เกาชุนหลางไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากที่นายหญิงน้อยมอบให้ เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก ชายหนุ่มวิ่งมาหยุดที่หน้าร้านขนมเก่าแก่ของเมือง
“เจ้าคนอัปลักษณ์นี่ใครกัน ไยไม่รู้จักหลีกทางให้ข้า”
เสียงนั้นทำให้เกาชุนหลางถึงกับสั่นน้อย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคือน้องชายต่างบิดานั่นเอง ปึก! คุณชายสกุลเจียงถึงกับเซไปหลายก้าว เมื่อเขาตั้งใจที่จะลงมือต่อคนที่ขวางทาง
“เจ้ากล้าดียังไง มาทำร้ายข้า!”
“ขออภัยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยเห็นเป็นท่านที่คิดจะแตะต้องคุณชายของเราก่อน”
เกาชุนหลางหันขวับ! กลับไปมองด้านหลังในทันที ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งในบ่าวชายในจวน
“สกุลใดกัน! มิรู้หรือว่าที่นี่สกุลเจียงของข้าเป็นใหญ่”
“บุตรชายท่านเจ้าเมือง ใช่ว่าใครจะไม่รู้จักขอรับ แต่ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท”
“บังอาจ! ไพร่เยี่ยงกล้าดียังไงมากำแหงต่อข้า”
“เอ่อ...”
เกาชุนหลางคิดที่จะเอ่ยห้ามปราม ทว่ากลับต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เมื่อสตรีที่ก้าวเข้ามาคือมารดาของเขาเอง มือหยาบที่จับแขนของบ่าวข้างกาย เผลอบีบแน่น ด้วยความรู้สึกทั้งกรุ่นโกรธและเสียใจ
“จะเป็นคุณชายบ้านใด ก็ต้องรู้จักสูงต่ำบ้าง”
“เจียงฮูหยินเองก็น่าจะทราบดี ว่าทุกคนย่อมเท่าเทียมกัน คุณชายของข้ามาถึงก่อน ไยจึงต้องหลีกทางให้แก่คุณชายเจียงเล่าขอรับ”
“คุณชายท่านนี้สกุลใดกัน ไยจึงไร้ปากเสียงให้บ่าวชั้นต่ำโต้เถียงแทนเช่นนี้เล่า”
“สกุลเกา!”
เสียงเข้มจากด้านหลัง ทำให้ทุกสายตาหันกลับไปมองคนพูด โดยเฉพาะเจียงฮูหยินถึงกับวิงเวียนไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินแซ่ของชายหนุ่ม
“เจียงฮูหยินมิถามต่อหรือว่าเขามีชื่อว่าอะไร รึเกรงว่ามันจะตรงกับชื่อที่อยู่ในใจของท่านกัน”
แม่ทัพสาวก้าวผ่านแม่ลูกสกุลเจียง ไปยืนเคียงข้างเกาชุนหลาง ก่อนจะใช้มือวางทาบที่แผ่นหลังของชายหนุ่ม ส่งผลให้เกาชุนหลางต้องยืนหลังให้ตรง ก่อนจะเชิดหน้าแต่พอดี มิใช่ก้มหลบตาสองแม่ลูกเช่นในคราแรก
“ชื่อใดกันในใจของข้า”
“ข้ามิใช่เทพเชียนที่จะเดาได้”
“ว่าแต่เจ้าเองเป็นใครกัน”
“มิตอบคำถามของข้าก่อนเล่า”
รอยยิ้มท้าทายของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้สองแม่ลูกเริ่มมีโทสะจนแทบจะคุมไม่อยู่ นางเป็นถึงฮูหยินท่านเจ้าเมือง ทุกคนในนี้ล้วนยำเกรง แต่คนต่างถิ่นแค่ผ่านมา กำแหงต่อเกินไปแล้ว
“ข้าเป็นถึงฮูหยินเจ้าเมือง แค่นักเดินทางชั้นต่ำ มีค่าอันใดให้ข้าต้องเสวนาด้วย”
“มีหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ตัวท่านกำหนด เช่นเดียวกับที่ข้ากำหนดให้ท่านมีค่าเท่าใดเช่นกัน ชุนหลางเจ้าจะซื้อขนมให้พี่สาวหรือ ไปเลือกเถอะ”
“ขอรับท่านพี่ไป่หลิน”
