"อย่าเลยเปล่าประโยชน์ เพราะเขาไม่ให้เธอไป" เสียงผีผู้ชายพูดขึ้นในลิฟต์ ลินาได้ยินหมดทุกอย่างแต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วอีกอย่างเธอเองก็คิดว่าผีพวกนั้นต้องรู้ว่าเธอได้ยินหมดเพราะเอาแต่พูดใส่หูของเธอไม่หยุดไม่หย่อน
"ฉันอยากเป็นคนรักของปาวกะ" เสียงผีสาวพูดขึ้น "ก็ลองดูถ้าเธอไม่กลัวเขาเผาตายซะก่อน ไม่มีใครอยู่ใกล้เขาได้ถ้าเขาไม่อนุญาต" เสียงผีผู้ชายตะเบ็งขึ้น ‘นั่นสิถ้าเขาไม่อนุญาตเธอก็ไม่มีสิทธิ์โดนตัวของเขาสินะ’ ลินาเดินลูบแขนของตัวเองเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่ชายลึกลับผู้นั้นมอบให้ ร่างกายของเขาร้อนราวกับไฟ ทำไมชายผู้นั้นถึงทนกับความร้อนได้ขนาดนั้น หญิงสาวตัดสินใจเดินออกมาจากลิฟต์และกลับมายังห้องเดิมอีกครั้ง ชายที่เคยนั่งอยู่ตรงโซฟาตัวนี้หายไปแล้ว แต่เธอก็ต้องแปลกใจที่เห็นแมวตัวสีขาวปลอดขาวสะอาดอย่างกับสำลี นอนหลับท้องกระเพื่อมจากการหายใจเข้าออก ลินามองดูอยู่สักพักขนมันคงจะนุ่มมากๆ ดูจมูกสีชมพูนั้นสิ อุ้งเท้าสีชมพูแดงๆ จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเอาใบหน้าเข้าไปใกล้แมวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่นั้น หรือว่าจะเป็นแมวของปาวกะที่เลี้ยงเอาไว้ หญิงสาวจึงค่อยๆ เอามือลูบขนของมันเบาๆ อย่างเอ็นดู "ขนนุ่มมากแถมตัวอุ่นด้วย ไงจ๊ะ พ่อรูปหล่อทำไมมานอนตรงนี้หนูไม่กลัวปาวกะเผาเหรอดูสิหลับปุ๋ยเชียว" ลินาอุ้มแมวตัวผู้สีขาวขึ้นมากอดและหอมขนของมัน ความนุ่มทำให้หญิงสาวเผลอหลับตาเอาแก้มถูตัวของมันอย่างลืมตัว "จมูกสีชมพูน่ารักจัง ขอจุ๊บทีนะ" ทันทีที่ลินาจุ๊บไปที่จมูกของมัน จู่ๆ ไฟภายในห้องก็เกิดดับและนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่หญิงสาวจุ๊บแมวแล้วไฟดับ แต่มันเคยเกิดขึ้นกับตัวเธอเองอยู่บ่อยๆ "เจ้าทำอะไร" เขาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับไฟที่ติดโดยอัตโนมัติ เจ๋งสุดๆ แถมเขายังถือของมาพะรุงพะรังมีทั้งข้าวกล่อง ขนมและน้ำดื่มที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ นี้แน่ๆ "หนูหาแมวค่ะเมื่อกี้ยังอยู่ในอ้อมกอดหนูอยู่เลย" ลินายกแขนสองข้างแล้วพลิกมือไปมาสำรวจว่าแมวหายไปจากเธอตอนไหนกัน "อ่ะ เจ้ากินนี่ซะ" ชายหนุ่มรูปงามวางถุงข้าวไปบนโต๊ะ "แล้วคุณไม่กินเหรอ" ลินาส่งข้าวที่ชายหนุ่มซื้อมาเพียงแค่หนึ่งกล่องให้เขาคืน "ข้าไม่กิน แล้วอยู่เงียบๆ พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาเจ้ากลับไปส่งที่บ้าน" เขาพูดแล้วติดกระดุมเสื้อสูทสีดำก่อนจะเดินออกไปทางกระจกหน้าต่าง "คะ คุณระวังด้วย…"ลินาตะโกนตามหลังเขาไปอย่างลืมตัว ว่าเขาไม่ใช่คนแบบเธอแต่เขาเป็นผี อย่างน้อยเขาก็น่าจะเดินออกไปทางประตูไม่ใช่เหรอ เขาควรจะนอนพักเอาแรงเหมือนที่เขาบอกสิทำไมต้องส่งเธอกลับบ้านพรุ่งนี้ด้วย