คำตอบรับของแม่ทัพสาว ราวสายฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของครอบครัวท่านเจ้าเมือง ในอดีตก่อนที่เขาจะเลื่อนตำแหน่ง ได้ทำทุกทางช่วงชิงภรรยาผู้อื่นมา ทั้งยังตั้งใจกำจัดสายเลือดของนางให้พ้นสายตา วันนี้คนทั้งคู่กลับมาพร้อมนำความแค้นมาทวงคืนต่อเขา
“ใต้เท้าเจียงมีสิ่งใดอยากจะแก้ต่างหรือไม่”
“ข้าไม่ได้ทำ! มันเพราะความมิรู้พอของนางต่างหาก”
“ความผิดจะโยนไปมาเพื่อสิ่งใดกัน ไหน ๆ ข้าก็เลือกตัดสินท่านตรงนี้แล้ว ก็ทำเสียให้เสร็จสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนเจียงฮูหยินรู้สึกเช่นไรบ้าง ผิดหวังมากกว่าเดิมอย่างที่ข้าเคยบอกหรือไม่”
“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ ข้ากับลูกมิรู้เห็นในสิ่งที่สามีของข้าทำจริง ๆ นะเจ้าคะ”
“หึ ๆ เรื่องของสามีเจ้าอาจไม่รู้เห็น หรืออาจร่วมมือ ข้าย่อมไม่อาจรู้เห็นภายในใจของเจ้าได้ แต่เรื่องที่กระทำต่อเกาชุนหลางข้าย่อมยากปล่อยผ่าน หากบาดแผลนี้อยู่บนใบหน้าของเจ้าหรือใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ ตอบข้าได้หรือไม่ว่ายินดีมีมันไหม”
ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเกาชุนหลาง รอยแผลเป็นนั้นยากนักที่ใครจะทำใจมองมันได้นาน เจียงฮูหยินทำได้เพียงก้มหน้าหลบสายตาของทุกคน
บาดแผลทางกายเด่นชัด แล้วแผลทางใจของชายหนุ่มจะลึกเพียงใดกัน เสียงสาปแช่งก่นด่าดังขึ้นเป็นระยะ จากแผ่วเบามันดังก้องขึ้นในหูของเจียงฮูหยิน
แม่ทัพสาวชำเลืองมองชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้าง ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก อย่างน้อยคนที่เคยเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาผู้คน วันนี้ก็สามารถที่จะกล้ายืดกายอย่างผ่าเผยได้แล้ว
“รองแม่ทัพข้ารบกวนท่านแจกแจงความผิดต่าง ๆ แก่ท่านเจ้าเมืองได้ทราบด้วย”
“ขอรับ”
รองแม่ทัพเดินมารับสมุดบันทึกในมือของแม่ทัพสาว เรื่องนี้แม้ตัวพวกเขาอยู่ไกลถึงชายแดน แต่มวลเมฆาทำงานได้ดีเยี่ยม แม้บอกไม่ก้าวก่ายกันกับขุนนางในเมือง
แต่ใช่ว่าจะไม่สอดส่องเพื่อปกป้องตนเอง ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็เพื่องานด้านมืด หรือก็คืองานขายข่าว ที่แม้ว่าจะถือเป็นงานสะอาด แต่เป็นอันรู้กันดีว่ามันมิใช่เช่นนั้นไปเสียทุกข่าว