ชื่อที่หญิงสาวเรียกชายหนุ่มสวมหน้ากาก ทำให้เจียงฮูหยินถึงกับเซถอยไปหลายก้าว ก่อนจะมองไปที่ร่างสูงในชุดผ้าไหมชั้นดี สกุลเกานามชุนหลาง เขาคือบุตรชายที่ควรตายไปแล้วมิใช่หรือ
“ผิดหวังเช่นนั้นรึ! อย่าเพิ่งรีบผิดหวัง เพราะมันยังมีเรื่องให้ต้องรู้สึกมากกว่านั้นรออยู่”
แม่ทัพสาวเอ่ยขึ้นขณะก้าวผ่านเจียงฮูหยิน หลังจากที่เกาชุนหลางเลือกซื้อขนมเสร็จแล้ว โดยมีบ่าวชายถือสิ่งของให้ ชายหนุ่มหยุดชำเลืองมองมารดาเล็กน้อย ก่อนจะก้าวผ่านไปอย่างคนมิรู้จักกัน
“ท่านแม่ ไยต้องยอมพวกมันด้วยขอรับ”
“จะซื้อสิ่งใดก็สั่งให้ร้านเอาไปส่ง ข้าอยากกลับแล้ว”
เรื่องนี้นางคงต้องรีบบอกสามี มิอย่างนั้นคงทำให้นางและเขาเดือดร้อนในภายหน้าก็เป็นได้ จากเสื้อผ้าและผู้ติดตามของหญิงสาวคนนั้น เรียกว่าฐานะดีเฉย ๆ มิได้แน่นอน ต้องเรียกว่าร่ำรวยมหาศาลถึงจะคู่ควร
เจียงฮูหยินไม่รอที่จะให้บุตรชายซื้อขนมเสร็จ ร่างงามรีบก้าวยาว ๆ ออกจากร้านตรงกลับจวนในทันที นางจะไม่ยอมให้ตนเองต้องตกที่นั่งลำบาก ชีวิตของนางต้องมีเพียงคำว่าสุขสบายไปชั่วชีวิตเท่านั้น
ทางด้านแม่ทัพสาว ที่เดินเคียงข้างเกาชุนหลาง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอ กับท่าทางราวเด็กน้อยของเขา อาจเป็นเพราะที่ผ่านมานางอยู่ในหมู่บุรุษผู้องอาจ จนเมื่อมาเห็นความอ่อนแอปนอ่อนโยนของเกาชุนหลาง เลยทำให้นางรู้สึกคิดถึงน้องชายที่อยู่อีกโลก
“เจ้าอ่อนโยนได้แต่มิใช่ต้องอ่อนแอ และก็ไม่จำเป็นต้องอวดเบ่งรังแกใครแบบพวกเขา”
“ขอรับนายหญิงน้อย”
“เรียกข้าเช่นที่ร้านขนมสิ! มู่อิงเป็นเสมือนน้องสาวข้า เจ้าก็คือน้องชายข้าอีกคน ขนมที่เจ้าอุตส่าห์วิ่งมาซื้อเสียไกล เป็นของชอบพี่สาวเจ้าสินะ”
“ตอนที่ท่านพ่อยังมีเงินมากมาย ชอบชื้อขนมร้านนี้ให้ข้ากับพี่มู่อิงเสมอขอรับ”
“เจ้าซื้อมาเสียเยอะเลย”
“พี่ไป่หลินข้ามิได้ตั้งใจใช้เงินฟุ่มเฟือยนะขอรับ ข้าแค่อยากให้พี่ ๆ ทุกท่านได้กินขนมเช่นกัน ข้าจะรีบทำงานมาใช้คืนนะขอรับ”
“เงินนั่นของเจ้า และถ้าอยากใช้คืนจริง ๆ เจ้าต้องตั้งใจเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากพ่อบ้านซือ และเป็นเสาหลักให้บิดาและพี่สาวของเจ้า ส่วนเรื่องคนพวกนั้นอย่าได้นำมาใส่ใจ ข้าจะจัดการเอง”
“ขอรับ ท่านพี่ไป่หลิน ข้าจะไม่ทำให้ท่านพี่ทุกท่านผิดหวัง ว่าแต่ทำไมถึงต้องรีบเดินทางเข้าเมืองหลวงเล่าขอรับ”
“งานของพวกข้ายังไม่เสร็จเลยหยุดพักนานไม่ได้ เอาเป็นว่ากลับจากเมืองหลวง ข้าจะรับเจ้ากับพ่อไปเที่ยวแดนเหนือ แต่ในช่วงที่พวกข้ายังไม่กลับมา เจ้าต้องดูแลสุขภาพของท่านลุงและตัวเองให้ดี หาไม่แล้วเจ้าอาจอดติดตามพวกเขาขึ้นเหนือ ถ้าสุขภาพไม่เอื้ออำนวย”
“ขอรับ ข้าสัญญาว่าจะดูแลท่านพ่อและตัวเองให้ดี จะเชื่อฟังท่านพ่อบ้านขอรับ”
“ดี! สิ่งแรกที่เจ้าต้องทำ อย่าได้ก้มหน้าเช่นเมื่อครู่อีก”
“ขอรับ”
มู่อิงที่ติดตามท่านแม่ทัพและน้องชายอยู่ไม่ไกล คลี่ยิ้มละมุนเพราะอย่างน้อย บาดแผลทางใจของน้องชาย ก็ยังมีโอกาสรักษาให้หายได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอยู่ไม่น้อย
