“มู่อิง!”
ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน เรียกมู่อิงราวคนคุ้นเคย แต่จากสายตาที่มองแล้ว ชายผู้นั้นไม่รู้ว่าใครกันแน่คือมู่อิง เพราะเสื้อผ้าที่สองนายบ่าวสวม ล้วนเป็นไหมชั้นดี ซึ่งไม่มีบ่าวบ้านใดได้สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ จึงไม่อาจบอกได้ว่าคนไหนคือมู่อิง
“ท่านเป็นใคร มาที่บ้านข้าด้วยเรื่องใด”
แม่ทัพสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ต่างจากสายตาที่ทอดมองคนทั้งหมดด้านล่าง
“ข้าเป็นบิดาของ....”
ชายสูงวัยลังเลอยู่มาก ด้วยไม่แน่ใจว่าคนไหนคือบุตรสาวของตนเอง เพราะไม่สามารถแยกได้จากเสื้อผ้า หรือท่าทางของหญิงสาวทั้งสอง เพราะมันแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง
“ท่านจะบอกว่าเป็นบิดาของมู่อิงสินะ!”
“ใช่!”
“แล้วอย่างไร!”
“บิดามาพบลูกต้องอย่างไร! มีข้อห้ามหรือ”
“ย่อมไม่มี แต่นางคือคนของสกุลหยวน ฉะนั้นถ้าข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่อาจพบนางได้ตามอำเภอใจ”
“นางเป็นลูกข้า จะเป็นคนของสกุลอื่นได้อย่างไร”
“ลืมอะไรไปหรือไม่! ท่านขายนางไปแล้ว”
“นางเป็นอิสระแล้วมิใช่รึ!”
“ใครบอกเจ้ากันว่านางเป็นอิสระ”
“บ้านหลังนี้ไงเป็นสิ่งยืนยัน”
“ยังไง!”
“นางซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ แสดงว่านางมีเงินไถ่ตัวเองออกมาได้แล้ว นางย่อมเป็นอิสระ”
“อ่านนิยายมากไปรึ! บ้านนี้นางซื้อจริง แต่นางไม่ได้ไถ่ตัวเองจากการเป็นคนของข้า แต่ถ้าบิดาอย่างท่านมีจิตสำนึกจะช่วยไถ่นางก็ย่อมได้นะ แต่ข้าคิดดอกตามความเป็นจริงนะ เอาเป็นว่าข้าจะให้ท่านพ่อบ้านคำนวณค่าไถ่ถอนให้ก็แล้วกัน”
“จะบ้าเหรอ! ใครจะไถ่ถอนนางกัน”
“ก็บิดาเช่นท่านไงเล่า”
“มู่อิง! เจ้ามีเงินซื้อบ้านของลุงเจ้าคืนมา ไยเจ้าจะไม่มีเงินไถ่ถอนตนเองออกมา”
“มีแต่ไม่ไถ่! ท่านมีปัญหาเช่นนั้นรึ!”
ในที่สุดมู่อิงก็พูดออกมา ทว่ามันกลับเป็นคำที่ราวเอาไม้ตีกลางแสกหน้าของคนที่ยืนอยู่เบื้องล่าง ยิ่งเห็นสายตาของแม่เลี้ยงและน้องต่างแม่ หญิงสาวยิ่งไม่อยากหายใจร่วมกับคนพวกนี้เลยจริง ๆ
“มู่อิง! ไยไร้มารยาทต่อบิดาเยี่ยงนี้”
สตรีที่ยืนอยู่ข้างกายของมู่ชงชี้นิ้วมาที่หญิงสาว มู่อิงไม่คิดแยแสต่อคำพูดของชายหญิงหน้าหนา ที่กำลังจะมาเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นพ่อ ทั้งที่เป็นคนขายนางเองกับมือ
“ที่มานี่ต้องการสิ่งใด รีบพูดมาเถอะ ตอนนี้เป็นเวลาของครอบครัว ข้าไม่อยากมาเสวนาเรื่องไร้สาระอยู่ตรงนี้”
“หากบ้านหลังนี้เป็นของเจ้า ข้าที่เป็นพ่อย่อมมีสิทธิ์มาอยู่ มิใช่ไอ้คนสกุลเกานั่น”
“ฮึ! ไร้สาระอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ ด้วยมู่อิง ส่งแขก!” แม่ทัพสาวเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนจะหมุนกายกลับเข้าไปในจวน
“กรี๊ด!!”