ทุกคำที่รองแม่ทัพหนุ่มพูดออกมา ทำให้ครอบครัวของท่านเจ้าเมืองแทบไร้ที่ให้ยืน เงาหัวเหมือนจะเลือนหายไปตามความผิดแต่ละข้อ มิเว้นแม้แต่เรื่องที่ได้ทำต่อพ่อลูกสกุลเกา
เกาชุนหลางมองไปยังคนที่ทำร้ายเขา ยิ่งรู้ว่าท่านเจ้าเมืองทำสิ่งใดต่อสกุลเกา เขาแทบอยากจะปลิดชีพคนผู้นี้ด้วยมือตนเองยิ่งนัก ต่ำทรามถึงขนาดทำลายการค้า ทั้งยังทำให้สกุลเกาเลือนหายไปจากเมือง ลุงป้าน้าอาตรอมใจตายกันอย่างสิ้นหวัง หลานชายหญิงถูกทารุณและขายให้หอนางโลม จะมีอันใดน่ารังเกียจไปกว่านี้อีกหรือไม่
หญิงสาวสองนางที่สวมหมวดปีกกว้าง ยืนน้ำตานองหน้าฟังสิ่งที่เกิดกับสกุลเกา มือของทั้งคู่กำอาวุธที่ซ่อนภายใต้แขนเสื้อเอาไว้แน่น เรือนร่างที่งดงามถูกพรากไป เพียงเพราะสกุลถูกทำให้ล่มสลาย
“พี่ชายของพวกเจ้าคงไม่อยากเห็นน้อง ๆ ที่มีสายเลือดเดียวกัน ต้องชดใช้ชีวิตให้แก่คนเยี่ยงเดรัจฉานเป็นแน่”
คำพูดที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หญิงสาวทั้งสองแข็งนิ่งด้วยความตกใจ ด้วยไม่คิดว่าจะมีคนรู้เห็นสิ่งที่พวกนางกำลังจะทำ
“ท่านเป็นใคร”
“นายข้าไถ่ตัวพวกเจ้าออกมามิใช่เพื่อให้ทำเรื่องสิ้นคิด แต่เพื่อให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และอย่าได้ถามว่าอดีตคณิกาสามารถเริ่มอะไรได้ หากไม่สนเรื่องมีสามี แต่มุ่งมั่นทำงานหาเงินทองเลี้ยงตนเอง หนทางมากนักที่จะเลือกเดิน”
คนด้านหลังไม่ได้พูดเพียงอย่างเดียว แต่ยังยื่นมืออกมา เพื่อให้หญิงสาวทั้งสองตัดสินใจ ว่าจะเลือกเส้นทางใดสำหรับอิสระที่ได้คืนมา ทั้งคู่ต่างคิดหนัก ด้วยว่าไร้ที่พึ่งในชีวิต หากจะเดินไปบอกแก่ชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างแม่ทัพหญิง ก็กริ่งเกรงจะไม่ได้รับความเมตตา
ทว่าสุดท้ายแล้วมีดสั้นในมือของทั้งคู่ ก็วางลงบนฝ่ามือที่ยื่นมารอรับอย่างว่าง่าย พวกนางเป็นคนที่ถูกกระทำ หากญาติที่มั่งมีเงินทองจะทอดทิ้ง พวกนางก็จะยอมรับต่อชะตานั้น ขอแค่ได้เห็นคนที่ทำลายสกุลของพวกนางดับดิ้นไปต่อหน้าเท่านั้นก็สาแก่ใจแล้ว
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหน!”
“ไปตามเส้นทางที่พวกเจ้าเลือก มาสิ!”