ช่วงบ่ายของวันแม่ทัพสาว พร้อมมู่อิงได้ออกไปยังร้านสกุลหยวน เพื่อดูความเรียบร้อยของร้าน โดยมีพ่อบ้านซือติดตามไปด้วย ส่วนรองแม่ทัพและผู้ติดตามอื่น ต่างพักผ่อนในห้องของตนเอง
“จับตัวพวกมันมาโบยต่อหน้าข้า”
เสียงกัมปนาทดังขึ้นยังลานกว้างหน้าจวน ทหารจากที่ว่าการเมืองกรูกันเข้าไปด้านในบ้านสกุลเกา ก่อนจะพาตัวของสองพ่อลูกสกุลเกาออกมาข้างนอก
“คุกเข่า!”ทหารที่จับตัวของสองพ่อลูก เตะเข้าที่ข้อพับของชายชรา จนเขาล้มลงเข่ากระแทกกับพื้น เกาจ้านเจ็บร้าวไปทั้งขา ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สามีคนใหม่ของอดีตภรรยา“สตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด กล้าที่จะกำแหงต่อครอบครัวข้า ก็ต้องกล้าที่ออกมารับโทษทัณฑ์”“โบยมันให้ตายเลยขอรับท่านพ่อ”เจียงหลุนรีบเติมเชื้อไฟ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่จะหักหน้าเขาเช่นวันนี้มาก่อน“โบยมันสองพ่อลูก จนกว่าจะบอกว่าสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด”“ลองโบยดูสิ!”เสียงกร้าวดังขึ้นจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพจะก้าวออกมา โดยมีเหล่านายกองติดตามมามิห่าง ทั้งหมดมีใบหน้าทะมึนตึงไม่แพ้กันกับรองแม่ทัพ ที่สำคัญไปกว่านั้นชุดที่ชายหนุ่มทั้งหมดสวมอยู่นั้น บ่งบอกถึงตัวตนว่าเป็นใครท่านเจ้าเมืองถึงกับหายใจติดขัด เมื่อเห็นลวดลายที่ปักบนแขนเสื้อของพวกเขา มีเพียงแค่สังกัดเดียวเท่านั้น ที่ปักลวดลายนี้ไว้บนแขนเสื้อ“ทหารจากแดนเหนือ”“รู้จักด้วยรึ! อยากพบสตรีผู้นั้นมากใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นรอสักครู่ประเดี๋ยวนางก็มา และข้าหวังว่าท่านและครอบครัว จะคิดหาคำแก้ตัวที่น่าฟัง นอกจากคำว่า...”“มิได้ตั้งใจ!”เสียงเย็นเยียบจากด้านหลัง ทำให
คำตอบรับของแม่ทัพสาว ราวสายฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของครอบครัวท่านเจ้าเมือง ในอดีตก่อนที่เขาจะเลื่อนตำแหน่ง ได้ทำทุกทางช่วงชิงภรรยาผู้อื่นมา ทั้งยังตั้งใจกำจัดสายเลือดของนางให้พ้นสายตา วันนี้คนทั้งคู่กลับมาพร้อมนำความแค้นมาทวงคืนต่อเขา “ใต้เท้าเจียงมีสิ่งใดอยากจะแก้ต่างหรือไม่” “ข้าไม่ได้ทำ! มันเพราะความมิรู้พอของนางต่างหาก” “ความผิดจะโยนไปมาเพื่อสิ่งใดกัน ไหน ๆ ข้าก็เลือกตัดสินท่านตรงนี้แล้ว ก็ทำเสียให้เสร็จสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนเจียงฮูหยินรู้สึกเช่นไรบ้าง ผิดหวังมากกว่าเดิมอย่างที่ข้าเคยบอกหรือไม่” “ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ ข้ากับลูกมิรู้เห็นในสิ่งที่สามีของข้าทำจริง ๆ นะเจ้าคะ” “หึ ๆ เรื่องของสามีเจ้าอาจไม่รู้เห็น หรืออาจร่วมมือ ข้าย่อมไม่อาจรู้เห็นภายในใจของเจ้าได้ แต่เรื่องที่กระทำต่อเกาชุนหลางข้าย่อมยากปล่อยผ่าน หากบาดแผลนี้อยู่บนใบหน้าของเจ้าหรือใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ ตอบข้าได้หรือไม่ว่ายินดีมีมันไหม” ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเกาชุนหลาง รอยแผลเป็นนั้นยากนักที่ใครจะทำใจมองมันได้นาน เจียงฮูหยินทำได้เพ