ยังไม่ทันที่จะก้าวพ้นประตู เสียงกรีดร้องจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวจำต้องหยุดนิ่ง พ่อบ้านซือยืนขวางระหว่างผู้เป็นนาย และคนที่อาจหาญมาแตะต้องผู้เป็นนาย
“ที่นี่เป็นบ้านของคนสกุลหยวน หากยังอยากอยู่อย่างสงบ พวกเจ้าควรรู้จุดยืนของตนเอง”
พ่อบ้านซือเอ่ยเสียงกร้าว ในเมืองเจียงเขาคือผู้ดูแลสาขาทางการค้าทั้งหมดของสกุลหยวน ที่ต้องมาทำหน้าที่พ่อบ้านก็เพื่อดูแลสองพ่อลูกสกุลเกา ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย หากคนที่ยืนอยู่มองเขาให้ชัด จะรู้ว่าไม่ควรให้เขาเอ่ยซ้ำซาก
“เจ้าบังอาจทำร้ายข้า”
มู่ฮูหยินเต้นเร้า ๆ เขย่าแขนสามี เพื่อให้จัดการเรื่องนี้แก่นาง แต่ดูเหมือนสิ่งที่เคยทำได้จะไม่มีผลอีกต่อไปแล้ว เพราะคนด้านหลังพ่อบ้านซือ ได้ก้าวกลับเข้าไปภายในบ้าน โดยไม่สนใจคนที่ส่งเสียงน่ารำคาญด้านนอกแม้แต่น้อย
“กลับไปก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
“ไพร่เยี่ยงเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาสามหาวต่อข้า”
“ถามสามีและบุตรชายของเจ้าหรือยัง ว่าข้าเป็นคนเช่นไร”
“ท่านพี่!”
มู่ฮูหยินหันไปเรียกสามี ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ทว่าไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย และทำไมเขาจะมิรู้ว่าซือเส่าผู้นี้มีนิสัยเป็นยังไง ไม่ก้าวล้ำใคร แต่ใครก็อย่าได้ก้าวล้ำคนผู้นี้เช่นกัน หาไม่แล้วชีวิตต้องมืดมนไปโดยปริยาย
“กลับกันก่อนเถอะ”
เมื่อตกเป็นรองก็ต้องล่าถอย เขาไม่คิดว่าบุตรสาวที่เขาไม่ยอมรับ จะยืนเหนือเขาได้เช่นนี้ หากจะว่าไปแล้วมันผิดที่เขาไม่เด็ดขาด ขายนางให้หอนางโลม แต่ยอมขายให้สตรีหม้ายคนนั้นไป ใครจะนึกว่าสตรีไร้สามีเยี่ยงนั้น จะมากด้วยอำนาจเกินกว่าที่คิด
เขารู้จักร้านค้าสกุลหยวน แต่ไม่เคยพบนายตัวจริงสักครั้ง จนวันนี้เขาได้กระจ่างแล้วว่าทำไม เขาถึงไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จากการค้าของสกุลหยวน เพราะนายแท้จริงคือคนที่ซื้อบุตรสาวของเขาไป ทั้งยังเชิดชูเสียจนร่ำรวยเช่นนี้
“แต่ท่านพี่”
“รู้จักจังหวะที่เหมาะสมบ้าง”
“เจ้าค่ะ”
พ่อบ้านซือไม่เอ่ยสิ่งใด แม้จะได้ยินสิ่งที่สองสามีภรรยาพูดชัดหูก็ตามที จังหวะไหนเขาก็ไม่อนุญาตให้คนพวกนี้ทำสำเร็จเป็นอันขาด
“ให้ข้าน้อยจัดการเลยไหมขอรับ”
“ยังก่อน! รอท่านแม่ทัพทำภารกิจเรียบร้อย ค่อยลงมือก็ไม่สาย”
“ขอรับ”
เจ้าเมืองของที่นี่เป็นคนมิซื่อตรง จึงทำให้นายหญิงน้อยของเขาต้องจัดการตามพระบัญชา เขาในฐานะคนดูแลสกุลหยวนสาขานี้ ย่อมต้องรู้และพร้อมทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างเต็มกำลัง
เช้าวันถัดมาเกาชุนหลาง ได้ยืนต่อหน้าพ่อบ้านซือด้วยอาการกระดากอายที่จะเอ่ยปากรบกวน เพราะเขาเพิ่งได้เป็นคุณชายเต็มตัวเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น
“คุณชายมีสิ่งใดหรือขอรับ”
“เอ่อ...คือว่า...”
