต้องรู้ว่าเธอได้ยินหมดเพราะเอาแต่พูดใส่หูของเธอไม่หยุดไม่หย่อน "ฉันอยากเป็นคนรักของปาวกะ" เสียงผีสาวพูดขึ้น "ก็ลองดูถ้าเธอไม่กลัวเขาเผาตายซะก่อน ไม่มีใครอยู่ใกล้เขาได้ถ้าเขาไม่อนุญาต" เสียงผีผู้ชายตะเบ็งขึ้น ‘นั่นสิถ้าเขาไม่อนุญาตเธอก็ไม่มีสิทธิ์โดนตัวของเขาสินะ’ ลินาเดินลูบแขนของตัวเองเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่ชายลึกลับผู้นั้นมอบให้ ร่างกายของเขาร้อนราวกับไฟ ทำไมชายผู้นั้นถึงทนกับความร้อนได้ขนาดนั้น หญิงสาวตัดสินใจเดินออกมาจากลิฟต์และกลับมายังห้องเดิมอีกครั้ง ชายที่เคยนั่งอยู่ตรงโซฟาตัวนี้หายไปแล้ว แต่เธอก็ต้องแปลกใจที่เห็นแมวตัวสีขาวปลอดขาวสะอาดอย่างกับสำลี นอนหลับท้องกระเพื่อมจากการหายใจเข้าออก ลินามองดูอยู่สักพักขนมันคงจะนุ่มมากๆ ดูจมูกสีชมพูนั้นสิ อุ้งเท้าสีชมพูแดงๆ จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเอาใบหน้าเข้าไปใกล้แมวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่นั้น หรือว่าจะเป็นแมวของปาวกะที่เลี้ยงเอาไว้ หญิงสาวจึงค่อยๆ เอามือลูบขนของมันเบาๆ อย่างเอ็นดู
"เจ้าอยู่ในห้องนี้เงียบๆ ถ้าข้าจัดการปัญหาเสร็จแล้ว จะรีบกลับมา" เมื่อเขาพูดจบก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาของลินาทำให้หญิงสาวตกใจไม่น้อย"นี่มันอะไรกัน หัวใจฉันจะวายตายอยู่แล้ว" ลินารีบเอามือทาบอกของตัวเองผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อลดความหวาดกลัวนั้น"เขาไปแล้ว ปาวกะ (ปา-วะ-กะ) ไปแล้ว ไปดูผู้หญิงคนนั้นกัน" หญิงสาวที่ยังอยู่ในอาการหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่ เธอยังไม่ทันหายตกใจก็กลับได้ยินเสียงคนพูดในห้องนี้อีก แต่ทำไมเธอถึงมองไม่เห็นคนพูดกันล่ะ"เมื่อกี้แกเห็นไหม เขาเอาเลือดของเขาให้เธอดื่ม เธอหายจากอาการบาดเจ็บไปเลย" ลินาถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงพูดพร้อมกับมือที่เย็นเฉียบมาจับที่แขนของเธอ มันเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง"กรี๊ดดด" ลินากรีดร้องดังลั่นห้องนี่ผีหลอกเธอกลางวันแสกๆ เลยเหรอ ความหวาดกลัวทำให้เธอท่องบทสวดนะโมตัสสะ นะโมตัสสะไปด้วยใจสั่นระริกราวกับกลองเพล"อย่าท่องเลยแม่หนู พวกเราไม่กลัวหรอก" เสียงผีผู้หญิงแก่มากระซิบที่ข้างหูของลินา ทำให้หญิงสาวต้องนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง สลับกับเสียงพูดคุยของผีผู้ชาย ที่เธอได้ยินแค่เสียงแต่ไม่เห็นตัวตนของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ"อย่ากลัวพวกเร
จากท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าครามสดใส ก็กลับกลายเป็นสีดำมืดสนิทราวกับกลางคืนที่ไร้แสงของดวงดาวและจันทรา แม้แต่ถนนหนทางยังคงมืดมิดพายุก่อตัวขึ้น มันหมุนราวกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนกินตึกขนาดสี่สิบชั้นเข้าไปให้หายไปกับตา ผู้คนต่างยกมือไหว้ร้องขอชีวิตจากพระผู้เป็นเจ้า ทั้งสายฝนและพายุต่างพัดโหมกระหน่ำจนรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่ปลิวไปกับแรงหมุนของลมอย่างไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าความเร็วของลมมฤตยูนี้มันแรงแค่ไหนที่สามารถพัดและดูดกลืนกินตึกเข้าไปภายในวงโคจรของมันหญิงสาววัยยี่สิบสองหน้าตาสะสวยร้องไห้สั่นระริกบนรถประจำทางที่ดับเครื่องยนต์สนิท เพราะระบบภายในรถขัดข้องไปหมดทำให้ไม่สามารถเปิดประตูรถออกไปได้ ทุกคนในรถต่างร้องไห้กันระงม เวลานี้เธอคิดถึงพ่อกับแม่และน้องชายของตัวเองที่อยู่ต่างจังหวัดมากเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าจะต้องมาตายแบบนี้คงจะทำดีกับพวกเขาให้มากๆ“หรือนี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่บนโลกใบนี้” หญิงสาวดวงตาคมโตเบิกโพลงจ้องมองไปยังพายุหมุน ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาทางรถบัสประจำทางที่เธอนั่งอยู่ ผู้คนที่ติดอยู่ในรถต่างมองหาไม้หรือของแข็งเพื่อที่จะทุบกระจกหน้าต่างให้แตกออกไปแต่ทันใด
จากท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าครามสดใส ก็กลับกลายเป็นสีดำมืดสนิทราวกับกลางคืนที่ไร้แสงของดวงดาวและจันทรา แม้แต่ถนนหนทางยังคงมืดมิดพายุก่อตัวขึ้น มันหมุนราวกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนกินตึกขนาดสี่สิบชั้นเข้าไปให้หายไปกับตา ผู้คนต่างยกมือไหว้ร้องขอชีวิตจากพระผู้เป็นเจ้า ทั้งสายฝนและพายุต่างพัดโหมกระหน่ำจนรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่ปลิวไปกับแรงหมุนของลมอย่างไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าความเร็วของลมมฤตยูนี้มันแรงแค่ไหนที่สามารถพัดและดูดกลืนกินตึกเข้าไปภายในวงโคจรของมันหญิงสาววัยยี่สิบสองหน้าตาสะสวยร้องไห้สั่นระริกบนรถประจำทางที่ดับเครื่องยนต์สนิท เพราะระบบภายในรถขัดข้องไปหมดทำให้ไม่สามารถเปิดประตูรถออกไปได้ ทุกคนในรถต่างร้องไห้กันระงม เวลานี้เธอคิดถึงพ่อกับแม่และน้องชายของตัวเองที่อยู่ต่างจังหวัดมากเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าจะต้องมาตายแบบนี้คงจะทำดีกับพวกเขาให้มากๆ“หรือนี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่บนโลกใบนี้” หญิงสาวดวงตาคมโตเบิกโพลงจ้องมองไปยังพายุหมุน ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาทางรถบัสประจำทางที่เธอนั่งอยู่ ผู้คนที่ติดอยู่ในรถต่างมองหาไม้หรือของแข็งเพื่อที่จะทุบกระจกหน้าต่างให้แตกออกไปแต่ทันใด...
Comments