อาหารชั้นดีพร้อมสุรารสแรง ถูกจัดเตรียมมาอย่างล้นเหลือ ลานกว้างเต็มไปด้วยแสงสว่างจากคบไฟ และเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีหมูตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหล
รองแม่ทัพและทหารติดตาม ต่างพากันนั่งรอผู้เป็นนายและเจ้าของบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง งานเลี้ยงในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อมู่อิง น้องสาวที่แกร่งเยี่ยงบุรุษ
“ชุนหลาง! มานี่เร็วเข้า”
รองแม่ทัพเจากวักมือเรียกชายหนุ่ม เกาชุนหลางในชุดผ้าไหมเนื้อดี ผมที่ถูกรวบจนเรียบร้อย ทำให้มีความหล่อเหลายิ่งนัก แม้จะมีบาดแผลบนใบหน้า ก็ไม่อาจกลบความรูปงามนั้นได้เลย
“นายท่าน...”
“นายท่านอะไรกัน เรียกข้าพี่ชายเจา และทุกคนที่นี่คือพี่เจ้าทั้งหมด ทำหลังให้เหยียดตรงหน่อย จะกลัวอะไร หืม!”
“ขอรับท่านพี่เจา”
เกาชุนหลางเหยียดหลังให้ตรง แม้ว่าจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้าง เขาถูกกดให้ต่ำมาทั้งชีวิต วันนี้ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังมีบ่าวรับใช้ช่วยทำผมแต่งกาย มันเหมือนความฝันยิ่งนัก
เขาจำได้ว่าตอนที่กลับมายังเมืองนี้ใหม่ ๆ ได้ไปแอบดูมารดาที่บ้านสามีใหม่ของนาง น้อง ๆ ต่างบิดา ล้วนดูดีจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองมารดา
“จำไว้นะชุนหลาง นับจากนี้เจ้าคือคุณชายเกา และจงจำไว้ว่าต่อให้เจ้ามีเงินทองแล้ว ก็อย่าได้หยิ่งผยองหรือข่มเหงผู้ใด แต่ก็มิใช่ก้มหัวให้ใครเหยียบ เรื่องพวกนั้นเจ้าค่อยเรียนรู้จากพ่อบ้านซือ”
เสียงจากด้านหลัง ทำให้เกาชุนหลางลืมตัวคิดจะหมอบกราบ เช่นที่เขาคุ้นชินยามพบเจอคนที่มากด้วยอำนาจ
“อะแฮ่ม!”
รองแม่ทัพเจ้ารีบกระแอมไอ เตือนชายหนุ่มมิให้ทำเช่นนั้นอีก เกาชุนหลางรีบยืดกายให้ตรงราวทหารฝึกใหม่ เรียกรอยยิ้มจากทุกคน แม่ทัพสาวตบลงบนไหล่ของชายหนุ่มสองสามที ก่อนจะพาเขาเดินไปนั่งรวมกับทุกคน
“พ่อบ้านซือ จะเป็นคนสอนเจ้าในทุกเรื่อง รวมถึงการทำงานด้วย ข้ากับมู่อิงอาจไม่ได้มาที่นี่บ่อย แต่เจ้ากับท่านลุงไปหาเราได้ทุกเมื่อ”
“ข้าขอบคุณนายหญิงน้อยยิ่งนักขอรับ ที่เมตตาต่อครอบครัวของเรา”
“เรื่องเล็กน้อย ข้าเองก็เคยลำบากมาก่อน ที่สำคัญมารดาของข้าคือสตรีหม้าย ที่ผู้คนต่างตราหน้าว่าเป็นสตรีต้องคำสาป มารดาข้าเป็นหญิงยังไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เลี้ยงข้ากับพี่สาวมาจนโต เจ้าเองก็ต้องทำได้เช่นกัน ส่วนเรื่องใบหน้าข้าจะรักษาให้เอง แม้มันลบไม่หมดแต่ก็ดูดีกว่าเดิมแน่นอน แต่ในสายตาสตรีเยี่ยงข้าเจ้าดูดียิ่งนัก”
แม่ทัพสาววางหน้ากากรูปปีกนกสีเงินลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้แก่เกาชุนหลาง ชายหนุ่มหยิบหน้ากาก ที่สามารถปิดใบหน้าครึ่งที่มีแผลเป็นของเขาได้อย่างพอดี