หญิงสาวทั้งสองเดินตามชายหนุ่มไปอย่างว่าง่าย เพราะชีวิตพวกนางนั้นไร้สิ่งที่จะเสียแล้ว หมับ! มือบอบบางของสองพี่น้องจับกันแน่น เมื่อชายหนุ่มผู้นั้น ได้พาเดินเลี่ยงมาจนถึงบันไดทางขึ้นไปหน้าประตูสกุลเกา ซึ่งสายตาของแม่ทัพหญิง และเกาชุนหลางหันมองมาที่ทั้งคู่พอดี
“คุณหนูเกาเชิญ”
สองพี่น้องก้าวขึ้นบันไดไปด้วยขาอันสั่นเทา นานแค่ไหนแล้วคำเรียกขานเช่นนี้หายไป พวกนางถูกขายไปหลังจากสกุลเกาสิ้นอำนาจ แม้จะเป็นสกุลสายรอง ทว่าก็หาได้รอดจากน้ำมือของท่านเจ้าเมือง ซึ่งในอดีตเป็นน้องชายของเจ้าเมืองคนก่อน ที่ย้ายไปประจำที่หัวเมืองอื่น
“ท่านแม่ทัพ ท่านพี่ชุนหลาง”
ทั้งคู่ย่อกายให้แก่แม่ทัพสาว ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา เมื่อท่านแม่ทัพผายมือให้พวกนางไปนั่งยังเก้าอี้ ที่ถูกนำมาวางไว้ถัดจากเกาชุนหลาง
“อย่าร้องไห้ไปเลย วันนี้เราสกุลเกามิว่าสายหลักหรือรอง ล้วนได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน พี่จะไม่อ่อนแอให้ผู้ใดรังแกพวกเจ้าได้อีก”
เกาชุนหลางใช้มืออันหยาบกร้าน ประคองใบหน้าภายใต้หมวกปีกกว้างของญาติผู้น้องทั้งสอง สิ่งที่เขาคิดว่ารู้มากแล้ว แต่วันนี้มันเหมือนพวกเขาได้เปิดตาให้กว้าง กับสิ่งที่มันพังลงด้วยฝีมือของคนต่ำช้า
แม่ทัพสาวไม่ได้สนใจการปลอบโยนกันของสายเลือด ทว่าหญิงสาวพยักหน้าให้ทำการลงทัณฑ์ โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องหรือคำพูดใดอีก วันนี้นางจะให้จบแบบนี้ คนที่ชักใยจะได้ร้อนรนจนหางโผล่
“ท่านแม่ทัพ”
มู่อิงก้าวเข้ามายืนอยู่เบื้องหลังของผู้เป็นนาย พร้อมมองการลงทัณฑ์ในแบบของทหาร การสืบสวนนั้นเสียเวลาเกินไป หลักฐานพร้อมมูลก็แค่ลงมือ แต่จะว่าไปเหมือนสวรรค์เร่งเวลาให้พวกนางเหลือเกิน
บ้านพักตากอากาศตระกูลกวง เซี่ยงไฮ เท้าเปล่าเปลือยค่อย ๆ เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอ ในมือถือตะกร้าผลไม้ตามฤดู ที่พ่อแม่ของเธอปลูกไว้กิน และแจกจ่ายให้ครอบครัวคนดูแล มันกำลังสุกเต็มต้น เธอจึงตั้งใจที่จะเก็บมาให้คู่หมั้นและญาติผู้พี่ได้ลิ้มลอง คุณหมอคนสวยหยุดนิ่งราวรูปปั้น มือที่จับลูกบิดประตูสั่นระริก ภาพด้านในมันยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมากลางแสกหน้า เสียงเพลงเบา ๆ และจูบอันเร้าร้อนของคนด้านใน ทำให้ไม่รู้ถึงการมาของเจ้าของบ้าน หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังเอ่อคลอบดบังภาพเบื้องหน้า เธอตั้งใจจะเซอร์ไพรส์คนรัก ด้วยการตอบตกลงที่จะแต่งงาน หลังจากหมั้นหมายมากว่าหนึ่งปี เธอพร้อมที่จะลาออกจากโรงพยาบาลของกองทัพ มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนตามคำขอของเขา เท้าเปล่าเปลือยขยับถอยออกจากตรงนั้น เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ นี่ใช่ไหม! ความรู้สึกของคนถูกหักหลัง มันรุนแรงจนเจียนตายได้อย่างที่หลายคนเคยบอกเธอ ความพร้อมทุกอย่างในชีวิตมันไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างต้องแลกด้วยการเสียบางอย่าง เหมือนที่พ่อแม่ของเธอมักพูดเสมอ หากมีรักที่ดีเราอาจไร้มิ
