เช้าวันใหม่
ลินาตื่นมาอีกทีก็สายตะวันโด่ง เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและจัดการกิจวัตรประจำวันก่อนไปมหาวิทยาลัยอย่างเร่งรีบ เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่เพราะว่าเตียงของเธอถูกปาวกะยึดไปน่ะสิ เธอเลยต้องมานอนตรงโซฟานี้แทนเมื่อจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยเธอก็รีบวิ่งออกจากห้องเช่าไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าปากซอยทันที "สาธุ ขอให้หนูไปทันสอบด้วยเถิด เพี้ยง" ลินายกมือไหว้ขึ้นท่วมหัว จนเธอนึกถึงคำพูดของปาวกะ "ไม่ค่ะ ไม่ต้องช่วยหนู หนูพูดเล่นค่ะ หนูไม่ได้อยากอายุสั้นขนาดนั้น" ถ้าเธอไปไม่ทันสอบนะ น่าดูเลย เพราะเมื่อคืนมัวแต่สนใจเรื่องของปาวกะนี่สิ เลยทำให้ลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ "พี่อาร์มขับเร็วๆ หน่อยได้ไหม หนูสายแล้ว" ลินาตีไหล่พี่วินมอเตอร์ไซค์ดังป้าบ "จะรีบไปตายที่ไหนวะ แค่นี้พี่ก็บิดจนสุดแล้วเนี่ย" อาร์มวินมอเตอร์ไซค์ที่หล่อที่สุดในย่านนี้เปิดหมวกกันน็อกพูดกับร่างบางในทันที "หนูไปสอบน่ะสิ ขับเร็วๆ อีก ชักช้าจริงๆ" หญิงสาวนั่งลนลาน เพราะมันเลยเวลาเข้าห้องสอบมาเกือบสิบนาทีแล้ว "ใจเย็นๆ ไอ้ลินา อยากรถแหกโค้งตายหรือไง พี่เพิ่งจะยี่สิบเจ็ดเองนะเว้ย" "ยี่สิบเจ็ดแล้วไง ตายไม่ได้หรือไงพี่" หญิงสาวตะโกนใส่หมวกกันน็อกที่เขาใส่อยู่ "ตายบ้าบออะไร พี่ยังไม่ทันได้มีเมียเลยนะเว้ย แล้วทำไมจะต้องมาพูดเรื่องตายตอนนั่งซ้อนรถพี่ด้วยวะ" อาร์มหน้าตี๋หันมาเบิ้ดกระโหลกของลินาไปหนึ่งที "โอ๊ยพี่ ดูทางด้วย" ลินานั่งหันข้างเกาะเอวของชายหนุ่มจนแน่น จนเขาหันมายิ้มตาหยีให้กับเธอ "คิดซะว่ากำลังขี่บิ๊กไบค์แล้วกัน วู๊นๆๆ" หญิงสาวแอบขำในใจในความตลกที่เขาทำท่าทางกำลังบิดคันเร่งอย่างกับเด็กน้อยเล่นรถของเล่น พี่อาร์มวินมอเตอร์ไซค์ที่หล่อที่สุดในย่านนี้ พี่แกพักใกล้ๆ กับห้องเช่าที่ลินาอยู่ ไม่เคยมีแฟนอาจเป็นเพราะเวลาที่แกทำหน้านิ่งหน้าจะดูเหวี่ยงๆ ดุ แต่เวลายิ้มก็กลับดูหล่อเหลามาก ผิวขาวและดูติดสำอางนิดๆ ทำให้สาวๆ แถวนี้มาขายขนมจีบอยู่บ่อยครั้ง แต่ลินาเองก็ไม่เคยเห็นเขาสนใจใครเลยสักนิด หญิงสาวเลยชะโงกหน้าเข้าไปข้างหน้ามองอาร์มที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ "ไอ้บ้า พี่ตกใจหมด" อือ สงสัยเธอจะไม่ใช่สเปกของเขาล่ะมั้ง พอลงจากรถมอเตอร์ไซค์ของอาร์ม ลินาก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเอากระเป๋าสตางค์มา "พี่อาร์มคะ" หญิงสาวแบมือให้เขา "อะไรวะเนี่ย" ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองมือน้อยๆ หญิงสาว "หนูลืมเอาเงินมา" ลินายังคงแบมือค้างไว้ "อ่า ค่าแรงของพี่ ทำไมขี้ลืมนักวะ" ถึงแม้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่จะบ่นเธอบ้าง แต่ก็ควักเงินธนบัตรใบละร้อยสองใบอยู่ในกระเป๋าเสื้อยีนส์ของเขาออกมาส่งให้เธอแต่โดยดี "ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวกลับไปจะใช้คืนให้หมดเลย" ลินายกมือไหว้ย่อเข่าถอนสายบัวจนสุดถึงพื้น "มานี่สิ" พี่อาร์มกวักมือเรียกให้เธอเข้าไปใกล้ๆ เขา "โอ๊ย…ตบหัวอีกแล้วหนูยิ่งโง่ๆ อยู่" หญิงสาวยืนเกาหัวแกรกๆ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะเธอเองก็รีบไปสอบด้วยเช่นกัน "ขอให้สอบผ่าน ได้ที่หนึ่งเลยนะไอ้ลินา" อวยพรอะไรไม่รู้ รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ร่างบางส่งหมวกกันน็อกคืนให้เขา "สายแล้วพี่อาร์ม หนูไปแล้วนะพี่" "ไอ้ลินาทาลิปสติกด้วยนะ เดี๋ยวเพื่อนจะนึกว่าเธออ่านหนังสือจนดึกดื่นไม่ได้หลับไม่ได้นอน ฮ่าๆ" แหง่ล่ะ วันนี้เธอหน้าสดมานี่ ถ้าสอบผ่านนะจะหาเมียดีๆ ให้พี่อาร์มเลยคอยดู… สามวันต่อมา ตั้งแต่วันที่ปาวกะมานอนที่ห้องของลินาวันนั้นเธอก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับเขาบ้างหรือเปล่า ระหว่างทางที่ลินาเดินกลับห้องเช่าก็แวะนั่งเล่นตรงสนามหญ้าที่มีม้านั่งตรงขอบสระน้ำขนาดเล็กของชุมชนด้วย "ปาวกะ อยู่ตรงนู้น" เสียงผีสาวคนเดิมมากระซิบพูดข้างๆ หูของเธอ และเธอจำได้ดีกับเสียงนี้ ยอมรับว่าขนลุกเลย เพราะน้ำเสียงเยือกเย็นสุดๆ "เขาชื่อ อคิราห์" หญิงสาวก้มหน้าพูด เพราะไม่รู้ทำไมถึงได้เชื่อคำพูดของเขาว่าต้องเรียกเขาว่าอคิราห์ และพยายามจะบอกคนที่เรียกเขาว่าปาวกะ ให้เรียกอคิราห์เช่นเดียวกับเธอมันเป็นการหลบซ่อนจากการตามหาของใครบางคนอยู่เหรอ "ฉันรู้ ฉันรู้ ที่เขาเปลี่ยนชื่อเป็นอคิราห์น่ะ เพราะต้องการหลบหนีธารา" น้ำเสียงที่พูดเนิบๆ ทำให้ลินาค่อยๆ หันไปมอง แต่กลับไม่มีใครสักคน "ธาราเหรอ" หญิงสาวทวนชื่อของเขาอีกครั้ง "ธาราเป็นเทพที่ถือคัมภีร์ควบคุมน้ำไว้ แต่ปาวกะที่เป็นเทพแห่งไฟก็มาขโมยของธาราไป" "ขโมยเหรอ ปาวกะเป็นเทพแห่งไฟเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเป็นเทพ" "ฉันได้ยินปาวกะคุยกับ ไค ที่เป็นเทพอยู่ตรงหลังต้นไม้ใหญ่นั้น" หญิงสาวเงยหน้ามองหาต้นไม้ใหญ่ที่ผีผู้หญิงพูดถึง และจึงเดินย่องไปดูใกล้ๆ ผู้ชายที่ยืนคุยกับปาวกะสูงไล่เลี่ยกับเขาอยู่นิดหน่อยแต่โดยรวมแล้วสมแล้วล่ะที่พวกเขาเป็นเทพ ลินาสังเกตเห็นสีหน้าของปาวกะกังวลอยู่ตลอดเวลา เธอเห็นปาวกะพยายามตบไหล่ชายอีกคนเหมือนเพื่อปลอบใจเขาเช่นเดียวกัน "เจ้าไม่น่าเผาคัมภีร์นั้นเลย" ผู้ชายที่ยืนตรงหน้าปาวกะพูดอย่างกังวลใจ "ข้าไม่ได้เผามันจริงๆ หรอก ข้าแค่ซ้อนมันไว้" ปาวกะพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีชั้นเชิง นี่สิค่อยสมกับเป็นเขาหน่อยหญิงสาวคิดในใจ "เอาไปคืนธาราซะข้าขอร้องล่ะ" "น่า เจ้าอย่าคิดมากนักเลย" ปาวกะตบไหล่เพื่อนที่อยู่ตรงหน้าดังปรักๆ "แต่ธารากำลังตามล่าตัวเจ้าอยู่ แถมเจ้ายังบาดเจ็บอยู่อีกข้ากลัวว่าเจ้าจะพลาดท่าให้ธาราน่ะสิ" "ไค ข้ารู้แล้วน่า เลิกบ่นได้แล้ว บ่นข้ามาหลายร้อยปีแล้วไม่เบื่อบ้างหรือไง" แล้วทั้งคู่ก็เดินกอดคอกันหายวับไปต่อหน้าต่อตาของลินา "อย่างน้อยๆ พวกเขาน่าจะเดินไปอย่างมนุษย์ปกติไม่ใช่เหรอ ฉันล่ะเป็นห่วงการใช้ชีวิตแบบนี้ของพวกเขาจัง" ลินาบนลอยๆครืดๆๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าเป้ของลินาสั่น"แสนดี" หญิงสาวเอ่ยรับโทรศัพท์เมื่อรู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายคือเพื่อนสนิท'ลินา ทำไรอยู่''กำลังจะกลับเข้าห้อง แกมีอะไร''เอ่อ พี่อาร์มอยู่ที่คิววินไหม''ไม่รู้สิ ยังไม่เข้าไปในซอยเลย ทำไมเหรอ…' ลินาแกล้งแซวแสนดีเล่นๆ เพราะรู้ว่ายัยเพื่อนคนนี้ของเธอคลั่งรักพี่อาร์มสายโหดจะตาย'ถ้าพี่อาร์มอยู่ ฉันจะเข้าไปหาแกเดี๋ยวนี้เลย ซื้อของอร่อยๆ ไปด้วย' นั่นยัยเพื่อนคนนี้เอาของกินมาล่อเธออีกแล้ว"งั้นแกซื้อของอร่อยๆ มาเลยพี่อาร์มเตะบอลอยู่ที่สนามมาเร็วๆ เลยนะ" ลินายืนมองกลุ่มผู้ชายที่เตะบอลกันอยู่ในสนามอย่างสนุกสนานและหนึ่งในนั้นก็คืออาร์มที่เพื่อนสนิทอย่างแสนดีหมายปองไว้อยู่'จัดไปเลยแก ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ' พี่อาร์มชายหนุ่มรูปหล่อน่าจะยังคงไม่รู้ว่าแสนดีหน้าหมวยสุดสวยน่ะโคตรจะชอบพี่เขาเลย ถึงขนาดวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา แสนดีฝากลินาให้เอาดอกกุหลาบไปให้พี่อาร์มช่อเบ้อเริ่มเลยแถมยังไม่ให้บอกว่าเป็นแสนดีฝากมาให้ด้วย คงจะรู้สึกอายถ้าเขาไม่รักตอบ แต่ดูๆ ไปแล้ว อาร์มก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจแสนดีเลยสักนิด กลับพูดจาไพเราะเสนาะหูซึ่งต่างกับเธอมากที่เขามักจะพูดดุดันใส่ต