“เจ้าสวมมันถ้ายังไม่มั่นใจ แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าแข็งแกร่งทั้งกายและใจ มันจะเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งให้เจ้าเอาไว้ดูเล่นเท่านั้น คุณค่าของคนเราหาใช่หน้าตา แต่มันคือการกระทำต่างหาก”
เกาชุนหลางยิ้มยิ้มกว้าง เขามีความสุขกับฝันนี้เหลือเกิน แม้ว่าอีกไม่กี่อึดใจเขาจะต้องตื่นขึ้นพบกับความจริง เขาก็ยินดีที่จะเก็บทุกช่วงเวลาให้คุ้มค่าที่สุด
“อาหารมาแล้ว เร็วเข้ามู่อิง เราทุกคนหิวมาก”
นายกองหนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง ก่อนจะรีบลุกไปรับถาดอาหารจากมือของมู่อิง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สาวใช้ ประคองชายชราออกมายังลานจัดเลี้ยง
อาหารถูกนำออกมาวางบนโต๊ะตัวยาว ที่เป็นลักษณะคุ้นเคยของทหารในกองทัพ ชายชราไม่คิดฝันว่าวันหนึ่ง เขาจะได้กลับมาอยู่บ้าน ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมเช่นในอดีต
“ท่านลุงเชิญนั่งเจ้าค่ะ งานเลี้ยงคืนนี้สำหรับครอบครัวของเรา”
แม่ทัพสาวเอ่ยขึ้น พร้อมยกถ้วยสุราชูขึ้นสูง โดยมีเหล่าผู้ติดตามทำเช่นเดียวกัน พ่อบ้านซือได้แต่ถอนหายใจ นายหญิงน้อยนับว่าเป็นคอทองแดงในเรื่องสุรา ดูได้จากถ้วยในมือแล้วคืนนี้คงอีกยาวไกล
ชายชรายกถ้วยสุราขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยตัวเขาห่างจากเรื่องเช่นนี้มานานมากเหลือเกิน มู่อิงนั่งลงข้างผู้เป็นลุง เพื่อช่วยตักอาหาร ส่วนเกาชุนหลางนั้น อยู่ท่ามกลางบุรุษมากวัยกว่า
การพูดคุยดื่มกินเป็นไปอย่างครื้นเครง จนมีคนเฝ้าประตูเดินมากระซิบบอกถึงการมาของแขกที่มิได้รับเชิญ พ่อบ้านซือจึงก้าวเข้ามาบอกแก่ผู้เป็นนายเบา ๆ
“ทุกคนดื่มกันตามสบาย ข้าขอไปคุยธุระสักครู่”
แม่ทัพสาวลุกขึ้น โดยไม่ลืมส่งสัญญาณให้มู่อิงติดตามออกมาด้วย เรื่องนี้นางยังไม่อยากให้ใหญ่โตจนเกินไป ไหนจะสภาพจิตใจของสองพ่อลูกสกุลเกา คงไม่พร้อมเท่าใดนัก ที่จะเผชิญกับคนที่สร้างบาดแผลทั้งทางกายและใจให้แก่ทั้งคู่
“ท่านพี่เจาฝากท่านลุงสักครู่”
“ตามสบายน้องสาว”
รองแม่ทัพเจาลุกไปนั่งเคียงข้างชายชรา พร้อมทั้งชวนคุย โดยไม่พ้นเรื่องของมู่อิง ชายชรามองตามหลานสาวอย่างห่วงใย เขาไม่รู้ว่านายหญิงน้อยหยวนทำสิ่งใดบ้าง นอกเหนือจากการค้า แต่จากร่างกายและบุคลิกของหลานสาว บอกได้ว่าต้องผ่านการมาฝึกฝนวิชามาอย่างหนัก
“อย่าห่วงนางเลยท่านลุง เพราะถึงท่านจะห่วงนางแค่ไหน นางก็จะไม่มีทางละทิ้งหน้าที่ของนาง ที่มีต่อนายหญิงน้อยหยวนเป็นอันขาด คนหนึ่งให้ชีวิตคนหนึ่งเติมเต็มชีวิต ฉะนั้นสองคนนั้นจึงไม่เคยห่างกัน”
“หมายความว่าอย่างไร”
“อย่าได้คิดเป็นอื่น ท่าน...นายหญิงน้อยมีพี่สาวฝาแฝด แต่ทั้งคู่ต้องทำงานห่างไกลกันคนละเมือง มู่อิงเลยเป็นน้องสาวคนเดียว ที่คอยอยู่เคียงข้างทำให้นายหญิงน้อยไม่เหงายามคิดถึงบ้าน”
รองแม่ทัพเจาเกือบสำลักเหล้า เมื่อเข้าใจความคิดของชายชรา ที่คิดว่าท่านแม่ทัพกับมู่อิงมีใจเยี่ยงคนรัก เป็นเขาเองที่สื่อความหมายผิดเพี้ยน ท่านแม่ทัพนั้นแม้ภายนอกจะดูเย็นชา แต่ลึก ๆ แล้วนางก็เหมือนหญิงสาวทั่ว ๆ ไปที่คิดถึงพ่อแม่พี่น้องยามห่างไกล