บ้านพักตากอากาศตระกูลกวง เซี่ยงไฮ เท้าเปล่าเปลือยค่อย ๆ เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอ ในมือถือตะกร้าผลไม้ตามฤดู ที่พ่อแม่ของเธอปลูกไว้กิน และแจกจ่ายให้ครอบครัวคนดูแล มันกำลังสุกเต็มต้น เธอจึงตั้งใจที่จะเก็บมาให้คู่หมั้นและญาติผู้พี่ได้ลิ้มลอง คุณหมอคนสวยหยุดนิ่งราวรูปปั้น มือที่จับลูกบิดประตูสั่นระริก ภาพด้านในมันยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมากลางแสกหน้า เสียงเพลงเบา ๆ และจูบอันเร้าร้อนของคนด้านใน ทำให้ไม่รู้ถึงการมาของเจ้าของบ้าน หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังเอ่อคลอบดบังภาพเบื้องหน้า เธอตั้งใจจะเซอร์ไพรส์คนรัก ด้วยการตอบตกลงที่จะแต่งงาน หลังจากหมั้นหมายมากว่าหนึ่งปี เธอพร้อมที่จะลาออกจากโรงพยาบาลของกองทัพ มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนตามคำขอของเขา เท้าเปล่าเปลือยขยับถอยออกจากตรงนั้น เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ นี่ใช่ไหม! ความรู้สึกของคนถูกหักหลัง มันรุนแรงจนเจียนตายได้อย่างที่หลายคนเคยบอกเธอ ความพร้อมทุกอย่างในชีวิตมันไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างต้องแลกด้วยการเสียบางอย่าง เหมือนที่พ่อแม่ของเธอมักพูดเสมอ หากมีรักที่ดีเราอาจไร้มิ
หญิงสาวเลือกที่จะโกหกบิดา เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม สำหรับเรื่องที่เธอกำลังตัดสินใจทำ แน่นอนว่าการแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น และญาติของเธอก็ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกนี้ของเธอ โดยการอยู่อย่างผู้หักหลังไปชั่วชีวิตการพูดคุยของเจ้าสัวกวงกับว่าที่ลูกเขย เป็นไปอย่างครื้นเครง ก่อนที่จะมีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ตูม! ร่างของทั้งสามร่วงลงลงน้ำ เมื่ออยู่ ๆ มันเกินโคลงจนทำให้พลิกคว่ำหมับ! ในจังหวะที่กวงฮุ่ยผิงจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ ข้อเท้าของเธอถูกรวบจับเอาไว้ ก่อนตัวเธอจะดิ่งลงใต้พื้นน้ำอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามลืมตาในน้ำ สิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือร่างกำยำของคนรักหญิงสาวพยายามดิ้นรนให้รอดจากเงื้อมือของเขา ทว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ปึก! หญิงสาวเจ็บราวไปทั้งศีรษะ เส้นผมของเธอถูกรวบเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะออกแรง เอาหัวเธอกระแทกเข้ากับหินใต้น้ำอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมคือภาพสุดท้ายที่เธอเห็น แน่นอนว่าสติสุดท้ายมันเลือนรางจนมืดมิดไปในที่สุดชานหลางปล่อยให้ร่างของคนรักจมอยู่เพียงลำพัง โดยที่ตัวเขาลอยออกห่างไปอีกด้าน ก่อนจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น พร้อมทั้งหันรีหันขวาง เพื่อหาคู่หมั้นที