เพราะเธออยากกลับตอนนี้เมื่อหญิงสาวคิดแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดในใจทันที "นังเด็กโง่ ปาวกะน่ะต้องถูกลงโทษแน่ๆ บางทีเขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว เธอต้องตายอยู่ในนี้แน่ๆ" เสียงผีสาวเข้ามาอีกครั้ง "ฉันไม่กลัวพวกคุณหรอกนะถึงจะมาแต่เสียงก็เถอะ" หญิงสาวร่างบางหลับหูหลับตาพูด ตุบ! แล้วโทรศัพท์ของเธอหล่นลงบนโต๊ะ ข้างๆ กับโซฟาตัวสีเทาที่เธอนั่งอยู่ "เมื่อกี้มันถูกไฟเผาไปแล้วนี่" ลินารีบกดปุ่มเปิดเครื่องทันทีมันยังใช้การได้อยู่ แถมแบตยังเต็มอีกแต่เมื่อกี้เธอเห็นว่ามันโดนไฟเผ่าไปแล้วทำไมมันยังใช้ได้ปกติล่ะ "ปาวกะ คุณเป็นใครกันแน่" ที่บ้านพ่อแม่ของลินา "ลินา ฟื้นแล้ว" หญิงสาวได้ยินเสียงของแม่ที่ตะโกนดังลั่นบ้าน พร้อมกับเสียงวิ่งโครมครามจากบ้านไม้ชั้นล่างที่กำลังวิ่งขึ้นมาชั้นสอง "ฟื้นแล้วเหรอลูก/ ลินาฟื้นแล้วเหรอ" เสียงของพ่อกับเรย์น้องชายของเธอวิ่งพรวดพราดเข้ามา และเสียงกังสดาลที่แขวนตรงประตูห้องก็ดังขึ้น อาจจะเป็นเพราะน้องชายของเธอวิ่งชนล่ะมั้ง และมันทำให้หญิงสาวได้รู้ว่าเธอกลับมาที่บ้านเกิดของตัวเองแล้ว ลินาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงโดยมีแม่ของเธอประคองอยู่บวกกับพ่อและเรย์ที่คอยลุ้นกันอยู่รอบๆ เตียงนอนอย่างเอาใจช่วย "ใครพาหนูมาส่งที่นี่คะ" หญิงสาวท่าทางอิดโรยพูดขึ้น "มีผู้ชายพาหนูมา เขาบอกว่า…เขาทำให้หนูเจ็บตัว แถมเขาบอกจะให้แม่เอาเรื่องเขาด้วยนะ" หญิงวัยกลางคนพูดแล้วก้มหน้า "ทำไมคะ" หญิงสาวถามเมื่อเห็นแม่ของเธอก้มหน้าและเงียบไป "ใครจะกล้าไปเอาเรื่องล่ะลินา แค่สบตากับเขา เรย์ยังขนลุกเลย" น้องชายตัวแสบของเธอพูดขึ้นแล้วทำท่าลูบแขนตัวเองขึ้นลงเบาๆ "ผู้ชายที่มาส่งหนูเขาหน้าตาหล่อเหลามากนะ แต่แต่งตัวอย่างกับพวกมาเฟียดูน่ากลัวไม่น่าไว้ใจ แล้วเขามาจีบลูกหรือเปล่า" พ่อของหญิงสาวพูดสมทบขึ้น "เปล่านี่ค่ะพ่อ เขาไม่ได้มาจีบหนูหรอกค่ะ" หญิงสาวส่ายหัวแล้วดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอน "หนูขอลงไปเดินเล่นข้างล่างก่อนนะคะ" ลินาก้าวขาลงจากบันไดบ้านไม้ เดินตรงมายังห้องโถงที่มีโทรทัศน์และห้องนั่งเล่น ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปตรงสวนหย่อมหน้าบ้านที่มีดอกคุณนายตื่นสายขึ้นเต็มไปหมดทั่วบริเวณนั้น ปาวกะพาหญิงสาวกลับมาส่งที่บ้านของพ่อกับแม่ของเธอที่ต่างจังหวัดแล้วสินะ บ้านหลังนี้ที่เธออยู่มาตั้งแต่เกิดถึงแม้มันจะดูเก่าไปบ้างแต่ก็คงไว้สวยงามตามแบบบ้านสมัยก่อน "ปาวกะกำลังถูกลงโทษ" ลินาได้ยินเสียงพูดของผีผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว "เขาต้องชดใช้ เธอรู้ไหม เขามาอยู่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว" เสียงผีผู้หญิงยังคงพูดอยู่กับหูของเธอไม่หยุด "ฉันไม่รู้ แต่เลิกพูดถึงเขาทีเถอะ" หญิงสาวตะโกนเพราะความรำคาญในชื่อของคนตัวใหญ่แถมใบหน้าหล่อๆ ของชายที่ชื่อปาวกะก็ลอยไปลอยมาเต็มสวนหย่อมไปหมด เมื่อเดินไปได้สักพักจู่ๆ ลินาก็รู้สึกเจ็บและระบมภายในร่างกายจนต้องนั่งลงฟุบกับสนามหญ้าหน้าบ้าน "ทำไมฉันถึงเจ็บอีกล่ะเพราะเขาแน่ๆ ฉันถึงต้องมาเจ็บตัวอีก ปาวกะ…" ลินาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยหมดเรี่ยวแรง "ลินาๆ เป็นอะไรทำไมมาฟุบนั่งลงตรงนี้" เสียงเรย์น้องชายของลินาที่อายุห่างกันสี่ปี ปีนี้เรย์อายุสิบแปดกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยพอดี ในขณะที่ลินาเองก็กำลังจะเรียนจบปริญญาตรีแต่เรย์ไม่เคยเรียกลินาว่าพี่สักครั้ง เธอเลยคิดว่าความน่าเคารพในตัวของเธอคงไม่มีแล้วสินะ "ไม่เป็นไรหรอก แค่เพลียๆ น่ะ" เรย์พยายามพยุงลินาให้ลุกขึ้น "ก็น่าเพลียอยู่หรอกหลับไปตั้งสามวันสามคืน ทำอย่างกับจะซ้อมตายงั้นแหละ" "นี่ ไอ้น้องบ้ารอพี่หายก่อนเถอะ" หญิงสาวเขกไปที่หัวของเรย์จนเขาร้องเสียงหลง แต่เขาก็ทำอะไรพี่สาวไม่ได้ ได้แต่เดินเกาหัวแกรกๆ เข้าบ้านไป "อะ…อ้าวนี่ ไม่พยุงพี่แล้วเหรอ" "เดินเองสิ ตีขนาดนี้เรย์ไม่สนใจลินาหรอก" เรย์ตะโกนกลับมา แล้วรีบเดินเข้าบ้านไปในทันที ‘สงสัยน้องมันจะโกรธจริงๆ ก็เล่นเขกไปแรงซะขนาดนั้น แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าพอเรามีคนที่มีค่าอยู่ เรากลับไม่เคยเห็นค่าพอเราจะจากเขาไปจริงๆ กลับต้องเสียใจเพราะเรายังทำดีกับเขาไม่มากพอ และเธอเองก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้วล่ะ…'ร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้าน"กินกาแฟดีกว่า" ลินายืนเลือกระหว่างนมกับกาแฟที่เรียงกันอยู่ในตู้เย็นขนาดใหญ่แต่เธอยังไม่ทันได้หยิบอะไรก็ต้องตกใจ เพราะว่าเธอเห็นคนหน้าเหมือนกับปาวกะมากกำลังมาเดินเลือกซื้อนมใส่รถเข็นไปประมาณเกือบสิบขวดใหญ่ได้หญิงสาวต้องรีบหลบเข้าไปอีกฝั่งตรงชั้นวางขนมขบเคี้ยว ในขณะที่ผู้ชายร่างสูงที่เธอหลบอยู่นั้นกำลังเดินเข็นรถเข็นมา'เขาต้องชดใช้ เธอรู้ไหม เขามาอยู่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว' จู่ๆ ลินาก็นึกคำพูดของผีผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา งั้นก็แสดงว่าพลังของเขาอาจจะหมดไปด้วยถึงได้มาเดินซื้อนมกินแบบนี้ แต่เธอก็หลบหน้าได้ไม่เท่าไหร่เขาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว"ปาวกะ" ลินาอุทานเรียกชื่อของเขาอยู่ในลำคอ"เจ้า!" นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแกมเขียวเพ่งมองมายังลินา ทำให้เธอเกิดรู้สึกประหม่าทันที หญิงสาวยืนสบตากับเขาและนี่ครั้งแรกที่รู้สึกว่าเธอสบตากับเขานานกว่าทุกครั้ง ดวงตาของเขามันไม่ได้เป็นสีแดงเหมือนครั้งก่อนๆ และที่สำคัญดวงตาของเขา…สวยจังปาวกะเปลี่ยนทรงผมใหม่หรือบางทีมันอาจจะเป็นทรงเดิมที่ไม่ได้ถูกเซทขึ้น เหมือนครั้งที่แล้วที่เจอกัน ผมหน้าม้าที่ถูกปล่อยลงมาปกคิ้วมันสะท้อนกับไฟบนเพดานข