หญิงสาวเลือกที่จะโกหกบิดา เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม สำหรับเรื่องที่เธอกำลังตัดสินใจทำ แน่นอนว่าการแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น และญาติของเธอก็ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกนี้ของเธอ โดยการอยู่อย่างผู้หักหลังไปชั่วชีวิตการพูดคุยของเจ้าสัวกวงกับว่าที่ลูกเขย เป็นไปอย่างครื้นเครง ก่อนที่จะมีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ตูม! ร่างของทั้งสามร่วงลงลงน้ำ เมื่ออยู่ ๆ มันเกินโคลงจนทำให้พลิกคว่ำหมับ! ในจังหวะที่กวงฮุ่ยผิงจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ ข้อเท้าของเธอถูกรวบจับเอาไว้ ก่อนตัวเธอจะดิ่งลงใต้พื้นน้ำอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามลืมตาในน้ำ สิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือร่างกำยำของคนรักหญิงสาวพยายามดิ้นรนให้รอดจากเงื้อมือของเขา ทว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ปึก! หญิงสาวเจ็บราวไปทั้งศีรษะ เส้นผมของเธอถูกรวบเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะออกแรง เอาหัวเธอกระแทกเข้ากับหินใต้น้ำอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมคือภาพสุดท้ายที่เธอเห็น แน่นอนว่าสติสุดท้ายมันเลือนรางจนมืดมิดไปในที่สุดชานหลางปล่อยให้ร่างของคนรักจมอยู่เพียงลำพัง โดยที่ตัวเขาลอยออกห่างไปอีกด้าน ก่อนจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น พร้อมทั้งหันรีหันขวาง เพื่อหาคู่หมั้นที
“ใช่ข้าเห็นด้วย เจ้าสมควรแก่วัยที่จะออกเรือนได้แล้ว อีกอย่างนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้า สตรีใดจะคู่ควรกับเจ้าเท่าท่านแม่ทัพหยวน ทั้งแผ่นดินหาไม่ได้แล้วจริง ๆ” เมื่อบุตรชายติดกับของเขาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า ใจจริงเขาไม่อยากให้มีการแต่งงานที่มิได้เกิดจากความรัก แต่หากปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รู้ว่าอีกสักกี่ปี บุตรชายจะแต่งงานเสียที เขาแก่ชราลงทุกวันอยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย “ตรงไหนที่เรียกว่าร้ายกาจขอรับ” “ทุกตรงในสายตาของข้า” การตอบโต้ของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ร่วมรับฟังได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าด้านนอกห้องนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ที่ต้องนำไปส่งให้แก่ผู้เป็นนาย ซึ่งทำให้พ่อลูกคลี่ยิ้มพอใจ กับสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเพราะสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ จะมีเพียงครอบครัวว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นที่รับรู้ ฉะนั้นนับว่าเป็นข่าวสารสำคัญสำหรับหลายฝ่าย “ท่านพี่จะรับนางมาพักที่จวนหรือไม่เจ้าคะ” กั๋วฮูหยินเอ่ยถามสามี ซึ่งนางเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่มาก เพราะอย่างน้อยก็จะได้