ยิ่งอยู่ในกองทัพตำแหน่งผู้นำเข้าไปอีก เวลาที่จะได้กลับไปพบหน้ามารดาและพี่สาว เรียกว่าน้อยนิดนัก ไหนจะในกองทัพมีสตรีนับคนได้ ย่อมต้องเงียบเหงาเป็นธรรมดา
“ข้าต้องขออภัยที่ตั้งคำถามเยี่ยงนั้น”
“ท่านลุงอย่าคิดมาก เป็นข้าที่ใช้คำเปรียบเปรยผิด มาเถอะเราดื่มกันต่อ”
ทางด้านหน้าประตูบ้าน แม่ทัพสาวก้าวพ้นประตูออกไปยืนอยู่ด้านหน้า สายตาเย็นเยียบมองไปที่แขกผู้มาเยือน มู่อิงที่ออกมายืนเคียงนายกำหมัดแน่น
“มู่อิง!”ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน เรียกมู่อิงราวคนคุ้นเคย แต่จากสายตาที่มองแล้ว ชายผู้นั้นไม่รู้ว่าใครกันแน่คือมู่อิง เพราะเสื้อผ้าที่สองนายบ่าวสวม ล้วนเป็นไหมชั้นดี ซึ่งไม่มีบ่าวบ้านใดได้สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ จึงไม่อาจบอกได้ว่าคนไหนคือมู่อิง“ท่านเป็นใคร มาที่บ้านข้าด้วยเรื่องใด”แม่ทัพสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ต่างจากสายตาที่ทอดมองคนทั้งหมดด้านล่าง“ข้าเป็นบิดาของ....”ชายสูงวัยลังเลอยู่มาก ด้วยไม่แน่ใจว่าคนไหนคือบุตรสาวของตนเอง เพราะไม่สามารถแยกได้จากเสื้อผ้า หรือท่าทางของหญิงสาวทั้งสอง เพราะมันแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“ท่านจะบอกว่าเป็นบิดาของมู่อิงสินะ!”“ใช่!”“แล้วอย่างไร!”“บิดามาพบลูกต้องอย่างไร! มีข้อห้ามหรือ”“ย่อมไม่มี แต่นางคือคนของสกุลหยวน ฉะนั้นถ้าข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่อาจพบนางได้ตามอำเภอใจ”“นางเป็นลูกข้า จะเป็นคนของสกุลอื่นได้อย่างไร”“ลืมอะไรไปหรือไม่! ท่านขายนางไปแล้ว”“นางเป็นอิสระแล้วมิใช่รึ!”“ใครบอกเจ้ากันว่านางเป็นอิสระ”“บ้านหลังนี้ไงเป็นสิ่งยืนยัน”“ยังไง!”“นางซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ แสดงว่านางมีเงินไถ่ตัวเองออกมาได้แล้ว นางย่อมเป็นอิสระ”“อ่านนิยายมากไปร
เกาชุนหลางไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากที่นายหญิงน้อยมอบให้ เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก ชายหนุ่มวิ่งมาหยุดที่หน้าร้านขนมเก่าแก่ของเมือง“เจ้าคนอัปลักษณ์นี่ใครกัน ไยไม่รู้จักหลีกทางให้ข้า”เสียงนั้นทำให้เกาชุนหลางถึงกับสั่นน้อย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคือน้องชายต่างบิดานั่นเอง ปึก! คุณชายสกุลเจียงถึงกับเซไปหลายก้าว เมื่อเขาตั้งใจที่จะลงมือต่อคนที่ขวางทาง“เจ้ากล้าดียังไง มาทำร้ายข้า!”“ขออภัยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยเห็นเป็นท่านที่คิดจะแตะต้องคุณชายของเราก่อน”เกาชุนหลางหันขวับ! กลับไปมองด้านหลังในทันที ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งในบ่าวชายในจวน“สกุลใดกัน! มิรู้หรือว่าที่นี่สกุลเจียงของข้าเป็นใหญ่”“บุตรชายท่านเจ้าเมือง ใช่ว่าใครจะไม่รู้จักขอรับ แต่ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท”“บังอาจ! ไพร่เยี่ยงกล้าดียังไงมากำแหงต่อข้า”“เอ่อ...”