“ใช่ข้าเห็นด้วย เจ้าสมควรแก่วัยที่จะออกเรือนได้แล้ว อีกอย่างนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้า สตรีใดจะคู่ควรกับเจ้าเท่าท่านแม่ทัพหยวน ทั้งแผ่นดินหาไม่ได้แล้วจริง ๆ” เมื่อบุตรชายติดกับของเขาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า ใจจริงเขาไม่อยากให้มีการแต่งงานที่มิได้เกิดจากความรัก แต่หากปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รู้ว่าอีกสักกี่ปี บุตรชายจะแต่งงานเสียที เขาแก่ชราลงทุกวันอยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย “ตรงไหนที่เรียกว่าร้ายกาจขอรับ” “ทุกตรงในสายตาของข้า” การตอบโต้ของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ร่วมรับฟังได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าด้านนอกห้องนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ที่ต้องนำไปส่งให้แก่ผู้เป็นนาย ซึ่งทำให้พ่อลูกคลี่ยิ้มพอใจ กับสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเพราะสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ จะมีเพียงครอบครัวว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นที่รับรู้ ฉะนั้นนับว่าเป็นข่าวสารสำคัญสำหรับหลายฝ่าย “ท่านพี่จะรับนางมาพักที่จวนหรือไม่เจ้าคะ” กั๋วฮูหยินเอ่ยถามสามี ซึ่งนางเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่มาก เพราะอย่างน้อยก็จะได้
“ก่อนออกเดินทาง เราค่อยจ้างคนมาคอยดูแล และปลูกดอกไม้ให้แก่แม่ของเจ้า” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” “พวกท่านเป็นใครกัน” เสียงของชายชราจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหันกลับไปมองอย่างใจเย็น “ข้ากับน้องสาวมาเคารพญาติ” “นางไร้ญาติมานานแล้ว นับตั้งแต่บุตรสาวของนางถูกขายไปเป็นทาสให้แก่พวกวาณิช” น้ำเสียงติดกรุ่นโกรธของชายชรา ทำให้คิ้วเข้มของสองนายบ่าวขมวดเป็นปม ก่อนที่มู่อิงจะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น คนที่นางคิดว่าตายไปแล้ว วันนี้กลับมาปรากฏต่อหน้านางราวชะตานำพายิ่งนัก “ท่านลุง” มู่อิงเรียกชายชราผู้เป็นพี่ชายของมารดา ซึ่งก็คือญาติฝั่งมารดาเพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่ “เจ้าคือ!” “ข้า...” หญิงสาวหันไปสบตากับผู้เป็นนาย เพื่อขอความเห็นว่านางควรเปิดเผยตัวหรือไม่ ด้วยตำแหน่งของผู้เป็นนายในตอนนี้ ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้อย่างสะดวกนัก ด้วยอันตรายมีอยู่รอบด้านและนางก็คือคนที่ศัตรูของท่านแม่ทัพรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะมือซ้ายที่เคียงข้างมิห่างกาย แม่ทัพสาวพยักหน้า