“มิต้องเกรงใจขอรับ หากไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง คุณชายโปรดบอกข้าน้อยได้เลย”
“พรุ่งนี้พี่สาวและพี่ชายทั้งหลายจะเดินทางแล้ว ข้าอยากจะมอบของขวัญให้พวกเขาสักหน่อยขอรับ แต่ว่า...ข้า...”
“นี่ขอรับ หากไม่พอให้บอกร้านเหล่านั้น ว่าไปรับเงินส่วนที่ขาดได้ที่ร้านสกุลหยวนในนามของข้าน้อย ซือเส่า”
“ข้าจะรีบทำงานมาใช้คืนนะขอรับ”
“เงินนี่ของคุณชายกับนายท่านเกาอยู่แล้วขอรับ”
“ข้าจะใช้ให้ประหยัดขอรับ”
ร่างสูงที่ได้เงินแล้วรีบวิ่งออกจากจวนไปราวเด็กน้อย เขาตั้งใจที่จะไปซื้อขนมเจ้าอร่อยที่พี่สาวชอบกินตอนยังเป็นเด็ก เพราะนับตั้งแต่บิดาสิ้นอำนาจ เขาก็ไม่เคยได้ลิ้มรสมันอีกเลย
เกาชุนหลางไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากที่นายหญิงน้อยมอบให้ เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก ชายหนุ่มวิ่งมาหยุดที่หน้าร้านขนมเก่าแก่ของเมือง“เจ้าคนอัปลักษณ์นี่ใครกัน ไยไม่รู้จักหลีกทางให้ข้า”เสียงนั้นทำให้เกาชุนหลางถึงกับสั่นน้อย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคือน้องชายต่างบิดานั่นเอง ปึก! คุณชายสกุลเจียงถึงกับเซไปหลายก้าว เมื่อเขาตั้งใจที่จะลงมือต่อคนที่ขวางทาง“เจ้ากล้าดียังไง มาทำร้ายข้า!”“ขออภัยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยเห็นเป็นท่านที่คิดจะแตะต้องคุณชายของเราก่อน”เกาชุนหลางหันขวับ! กลับไปมองด้านหลังในทันที ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งในบ่าวชายในจวน“สกุลใดกัน! มิรู้หรือว่าที่นี่สกุลเจียงของข้าเป็นใหญ่”“บุตรชายท่านเจ้าเมือง ใช่ว่าใครจะไม่รู้จักขอรับ แต่ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท”“บังอาจ! ไพร่เยี่ยงกล้าดียังไงมากำแหงต่อข้า”“เอ่อ...”เกาชุนหลางคิดที่จะเอ่ยห้ามปราม ทว่ากลับต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เมื่อสตรีที่ก้าวเข้ามาคือมารดาของเขาเอง มือหยาบที่จับแขนของบ่าวข้างกาย เผลอบีบแน่น ด้วยความรู้สึกทั้งกรุ่นโกรธและเสียใจ“จะเป็นคุณชายบ้านใด ก็ต้องรู้จักสูงต่ำบ้าง”“เจียงฮูหย
“คุกเข่า!”ทหารที่จับตัวของสองพ่อลูก เตะเข้าที่ข้อพับของชายชรา จนเขาล้มลงเข่ากระแทกกับพื้น เกาจ้านเจ็บร้าวไปทั้งขา ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สามีคนใหม่ของอดีตภรรยา“สตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด กล้าที่จะกำแหงต่อครอบครัวข้า ก็ต้องกล้าที่ออกมารับโทษทัณฑ์”“โบยมันให้ตายเลยขอรับท่านพ่อ”เจียงหลุนรีบเติมเชื้อไฟ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่จะหักหน้าเขาเช่นวันนี้มาก่อน“โบยมันสองพ่อลูก จนกว่าจะบอกว่าสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด”“ลองโบยดูสิ!”