จากท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าครามสดใส ก็กลับกลายเป็นสีดำมืดสนิทราวกับกลางคืนที่ไร้แสงของดวงดาวและจันทรา แม้แต่ถนนหนทางยังคงมืดมิดพายุก่อตัวขึ้น มันหมุนราวกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนกินตึกขนาดสี่สิบชั้นเข้าไปให้หายไปกับตา ผู้คนต่างยกมือไหว้ร้องขอชีวิตจากพระผู้เป็นเจ้า ทั้งสายฝนและพายุต่างพัดโหมกระหน่ำจนรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่ปลิวไปกับแรงหมุนของลมอย่างไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าความเร็วของลมมฤตยูนี้มันแรงแค่ไหนที่สามารถพัดและดูดกลืนกินตึกเข้าไปภายในวงโคจรของมันหญิงสาววัยยี่สิบสองหน้าตาสะสวยร้องไห้สั่นระริกบนรถประจำทางที่ดับเครื่องยนต์สนิท เพราะระบบภายในรถขัดข้องไปหมดทำให้ไม่สามารถเปิดประตูรถออกไปได้ ทุกคนในรถต่างร้องไห้กันระงม เวลานี้เธอคิดถึงพ่อกับแม่และน้องชายของตัวเองที่อยู่ต่างจังหวัดมากเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าจะต้องมาตายแบบนี้คงจะทำดีกับพวกเขาให้มากๆ“หรือนี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่บนโลกใบนี้” หญิงสาวดวงตาคมโตเบิกโพลงจ้องมองไปยังพายุหมุน ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาทางรถบัสประจำทางที่เธอนั่งอยู่ ผู้คนที่ติดอยู่ในรถต่างมองหาไม้หรือของแข็งเพื่อที่จะทุบกระจกหน้าต่างให้แตกออกไปแต่ทันใด
"เจ้าอยู่ในห้องนี้เงียบๆ ถ้าข้าจัดการปัญหาเสร็จแล้ว จะรีบกลับมา" เมื่อเขาพูดจบก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาของลินาทำให้หญิงสาวตกใจไม่น้อย"นี่มันอะไรกัน หัวใจฉันจะวายตายอยู่แล้ว" ลินารีบเอามือทาบอกของตัวเองผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อลดความหวาดกลัวนั้น"เขาไปแล้ว ปาวกะ (ปา-วะ-กะ) ไปแล้ว ไปดูผู้หญิงคนนั้นกัน" หญิงสาวที่ยังอยู่ในอาการหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่ เธอยังไม่ทันหายตกใจก็กลับได้ยินเสียงคนพูดในห้องนี้อีก แต่ทำไมเธอถึงมองไม่เห็นคนพูดกันล่ะ"เมื่อกี้แกเห็นไหม เขาเอาเลือดของเขาให้เธอดื่ม เธอหายจากอาการบาดเจ็บไปเลย" ลินาถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงพูดพร้อมกับมือที่เย็นเฉียบมาจับที่แขนของเธอ มันเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง"กรี๊ดดด" ลินากรีดร้องดังลั่นห้องนี่ผีหลอกเธอกลางวันแสกๆ เลยเหรอ ความหวาดกลัวทำให้เธอท่องบทสวดนะโมตัสสะ นะโมตัสสะไปด้วยใจสั่นระริกราวกับกลองเพล"อย่าท่องเลยแม่หนู พวกเราไม่กลัวหรอก" เสียงผีผู้หญิงแก่มากระซิบที่ข้างหูของลินา ทำให้หญิงสาวต้องนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง สลับกับเสียงพูดคุยของผีผู้ชาย ที่เธอได้ยินแค่เสียงแต่ไม่เห็นตัวตนของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ"อย่ากลัวพวกเร