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ลินาสะดุ้งอีกครั้ง"ถ้าเจ้าไปเปิดประตูนั่น ข้าจะเผาคนที่มาเคาะทันที" ปาวกะนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงเก้าอี้ด้วยท่าทางสง่างามราวกับเทพบุตรมาจุติ"ลินาๆ อยู่ไหมวะ" เสียงของอาร์มที่ตะโกนเรียกเธออยู่หน้าห้องทำให้หญิงสาวต้องขานรับในทันที"อยู่ค่ะ พี่อาร์มมีอะไรหรือเปล่าคะ" ลินาตะโกนออกไป"พี่ซื้อข้าวมาฝาก เห็นซื้อแต่บะหมี่กิน จะประหยัดไปถึงไหนวะ" หญิงสาวจึงหันไปมองหน้าของปาวกะที่เชิดขึ้น แต่ยังจ้องมองเธออย่างเขม็งราวกับจะฆ่าเธอให้ตายด้วยสายตาคู่นั้นซะให้ได้"ทำไมจะเปิดประตูไม่ได้ล่ะคะ ก็พี่อาร์มคนรู้จักหนูเอง" เธอยืนพูดกับปาวกะที่ใส่ชุดสีดำทั้งชุด แต่พอเขาได้ฟังที่เธอพูดก็ทำให้มีไฟลุกโชนขึ้นจากดวงตาของเขาทันที"พี่อาร์ม…ไม่เป็นไรค่ะ หนูกินแล้วขอบคุณมากนะคะ" หญิงสาวตะโกนออกไปอีกเพื่อหวังให้คนที่อยู่หน้าประตูเดินกลับที่พักของตนเองไป"เฮ้ย อะไรวะ ซื้อมาฝากนะเนี่ย" พี่อาร์มนี่ก็พูดเพราะสุดๆ เลย ร่างบางจึงหันไปมองหน้าของปาวกะอีกครั้ง แต่เขากลับนั่งกระดิกเท้าแล้วผิวปากอย่างสบายใจด้วยท่าทางยียวนกวนประสาทแบบที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเทพจะทำเธอหัวร้อนได้ถึงเพียงนี้"พี่อาร์มเอ
ลินาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มผ้าปูสีชมพูที่เธอเพิ่งเปลี่ยนผ้าปูใหม่ กำลังนอนขบคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับชายที่อ้างว่าตัวเองเป็นเทพดี เธอควรจะกำจัดเขาไปให้สิ้นดีไหม เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอก็ดีดตัวเองขึ้นมาจากที่นอนเพราะมีความคิดดีๆ ที่จะจัดการเขาแล้ว"ขอพรเท่านั้น พลังของเขาก็จะหมดไป ฮึๆ" เสร็จเธอแน่หญิงสาวหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงแผนการชั่วร้ายของตัวเอง"หนูขอให้สอบผ่านได้เอ ทุกวิชาด้วยเถิด สาธุ" ร่างบางยกมือไหว้ขึ้นท่วมหัว"เจ้าคงไม่อยากตายจริงๆ ใช่ไหม" จู่ๆ ร่างใหญ่ที่เธอนึกถึงก็มาเท้าแขนคร่อมบนตัวของเธอ จนหญิงสาวล้มนอนราบกับเตียงอีกครั้ง"นี่...คุณลงไปเลยนะฉันอึดอัด" ลินาดันหน้าอกกว้างของปาวกะให้ออกห่างจากตัวของเธอ"เจ้าแทนตัวเองว่าฉัน งั้นเหรอ" เขาถามเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจเพราะเขามักจะได้ยินเธอแทนตัวเองว่าหนู ซึ่งมันบ่งบอกว่าเธอมีความเคารพในตัวของเขาเกี่ยวกับอายุ"ก็จะพูด ฉันๆ น่ะมีอะไรไหม" หญิงสาวพูดรัวพร้อมกับทำหน้ายียวนกวนประสาทเขาบ้าง เพราะเขาน่ะล้ำเส้นเธอเกินไปแล้ว เข้าออกห้องของเธอตามอำเภอใจ แถมยังขึ้นมาคร่อมเธอแบบนี้อีก ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าเกินไปจะเรียกว่าอะไร"ข้าน่ะอายุเกือบสามร้
เรย์ลงจากรถพร้อมกระเป๋าสีดำใบใหญ่ และยืนยิ้มแฉ่งโบกมือให้พี่สาวหย่อยๆ น้องชายตัวแสบของเธอกำลังจะมาพักอยู่ด้วยช่วงปิดเทอมนี้"ลินาๆๆ มาช่วยถือของหน่อย" น้องชายที่สูงร้อยแปดสิบชูกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาอีกใบ"จะย้ายบ้านหรือไงขนไรมาเยอะแยะ" ลินาบ่นแล้วรับกระเป๋าใบนั้นมาถือไว้"ก็คนสมบัติเยอะนี่" เรย์ตบกระเป๋าดังตุบตับ ประหนึ่งกำลังจะบอกว่าในนี้มีของสำคัญอยู่"แล้วกินข้าวมาหรือยังล่ะ" เธอหันไปถามน้องชายที่กำลังเดินตามหลังมา"ยังเลยลินา" เขาเอามือลูบท้องเบาๆ เพราะนี่มันก็บ่ายโมงแล้ว คงเมื่อยที่นั่งรถโดยสารมา แล้วก็ต่อแท็กซี่มาลงตรงปากซอยทางเข้าห้องพักของเธอ"เราไปกินข้าวร้านนู้นดีกว่า อร่อยเหาะอ่ะ" พี่สาวชี้ไปร้านอาหารตามสั่งที่นั่งกินประจำ ทำให้น้องชายหัวเราะออกมาเพราะคำพูดที่ติดตลกของเธอ"ลินาน่ะ อะไรก็อร่อยไปหมดแหละ" เขาอมยิ้มชอบใจเมื่อเห็นพี่สาวของตัวเองจริงจังกับการกินขนาดนี้"ไปเลย ยังมาหัวเราะอีกถ้าอร่อยเกิดติดใจพี่ไม่พามากินแล้วนะ" ลินาดันหลังเรย์ให้รีบเดินไปยังร้านขายอาหารตามสั่งที่ชื่อว่า ป้ารวยโภชนา ก็ไม่รู้ว่าป้าแกได้กำไรหรือเปล่าเพราะใส่แต่หมูแต่เนื้อให้ลูกค้าเยอะมากๆ หรือป้าแกขายข
