ร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้าน
"กินกาแฟดีกว่า" ลินายืนเลือกระหว่างนมกับกาแฟที่เรียงกันอยู่ในตู้เย็นขนาดใหญ่แต่เธอยังไม่ทันได้หยิบอะไรก็ต้องตกใจ เพราะว่าเธอเห็นคนหน้าเหมือนกับปาวกะมากกำลังมาเดินเลือกซื้อนมใส่รถเข็นไปประมาณเกือบสิบขวดใหญ่ได้ หญิงสาวต้องรีบหลบเข้าไปอีกฝั่งตรงชั้นวางขนมขบเคี้ยว ในขณะที่ผู้ชายร่างสูงที่เธอหลบอยู่นั้นกำลังเดินเข็นรถเข็นมา 'เขาต้องชดใช้ เธอรู้ไหม เขามาอยู่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว' จู่ๆ ลินาก็นึกคำพูดของผีผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา งั้นก็แสดงว่าพลังของเขาอาจจะหมดไปด้วยถึงได้มาเดินซื้อนมกินแบบนี้ แต่เธอก็หลบหน้าได้ไม่เท่าไหร่เขาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว "ปาวกะ" ลินาอุทานเรียกชื่อของเขาอยู่ในลำคอ "เจ้า!" นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแกมเขียวเพ่งมองมายังลินา ทำให้เธอเกิดรู้สึกประหม่าทันที หญิงสาวยืนสบตากับเขาและนี่ครั้งแรกที่รู้สึกว่าเธอสบตากับเขานานกว่าทุกครั้ง ดวงตาของเขามันไม่ได้เป็นสีแดงเหมือนครั้งก่อนๆ และที่สำคัญดวงตาของเขา…สวยจัง ปาวกะเปลี่ยนทรงผมใหม่หรือบางทีมันอาจจะเป็นทรงเดิมที่ไม่ได้ถูกเซทขึ้น เหมือนครั้งที่แล้วที่เจอกัน ผมหน้าม้าที่ถูกปล่อยลงมาปกคิ้วมันสะท้อนกับไฟบนเพดานของร้านสะดวกซื้อ ทำให้เห็นความเงางามของเส้นผมนั้นอย่างน่าหลงใหล "ข้าชื่อ อคิราห์" เขาตอบเสียงราบเรียบ "อ๋อ…สงสัยฉันทักคนผิดค่ะ ขอโทษนะคะ" ลินาโค้งคำนับให้เขา จะเป็นไปได้ไงหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะขนาดนี้หญิงสาวยืนเกาหัวอย่างงงๆ "เจ้าเลิกขอพรพร่ำเพ้อได้แล้ว มันน่ารำคาญ" น้ำเสียงใหญ่โทนต่ำพูดขึ้น ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสูงที่ต่างกันเกือบสามสิบเซนติเมตร "คะ" ลินายังไม่ทันได้พูดอะไรตอบ เขาก็เดินเข็นรถออกไปจ่ายเงิน เธอมองตามหลังผู้ชายร่างสูงใหญ่นั้นไป และเขาใส่ชุดสีดำทั้งชุดอย่างกับพวกมาเฟียเหมือนที่พ่อของเธอพูดไว้ไม่มีผิด …..และเขาเหมือนปาวกะมาก ครืดๆ ครืดๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของลินาสั่นเพราะมีสายเข้า 'ว่าไงเรย์' หญิงสาวเอ่ยถาม 'ลินา รีบมาบ้านเลยนะพ่อไม่สบาย อยู่ๆ ก็ล้มไปพวกเรากำลังพาพ่อไปหาหมอ' เสียงปลายสายคือเรย์ที่กำลังร้อนใจพูด 'พ่อ..พ่อล้มเหรอ' ลินาไม่รอให้น้องชายของตัวเองตอบอีกครั้ง กลับรีบวิ่งไปสตาร์ทรถยนต์ที่จอดไว้ข้างร้านสะดวกซื้อ ใช่บ้านของเธอมีรถยนต์คันเดียว หญิงสาวร่างบางขับรถไปด้วยใจวิตกกังวลกับอาการป่วยของพ่อเธอเป็นอย่างมาก ระยะทางเพียงแค่หนึ่งกิโลเมตรทำไมมันถึงไกลขนาดนี้ "ลินาๆ มีรถพยาบาลมารับพ่อของเธอไปแล้ว แม่กับน้องชายเธอก็ไปด้วยนะ" หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างบ้านของลินาตะโกนเข้ามาในบ้าน หลังจากที่เห็นหญิงสาวลงจากรถยนต์มา "ป้าอิง พ่อเป็นยังไงบ้างคะ พ่อรู้สึกตัวไหมคะ" หญิงสาวรีบวิ่งไปยืนเกาะตรงขอบรั้วเพราะบ้านของทั้งสองรั้วติดกัน "พ่อของเธอไม่รู้สึกตัวเลย รถพยาบาลมารับไปแล้ว" หญิงสาวพยักหน้าแล้ววิ่งกลับไปที่รถยนต์ทันที "ลินา อย่าลืมล็อกบ้านดีๆ นะ" ป้าอิงตะโกนมาอีกครั้ง ป้าอิงคือป้าข้างบ้านที่โสดและมีอายุห้าสิบห้าปีแล้ว แกขึ้นชื่อรู้เรื่องของคนในหมู่บ้านดีที่สุด ถึงแม้บางครั้งลินาเองจะรู้สึกรำคาญแกอยู่นิดๆ ที่ชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นไปซะหมด แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย "ค่ะป้าอิง ขอบคุณนะคะ" ที่โรงพยาบาล "แม่คะ พ่อเป็นยังไงบ้างคะ" ลินาถามแม่ที่กำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้สะอื้น "พ่อไม่รู้สึกตัวเลย หมอกำลังช่วยอยู่ ฮือๆ" หญิงสาวสวมกอดแม่ที่กำลังร้องไห้และเรย์ก็มายืนโอบกอดทั้งพี่สาวและแม่ของเขาอีกที หญิงสาวเห็นว่าดวงตาของน้องชายแดงมาก เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา แล้วทีนี้เราจะทำยังไงกันดี หมอบอกว่าพ่อของเธอป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายและจะอยู่ได้อีกไม่นาน ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอด้วย พ่อไม่เคยมีอาการอะไรแบบนั้นเลยหรือหมออาจจะตรวจผิด พ่อต้องทนเจ็บปวดมากแค่ไหนกับโรคร้ายนั่น ลินาคิดพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลรินกับความเสียใจ เธอนอนคว่ำหน้าลง ร้องไห้กับหมอนแบบกลั้นเสียงร้องไห้ไว้ เพราะเธอกลัวว่าเรย์น้องชายของตัวเองจะได้ยินแล้วทำให้เขาใจไม่ดีไปด้วย เพราะทั้งสองคนพี่น้องกลับมาที่บ้านเพื่อเก็บของและกำลังจะออกไปเฝ้าพ่ออีกครั้ง "ได้โปรดเถอะ ช่วยคุ้มครองพ่อของหนูให้ปลอดภัย ช่วยให้พ่อหายป่วยจากโรคร้ายนั้นได้ไหม ช่วยพ่อของหนูเถอะนะ" หญิงสาวนอนพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างกับคนหมดหวัง ใช่เธอหมดหวังแล้วจริงๆ เธอยังทำใจไม่ได้ทุกอย่างมันเร็วเกินไป พอลินากับน้องชายมาถึงที่โรงพยาบาล แม่ของทั้งสองก็วิ่งหน้าตื่นมา บอกว่าพ่อฟื้นแล้ว และอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทำให้พวกเขาทั้งสามกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจอีกครั้ง ที่บ้านเกิดของลินา กรุ๊งกริ๊งๆ ลินาที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำถึงกับขนลุก เมื่อเสียงกังสดาลกระดิ่งลมที่แขวนตรงประตูดังขึ้นเหมือนมีใครมาโดนมันทำให้เกิดเสียงนั้น หรือจะเป็นเรย์ที่ลืมของเลยกลับมาเอางั้นเหรอ "เรย์…เรย์เหรอ" หญิงสาวตะโกนออกไป เพราะถ้าเป็นพ่อกับแม่ของเธอคงสูงไม่ถึงที่หัวจะชนกังสดาลนั้นหรอก ก็มีแต่…เรย์ ที่สูงพอที่หัวจะชนทำให้เกิดเสียงอยู่บ้างนิดหน่อย แต่เมื่อกี้เสียงมันดังแรงมาก เมื่อเธอเรียกชื่อน้องชายของเธอก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา ทำให้ลินารีบคว้าผ้าขนหนูสีขาวมานุ่งกระโจมอกและรีบเปิดประตูออกไปดูในทันที "ไม่เห็นมีใครเลย อาจจะเป็นลมที่พัดเข้ามาก็ได้" เธอพูดปลอบใจตัวเองไปอย่างนั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าหน้าต่างไม่ได้เปิด แถมประตูก็ยังถูกปิดสนิทอีก "สองทุ่ม" เธอหันไปดูนาฬิกาที่แขวนตรงฝาผนัง ยังไม่ดึกมากพอที่ผีจะมาหลอกคนได้เธอคิดแบบนั้นจึงเดินเข้าไปอาบน้ำต่อ แต่ก็สังเกตเหมือนว่ามีสิ่งมีชีวิตสีขาวนวลที่นอนหายใจจนท้องกระเพื่อมอยู่บนเตียงของเธอ "แมวเหรอ" หญิงสาวจับแมวอุ้มขึ้นมาแต่มันยังคงนอนหลับปุ๋ยตัวอ่อนปวกเปียกเพราะหลับสนิท "พี่น่ะ ตกใจหมดแต่เข้ามาได้ไงเนี่ย คงง่วงมากล่ะสิ" เธอเอาใบหน้าถูกับจมูกสีชมพูของมันอย่างเอ็นดู ขนสีขาวที่ดูสะอาดสะอ้าน แถมยังมีกลิ่นหอมจากน้ำยาปรับผ้านุ่มอีกไม่รู้ว่าแมวของใครหลุดมา แต่ทำไม มันถึงเหมือนแมวที่เธอเจอเมื่อวันก่อนตอนอยู่ในห้องของปาวกะกันล่ะ "ทำไม หนูน่ารักขนาดนี้เนี่ย จุ๊บ" ลินาจุ๊บไปที่ปากสีชมพูของมันเบาๆ พึ่บ! ไฟดับ แล้วจู่ๆ ร่างของเธอที่นุ่งผ้าขนหนูสีขาวกระโจมอกอยู่ ก็ถูกร่างกายที่ใหญ่โตกดทับเอาไว้ "ขโมยยย ชะ..ช่วยด้วย" ร่างบางตะโกนจนสุดเสียงแต่ก็มีมือหนาๆ มาปิดปากไว้ซะก่อน ทำให้เธอดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดใหญ่โตนั้นอย่างไม่มีทางที่จะหลุดออกมาได้ "เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกขอพรพร่ำเพรื่อ ข้ารำคาญ" เสียงทุ้มใหญ่น่าเกรงขามนั้นพูดอยู่ข้างใบหูของเธอในระยะลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่รดต้นคอของหญิงสาวจนเธอถึงกับห่อไหล่ "ปาวกะ" ร่างบางพูดขึ้น "อคิราห์ ข้า…อคิราห์" เสียงทุ้มใหญ่พูดย้ำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ปล่อยก่อน" ร่างบางดันตัวเองออกจากอ้อมแขนที่แข็งแรงของเขาจนสุดกำลัง แล้วจู่ๆ ไฟก็ติดขึ้นมาทำให้เธอเห็นผู้ชายที่ใส่ชุดสีดำที่นอนอยู่บนเตียงได้ถนัดตาแต่เขายังคงนอนหลับตาอยู่ "คุณไม่ควรมาอยู่ที่ห้องนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นปาวกะหรืออคิราห์" หญิงสาวรีบเอามือปิดป้องหน้าอกตัวเองเมื่อเขาลืมตาขึ้นมามองเธอ ผมหน้าม้าที่ปิดจนถึงคิ้วของเขาพลิ้วไหว เธอคิดว่าเพียงแค่เธอยกผมนั้นขึ้นก็จะรู้ทันทีว่าเขาเป็นปาวกะจริงอย่างที่เธอคิดไว้หรือไม่ หญิงสาวนึกถึงคิ้วที่ยกสูงเหมือนคนตกใจตลอดเวลา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาที่เจอกันครั้งแรกนั้น มันทำให้หญิงสาวไม่สามารถลืมไปได้เลย"ข้าขอนอนพักสักหน่อยเจ้าอยากไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ" เขานอนหงายแล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ เธอไม่แน่ใจว่าคนที่นอนบนเตียงอยู่ตรงหน้านี้เป็นเทพหรือเป็นผีกันแน่ แล้วแมวตัวนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ"โอ๊ย…คิดแล้วปวดหัว นี่ถ้าฉันออกมาแล้วยังเจอคุณนอนอยู่บนเตียงอีกเราได้เห็นดีกันแน่ ฉันไม่กลัวหรอกนะ ว่าคุณจะเป็นผีหรือเป็นใครเพราะว่าตอนนี้คุณกำลังบุกรุกห้องนอนของฉันอยู่" หญิงสาวยืนตะเบ็งเสียงพูดกับเขาโดยแทนตัวเองว่าฉัน ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเจอกันครั้งแรกยังแทนตัวเองว่าหนู แน่ล่ะเพราะเธออยู่ในบ้านของเธอแล้วไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไปพรึบ! จู่ๆ ไฟก็ลุกไหม้เตียงนอนของหญิงสาว เธอขยี้ตาซ้ำๆ เพื่อดูให้แน่ใจ เขายังคงนอนอยู่ในกองเพลิงนั้นอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด มันจะมากไปแล้วนะ! นี่ถึงขนาดเผาเตียงกันเลยเหรอ เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดน้ำใส่ถังใบเล็กมากะว่าจะเอามาดับไฟ แต่ทันทีที่เธอวิ่งถือถังน้ำออกมากลับไม่มีไฟไหม้เลยสักนิดหรือแม้แต่ควันไฟก็ไม่มี ทั้งที่เมื่อกี้เธอเห็นเขานอนอยู่ในกองเพลิงนี่นา แต่ดูสิเขายังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย"ผีหลอกฉันเหรอ หลอกกันแบบนี้เลย" เธอเริ่มสับสนหรื
ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ"แสนดีๆ ทางนี้" ลินายืนโบกมืออยู่ใต้ร่มไม้ตรงทางเข้าคณะ"ลินา แกอ่านหนังสือมาไหม" แสนดีกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางหญิงสาวที่ยืนรอเธออยู่พักหนึ่งแล้ว"อ่านมาอยู่เหมือนกัน รีบไปกันเถอะเดี๋ยวไม่ทัน" ลินาดึงแขนเพื่อนให้เดินตามเธอมา แสนดีเป็นเพื่อนที่สนิทกับลินามากที่สุดเพราะทั้งสองเรียนคณะเดียวกันและรู้จักกันตอนปีหนึ่งตอนรับน้องหลังจากที่ทั้งสองสอบเสร็จช่วงเย็นก็นัดไปกินชาบูร้านประจำกับแสนดี เพราะถ้าสองคนได้ทำงานแล้วอาจจะไม่ค่อยเจอกันอีกก็ได้ นี่เลยเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองเพื่อนสนิทจะได้ไปสังสรรค์ด้วยกันที่ร้านชาบู"แก ว่าเราจะสอบผ่านไหม" แสนดียังคงกังวลเกี่ยวกับผลสอบของตัวเอง"ผ่านอยู่แล้ว เชื่อฉันสิ" ลินาคีบเนื้อติดมันที่สุกแล้วใส่ไปในจานของแสนดี ผมยาวที่ดัดลอนหน่อยๆ เงยหน้ามามองเพื่อนสนิท"แกเองก็ต้องกินเยอะๆ ด้วยนะลินา ช่วงนี้แกดูผอมไปมากเลย" แสนดีพูดพลางทำท่ายกหน้าอกตัวเองขึ้นล้อเลียนลินา"ฉันซ่อนรูปย่ะถึงน้ำหนักจะลด แต่ก็สะบึ้มเหมือนเดิม" ลินาก็ไม่ยอมยืดหน้าอกใส่หน้าของแสนดีโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีผู้ชายโต๊ะข้างๆ มองพวกเธอสองคนอยู่"อินคา" ลินาพูดเบาๆ พร้อม
ลินากลับมาที่ห้องเช่าพร้อมกับขนม นมและบะหมี่ที่เธอซื้อมาเมื่อครู่นี้ และไขกุญแจเข้าไปในห้อง"ทำไมวันนี้อากาศมันร้อนจังนะ" หญิงสาวเดินเหงื่อท่วมตัวเข้าไปในห้องนอนแล้วเปิดแอร์ทิ้งเอาไว้ เพื่อที่ว่าเวลาอาบน้ำเสร็จจะได้กระโดดขึ้นเตียงเลยหญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอรัดติ้ว เปิดห่อบะหมี่แกะใส่ชามแล้วจัดการต้มน้ำร้อนและทิ้งซองบะหมี่ลงในถังขยะ แต่เธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งอยู่ในนั้น"เครื่องดื่มชูกำลัง" หญิงสาวเห็นขวดพวกนั้นอยู่ในถังขยะในห้องครัว หรือว่าเธอจะเข้าห้องผิดแต่ของใช้ภายในห้องก็ของเธอทั้งนั้น หรือว่าจะเป็นขโมย