เกาชุนหลางคิดที่จะเอ่ยห้ามปราม ทว่ากลับต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เมื่อสตรีที่ก้าวเข้ามาคือมารดาของเขาเอง มือหยาบที่จับแขนของบ่าวข้างกาย เผลอบีบแน่น ด้วยความรู้สึกทั้งกรุ่นโกรธและเสียใจ“จะเป็นคุณชายบ้านใด ก็ต้องรู้จักสูงต่ำบ้าง”“เจียงฮูหย
“คุกเข่า!”ทหารที่จับตัวของสองพ่อลูก เตะเข้าที่ข้อพับของชายชรา จนเขาล้มลงเข่ากระแทกกับพื้น เกาจ้านเจ็บร้าวไปทั้งขา ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สามีคนใหม่ของอดีตภรรยา“สตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด กล้าที่จะกำแหงต่อครอบครัวข้า ก็ต้องกล้าที่ออกมารับโทษทัณฑ์”“โบยมันให้ตายเลยขอรับท่านพ่อ”เจียงหลุนรีบเติมเชื้อไฟ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่จะหักหน้าเขาเช่นวันนี้มาก่อน“โบยมันสองพ่อลูก จนกว่าจะบอกว่าสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด”“ลองโบยดูสิ!”เสียงกร้าวดังขึ้นจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพจะก้าวออกมา โดยมีเหล่านายกองติดตามมามิห่าง ทั้งหมดมีใบหน้าทะมึนตึงไม่แพ้กันกับรองแม่ทัพ ที่สำคัญไปกว่านั้นชุดที่ชายหนุ่มทั้งหมดสวมอยู่นั้น บ่งบอกถึงตัวตนว่าเป็นใครท่านเจ้าเมืองถึงกับหายใจติดขัด เมื่อเห็นลวดลายที่ปักบนแขนเสื้อของพวกเขา มีเพียงแค่สังกัดเดียวเท่านั้น ที่ปักลวดลายนี้ไว้บนแขนเสื้อ“ทหารจากแดนเหนือ”“รู้จักด้วยรึ! อยากพบสตรีผู้นั้นมากใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นรอสักครู่ประเดี๋ยวนางก็มา และข้าหวังว่าท่านและครอบครัว จะคิดหาคำแก้ตัวที่น่าฟัง นอกจากคำว่า...”“มิได้ตั้งใจ!”เสียงเย็นเยียบจากด้านหลัง ทำให
คำตอบรับของแม่ทัพสาว ราวสายฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของครอบครัวท่านเจ้าเมือง ในอดีตก่อนที่เขาจะเลื่อนตำแหน่ง ได้ทำทุกทางช่วงชิงภรรยาผู้อื่นมา ทั้งยังตั้งใจกำจัดสายเลือดของนางให้พ้นสายตา วันนี้คนทั้งคู่กลับมาพร้อมนำความแค้นมาทวงคืนต่อเขา “ใต้เท้าเจียงมีสิ่งใดอยากจะแก้ต่างหรือไม่” “ข้าไม่ได้ทำ! มันเพราะความมิรู้พอของนางต่างหาก” “ความผิดจะโยนไปมาเพื่อสิ่งใดกัน ไหน ๆ ข้าก็เลือกตัดสินท่านตรงนี้แล้ว ก็ทำเสียให้เสร็จสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนเจียงฮูหยินรู้สึกเช่นไรบ้าง ผิดหวังมากกว่าเดิมอย่างที่ข้าเคยบอกหรือไม่” “ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ ข้ากับลูกมิรู้เห็นในสิ่งที่สามีของข้าทำจริง ๆ นะเจ้าคะ” “หึ ๆ เรื่องของสามีเจ้าอาจไม่รู้เห็น หรืออาจร่วมมือ ข้าย่อมไม่อาจรู้เห็นภายในใจของเจ้าได้ แต่เรื่องที่กระทำต่อเกาชุนหลางข้าย่อมยากปล่อยผ่าน หากบาดแผลนี้อยู่บนใบหน้าของเจ้าหรือใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ ตอบข้าได้หรือไม่ว่ายินดีมีมันไหม” ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเกาชุนหลาง รอยแผลเป็นนั้นยากนักที่ใครจะทำใจมองมันได้นาน เจียงฮูหยินทำได้เพ
