แชร์

ตอนที่9. คุกเข่า

“คุกเข่า!”

ทหารที่จับตัวของสองพ่อลูก เตะเข้าที่ข้อพับของชายชรา จนเขาล้มลงเข่ากระแทกกับพื้น เกาจ้านเจ็บร้าวไปทั้งขา ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สามีคนใหม่ของอดีตภรรยา

“สตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด กล้าที่จะกำแหงต่อครอบครัวข้า ก็ต้องกล้าที่ออกมารับโทษทัณฑ์”

“โบยมันให้ตายเลยขอรับท่านพ่อ”

เจียงหลุนรีบเติมเชื้อไฟ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่จะหักหน้าเขาเช่นวันนี้มาก่อน

“โบยมันสองพ่อลูก จนกว่าจะบอกว่าสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด”

“ลองโบยดูสิ!”

เสียงกร้าวดังขึ้นจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพจะก้าวออกมา โดยมีเหล่านายกองติดตามมามิห่าง ทั้งหมดมีใบหน้าทะมึนตึงไม่แพ้กันกับรองแม่ทัพ ที่สำคัญไปกว่านั้นชุดที่ชายหนุ่มทั้งหมดสวมอยู่นั้น บ่งบอกถึงตัวตนว่าเป็นใคร

ท่านเจ้าเมืองถึงกับหายใจติดขัด เมื่อเห็นลวดลายที่ปักบนแขนเสื้อของพวกเขา มีเพียงแค่สังกัดเดียวเท่านั้น ที่ปักลวดลายนี้ไว้บนแขนเสื้อ

“ทหารจากแดนเหนือ”

“รู้จักด้วยรึ! อยากพบสตรีผู้นั้นมากใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นรอสักครู่ประเดี๋ยวนางก็มา และข้าหวังว่าท่านและครอบครัว จะคิดหาคำแก้ตัวที่น่าฟัง นอกจากคำว่า...”

“มิได้ตั้งใจ!”

เสียงเย็นเยียบจากด้านหลัง ทำให้ท่านเจ้าเมืองถึงกับเย็นสันหลังวาบเลยทีเดียว มีใครบ้างไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพหญิงจากแดนเหนือนั้นเลือดเย็นเพียงใด แล้วสาสน์ที่เขาได้รับมันคืออะไรกัน ไหนบอกว่าท่านแม่ทัพจากแดนเหนือยังมาไม่ถึง

“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้นขอรับ”

            ท่านเจ้าเมืองรีบค้อมกายประสานให้แก่หญิงสาว ที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ด้วยแววตาเรียบนิ่ง สองแม่ลูกสกุลเจียงถึงกับใบหน้าซีดเผือด ด้วยไม่คิดว่าคนที่พวกตนหมายเด็ดหัว จะกลายเป็นคนที่มาเด็ดหัวพวกตนแทน

            “เป็นเจ้าเมืองนับว่ามีอำนาจสุดในเมือง แต่นั่นมิได้หมายความว่าจะทำสิ่งใดตามอำเภอใจได้ บุตรชายและภรรยาทำผิด ยังอาจหาญมาทำร้ายชาวเมืองอย่างอุกอาจ หรือท่านคิดว่าโบยคนตรงนี้ แล้วจะประกาศถึงอำนาจที่ล้นมืออย่างนั้นสินะ!”

            “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อยขอรับ”

            “บิดาข้าเป็นท่านเจ้าเมือง อำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่บิดาข้า เป็นแค่แม่ทัพบ้านนอกกล้าดียังไงมาอวดเบ่งอยู่ตรงนี้!”

            คำพูดอย่างคนที่ไม่รู้ลำดับฐานะในราชสำนัก ดังขึ้นจากด้านหลังของชาวเมืองที่มามุงดูเหตุการณ์ เรียกเสียงอื้ออึงขึ้นในทันที และนั่นก็คือคมดาบที่บุตรสาวสุดที่รักยื่นมาวางทาบบนคอของบิดาโดยแท้

            “นางมิได้เรียนหนังสือหรืออย่างไร อ่อ...ข้าลืมไป เป็นบุตรสาวเจ้าเมืองไม่ต้องเรียน เพราะทุกคำคือสิทธิ์อันชอบธรรมสินะ!”

            “รู้ดีนี่!”