"ไม่เห็นมีอะไรเลย แกนี่พูดไปเรื่อยเปื่อยนะเรย์" หญิงสาวเดินไปหยุดยืนตรงโซฟาแล้วมองหาเสื้อแจ็คเก็ตที่เรย์พูดถึง"ก็เมื่อกี้ยังอยู่นี่เลย หายไปไหนแล้ว" เรย์ยืนเกาหัวเกรกๆ ก็เมื่อกี้เขาเห็นมันวางอยู่จริงๆ นี่"ตาฝาด พูดจามั่ว ไปเร็วอาบน้ำจะได้พักผ่อนพี่จะเข้าห้องละ" หญิงสาวพูดพร้อมกับหยิบข้าวกล่องถือเข้าไปในห้องนอนด้วย"อุ๊ย...!!" ลินาอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นเสื้อแจ็คเก็ตสีดำถูกวางอยู่บนเตียงพร้อมกับผู้ชายนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงนัยน์ตาแดงก่ำ"เฮ้อ...คุณทำหนูตกใจหมด" เธอผ่อนหายลมหายใจออกจากปากอย่างโล่งอก จากดวงตาสีแดงของเขาก็กลับกลายเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนแกมเขียวในทันที"ทานข้าวไหมคะ" หญิงสาวยื่นข้าวกล่องให้เขา"ข้าไม่กินของเหลือเดนแบบนั้น" เสียงทุ้มใหญ่พูดขึ้น"ไม่นะคะ หนูยังไม่ได้ทานข้าวในกล่องนี้เลย" เธอส่ายหัวปฏิเสธในทันที"แต่แม่ค้าก็ตักชิมแล้ว ข้าไม่กิน" ชายหนุ่มร่างสูงเดินกอดอกพูดและเดินไปที่หน้าต่างกระจกเปิดผ้าม่านดูนู้นนี่คนอะไรวางมาดสุดๆ แหม วันนี้เซ็ทผมมาซะหล่อเชียวถ้าเจ้าเรย์เห็นว่ามีผู้ชายอยู่ในห้องจริงๆ เหมือนที่น้องชายของเธอคิดไว้นะเธอตายแน่ๆ"ไม่กินก็ไม่กินค่ะ เพราะไม่ได
"ลินาทำอะไรน่ะ" เรย์ถามพี่สาวในขณะที่เดินถือถุงสีขาวมาวางบนโซฟาที่เธอนั่งอยู่"หางานน่ะว่ามีที่ไหนรับสมัครบ้าง จะได้ยื่นใบสมัครไว้""ว้าว นี่พี่สาวของเรย์กำลังจะทำงานเหรอเนี่ย""ก็ใช่น่ะสิ แล้วแกซื้ออะไรมาเหรอเยอะเลย""หนังสือน่ะ อ่านใส่สมองสักหน่อย เดี๋ยวสมองจะมีขี้เลื่อยเหมือนของลินา""อร๊าย ไอ้น้องบ้าแกเข้าห้องไปเลยนะ ฉันเกลียดแกมาก" หญิงสาวทุบไหล่น้องชายไปหลายที"โอ๊ยๆ จะฟ้องแม่ว่าลินาตีเรย์จนต้องเข้าโรงพยาบาล ฮัลโลๆ แม่ครับช่วยเรย์ด้วย ลินาจะฆ่าเรย์แล้ว" เรย์พูดพร้อมกับกดโทรศัพท์แกล้งพี่สาวที่กำลังบีบคอของเขา"อารมณ์เสียเลยเนี่ย รู้งี้เอาขี้เถ้ายัดปากตัวเองตายตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้ารู้ว่าต้องโตมาแล้วเจอน้องปากเสียอย่างนี้น่ะ" หญิงสาวบ่นอย่างหัวเสียเพราะน้องชายมักจะแกล้งให้เธอหงุดหงิดเสมอๆลินาพับโน้ตบุคแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู วันนี้เธอมีนัดกับแสนดีจะไปดูหนังด้วยกันเย็นนี้ เพราะอีกหน่อยคงไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนตอนเรียนแล้ว แสนดีจึงอยากไปดูหนังและให้ชวนพี่อาร์มไปดูด้วยกันให้ชวนพี่อาร์มเนี่ยนะยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาอีกมั้ง แต่มีหรือที่ลินาจะทำไม่ได้มันต้องมีแผนเพื่อแสนดีจะได้สารภาพรักก
หลังจากที่ลินากลับถึงห้องก็อาบน้ำนั่งดูทีวีได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าห้อง"ไฟไหม้ๆๆ ไปเร็วพวกเราไปช่วยกันดับไฟเร็ว" ลินารีบเปิดประตูออกไปดูอย่างรวดเร็ว"พี่ๆ ไฟไหม้ที่ไหนคะ" เธอตะโกนถามพี่ผู้ชายที่วิ่งผ่านมา"นู้นๆ อยู่ตึกข้างหน้านู้น" นั่นมันตึกห้องพี่อาร์มนี่ ลินารีบเข้าไปหยิบเสื้อคลุมแขนยาวมาคลุมทับชุดนอนและรีบวิ่งไปยังตึกเป้าหมายทันที"พี่อาร์ม" หญิงสาวร้องตะโกนลั่นเมื่อเห็นหน่วยกู้ภัยหิ้วปีกอาร์มออกมา"แค่กๆๆ ปล่อยผมนะผมจะเข้าไปเอาของ" ชายหนุ่มร้องดิ้นรนจะเข้าไปข้างในให้ได้ อย่างน้อยก็ทำให้หญิงสาวได้รู้ว่าเขาคงไม่ได้เป็นอะไรมากก็แหกปากลั่นขนาดนั้น"ลืมถอดปลั๊กอะไรอีกวะเนี่ย" ชายหนุ่มเจ้าของห้องที่ถูกไฟไหม้พูดอย่างหัวเสีย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงดับไฟจนหมดแล้ว"นั่นสิพี่ครั้งหน้าก็ดูให้มันดีๆ หน่อย ตรวจให้เรียบร้อย อันตรายมาก ดีนะที่พี่ไม่เป็นอะไรแล้วก็โชคดีมากที่ไม่ลามไปห้องอื่นด้วย"""แล้วจะทำไงล่ะที่นี้ ไม่มีที่จะซุกหัวนอนละ ซวยฉิบหายเลยว่ะ" พี่อาร์มยิ่งเดินไปเดินมาอย่างกังวลใจ"เอางี้ดิพี่ ไปนอนห้องเรย์ก่อน ลินาให้พี่อาร์มไปพักด้วยกันกับเราก่อนนะ" เรย์รีบ
ณ ดินแดนแห่งหนึ่งอันแสนไกลที่ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถเข้าไปได้อากาศที่เย็นสบายในยามดึก ลมพัดพาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ จากเกสรดอกไม้หอมตลบอบอวลไปทั่วอาณาเขตนั้น เหล่าผีเสื้อหลากสีบินตอมดอมดมเกสรดอกไม้กันอย่างร่าเริง ราวกับโลกใบนี้เป็นของพวกมัน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มขจี ภูเขารายล้อมและถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีหิมะเกาะอยู่ตามยอดไม้ ยอดใบหญ้า ความจริงเมืองนี้น่าจะหนาวเย็นยะเยือกมากกว่าถ้าหากว่าเมืองนี้อยู่ในโลกมนุษย์ เมืองที่สว่างไสวตลอดเวลาด้วยแสงจันทราทั้งกลางวันกลางคืนราวกับมีดวงอาทิตย์อีกดวง แต่หาได้เป็นอย่างนั้นไม่ เมืองนี้ไม่มีดวงอาทิตย์…ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่นั่น มีต้นหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งกำลังจะละลายสลายเป็นหยดน้ำลงบนพื้นดิน ต้นไม้ใหญ่ที่ชายผู้ทรงสง่าผ่าเผยยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นกำลังจะเหี่ยวเฉาทำให้ชายผู้มาใหม่ร้องทักขึ้นในทันที"เฮ้...ปาวกะ" เสียงเรียกของชายหนุ่มที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีส่งเสียงมาจากทางด้านหลัง ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเขาทำท่าปากจู๋เชิงล้อเลียนแบบนั้นทำเอาปาวกะหัวเสียอยู่ไม่น้อยเมื่อได้เห็นท่าทางของเพื่อนสนิทหยอกล้อเขา"เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ข้าล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ดูสิต้น
“มาเอาเสื้อที่ส่งซักครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงดังฟังชัด จนผู้ชายที่อยู่ในร้านนั่งหมุนเก้าอี้หันมา“มาแล้วเหรอ กำลังรออยู่พอดีเลย” น้ำเสียงที่ไพเราะแต่เย็นเข้ามาถึงในหัวใจและใบหน้าที่คุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน“น้องใช่เพื่อนเรย์ หรือเปล่าคะ จำพี่ได้ไหมคะที่น้องไปหาเรย์ที่บ้านวันนั้น” ลินายืนพูดกับผู้ชายที่ดูใจเย็นยิ้มแย้มเก่งไม่เหมือนกับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ นี่“จำได้สิ น่ารักขนาดนี้ใครจะจำไม่ได้” เขายิ้มที่มุมปากหนึ่งครั้ง“ใครอ่ะ ลินาเพื่อนเรย์เหรอ ดูเหมือนว่าจะอายุมากกว่านะ” พี่อาร์มยืนพูดกอดอกหน้าตายียวนตามสไตส์ของเขา“ใช่ ผมอายุมากกว่าเรย์” แล้วเขาก็เดินไปหยิบชุดที่ใส่ไม้แขวนใส่ถุงคลุมอย่างดียื่นมาให้“อุ๊ย” ลินาร้องเมื่อมือของเขาจับมือของเธอในขณะที่ส่งถุงเสื้อมาให้ เขายังคงจับไม่ปล่อย จนอาร์มที่เห็นเหตุการณ์อยู่กระชากถุงออกมา หญิงสาวสะดุ้งเฮือก เพราะเมื่อกี้ใจของเธอเหมือนมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูกเหมือนกัน“กลับได้แล้วลินา” ชายหนุ่มหน้าเหวี่ยงลากหญิงสาวออกมาอย่างหัวร้อน“เพื่อนเรย์ จริงเหรอลินา” พี่อาร์มถาม“อือ วันนั้นเขาไปหาเรย์ที่บ้านน่ะ”“เรย์คบเพื่อนแปลกๆ แบบนี้เหรอ” เข