หญิงสาวเริ่มใจคอไม่ดีเพราะช่วงหลังมานี้มีอะไรเกิดขึ้นแปลกๆ กับเธอเยอะมาก เธอจึงเลยเดินสำรวจรอบห้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีขโมยเข้ามาแอบแฝงจริงๆ ไม่มีอะไรที่ผิดปกตินอกจากเครื่องดื่มชูกำลังที่อยู่ในถังขยะเท่านั้น อาจจะเป็นแสนดีที่เข้ามาเมื่อครั้งก่อนแล้วกินของพวกนี้ก็ได้ เธอเองอาจไม่ทันได้เห็น แต่มันไม่ควรจะเยอะแบบนี้ไหม ไม่หรอกแสนดีมาบ่อยเลยกินเยอะก็แค่นั้น ความคิดในหัวของหญิงสาวกำลังต่อสู้กันไปมาจนเกิดความกลัวขึ้นมานิดๆ แต่ก็ต้องยอมแพ้เพราะขโมยที่ไหนจะเข้า
"บะๆ ใบหน้าของคุณ ทำไมมันซีดเซียวขนาดนี้แถมยังมีเส้นเลือดปูดขึ้นตามใบหน้าของคุณอีก" ลินาพูดไม่เป็นภาษาพร้อมกับดันตัวเองถอยออกมาและลุกขึ้นยืนถอยกรูดจนไปชนผนังห้องนอน"อย่ากลัวข้าเลยลินา" เขาพูดในขณะที่ยังหลับตาเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาจึงค่อยๆ หายไป"คุณไม่สบายเหรอคะ สีหน้าดูไม่ดีเลย" หญิงสาวเดินขยับเข้ามายืนใกล้เขาเพื่อจะได้มองชายหนุ่มตรงหน้าให้ชัดขึ้น"อือ" เขาตอบสั้นๆ ในลำคอ"หนูจะออกไปเอายามาให้คุณ" ลินาเอ่ยด้วยท่าทางกังวล"ไม่ต้อง มันไม่หายหรอก เจ้านอนซะเถอะลินา""แล้วคุณเป็นใคร ผีเหรอ เทพ หรือว่าปีศาจล่ะ""เจ้าอย่ากวนใจข้านักเลย ข้าต้องการพักผ่อน""คุณก็ตอบหนูมาก่อนสิคะ ว่าคุณเป็นใครกันแน่เพราะถ้าคุณเป็นผีหนูจะได้เอาหมอผีมาไล่คุณ""เจ้ากล้าเหรอ" ชายหนุ่มที่นอนบนเตียงตะเบ็งเสียงดังลั่นจนหญิงสาวสะดุ้งเพราะเสียงที่น่าเกรงขามนั้นมันกังวานจนน่ากลัว"งั้นหนูไปนอนหน้าทีวีดีกว่า คุณนอนในนี้เถอะ" หญิงสาวจะเดินออกไปแต่ก็ถูกผู้ชายที่นอนอยู่ลุกขึ้นมาดึงแขนของเธอให้ล้มตัวลงนอนไปพร้อมกับเขา"คุณกำลังทำให้หนูกลัว ปล่อยหนูเถอะ" ร่างใหญ่ได้ฟังดังนั้นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองหญิงสาวอย่างพิ
เช้าวันใหม่ลินาตื่นมาอีกทีก็สายตะวันโด่ง เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและจัดการกิจวัตรประจำวันก่อนไปมหาวิทยาลัยอย่างเร่งรีบ เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่เพราะว่าเตียงของเธอถูกปาวกะยึดไปน่ะสิ เธอเลยต้องมานอนตรงโซฟานี้แทนเมื่อจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยเธอก็รีบวิ่งออกจากห้องเช่าไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าปากซอยทันที"สาธุ ขอให้หนูไปทันสอบด้วยเถิด เพี้ยง" ลินายกมือไหว้ขึ้นท่วมหัว จนเธอนึกถึงคำพูดของปาวกะ"ไม่ค่ะ ไม่ต้องช่วยหนู หนูพูดเล่นค่ะ หนูไม่ได้อยากอายุสั้นขนาดนั้น" ถ้าเธอไปไม่ทันสอบนะ น่าดูเลย เพราะเมื่อคืนมัวแต่สนใจเรื่องของปาวกะนี่สิ เลยทำให้ลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้"พี่อาร์มขับเร็วๆ หน่อยได้ไหม หนูสายแล้ว" ลินาตีไหล่พี่วินมอเตอร์ไซค์ดังป้าบ"จะรีบไปตายที่ไหนวะ แค่นี้พี่ก็บิดจนสุดแล้วเนี่ย" อาร์มวินมอเตอร์ไซค์ที่หล่อที่สุดในย่านนี้เปิดหมวกกันน็อกพูดกับร่างบางในทันที"หนูไปสอบน่ะสิ ขับเร็วๆ อีก ชักช้าจริงๆ" หญิงสาวนั่งลนลาน เพราะมันเลยเวลาเข้าห้องสอบมาเกือบสิบนาทีแล้ว"ใจเย็นๆ ไอ้ลินา อยากรถแหกโค้งตายหรือไง พี่เพิ่งจะยี่สิบเจ็ดเองนะเว้ย""ยี่สิบเจ็ดแล้วไง ตายไม่ได้หรือไงพ
ครืดๆๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าเป้ของลินาสั่น"แสนดี" หญิงสาวเอ่ยรับโทรศัพท์เมื่อรู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายคือเพื่อนสนิท'ลินา ทำไรอยู่''กำลังจะกลับเข้าห้อง แกมีอะไร''เอ่อ พี่อาร์มอยู่ที่คิววินไหม''ไม่รู้สิ ยังไม่เข้าไปในซอยเลย ทำไมเหรอ…' ลินาแกล้งแซวแสนดีเล่นๆ เพราะรู้ว่ายัยเพื่อนคนนี้ของเธอคลั่งรักพี่อาร์มสายโหดจะตาย'ถ้าพี่อาร์มอยู่ ฉันจะเข้าไปหาแกเดี๋ยวนี้เลย ซื้อของอร่อยๆ ไปด้วย' นั่นยัยเพื่อนคนนี้เอาของกินมาล่อเธออีกแล้ว"งั้นแกซื้อของอร่อยๆ มาเลยพี่อาร์มเตะบอลอยู่ที่สนามมาเร็วๆ เลยนะ" ลินายืนมองกลุ่มผู้ชายที่เตะบอลกันอยู่ในสนามอย่างสนุกสนานและหนึ่งในนั้นก็คืออาร์มที่เพื่อนสนิทอย่างแสนดีหมายปองไว้อยู่'จัดไปเลยแก ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ' พี่อาร์มชายหนุ่มรูปหล่อน่าจะยังคงไม่รู้ว่าแสนดีหน้าหมวยสุดสวยน่ะโคตรจะชอบพี่เขาเลย ถึงขนาดวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา แสนดีฝากลินาให้เอาดอกกุหลาบไปให้พี่อาร์มช่อเบ้อเริ่มเลยแถมยังไม่ให้บอกว่าเป็นแสนดีฝากมาให้ด้วย คงจะรู้สึกอายถ้าเขาไม่รักตอบ แต่ดูๆ ไปแล้ว อาร์มก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจแสนดีเลยสักนิด กลับพูดจาไพเราะเสนาะหูซึ่งต่างกับเธอมากที่เขามักจะพูดดุดันใส่ต
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ลินาสะดุ้งอีกครั้ง"ถ้าเจ้าไปเปิดประตูนั่น ข้าจะเผาคนที่มาเคาะทันที" ปาวกะนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงเก้าอี้ด้วยท่าทางสง่างามราวกับเทพบุตรมาจุติ"ลินาๆ อยู่ไหมวะ" เสียงของอาร์มที่ตะโกนเรียกเธออยู่หน้าห้องทำให้หญิงสาวต้องขานรับในทันที"อยู่ค่ะ พี่อาร์มมีอะไรหรือเปล่าคะ" ลินาตะโกนออกไป"พี่ซื้อข้าวมาฝาก เห็นซื้อแต่บะหมี่กิน จะประหยัดไปถึงไหนวะ" หญิงสาวจึงหันไปมองหน้าของปาวกะที่เชิดขึ้น แต่ยังจ้องมองเธออย่างเขม็งราวกับจะฆ่าเธอให้ตายด้วยสายตาคู่นั้นซะให้ได้"ทำไมจะเปิดประตูไม่ได้ล่ะคะ ก็พี่อาร์มคนรู้จักหนูเอง" เธอยืนพูดกับปาวกะที่ใส่ชุดสีดำทั้งชุด แต่พอเขาได้ฟังที่เธอพูดก็ทำให้มีไฟลุกโชนขึ้นจากดวงตาของเขาทันที"พี่อาร์ม…ไม่เป็นไรค่ะ หนูกินแล้วขอบคุณมากนะคะ" หญิงสาวตะโกนออกไปอีกเพื่อหวังให้คนที่อยู่หน้าประตูเดินกลับที่พักของตนเองไป"เฮ้ย อะไรวะ ซื้อมาฝากนะเนี่ย" พี่อาร์มนี่ก็พูดเพราะสุดๆ เลย ร่างบางจึงหันไปมองหน้าของปาวกะอีกครั้ง แต่เขากลับนั่งกระดิกเท้าแล้วผิวปากอย่างสบายใจด้วยท่าทางยียวนกวนประสาทแบบที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเทพจะทำเธอหัวร้อนได้ถึงเพียงนี้"พี่อาร์มเอ
ลินาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มผ้าปูสีชมพูที่เธอเพิ่งเปลี่ยนผ้าปูใหม่ กำลังนอนขบคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับชายที่อ้างว่าตัวเองเป็นเทพดี เธอควรจะกำจัดเขาไปให้สิ้นดีไหม เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอก็ดีดตัวเองขึ้นมาจากที่นอนเพราะมีความคิดดีๆ ที่จะจัดการเขาแล้ว"ขอพรเท่านั้น พลังของเขาก็จะหมดไป ฮึๆ" เสร็จเธอแน่หญิงสาวหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงแผนการชั่วร้ายของตัวเอง"หนูขอให้สอบผ่านได้เอ ทุกวิชาด้วยเถิด สาธุ" ร่างบางยกมือไหว้ขึ้นท่วมหัว"เจ้าคงไม่อยากตายจริงๆ ใช่ไหม" จู่ๆ ร่างใหญ่ที่เธอนึกถึงก็มาเท้าแขนคร่อมบนตัวของเธอ จนหญิงสาวล้มนอนราบกับเตียงอีกครั้ง"นี่...คุณลงไปเลยนะฉันอึดอัด" ลินาดันหน้าอกกว้างของปาวกะให้ออกห่างจากตัวของเธอ"เจ้าแทนตัวเองว่าฉัน งั้นเหรอ" เขาถามเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจเพราะเขามักจะได้ยินเธอแทนตัวเองว่าหนู ซึ่งมันบ่งบอกว่าเธอมีความเคารพในตัวของเขาเกี่ยวกับอายุ"ก็จะพูด ฉันๆ น่ะมีอะไรไหม" หญิงสาวพูดรัวพร้อมกับทำหน้ายียวนกวนประสาทเขาบ้าง เพราะเขาน่ะล้ำเส้นเธอเกินไปแล้ว เข้าออกห้องของเธอตามอำเภอใจ แถมยังขึ้นมาคร่อมเธอแบบนี้อีก ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าเกินไปจะเรียกว่าอะไร"ข้าน่ะอายุเกือบสามร้