เสียงกร้าวดังขึ้นจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพจะก้าวออกมา โดยมีเหล่านายกองติดตามมามิห่าง ทั้งหมดมีใบหน้าทะมึนตึงไม่แพ้กันกับรองแม่ทัพ ที่สำคัญไปกว่านั้นชุดที่ชายหนุ่มทั้งหมดสวมอยู่นั้น บ่งบอกถึงตัวตนว่าเป็นใครท่านเจ้าเมืองถึงกับหายใจติดขัด เมื่อเห็นลวดลายที่ปักบนแขนเสื้อของพวกเขา มีเพียงแค่สังกัดเดียวเท่านั้น ที่ปักลวดลายนี้ไว้บนแขนเสื้อ“ทหารจากแดนเหนือ”“รู้จักด้วยรึ! อยากพบสตรีผู้นั้นมากใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นรอสักครู่ประเดี๋ยวนางก็มา และข้าหวังว่าท่านและครอบครัว จะคิดหาคำแก้ตัวที่น่าฟัง นอกจากคำว่า...”“มิได้ตั้งใจ!”เสียงเย็นเยียบจากด้านหลัง ทำให
คำตอบรับของแม่ทัพสาว ราวสายฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของครอบครัวท่านเจ้าเมือง ในอดีตก่อนที่เขาจะเลื่อนตำแหน่ง ได้ทำทุกทางช่วงชิงภรรยาผู้อื่นมา ทั้งยังตั้งใจกำจัดสายเลือดของนางให้พ้นสายตา วันนี้คนทั้งคู่กลับมาพร้อมนำความแค้นมาทวงคืนต่อเขา “ใต้เท้าเจียงมีสิ่งใดอยากจะแก้ต่างหรือไม่” “ข้าไม่ได้ทำ! มันเพราะความมิรู้พอของนางต่างหาก” “ความผิดจะโยนไปมาเพื่อสิ่งใดกัน ไหน ๆ ข้าก็เลือกตัดสินท่านตรงนี้แล้ว ก็ทำเสียให้เสร็จสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนเจียงฮูหยินรู้สึกเช่นไรบ้าง ผิดหวังมากกว่าเดิมอย่างที่ข้าเคยบอกหรือไม่” “ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ ข้ากับลูกมิรู้เห็นในสิ่งที่สามีของข้าทำจริง ๆ นะเจ้าคะ” “หึ ๆ เรื่องของสามีเจ้าอาจไม่รู้เห็น หรืออาจร่วมมือ ข้าย่อมไม่อาจรู้เห็นภายในใจของเจ้าได้ แต่เรื่องที่กระทำต่อเกาชุนหลางข้าย่อมยากปล่อยผ่าน หากบาดแผลนี้อยู่บนใบหน้าของเจ้าหรือใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ ตอบข้าได้หรือไม่ว่ายินดีมีมันไหม” ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเกาชุนหลาง รอยแผลเป็นนั้นยากนักที่ใครจะทำใจมองมันได้นาน เจียงฮูหยินทำได้เพ
บ้านพักตากอากาศตระกูลกวง เซี่ยงไฮ เท้าเปล่าเปลือยค่อย ๆ เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอ ในมือถือตะกร้าผลไม้ตามฤดู ที่พ่อแม่ของเธอปลูกไว้กิน และแจกจ่ายให้ครอบครัวคนดูแล มันกำลังสุกเต็มต้น เธอจึงตั้งใจที่จะเก็บมาให้คู่หมั้นและญาติผู้พี่ได้ลิ้มลอง คุณหมอคนสวยหยุดนิ่งราวรูปปั้น มือที่จับลูกบิดประตูสั่นระริก ภาพด้านในมันยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมากลางแสกหน้า เสียงเพลงเบา ๆ และจูบอันเร้าร้อนของคนด้านใน ทำให้ไม่รู้ถึงการมาของเจ้าของบ้าน หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังเอ่อคลอบดบังภาพเบื้องหน้า เธอตั้งใจจะเซอร์ไพรส์คนรัก ด้วยการตอบตกลงที่จะแต่งงาน หลังจากหมั้นหมายมากว่าหนึ่งปี เธอพร้อมที่จะลาออกจากโรงพยาบาลของกองทัพ มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนตามคำขอของเขา เท้าเปล่าเปลือยขยับถอยออกจากตรงนั้น เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ นี่ใช่ไหม! ความรู้สึกของคนถูกหักหลัง มันรุนแรงจนเจียนตายได้อย่างที่หลายคนเคยบอกเธอ ความพร้อมทุกอย่างในชีวิตมันไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างต้องแลกด้วยการเสียบางอย่าง เหมือนที่พ่อแม่ของเธอมักพูดเสมอ หากมีรักที่ดีเราอาจไร้มิ