บ้านพักตากอากาศตระกูลกวง เซี่ยงไฮ เท้าเปล่าเปลือยค่อย ๆ เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอ ในมือถือตะกร้าผลไม้ตามฤดู ที่พ่อแม่ของเธอปลูกไว้กิน และแจกจ่ายให้ครอบครัวคนดูแล มันกำลังสุกเต็มต้น เธอจึงตั้งใจที่จะเก็บมาให้คู่หมั้นและญาติผู้พี่ได้ลิ้มลอง คุณหมอคนสวยหยุดนิ่งราวรูปปั้น มือที่จับลูกบิดประตูสั่นระริก ภาพด้านในมันยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมากลางแสกหน้า เสียงเพลงเบา ๆ และจูบอันเร้าร้อนของคนด้านใน ทำให้ไม่รู้ถึงการมาของเจ้าของบ้าน หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังเอ่อคลอบดบังภาพเบื้องหน้า เธอตั้งใจจะเซอร์ไพรส์คนรัก ด้วยการตอบตกลงที่จะแต่งงาน หลังจากหมั้นหมายมากว่าหนึ่งปี เธอพร้อมที่จะลาออกจากโรงพยาบาลของกองทัพ มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนตามคำขอของเขา เท้าเปล่าเปลือยขยับถอยออกจากตรงนั้น เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ นี่ใช่ไหม! ความรู้สึกของคนถูกหักหลัง มันรุนแรงจนเจียนตายได้อย่างที่หลายคนเคยบอกเธอ ความพร้อมทุกอย่างในชีวิตมันไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างต้องแลกด้วยการเสียบางอย่าง เหมือนที่พ่อแม่ของเธอมักพูดเสมอ หากมีรักที่ดีเราอาจไร้มิ
หญิงสาวเลือกที่จะโกหกบิดา เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม สำหรับเรื่องที่เธอกำลังตัดสินใจทำ แน่นอนว่าการแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น และญาติของเธอก็ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกนี้ของเธอ โดยการอยู่อย่างผู้หักหลังไปชั่วชีวิตการพูดคุยของเจ้าสัวกวงกับว่าที่ลูกเขย เป็นไปอย่างครื้นเครง ก่อนที่จะมีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ตูม! ร่างของทั้งสามร่วงลงลงน้ำ เมื่ออยู่ ๆ มันเกินโคลงจนทำให้พลิกคว่ำหมับ! ในจังหวะที่กวงฮุ่ยผิงจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ ข้อเท้าของเธอถูกรวบจับเอาไว้ ก่อนตัวเธอจะดิ่งลงใต้พื้นน้ำอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามลืมตาในน้ำ สิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือร่างกำยำของคนรักหญิงสาวพยายามดิ้นรนให้รอดจากเงื้อมือของเขา ทว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ปึก! หญิงสาวเจ็บราวไปทั้งศีรษะ เส้นผมของเธอถูกรวบเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะออกแรง เอาหัวเธอกระแทกเข้ากับหินใต้น้ำอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมคือภาพสุดท้ายที่เธอเห็น แน่นอนว่าสติสุดท้ายมันเลือนรางจนมืดมิดไปในที่สุดชานหลางปล่อยให้ร่างของคนรักจมอยู่เพียงลำพัง โดยที่ตัวเขาลอยออกห่างไปอีกด้าน ก่อนจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น พร้อมทั้งหันรีหันขวาง เพื่อหาคู่หมั้นที