“ลินาๆ ตื่นสิ มานอนทำอะไรตรงประตูเนี่ย” เสียงของเรย์ปลุกให้หญิงสาวลุกขึ้น“หือ” เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองน้องชายด้วยท่าทางงุนงง“เรย์ตกใจหมด คิดว่าลินาลื่นล้มหัวฟาดพื้นพอดูน้ำลายที่ไหลยืดแล้วก็เลยคิดว่าน่าจะนอนหลับมากกว่า” เขาหัวเราะคิกคักให้พี่สาวของตัวเอง หญิงสาวที่อยู่ในอาการงงอยู่ค่อยๆ คิดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้“ปาวกะ” หญิงสาวหลุดพูดชื่อของชายที่เธอช่วยเขาไว้เมื่อคืน“อะไรปาวกะ ใครเหรอ” เรย์ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว“เปล่าๆ ไม่มีอะไรแกไปเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว” ร่างเล็กค่อยๆ ลุกขึ้น“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” เรย์พูดขึ้นทำให้เธอนึกขึ้นได้ เพราะดูเหมือนว่าเธอยังอยู่ในอาการมึนงงอยู่“กี่โมงแล้วเนี่ย สายแล้วทำไมเพิ่งมาเรียกฉันห้ะ” เธอรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว“เดี๋ยวเรย์ไปส่งนะลินา”“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวให้พี่อาร์มไปส่ง”“พี่อาร์มกลับมาที่ไหนกันล่ะ” หญิงสาวได้ฟังจึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมพยักหน้ารับรู้ จริงสิ เขากลับบ้านไปแล้วเธอลืมสนิทเลยที่ทำงานของลินา“หวัดดี ลินา” อินคาร้องทักในขณะที่หญิงสาวกำลังเตรียมจัดฉากถ่ายแบบของเขาอยู่“หวัดดี อินคา” เธอหันไปยิ้มหวานสดใสให้เขาและไม่รู้ว่าเขา
“คุณเป็นยังไงบ้าง ได้ยินหนูไหมคุณไปทำอะไรมาทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ” ลินาเขย่าชายหนุ่มที่นอนอยู่บนตักของตัวเอง“อ๊ากก เฮือกก” เสียงร้องของเขาที่ร้องด้วยความเจ็บปวดทำให้เธอต้องรีบบีบมือของเขาจนแน่น“หนาว ข้าหนาว” เขาบอกเสียงสั่นสะท้าน ก็แน่ล่ะเขาตัวเปียกโชกขนาดนี้แถมข้างนอกฝนยังตกตลอดอีก เธอค่อยๆ ถอดเสื้อที่เปียกของเขาออกแล้วดึงผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงมาคลุมตัวของเขาไว้แทน“ปาวกะ คุณเป็นยังไงบ้างหนูจะช่วยคุณได้ยังไงคะ” เมื่อกี้หญิงสาวเผลอเรียกเขาว่าปาวกะ ใช่ก่อนหน้านั้นเขาบอกว่าเขาคือปาวกะ แล้วอคิราห์ล่ะหรือว่าเขาจะมีฝาแฝด“ขอพรกับข้าสิ ลินา” หญิงสาวเบิกตากว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบอกให้เธอขอพรเพราะที่ผ่านมาเขามักจะบ่นเรื่องที่เธอขอพรพร่ำเพรื่อกับเขาเสมอ“ได้ งั้นหนูขอให้คุณหายจากอาการบาดเจ็บนี้ด้วยเถิด”“ลินา ฟังข้านะเจ้าไม่สามารถขอพรจากข้า เพื่อช่วยตัวข้าได้ลองนึกดีๆ ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด”“ทำไมคุณต้องมาให้หนูขอพรในเวลาแบบนี้ด้วยล่ะ สิ่งที่หนูต้องการมากที่สุดตอนนี้ คืออยากให้คุณหาย” หญิงสาวน้ำตาหยดแมะไปที่แก้มของเขาด้วยความสง
ลินามาลองคิดดูว่าหลายวันมานี้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นที่เธอจมน้ำที่สระสาธารณะนั่น หรืออาจจะเป็นตั้งแต่ที่เธอได้พบกับเขา ปาวกะ“เฮ้อ ช่วงนี้เป็นอะไรนะ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะลินา” เธอเดินบ่นอุบอิบแล้วทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟาและค่อยๆ หลับตาลงก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูอยู่หน้าห้องของหญิงสาว“เรย์ ไปเปิดประตูสิ เพื่อนมาแล้วมั้ง” ลินาตะโกนเรียกน้องชายที่อยู่ในห้องเล็กๆ แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา“เรย์ ไปเปิดประตูหน่อย” หญิงสาวตะโกนอีกครั้ง แต่ก็เงียบสงสัยจะหลับแล้วอะไรกันยังไม่ดึกสักหน่อย เธอดูเวลาที่โทรศัพท์ มันเพิ่งจะสามทุ่ม นี่เธอเผลอนั่งหลับไปตอนไหนกันหญิงสาวจึงลุกไปเปิดประตูเอง“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของเรย์” ผู้ชายร่างสูง ผิวขาว ดูเป็นคนนิ่งๆ พูดกับลินาอยู่หน้าห้อง“อ๋อ เดี๋ยวเรียกเรย์ให้นะ เข้ามาก่อนสิสงสัยเรย์จะหลับอยู่” ลินาเดินงงๆ ไปหาน้องที่ห้อง พลางคิดว่าผู้ชายที่เป็นเพื่อนของเรย์ทำไมถึงมาคบกับน้องชายของเธอได้นะ เขาดูเป็นผู้ใหญ่มาก สุขุม ซึ่งต่างกับน้องชายของเธอที