หญิงสาวเลือกที่จะโกหกบิดา เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม สำหรับเรื่องที่เธอกำลังตัดสินใจทำ แน่นอนว่าการแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น และญาติของเธอก็ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกนี้ของเธอ โดยการอยู่อย่างผู้หักหลังไปชั่วชีวิตการพูดคุยของเจ้าสัวกวงกับว่าที่ลูกเขย เป็นไปอย่างครื้นเครง ก่อนที่จะมีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ตูม! ร่างของทั้งสามร่วงลงลงน้ำ เมื่ออยู่ ๆ มันเกินโคลงจนทำให้พลิกคว่ำหมับ! ในจังหวะที่กวงฮุ่ยผิงจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ ข้อเท้าของเธอถูกรวบจับเอาไว้ ก่อนตัวเธอจะดิ่งลงใต้พื้นน้ำอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามลืมตาในน้ำ สิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือร่างกำยำของคนรักหญิงสาวพยายามดิ้นรนให้รอดจากเงื้อมือของเขา ทว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ปึก! หญิงสาวเจ็บราวไปทั้งศีรษะ เส้นผมของเธอถูกรวบเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะออกแรง เอาหัวเธอกระแทกเข้ากับหินใต้น้ำอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมคือภาพสุดท้ายที่เธอเห็น แน่นอนว่าสติสุดท้ายมันเลือนรางจนมืดมิดไปในที่สุดชานหลางปล่อยให้ร่างของคนรักจมอยู่เพียงลำพัง โดยที่ตัวเขาลอยออกห่างไปอีกด้าน ก่อนจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น พร้อมทั้งหันรีหันขวาง เพื่อหาคู่หมั้นที
“ใช่ข้าเห็นด้วย เจ้าสมควรแก่วัยที่จะออกเรือนได้แล้ว อีกอย่างนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้า สตรีใดจะคู่ควรกับเจ้าเท่าท่านแม่ทัพหยวน ทั้งแผ่นดินหาไม่ได้แล้วจริง ๆ” เมื่อบุตรชายติดกับของเขาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า ใจจริงเขาไม่อยากให้มีการแต่งงานที่มิได้เกิดจากความรัก แต่หากปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รู้ว่าอีกสักกี่ปี บุตรชายจะแต่งงานเสียที เขาแก่ชราลงทุกวันอยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย “ตรงไหนที่เรียกว่าร้ายกาจขอรับ” “ทุกตรงในสายตาของข้า” การตอบโต้ของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ร่วมรับฟังได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าด้านนอกห้องนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ที่ต้องนำไปส่งให้แก่ผู้เป็นนาย ซึ่งทำให้พ่อลูกคลี่ยิ้มพอใจ กับสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเพราะสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ จะมีเพียงครอบครัวว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นที่รับรู้ ฉะนั้นนับว่าเป็นข่าวสารสำคัญสำหรับหลายฝ่าย “ท่านพี่จะรับนางมาพักที่จวนหรือไม่เจ้าคะ” กั๋วฮูหยินเอ่ยถามสามี ซึ่งนางเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่มาก เพราะอย่างน้อยก็จะได้