ร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้าน"กินกาแฟดีกว่า" ลินายืนเลือกระหว่างนมกับกาแฟที่เรียงกันอยู่ในตู้เย็นขนาดใหญ่แต่เธอยังไม่ทันได้หยิบอะไรก็ต้องตกใจ เพราะว่าเธอเห็นคนหน้าเหมือนกับปาวกะมากกำลังมาเดินเลือกซื้อนมใส่รถเข็นไปประมาณเกือบสิบขวดใหญ่ได้หญิงสาวต้องรีบหลบเข้าไปอีกฝั่งตรงชั้นวางขนมขบเคี้ยว ในขณะที่ผู้ชายร่างสูงที่เธอหลบอยู่นั้นกำลังเดินเข็นรถเข็นมา'เขาต้องชดใช้ เธอรู้ไหม เขามาอยู่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว' จู่ๆ ลินาก็นึกคำพูดของผีผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา งั้นก็แสดงว่าพลังของเขาอาจจะหมดไปด้วยถึงได้มาเดินซื้อนมกินแบบนี้ แต่เธอก็หลบหน้าได้ไม่เท่าไหร่เขาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว"ปาวกะ" ลินาอุทานเรียกชื่อของเขาอยู่ในลำคอ"เจ้า!" นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแกมเขียวเพ่งมองมายังลินา ทำให้เธอเกิดรู้สึกประหม่าทันที หญิงสาวยืนสบตากับเขาและนี่ครั้งแรกที่รู้สึกว่าเธอสบตากับเขานานกว่าทุกครั้ง ดวงตาของเขามันไม่ได้เป็นสีแดงเหมือนครั้งก่อนๆ และที่สำคัญดวงตาของเขา…สวยจังปาวกะเปลี่ยนทรงผมใหม่หรือบางทีมันอาจจะเป็นทรงเดิมที่ไม่ได้ถูกเซทขึ้น เหมือนครั้งที่แล้วที่เจอกัน ผมหน้าม้าที่ถูกปล่อยลงมาปกคิ้วมันสะท้อนกับไฟบนเพดานข
"อย่าเลยเปล่าประโยชน์ เพราะเขาไม่ให้เธอไป" เสียงผีผู้ชายพูดขึ้นในลิฟต์ ลินาได้ยินหมดทุกอย่างแต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วอีกอย่างเธอเองก็คิดว่าผีพวกนั้นต้องรู้ว่าเธอได้ยินหมดเพราะเอาแต่พูดใส่หูของเธอไม่หยุดไม่หย่อน "ฉันอยากเป็นคนรักของปาวกะ" เสียงผีสาวพูดขึ้น "ก็ลองดูถ้าเธอไม่กลัวเขาเผาตายซะก่อน ไม่มีใครอยู่ใกล้เขาได้ถ้าเขาไม่อนุญาต" เสียงผีผู้ชายตะเบ็งขึ้น ‘นั่นสิถ้าเขาไม่อนุญาตเธอก็ไม่มีสิทธิ์โดนตัวของเขาสินะ’ ลินาเดินลูบแขนของตัวเองเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่ชายลึกลับผู้นั้นมอบให้ ร่างกายของเขาร้อนราวกับไฟ ทำไมชายผู้นั้นถึงทนกับความร้อนได้ขนาดนั้น หญิงสาวตัดสินใจเดินออกมาจากลิฟต์และกลับมายังห้องเดิมอีกครั้ง ชายที่เคยนั่งอยู่ตรงโซฟาตัวนี้หายไปแล้ว แต่เธอก็ต้องแปลกใจที่เห็นแมวตัวสีขาวปลอดขาวสะอาดอย่างกับสำลี นอนหลับท้องกระเพื่อมจากการหายใจเข้าออก ลินามองดูอยู่สักพักขนมันคงจะนุ่มมากๆ ดูจมูกสีชมพูนั้นสิ อุ้งเท้าสีชมพูแดงๆ จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเอาใบหน้าเข้าไปใกล้แมวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่นั้น หรือว่าจะเป็นแมวของปาวกะที่เลี้ยงเอาไว้ หญิงสาวจึงค่อยๆ เอามือลูบขนของมันเบาๆ อย่างเอ็นดู