“ใช่ข้าเห็นด้วย เจ้าสมควรแก่วัยที่จะออกเรือนได้แล้ว อีกอย่างนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้า สตรีใดจะคู่ควรกับเจ้าเท่าท่านแม่ทัพหยวน ทั้งแผ่นดินหาไม่ได้แล้วจริง ๆ” เมื่อบุตรชายติดกับของเขาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า ใจจริงเขาไม่อยากให้มีการแต่งงานที่มิได้เกิดจากความรัก แต่หากปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รู้ว่าอีกสักกี่ปี บุตรชายจะแต่งงานเสียที เขาแก่ชราลงทุกวันอยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย “ตรงไหนที่เรียกว่าร้ายกาจขอรับ” “ทุกตรงในสายตาของข้า” การตอบโต้ของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ร่วมรับฟังได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าด้านนอกห้องนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ที่ต้องนำไปส่งให้แก่ผู้เป็นนาย ซึ่งทำให้พ่อลูกคลี่ยิ้มพอใจ กับสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเพราะสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ จะมีเพียงครอบครัวว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นที่รับรู้ ฉะนั้นนับว่าเป็นข่าวสารสำคัญสำหรับหลายฝ่าย “ท่านพี่จะรับนางมาพักที่จวนหรือไม่เจ้าคะ” กั๋วฮูหยินเอ่ยถามสามี ซึ่งนางเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่มาก เพราะอย่างน้อยก็จะได้
“ก่อนออกเดินทาง เราค่อยจ้างคนมาคอยดูแล และปลูกดอกไม้ให้แก่แม่ของเจ้า” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” “พวกท่านเป็นใครกัน” เสียงของชายชราจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหันกลับไปมองอย่างใจเย็น “ข้ากับน้องสาวมาเคารพญาติ” “นางไร้ญาติมานานแล้ว นับตั้งแต่บุตรสาวของนางถูกขายไปเป็นทาสให้แก่พวกวาณิช” น้ำเสียงติดกรุ่นโกรธของชายชรา ทำให้คิ้วเข้มของสองนายบ่าวขมวดเป็นปม ก่อนที่มู่อิงจะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น คนที่นางคิดว่าตายไปแล้ว วันนี้กลับมาปรากฏต่อหน้านางราวชะตานำพายิ่งนัก “ท่านลุง” มู่อิงเรียกชายชราผู้เป็นพี่ชายของมารดา ซึ่งก็คือญาติฝั่งมารดาเพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่ “เจ้าคือ!” “ข้า...” หญิงสาวหันไปสบตากับผู้เป็นนาย เพื่อขอความเห็นว่านางควรเปิดเผยตัวหรือไม่ ด้วยตำแหน่งของผู้เป็นนายในตอนนี้ ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้อย่างสะดวกนัก ด้วยอันตรายมีอยู่รอบด้านและนางก็คือคนที่ศัตรูของท่านแม่ทัพรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะมือซ้ายที่เคียงข้างมิห่างกาย แม่ทัพสาวพยักหน้า