“ก่อนออกเดินทาง เราค่อยจ้างคนมาคอยดูแล และปลูกดอกไม้ให้แก่แม่ของเจ้า” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” “พวกท่านเป็นใครกัน” เสียงของชายชราจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหันกลับไปมองอย่างใจเย็น “ข้ากับน้องสาวมาเคารพญาติ” “นางไร้ญาติมานานแล้ว นับตั้งแต่บุตรสาวของนางถูกขายไปเป็นทาสให้แก่พวกวาณิช” น้ำเสียงติดกรุ่นโกรธของชายชรา ทำให้คิ้วเข้มของสองนายบ่าวขมวดเป็นปม ก่อนที่มู่อิงจะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น คนที่นางคิดว่าตายไปแล้ว วันนี้กลับมาปรากฏต่อหน้านางราวชะตานำพายิ่งนัก “ท่านลุง” มู่อิงเรียกชายชราผู้เป็นพี่ชายของมารดา ซึ่งก็คือญาติฝั่งมารดาเพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่ “เจ้าคือ!” “ข้า...” หญิงสาวหันไปสบตากับผู้เป็นนาย เพื่อขอความเห็นว่านางควรเปิดเผยตัวหรือไม่ ด้วยตำแหน่งของผู้เป็นนายในตอนนี้ ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้อย่างสะดวกนัก ด้วยอันตรายมีอยู่รอบด้านและนางก็คือคนที่ศัตรูของท่านแม่ทัพรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะมือซ้ายที่เคียงข้างมิห่างกาย แม่ทัพสาวพยักหน้า
“น่ะ...นี่มัน!” ชายชราชี้นิ้วไปยังรถม้าที่จอดอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหันมองหลานสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “ไปกันเถอะ” แม่ทัพสาวภายมือให้แก่ชายชราและบุตรชายของเขา มู่อิงส่งให้ผู้เป็นลุงขึ้นรถม้า โดยให้น้องชายตามขึ้นไป หญิงสาวขยับไปยืนด้านข้าง เพื่อให้ผู้เป็นนายขึ้นรถม้าได้สะดวก“เจ้าขึ้นไปนั่งกับพวกเขาเถอะ ข้าอยากชมทิวทัศน์ข้างนอกสักหน่อย”“ทะ...เจ้าค่ะ”มู่อิงตั้งใจจะทักท้วง ก่อนจะเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนาย หญิงสาวทำเพียงรับคำ ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถม้า ส่วนแม่ทัพสาวนั่งเคียงข้างคนขับรถม้าในเมื่อแมลงกวนใจอยากรู้เห็น นางก็จะนั่งให้เห็นชัดตาเสียเลยแล้วกัน ฮ่องเต้ทรงเมตตานัก เรียกนางมารับสามีไม่พอ ยังให้ทำความสะอาดระหว่างเส้นทางอีกด้วยและที่นี่ก็คืออีกหนึ่งเมือง ที่นางต้องเก็บกวาดขยะให้สิ้น ก่อนการใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งมันจำเป็นต้องไร้มดแลงใด ๆ ไปไต่ตอมให้รำคาญใจผู้เป็นนายเหนือหัวของนางสกุลเกา ร่างอันสั่นเทาก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปยังป้ายเหนอประตู ‘สกุลเกา’ มันถูกทำขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตร ชายชราหันไปมองหลานสาว“เจ้าทำได้อย่างไร”“นายหญ
อาหารชั้นดีพร้อมสุรารสแรง ถูกจัดเตรียมมาอย่างล้นเหลือ ลานกว้างเต็มไปด้วยแสงสว่างจากคบไฟ และเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีหมูตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลรองแม่ทัพและทหารติดตาม ต่างพากันนั่งรอผู้เป็นนายและเจ้าของบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง งานเลี้ยงในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อมู่อิง น้องสาวที่แกร่งเยี่ยงบุรุษ“ชุนหลาง! มานี่เร็วเข้า”รองแม่ทัพเจากวักมือเรียกชายหนุ่ม เกาชุนหลางในชุดผ้าไหมเนื้อดี ผมที่ถูกรวบจนเรียบร้อย ทำให้มีความหล่อเหลายิ่งนัก แม้จะมีบาดแผลบนใบหน้า ก็ไม่อาจกลบความรูปงามนั้นได้เลย“นายท่าน...”“นายท่านอะไรกัน เรียกข้าพี่ชายเจา และทุกคนที่นี่คือพี่เจ้าทั้งหมด ทำหลังให้เหยียดตรงหน่อย จะกลัวอะไร หืม!”“ขอรับท่านพี่เจา”เกาชุนหลางเหยียดหลังให้ตรง แม้ว่าจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้าง เขาถูกกดให้ต่ำมาทั้งชีวิต วันนี้ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังมีบ่าวรับใช้ช่วยทำผมแต่งกาย มันเหมือนความฝันยิ่งนักเขาจำได้ว่าตอนที่กลับมายังเมืองนี้ใหม่ ๆ ได้ไปแอบดูมารดาที่บ้านสามีใหม่ของนาง น้อง ๆ ต่างบิดา ล้วนดูดีจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองมารดา“จำไว้นะชุนหลาง นับจากนี้เจ้าคือคุณชายเกา และจงจำไว้ว่าต่อให