ณ ดินแดนที่ไม่เคยมืดมิดในยามกลางคืน“ปาวกะ เจ้าทำกับนางเกินไปไหม” ชายหนุ่มร่างสูงพูดขึ้น พลางมองไปที่ร่างของหญิงสาวที่มีแต่แผลพุพองไปทั่วร่าง ไม่เหลือหลงความงามไว้อยู่เลย“ข้าเตือนนางแล้ว ว่าอย่าเข้ามาใกล้ข้า” ปาวกะพูดก่อนจะเดินไปที่ร่างนอนแน่นิ่งนั่น และค่อยๆ กรีดข้อมือของตัวเองเพื่อให้เลือดของเขาหยดลงแก้วน้ำที่เขาถือไว้ แล้วประคองร่างที่เคยงดงามนั่นให้ลุกขึ้นนั่งลง ชายหนุ่มค่อยๆ เอียงแก้วที่มีน้ำสีฟ้าอยู่ครึ่งแก้วเข้าปากหญิงสาวไปทีละนิดๆ จนหมด“แล้วทำไมมนุษย์ผู้หญิงคนนั้นถึงโดนตัวของเจ้าได้ โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย ทั้งๆ ที่นางเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น” ชายหนุ่มรูปงามเพื่อนสนิทของปาวกะพูดขึ้น เมื่อเจ้าของเลือดสีฟ้าได้ฟังดังนั้นถึงกับชะงักมือแล้วหันไปมองไคในทันทีแต่เขายังไม่ทันจะตอบ หญิงสาวที่นอนอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาแล้วจับมือของปาวกะเอาไว้“ปาวกะ ท่านใจร้ายกับข้าเหลือเกิน” หญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ค่อยๆ เปิดปากพูดขึ้นแถมแผลที่พุพองตามตัวก็ค่อยๆ จางหายไปในทันที แต่ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ถ้าโดนขนาดนี้แล้ว คงได้ไปยมโลกแล้ว“เจ้านอนพักเถอะ ไว้ข้าจะมาใหม่” ปาวกะค่อยๆ ประคองให้ไอรานอนลงกับเตียงตาม
สามวันต่อมา ที่ร้านสะดวกซื้อ"ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วย" ลินายืนสะดุ้งตกใจเมื่อเขามากระซิบที่ข้างใบหูของหญิงสาวในขณะที่เธอกำลังเปิดตู้แช่หยิบไอศกรีมออกมา"ตกใจหมด ทำไมต้องเดินมาเงียบๆ ด้วยคะ" ร่างเล็กขมวดคิ้วใส่เขา"เจ้าจะให้ข้า…เดินพังร้านเข้ามาหรือ…ลินา" คนบ้าพูดจายียวน นิสัยเหมือนมนุษย์เข้าไปทุกวัน"ข้าได้ยินที่เจ้าพูด" เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ หญิงสาว"วันนี้คุณดูหล่อดีนะ อ่ะนี่ หนูเลี้ยง" เธอพูดชมเขาพร้อมทั้งหยิบไอศกรีมใส่ไปในมือให้เขาหนึ่งแท่ง ทันทีที่ไอศกรีมอยู่ในมือของเขา"ละลายเลอะมือหมดเลย คุณนี่ไม่ระวังเลย" เธอรีบหยิบกระดาษทิชชู เช็ดไปที่มือหนาของเขาที่เปื้อนไอศกรีมรสช็อกโกแลตนั้นออกทันที"มือก็ไม่ได้ร้อนนี่คะ" หญิงสาวเงยหน้ามองเขาและสบตากับเขาที่กำลังจ้องมาที่ริมฝีปากของตัวเธอเองจนทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่า"ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะทำให้มันร้อนตอนนี้เลยก็ได้""โอ๊ย หนูไม่ได้บอกว่าต้องการสักหน่อย" ลินารีบสะบัดมือออกทันทีเมื่อรู้สึกว่ามือของเขาเริ่มร้อนขึ้นมาบ้างแล้ว"ข้าไม่ได้ตั้งใจ ทำไมข้าควบคุมอะไรไม่ได้เลย เจ้าต้องช่วยข้านะลินา" สายตาวิงวอนของเขานั้นกำลังขอร้องเธอให้เห็นใจ ซึ่
"ปาวกะ" หญิงสาวเรียกเขาเบาๆชายหนุ่มก้มมองใบหน้าของหญิงสาวในขณะที่ยังอุ้มเธอเดินขึ้นมาจากน้ำ"มีคนจมน้ำอยู่ คุณต้องลงไปช่วยเขา" เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนที่แข็งแรงนั่น"เจ้าดูไม่ออกจริงๆ เหรอ ว่าเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเจ้าหรือภูตผีที่อยู่ในน้ำนั่นอยู่แล้ว" เธอค่อยๆ ชะโงกหน้ามองไปยังจุดที่เห็นว่ามีคนจมน้ำโดยมองผ่านไหล่กว้างของชายหนุ่มลงไปในขณะที่เขากำลังอุ้มเธอขึ้นฝั่ง ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้หญิงสาวต้องโอบต้นคอของเขาจนแน่น