“มาเอาเสื้อที่ส่งซักครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงดังฟังชัด จนผู้ชายที่อยู่ในร้านนั่งหมุนเก้าอี้หันมา“มาแล้วเหรอ กำลังรออยู่พอดีเลย” น้ำเสียงที่ไพเราะแต่เย็นเข้ามาถึงในหัวใจและใบหน้าที่คุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน“น้องใช่เพื่อนเรย์ หรือเปล่าคะ จำพี่ได้ไหมคะที่น้องไปหาเรย์ที่บ้านวันนั้น” ลินายืนพูดกับผู้ชายที่ดูใจเย็นยิ้มแย้มเก่งไม่เหมือนกับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ นี่“จำได้สิ น่ารักขนาดนี้ใครจะจำไม่ได้” เขายิ้มที่มุมปากหนึ่งครั้ง“ใครอ่ะ ลินาเพื่อนเรย์เหรอ ดูเหมือนว่าจะอายุมากกว่านะ” พี่อาร์มยืนพูดกอดอกหน้าตายียวนตามสไตส์ของเขา“ใช่ ผมอายุมากกว่าเรย์” แล้วเขาก็เดินไปหยิบชุดที่ใส่ไม้แขวนใส่ถุงคลุมอย่างดียื่นมาให้“อุ๊ย” ลินาร้องเมื่อมือของเขาจับมือของเธอในขณะที่ส่งถุงเสื้อมาให้ เขายังคงจับไม่ปล่อย จนอาร์มที่เห็นเหตุการณ์อยู่กระชากถุงออกมา หญิงสาวสะดุ้งเฮือก เพราะเมื่อกี้ใจของเธอเหมือนมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูกเหมือนกัน“กลับได้แล้วลินา” ชายหนุ่มหน้าเหวี่ยงลากหญิงสาวออกมาอย่างหัวร้อน“เพื่อนเรย์ จริงเหรอลินา” พี่อาร์มถาม“อือ วันนั้นเขาไปหาเรย์ที่บ้านน่ะ”“เรย์คบเพื่อนแปลกๆ แบบนี้เหรอ” เข
“ลินาๆ ตื่นสิ มานอนทำอะไรตรงประตูเนี่ย” เสียงของเรย์ปลุกให้หญิงสาวลุกขึ้น“หือ” เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองน้องชายด้วยท่าทางงุนงง“เรย์ตกใจหมด คิดว่าลินาลื่นล้มหัวฟาดพื้นพอดูน้ำลายที่ไหลยืดแล้วก็เลยคิดว่าน่าจะนอนหลับมากกว่า” เขาหัวเราะคิกคักให้พี่สาวของตัวเอง หญิงสาวที่อยู่ในอาการงงอยู่ค่อยๆ คิดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้“ปาวกะ” หญิงสาวหลุดพูดชื่อของชายที่เธอช่วยเขาไว้เมื่อคืน“อะไรปาวกะ ใครเหรอ” เรย์ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว“เปล่าๆ ไม่มีอะไรแกไปเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว” ร่างเล็กค่อยๆ ลุกขึ้น“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” เรย์พูดขึ้นทำให้เธอนึกขึ้นได้ เพราะดูเหมือนว่าเธอยังอยู่ในอาการมึนงงอยู่“กี่โมงแล้วเนี่ย สายแล้วทำไมเพิ่งมาเรียกฉันห้ะ” เธอรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว“เดี๋ยวเรย์ไปส่งนะลินา”“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวให้พี่อาร์มไปส่ง”“พี่อาร์มกลับมาที่ไหนกันล่ะ” หญิงสาวได้ฟังจึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมพยักหน้ารับรู้ จริงสิ เขากลับบ้านไปแล้วเธอลืมสนิทเลยที่ทำงานของลินา“หวัดดี ลินา” อินคาร้องทักในขณะที่หญิงสาวกำลังเตรียมจัดฉากถ่ายแบบของเขาอยู่“หวัดดี อินคา” เธอหันไปยิ้มหวานสดใสให้เขาและไม่รู้ว่าเขา
“คุณเป็นยังไงบ้าง ได้ยินหนูไหมคุณไปทำอะไรมาทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ” ลินาเขย่าชายหนุ่มที่นอนอยู่บนตักของตัวเอง“อ๊ากก เฮือกก” เสียงร้องของเขาที่ร้องด้วยความเจ็บปวดทำให้เธอต้องรีบบีบมือของเขาจนแน่น“หนาว ข้าหนาว” เขาบอกเสียงสั่นสะท้าน ก็แน่ล่ะเขาตัวเปียกโชกขนาดนี้แถมข้างนอกฝนยังตกตลอดอีก เธอค่อยๆ ถอดเสื้อที่เปียกของเขาออกแล้วดึงผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงมาคลุมตัวของเขาไว้แทน“ปาวกะ คุณเป็นยังไงบ้างหนูจะช่วยคุณได้ยังไงคะ” เมื่อกี้หญิงสาวเผลอเรียกเขาว่าปาวกะ ใช่ก่อนหน้านั้นเขาบอกว่าเขาคือปาวกะ แล้วอคิราห์ล่ะหรือว่าเขาจะมีฝาแฝด“ขอพรกับข้าสิ ลินา” หญิงสาวเบิกตากว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบอกให้เธอขอพรเพราะที่ผ่านมาเขามักจะบ่นเรื่องที่เธอขอพรพร่ำเพรื่อกับเขาเสมอ“ได้ งั้นหนูขอให้คุณหายจากอาการบาดเจ็บนี้ด้วยเถิด”“ลินา ฟังข้านะเจ้าไม่สามารถขอพรจากข้า เพื่อช่วยตัวข้าได้ลองนึกดีๆ ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด”“ทำไมคุณต้องมาให้หนูขอพรในเวลาแบบนี้ด้วยล่ะ สิ่งที่หนูต้องการมากที่สุดตอนนี้ คืออยากให้คุณหาย” หญิงสาวน้ำตาหยดแมะไปที่แก้มของเขาด้วยความสง