“ก่อนออกเดินทาง เราค่อยจ้างคนมาคอยดูแล และปลูกดอกไม้ให้แก่แม่ของเจ้า” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” “พวกท่านเป็นใครกัน” เสียงของชายชราจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหันกลับไปมองอย่างใจเย็น “ข้ากับน้องสาวมาเคารพญาติ” “นางไร้ญาติมานานแล้ว นับตั้งแต่บุตรสาวของนางถูกขายไปเป็นทาสให้แก่พวกวาณิช” น้ำเสียงติดกรุ่นโกรธของชายชรา ทำให้คิ้วเข้มของสองนายบ่าวขมวดเป็นปม ก่อนที่มู่อิงจะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น คนที่นางคิดว่าตายไปแล้ว วันนี้กลับมาปรากฏต่อหน้านางราวชะตานำพายิ่งนัก “ท่านลุง” มู่อิงเรียกชายชราผู้เป็นพี่ชายของมารดา ซึ่งก็คือญาติฝั่งมารดาเพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่ “เจ้าคือ!” “ข้า...” หญิงสาวหันไปสบตากับผู้เป็นนาย เพื่อขอความเห็นว่านางควรเปิดเผยตัวหรือไม่ ด้วยตำแหน่งของผู้เป็นนายในตอนนี้ ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้อย่างสะดวกนัก ด้วยอันตรายมีอยู่รอบด้านและนางก็คือคนที่ศัตรูของท่านแม่ทัพรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะมือซ้ายที่เคียงข้างมิห่างกาย แม่ทัพสาวพยักหน้า
“น่ะ...นี่มัน!” ชายชราชี้นิ้วไปยังรถม้าที่จอดอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหันมองหลานสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “ไปกันเถอะ” แม่ทัพสาวภายมือให้แก่ชายชราและบุตรชายของเขา มู่อิงส่งให้ผู้เป็นลุงขึ้นรถม้า โดยให้น้องชายตามขึ้นไป หญิงสาวขยับไปยืนด้านข้าง เพื่อให้ผู้เป็นนายขึ้นรถม้าได้สะดวก“เจ้าขึ้นไปนั่งกับพวกเขาเถอะ ข้าอยากชมทิวทัศน์ข้างนอกสักหน่อย”“ทะ...เจ้าค่ะ”มู่อิงตั้งใจจะทักท้วง ก่อนจะเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนาย หญิงสาวทำเพียงรับคำ ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถม้า ส่วนแม่ทัพสาวนั่งเคียงข้างคนขับรถม้าในเมื่อแมลงกวนใจอยากรู้เห็น นางก็จะนั่งให้เห็นชัดตาเสียเลยแล้วกัน ฮ่องเต้ทรงเมตตานัก เรียกนางมารับสามีไม่พอ ยังให้ทำความสะอาดระหว่างเส้นทางอีกด้วยและที่นี่ก็คืออีกหนึ่งเมือง ที่นางต้องเก็บกวาดขยะให้สิ้น ก่อนการใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งมันจำเป็นต้องไร้มดแลงใด ๆ ไปไต่ตอมให้รำคาญใจผู้เป็นนายเหนือหัวของนางสกุลเกา ร่างอันสั่นเทาก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปยังป้ายเหนอประตู ‘สกุลเกา’ มันถูกทำขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตร ชายชราหันไปมองหลานสาว“เจ้าทำได้อย่างไร”“นายหญ