"เจ้าอยู่ในห้องนี้เงียบๆ ถ้าข้าจัดการปัญหาเสร็จแล้ว จะรีบกลับมา" เมื่อเขาพูดจบก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาของลินาทำให้หญิงสาวตกใจไม่น้อย"นี่มันอะไรกัน หัวใจฉันจะวายตายอยู่แล้ว" ลินารีบเอามือทาบอกของตัวเองผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อลดความหวาดกลัวนั้น"เขาไปแล้ว ปาวกะ (ปา-วะ-กะ) ไปแล้ว ไปดูผู้หญิงคนนั้นกัน" หญิงสาวที่ยังอยู่ในอาการหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่ เธอยังไม่ทันหายตกใจก็กลับได้ยินเสียงคนพูดในห้องนี้อีก แต่ทำไมเธอถึงมองไม่เห็นคนพูดกันล่ะ"เมื่อกี้แกเห็นไหม เขาเอาเลือดของเขาให้เธอดื่ม เธอหายจากอาการบาดเจ็บไปเลย" ลินาถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงพูดพร้อมกับมือที่เย็นเฉียบมาจับที่แขนของเธอ มันเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง"กรี๊ดดด" ลินากรีดร้องดังลั่นห้องนี่ผีหลอกเธอกลางวันแสกๆ เลยเหรอ ความหวาดกลัวทำให้เธอท่องบทสวดนะโมตัสสะ นะโมตัสสะไปด้วยใจสั่นระริกราวกับกลองเพล"อย่าท่องเลยแม่หนู พวกเราไม่กลัวหรอก" เสียงผีผู้หญิงแก่มากระซิบที่ข้างหูของลินา ทำให้หญิงสาวต้องนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง สลับกับเสียงพูดคุยของผีผู้ชาย ที่เธอได้ยินแค่เสียงแต่ไม่เห็นตัวตนของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ"อย่ากลัวพวกเร
จากท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าครามสดใส ก็กลับกลายเป็นสีดำมืดสนิทราวกับกลางคืนที่ไร้แสงของดวงดาวและจันทรา แม้แต่ถนนหนทางยังคงมืดมิดพายุก่อตัวขึ้น มันหมุนราวกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนกินตึกขนาดสี่สิบชั้นเข้าไปให้หายไปกับตา ผู้คนต่างยกมือไหว้ร้องขอชีวิตจากพระผู้เป็นเจ้า ทั้งสายฝนและพายุต่างพัดโหมกระหน่ำจนรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่ปลิวไปกับแรงหมุนของลมอย่างไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าความเร็วของลมมฤตยูนี้มันแรงแค่ไหนที่สามารถพัดและดูดกลืนกินตึกเข้าไปภายในวงโคจรของมันหญิงสาววัยยี่สิบสองหน้าตาสะสวยร้องไห้สั่นระริกบนรถประจำทางที่ดับเครื่องยนต์สนิท เพราะระบบภายในรถขัดข้องไปหมดทำให้ไม่สามารถเปิดประตูรถออกไปได้ ทุกคนในรถต่างร้องไห้กันระงม เวลานี้เธอคิดถึงพ่อกับแม่และน้องชายของตัวเองที่อยู่ต่างจังหวัดมากเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าจะต้องมาตายแบบนี้คงจะทำดีกับพวกเขาให้มากๆ“หรือนี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่บนโลกใบนี้” หญิงสาวดวงตาคมโตเบิกโพลงจ้องมองไปยังพายุหมุน ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาทางรถบัสประจำทางที่เธอนั่งอยู่ ผู้คนที่ติดอยู่ในรถต่างมองหาไม้หรือของแข็งเพื่อที่จะทุบกระจกหน้าต่างให้แตกออกไปแต่ทันใด