ลินามาลองคิดดูว่าหลายวันมานี้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นที่เธอจมน้ำที่สระสาธารณะนั่น หรืออาจจะเป็นตั้งแต่ที่เธอได้พบกับเขา ปาวกะ“เฮ้อ ช่วงนี้เป็นอะไรนะ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะลินา” เธอเดินบ่นอุบอิบแล้วทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟาและค่อยๆ หลับตาลงก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูอยู่หน้าห้องของหญิงสาว“เรย์ ไปเปิดประตูสิ เพื่อนมาแล้วมั้ง” ลินาตะโกนเรียกน้องชายที่อยู่ในห้องเล็กๆ แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา“เรย์ ไปเปิดประตูหน่อย” หญิงสาวตะโกนอีกครั้ง แต่ก็เงียบสงสัยจะหลับแล้วอะไรกันยังไม่ดึกสักหน่อย เธอดูเวลาที่โทรศัพท์ มันเพิ่งจะสามทุ่ม นี่เธอเผลอนั่งหลับไปตอนไหนกันหญิงสาวจึงลุกไปเปิดประตูเอง“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของเรย์” ผู้ชายร่างสูง ผิวขาว ดูเป็นคนนิ่งๆ พูดกับลินาอยู่หน้าห้อง“อ๋อ เดี๋ยวเรียกเรย์ให้นะ เข้ามาก่อนสิสงสัยเรย์จะหลับอยู่” ลินาเดินงงๆ ไปหาน้องที่ห้อง พลางคิดว่าผู้ชายที่เป็นเพื่อนของเรย์ทำไมถึงมาคบกับน้องชายของเธอได้นะ เขาดูเป็นผู้ใหญ่มาก สุขุม ซึ่งต่างกับน้องชายของเธอที
ณ ดินแดนที่ไม่เคยมืดมิดในยามกลางคืน“ปาวกะ เจ้าทำกับนางเกินไปไหม” ชายหนุ่มร่างสูงพูดขึ้น พลางมองไปที่ร่างของหญิงสาวที่มีแต่แผลพุพองไปทั่วร่าง ไม่เหลือหลงความงามไว้อยู่เลย“ข้าเตือนนางแล้ว ว่าอย่าเข้ามาใกล้ข้า” ปาวกะพูดก่อนจะเดินไปที่ร่างนอนแน่นิ่งนั่น และค่อยๆ กรีดข้อมือของตัวเองเพื่อให้เลือดของเขาหยดลงแก้วน้ำที่เขาถือไว้ แล้วประคองร่างที่เคยงดงามนั่นให้ลุกขึ้นนั่งลง ชายหนุ่มค่อยๆ เอียงแก้วที่มีน้ำสีฟ้าอยู่ครึ่งแก้วเข้าปากหญิงสาวไปทีละนิดๆ จนหมด“แล้วทำไมมนุษย์ผู้หญิงคนนั้นถึงโดนตัวของเจ้าได้ โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย ทั้งๆ ที่นางเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น” ชายหนุ่มรูปงามเพื่อนสนิทของปาวกะพูดขึ้น เมื่อเจ้าของเลือดสีฟ้าได้ฟังดังนั้นถึงกับชะงักมือแล้วหันไปมองไคในทันทีแต่เขายังไม่ทันจะตอบ หญิงสาวที่นอนอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาแล้วจับมือของปาวกะเอาไว้“ปาวกะ ท่านใจร้ายกับข้าเหลือเกิน” หญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ค่อยๆ เปิดปากพูดขึ้นแถมแผลที่พุพองตามตัวก็ค่อยๆ จางหายไปในทันที แต่ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ถ้าโดนขนาดนี้แล้ว คงได้ไปยมโลกแล้ว“เจ้านอนพักเถอะ ไว้ข้าจะมาใหม่” ปาวกะค่อยๆ ประคองให้ไอรานอนลงกับเตียงตาม
สามวันต่อมา ที่ร้านสะดวกซื้อ"ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วย" ลินายืนสะดุ้งตกใจเมื่อเขามากระซิบที่ข้างใบหูของหญิงสาวในขณะที่เธอกำลังเปิดตู้แช่หยิบไอศกรีมออกมา"ตกใจหมด ทำไมต้องเดินมาเงียบๆ ด้วยคะ" ร่างเล็กขมวดคิ้วใส่เขา"เจ้าจะให้ข้า…เดินพังร้านเข้ามาหรือ…ลินา" คนบ้าพูดจายียวน นิสัยเหมือนมนุษย์เข้าไปทุกวัน"ข้าได้ยินที่เจ้าพูด" เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ หญิงสาว"วันนี้คุณดูหล่อดีนะ อ่ะนี่ หนูเลี้ยง" เธอพูดชมเขาพร้อมทั้งหยิบไอศกรีมใส่ไปในมือให้เขาหนึ่งแท่ง ทันทีที่ไอศกรีมอยู่ในมือของเขา"ละลายเลอะมือหมดเลย คุณนี่ไม่ระวังเลย" เธอรีบหยิบกระดาษทิชชู เช็ดไปที่มือหนาของเขาที่เปื้อนไอศกรีมรสช็อกโกแลตนั้นออกทันที"มือก็ไม่ได้ร้อนนี่คะ" หญิงสาวเงยหน้ามองเขาและสบตากับเขาที่กำลังจ้องมาที่ริมฝีปากของตัวเธอเองจนทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่า"ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะทำให้มันร้อนตอนนี้เลยก็ได้""โอ๊ย หนูไม่ได้บอกว่าต้องการสักหน่อย" ลินารีบสะบัดมือออกทันทีเมื่อรู้สึกว่ามือของเขาเริ่มร้อนขึ้นมาบ้างแล้ว"ข้าไม่ได้ตั้งใจ ทำไมข้าควบคุมอะไรไม่ได้เลย เจ้าต้องช่วยข้านะลินา" สายตาวิงวอนของเขานั้นกำลังขอร้องเธอให้เห็นใจ ซึ่