“น่ะ...นี่มัน!” ชายชราชี้นิ้วไปยังรถม้าที่จอดอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหันมองหลานสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “ไปกันเถอะ” แม่ทัพสาวภายมือให้แก่ชายชราและบุตรชายของเขา มู่อิงส่งให้ผู้เป็นลุงขึ้นรถม้า โดยให้น้องชายตามขึ้นไป หญิงสาวขยับไปยืนด้านข้าง เพื่อให้ผู้เป็นนายขึ้นรถม้าได้สะดวก“เจ้าขึ้นไปนั่งกับพวกเขาเถอะ ข้าอยากชมทิวทัศน์ข้างนอกสักหน่อย”“ทะ...เจ้าค่ะ”มู่อิงตั้งใจจะทักท้วง ก่อนจะเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนาย หญิงสาวทำเพียงรับคำ ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถม้า ส่วนแม่ทัพสาวนั่งเคียงข้างคนขับรถม้าในเมื่อแมลงกวนใจอยากรู้เห็น นางก็จะนั่งให้เห็นชัดตาเสียเลยแล้วกัน ฮ่องเต้ทรงเมตตานัก เรียกนางมารับสามีไม่พอ ยังให้ทำความสะอาดระหว่างเส้นทางอีกด้วยและที่นี่ก็คืออีกหนึ่งเมือง ที่นางต้องเก็บกวาดขยะให้สิ้น ก่อนการใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งมันจำเป็นต้องไร้มดแลงใด ๆ ไปไต่ตอมให้รำคาญใจผู้เป็นนายเหนือหัวของนางสกุลเกา ร่างอันสั่นเทาก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปยังป้ายเหนอประตู ‘สกุลเกา’ มันถูกทำขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตร ชายชราหันไปมองหลานสาว“เจ้าทำได้อย่างไร”“นายหญ
อาหารชั้นดีพร้อมสุรารสแรง ถูกจัดเตรียมมาอย่างล้นเหลือ ลานกว้างเต็มไปด้วยแสงสว่างจากคบไฟ และเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีหมูตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลรองแม่ทัพและทหารติดตาม ต่างพากันนั่งรอผู้เป็นนายและเจ้าของบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง งานเลี้ยงในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อมู่อิง น้องสาวที่แกร่งเยี่ยงบุรุษ“ชุนหลาง! มานี่เร็วเข้า”รองแม่ทัพเจากวักมือเรียกชายหนุ่ม เกาชุนหลางในชุดผ้าไหมเนื้อดี ผมที่ถูกรวบจนเรียบร้อย ทำให้มีความหล่อเหลายิ่งนัก แม้จะมีบาดแผลบนใบหน้า ก็ไม่อาจกลบความรูปงามนั้นได้เลย“นายท่าน...”“นายท่านอะไรกัน เรียกข้าพี่ชายเจา และทุกคนที่นี่คือพี่เจ้าทั้งหมด ทำหลังให้เหยียดตรงหน่อย จะกลัวอะไร หืม!”“ขอรับท่านพี่เจา”เกาชุนหลางเหยียดหลังให้ตรง แม้ว่าจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้าง เขาถูกกดให้ต่ำมาทั้งชีวิต วันนี้ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังมีบ่าวรับใช้ช่วยทำผมแต่งกาย มันเหมือนความฝันยิ่งนักเขาจำได้ว่าตอนที่กลับมายังเมืองนี้ใหม่ ๆ ได้ไปแอบดูมารดาที่บ้านสามีใหม่ของนาง น้อง ๆ ต่างบิดา ล้วนดูดีจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองมารดา“จำไว้นะชุนหลาง นับจากนี้เจ้าคือคุณชายเกา และจงจำไว้ว่าต่อให