มันน่าสะพรึงกลัวจนขนลุก ที่จู่ๆ ร่างสาวผมยาวเน่าเฟะนั้นก็เกิดไฟลุกท่วมตัวเสียงหวีดร้องดังลั่นไปทั่วสวนสาธารณะ"หนูกลัว" หญิงสาวบอกเขาเสียงสั่น"เจ้าก็เกือบได้เป็นตัวแทนตัวตายแล้วเหมือนกัน""ไม่ หนูยังไม่อยากตายค่ะ" เทพผู้สง่างามค่อยๆ วางหญิงสาวลงโดยที่สภาพของทั้งคู่เปียกโชกเธอเกือบตายแล้วจริงๆ ถ้าไม่ได้เขามาช่วยป่านนี้เธอคงจมน้ำตายไปแล้ว"ขอบคุณนะคะที่มาช่วยหนู ถึงหนูว่ายน้ำไม่เป็นแต่คุณก็ทำให้หนูลอยในน้ำได้นานขนาดนั้น" หญิงสาวยืนเอามือกอดตัวเองเพราะความหนาวจนตัวเธอสั่นไหว"ข้าไม่ได้ทำให้เจ้าลอยน้ำได้เลยลินา" เขาตอบเสียงเรียบพร้อมด้วยใบหน้าที่มีความสงสัย"จริงเหร
ที่ห้องเช่าของลินา"ลินา มัวทำอะไรอยู่ เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก" เรย์เรียกพี่สาวที่อยู่ในห้องให้รีบออกมา"รู้แล้วๆ กำลังออกไปไง" ลินารีบหยิบรองเท้าส้นสูงใส่อย่างทุลักทุเล ก็เพราะไอ่น้องชายตัวแสบมันอาสาจะไปส่งที่บริษัทที่อินคาทำงาน ใช่แล้วเธอได้ทำงานที่บริษัทนั้นแล้ว บริษัทที่มีดาราแล้วอินคาก็คือหนึ่งในดาราที่กำลังจะโด่งดังนั้นเอง"จะรอดไหมวะไอ่ลินา พี่ว่าถ้าให้เรย์ขี่ไปส่ง มีหวังแหกโค้งตรงปากซอยนี่แหละไม่ได้ไปไหนไกลหรอก" พี่อาร์มพูดพร้อมส่ายหัวในขณะที่เรย์พยายามสตาร์ทมอ'ไซค์ด้วยเท้าไปหลายรอบแต่มันก็ยังไม่ติดสักที ทั้งที่ปุ่มสตาร์ทด้วยมือก็มี"แรงตกหรือไงวะเรย์" พี่อาร์มพูดพร้อมกับเดินมากดปุ่มสตาร์ทมือให้"โฮ้ พี่มีแบบสตาร์ทมือก็ไม่บอก" ลินากับอาร์มมองหน้ากัน จริงๆ เรย์แทบไม่เคยได้ขี่มอ'ไซค์เลยด้วยซ้ำ ที่บ้านก็มีรถยนต์แค่คันเดียว แถมจะไปไหน ก็ต้องนั่งรถประจำทางไป ไม่แปลกหรอกที่น้องมันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้"เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง นายรออยู่นี่แหละ" พี่อาร์มจับแฮนด์รถพร้อมทั้งดันเรย์ให้ถอยออกไป"จะดีเหรอพี่ เกรงใจจังนี่อุตส่าห์ให้ผมยืมรถแล้วยังไปส่งอีก ถ้าใครได้เป็นแฟนพี่นะ โชคดีสุดๆ เลย" เรย์พูด
ณ ดินแดนแห่งหนึ่งอันแสนไกลที่ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถเข้าไปได้อากาศที่เย็นสบายในยามดึก ลมพัดพาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ จากเกสรดอกไม้หอมตลบอบอวลไปทั่วอาณาเขตนั้น เหล่าผีเสื้อหลากสีบินตอมดอมดมเกสรดอกไม้กันอย่างร่าเริง ราวกับโลกใบนี้เป็นของพวกมัน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มขจี ภูเขารายล้อมและถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีหิมะเกาะอยู่ตามยอดไม้ ยอดใบหญ้า ความจริงเมืองนี้น่าจะหนาวเย็นยะเยือกมากกว่าถ้าหากว่าเมืองนี้อยู่ในโลกมนุษย์ เมืองที่สว่างไสวตลอดเวลาด้วยแสงจันทราทั้งกลางวันกลางคืนราวกับมีดวงอาทิตย์อีกดวง แต่หาได้เป็นอย่างนั้นไม่ เมืองนี้ไม่มีดวงอาทิตย์…ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่นั่น มีต้นหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งกำลังจะละลายสลายเป็นหยดน้ำลงบนพื้นดิน ต้นไม้ใหญ่ที่ชายผู้ทรงสง่าผ่าเผยยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นกำลังจะเหี่ยวเฉาทำให้ชายผู้มาใหม่ร้องทักขึ้นในทันที"เฮ้...ปาวกะ" เสียงเรียกของชายหนุ่มที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีส่งเสียงมาจากทางด้านหลัง ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเขาทำท่าปากจู๋เชิงล้อเลียนแบบนั้นทำเอาปาวกะหัวเสียอยู่ไม่น้อยเมื่อได้เห็นท่าทางของเพื่อนสนิทหยอกล้อเขา"เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ข้าล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ดูสิต้น