"ปาวกะ" หญิงสาวเรียกเขาเบาๆชายหนุ่มก้มมองใบหน้าของหญิงสาวในขณะที่ยังอุ้มเธอเดินขึ้นมาจากน้ำ"มีคนจมน้ำอยู่ คุณต้องลงไปช่วยเขา" เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนที่แข็งแรงนั่น"เจ้าดูไม่ออกจริงๆ เหรอ ว่าเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเจ้าหรือภูตผีที่อยู่ในน้ำนั่นอยู่แล้ว" เธอค่อยๆ ชะโงกหน้ามองไปยังจุดที่เห็นว่ามีคนจมน้ำโดยมองผ่านไหล่กว้างของชายหนุ่มลงไปในขณะที่เขากำลังอุ้มเธอขึ้นฝั่ง ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้หญิงสาวต้องโอบต้นคอของเขาจนแน่น มันน่าสะพรึงกลัวจนขนลุก ที่จู่ๆ ร่างสาวผมยาวเน่าเฟะนั้นก็เกิดไฟลุกท่วมตัวเสียงหวีดร้องดังลั่นไปทั่วสวนสาธารณะ"หนูกลัว" หญิงสาวบอกเขาเสียงสั่น"เจ้าก็เกือบได้เป็นตัวแทนตัวตายแล้วเหมือนกัน""ไม่ หนูยังไม่อยากตายค่ะ" เทพผู้สง่างามค่อยๆ วางหญิงสาวลงโดยที่สภาพของทั้งคู่เปียกโชกเธอเกือบตายแล้วจริงๆ ถ้าไม่ได้เขามาช่วยป่านนี้เธอคงจมน้ำตายไปแล้ว"ขอบคุณนะคะที่มาช่วยหนู ถึงหนูว่ายน้ำไม่เป็นแต่คุณก็ทำให้หนูลอยในน้ำได้นานขนาดนั้น" หญิงสาวยืนเอามือกอดตัวเองเพราะความหนาวจนตัวเธอสั่นไหว"ข้าไม่ได้ทำให้เจ้าลอยน้ำได้เลยลินา" เขาตอบเสียงเรียบพร้อมด้วยใบหน้าที่มีความสงสัย"จริงเหร
ที่ห้องเช่าของลินา"ลินา มัวทำอะไรอยู่ เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก" เรย์เรียกพี่สาวที่อยู่ในห้องให้รีบออกมา"รู้แล้วๆ กำลังออกไปไง" ลินารีบหยิบรองเท้าส้นสูงใส่อย่างทุลักทุเล ก็เพราะไอ่น้องชายตัวแสบมันอาสาจะไปส่งที่บริษัทที่อินคาทำงาน ใช่แล้วเธอได้ทำงานที่บริษัทนั้นแล้ว บริษัทที่มีดาราแล้วอินคาก็คือหนึ่งในดาราที่กำลังจะโด่งดังนั้นเอง"จะรอดไหมวะไอ่ลินา พี่ว่าถ้าให้เรย์ขี่ไปส่ง มีหวังแหกโค้งตรงปากซอยนี่แหละไม่ได้ไปไหนไกลหรอก" พี่อาร์มพูดพร้อมส่ายหัวในขณะที่เรย์พยายามสตาร์ทมอ'ไซค์ด้วยเท้าไปหลายรอบแต่มันก็ยังไม่ติดสักที ทั้งที่ปุ่มสตาร์ทด้วยมือก็มี"แรงตกหรือไงวะเรย์" พี่อาร์มพูดพร้อมกับเดินมากดปุ่มสตาร์ทมือให้"โฮ้ พี่มีแบบสตาร์ทมือก็ไม่บอก" ลินากับอาร์มมองหน้ากัน จริงๆ เรย์แทบไม่เคยได้ขี่มอ'ไซค์เลยด้วยซ้ำ ที่บ้านก็มีรถยนต์แค่คันเดียว แถมจะไปไหน ก็ต้องนั่งรถประจำทางไป ไม่แปลกหรอกที่น้องมันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้"เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง นายรออยู่นี่แหละ" พี่อาร์มจับแฮนด์รถพร้อมทั้งดันเรย์ให้ถอยออกไป"จะดีเหรอพี่ เกรงใจจังนี่อุตส่าห์ให้ผมยืมรถแล้วยังไปส่งอีก ถ้าใครได้เป็นแฟนพี่นะ โชคดีสุดๆ เลย" เรย์พูด
ณ ดินแดนแห่งหนึ่งอันแสนไกลที่ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถเข้าไปได้อากาศที่เย็นสบายในยามดึก ลมพัดพาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ จากเกสรดอกไม้หอมตลบอบอวลไปทั่วอาณาเขตนั้น เหล่าผีเสื้อหลากสีบินตอมดอมดมเกสรดอกไม้กันอย่างร่าเริง ราวกับโลกใบนี้เป็นของพวกมัน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มขจี ภูเขารายล้อมและถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีหิมะเกาะอยู่ตามยอดไม้ ยอดใบหญ้า ความจริงเมืองนี้น่าจะหนาวเย็นยะเยือกมากกว่าถ้าหากว่าเมืองนี้อยู่ในโลกมนุษย์ เมืองที่สว่างไสวตลอดเวลาด้วยแสงจันทราทั้งกลางวันกลางคืนราวกับมีดวงอาทิตย์อีกดวง แต่หาได้เป็นอย่างนั้นไม่ เมืองนี้ไม่มีดวงอาทิตย์…ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่นั่น มีต้นหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งกำลังจะละลายสลายเป็นหยดน้ำลงบนพื้นดิน ต้นไม้ใหญ่ที่ชายผู้ทรงสง่าผ่าเผยยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นกำลังจะเหี่ยวเฉาทำให้ชายผู้มาใหม่ร้องทักขึ้นในทันที"เฮ้...ปาวกะ" เสียงเรียกของชายหนุ่มที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีส่งเสียงมาจากทางด้านหลัง ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเขาทำท่าปากจู๋เชิงล้อเลียนแบบนั้นทำเอาปาวกะหัวเสียอยู่ไม่น้อยเมื่อได้เห็นท่าทางของเพื่อนสนิทหยอกล้อเขา"เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ข้าล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ดูสิต้น