            หญิงสาวผู้มาใหม่ก้าวมายืนเคียงข้างบิดา ใบหน้าแสนธรรมดานั้นเชิดขึ้นสูง ต่างจากพ่อแม่และพี่ชาย ที่ตอนนี้แทบสิ้นสติเสียให้ได้ เจียงฮูหยินพยายามกระตุกแขนเสื้อบุตรสาว เพื่อให้หยุดพูดแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

            “ลี่เอ๋อร์เงียบปากเจ้าเดี๋ยวนี้”

            “ท่านพ่อจะกลัวอะไรกันเจ้าคะ ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ท่านพ่อมีอำนาจมากที่สุดอยู่แล้ว สั่งโบยพวกมันเสียให้หลาบจำ”

            ท่านเจ้าเมืองลดสายตาลงมองมีดสั้น ซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวของแม่ทัพสาว พร้อมกลืนน้ำลายหนืด ๆ ลงคอ ดาบสั้นนั้นคือตัวแทนของฮ่องเต้ ต่อให้เป็นเชื้อพระวงศ์ ยังไม่อาจเหิมเกริมต่อคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าตอนนี้ได้เลย

            “โบยพวกเขาจนกว่าข้าจะมีคำสั่งให้หยุด เห็นเรียกร้องกันเหลือเกินกับการโบย”

            “ท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ความมิรู้ของบุตรสาวข้าด้วยเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายสองคนนี้เลยนะขอรับ”

            “รองแม่ทัพเจา ลำบากเจ้าแล้ว”

            “ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ ข้าจะเบามือให้มากขอรับ”

            ท่านเจ้าเมืองถึงกับเข่าทรุด เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ทัพสาวและรองแม่ทัพ แค่ตำแหน่งแม่ทัพเขาก็ยากจะต่อกรแล้ว นี่ยังจะพกมีดสั้นพระราชทาน ที่ฮ่องเต้ทรงประกาศให้เป็นตัวแทนของพระองค์อีกเล่า

            “ท่านพ่อ ไยไม่ทำอันใดเลยเล่าเจ้าคะ”

            “หุบปาก! เพราะเจ้าแท้ ๆ ที่ทำให้เราทุกคนต้องตกที่นั่งลำบาก ไม่รู้แล้วยังอวดฉลาดอีก!”

            ท่านเจ้าเมืองด่าทอบุตรสาวอย่างเหลืออด เพราะเขาคิดว่ามีนายใหญ่คอยส่งเสริม จึงไม่คิดเผื่อถึงอำนาจที่เหนือกว่า สุดท้ายแล้วเขาก็พบเข้ากับคนผู้นั้นจนได้

            หยวนไป่หลิงก้าวไปนั่งลงที่เก้าอี้ ซึ่งหนึ่งในผู้ติดตามได้ยกออกมาวางหน้าประตู โดยไม่ลืมโต๊ะน้ำชา เพื่อให้ผู้เป็นนายไม่เหงาในช่วงเวลาที่คนจวนเจ้าเมืองถูกลงทัณฑ์

            ส่วนมู่อิงได้พาผู้เป็นลุงกลับเข้าบ้าน ยกเว้นเกาชุนหลางที่แม่ทัพสาวให้มานั่งอีกด้านของโต๊ะน้ำชา เพื่อมองสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งชายหนุ่มยังเรียกสติตนเองจากความจริง ที่เพิ่งรู้พร้อมกับทุกคนไม่ได้

            “ตำแหน่งของข้ากับทุกคน คืองานและหน้าที่ ส่วนคำว่าพี่น้องนั่นคือครอบครัว”

            แม่ทัพสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบช้า นางไม่ได้อยากให้เกาชุนหลางรู้สึกสาแก่ใจที่มารดาถูกโบย แต่อยากให้เขามองถึงโทษของคนที่คิดอะไรน้อยเกินไป ทั้งยังให้ปากเป็นนายสมองเป็นพยาธิในอาจม

            “หลางเอ๋อร์ เจ้าจะใจร้ายปล่อยให้พวกเขาทุบตีแม่ไม่ได้นะ”

            เจียงฮูหยินพยายามดิ้นรนให้หลุดจากมือของทหาร เพื่อเข้าหาบุตรชายที่นั่งอยู่กับแม่ทัพหญิง ทว่าสายตาของชายหนุ่มกลับเย็นชาเสียอย่างนั้น เมื่อได้ยินคำว่ามารดาจากปากของคนที่เขาเคยรัก

            ชายหนุ่มถอดหน้ากากอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้า ซึ่งเป็นเสมือนตราประทับของคำว่ามารดา ที่มอบแก่บุตรชายเยี่ยงเขาเมื่อนานมาแล้ว

            “บุตรชายของฮูหยินเช่นนั้นรึ! เขายังไม่ตายอีกหรือ ท่านแม่ทัพหากข้าเกาชุนหลาง อยากร้องขอความเป็นธรรมให้ตนเองจะยังได้อยู่หรือไม่ขอรับ”

            “ย่อมได้!”

            “บาดแผลบนใบหน้าของข้า หาได้เกิดเพราะความคะนองเยี่ยงบุรุษ ทว่ามันเกิดจากฝีมือของคนที่เรียกตนเองว่ามารดา ที่ยินยอมให้สามีของนางกระทำต่อข้าราวสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้น วันนี้ข้าเกาชุนหลางจะร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม ต่อหน้าชาวเมือง”

            “ข้าในฐานะตัวแทนฮ่องเต้ รับคำร้องนี้”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status