“มู่อิง!”ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน เรียกมู่อิงราวคนคุ้นเคย แต่จากสายตาที่มองแล้ว ชายผู้นั้นไม่รู้ว่าใครกันแน่คือมู่อิง เพราะเสื้อผ้าที่สองนายบ่าวสวม ล้วนเป็นไหมชั้นดี ซึ่งไม่มีบ่าวบ้านใดได้สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ จึงไม่อาจบอกได้ว่าคนไหนคือมู่อิง“ท่านเป็นใคร มาที่บ้านข้าด้วยเรื่องใด”แม่ทัพสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ต่างจากสายตาที่ทอดมองคนทั้งหมดด้านล่าง“ข้าเป็นบิดาของ....”ชายสูงวัยลังเลอยู่มาก ด้วยไม่แน่ใจว่าคนไหนคือบุตรสาวของตนเอง เพราะไม่สามารถแยกได้จากเสื้อผ้า หรือท่าทางของหญิงสาวทั้งสอง เพราะมันแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“ท่านจะบอกว่าเป็นบิดาของมู่อิงสินะ!”“ใช่!”“แล้วอย่างไร!”“บิดามาพบลูกต้องอย่างไร! มีข้อห้ามหรือ”“ย่อมไม่มี แต่นางคือคนของสกุลหยวน ฉะนั้นถ้าข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่อาจพบนางได้ตามอำเภอใจ”“นางเป็นลูกข้า จะเป็นคนของสกุลอื่นได้อย่างไร”“ลืมอะไรไปหรือไม่! ท่านขายนางไปแล้ว”“นางเป็นอิสระแล้วมิใช่รึ!”“ใครบอกเจ้ากันว่านางเป็นอิสระ”“บ้านหลังนี้ไงเป็นสิ่งยืนยัน”“ยังไง!”“นางซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ แสดงว่านางมีเงินไถ่ตัวเองออกมาได้แล้ว นางย่อมเป็นอิสระ”“อ่านนิยายมากไปร
เกาชุนหลางไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากที่นายหญิงน้อยมอบให้ เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก ชายหนุ่มวิ่งมาหยุดที่หน้าร้านขนมเก่าแก่ของเมือง“เจ้าคนอัปลักษณ์นี่ใครกัน ไยไม่รู้จักหลีกทางให้ข้า”เสียงนั้นทำให้เกาชุนหลางถึงกับสั่นน้อย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคือน้องชายต่างบิดานั่นเอง ปึก! คุณชายสกุลเจียงถึงกับเซไปหลายก้าว เมื่อเขาตั้งใจที่จะลงมือต่อคนที่ขวางทาง“เจ้ากล้าดียังไง มาทำร้ายข้า!”“ขออภัยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยเห็นเป็นท่านที่คิดจะแตะต้องคุณชายของเราก่อน”เกาชุนหลางหันขวับ! กลับไปมองด้านหลังในทันที ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งในบ่าวชายในจวน“สกุลใดกัน! มิรู้หรือว่าที่นี่สกุลเจียงของข้าเป็นใหญ่”“บุตรชายท่านเจ้าเมือง ใช่ว่าใครจะไม่รู้จักขอรับ แต่ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท”“บังอาจ! ไพร่เยี่ยงกล้าดียังไงมากำแหงต่อข้า”“เอ่อ...”เกาชุนหลางคิดที่จะเอ่ยห้ามปราม ทว่ากลับต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เมื่อสตรีที่ก้าวเข้ามาคือมารดาของเขาเอง มือหยาบที่จับแขนของบ่าวข้างกาย เผลอบีบแน่น ด้วยความรู้สึกทั้งกรุ่นโกรธและเสียใจ“จะเป็นคุณชายบ้านใด ก็ต้องรู้จักสูงต่ำบ้าง”“เจียงฮูหย