“น่ะ...นี่มัน!”
ชายชราชี้นิ้วไปยังรถม้าที่จอดอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหันมองหลานสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ
“ไปกันเถอะ”
แม่ทัพสาวภายมือให้แก่ชายชราและบุตรชายของเขา มู่อิงส่งให้ผู้เป็นลุงขึ้นรถม้า โดยให้น้องชายตามขึ้นไป หญิงสาวขยับไปยืนด้านข้าง เพื่อให้ผู้เป็นนายขึ้นรถม้าได้สะดวก
“เจ้าขึ้นไปนั่งกับพวกเขาเถอะ ข้าอยากชมทิวทัศน์ข้างนอกสักหน่อย”
“ทะ...เจ้าค่ะ”
มู่อิงตั้งใจจะทักท้วง ก่อนจะเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนาย หญิงสาวทำเพียงรับคำ ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถม้า ส่วนแม่ทัพสาวนั่งเคียงข้างคนขับรถม้า
ในเมื่อแมลงกวนใจอยากรู้เห็น นางก็จะนั่งให้เห็นชัดตาเสียเลยแล้วกัน ฮ่องเต้ทรงเมตตานัก เรียกนางมารับสามีไม่พอ ยังให้ทำความสะอาดระหว่างเส้นทางอีกด้วย
และที่นี่ก็คืออีกหนึ่งเมือง ที่นางต้องเก็บกวาดขยะให้สิ้น ก่อนการใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งมันจำเป็นต้องไร้มดแลงใด ๆ ไปไต่ตอมให้รำคาญใจผู้เป็นนายเหนือหัวของนาง
สกุลเกา
ร่างอันสั่นเทาก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปยังป้ายเหนอประตู ‘สกุลเกา’ มันถูกทำขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตร ชายชราหันไปมองหลานสาว
“เจ้าทำได้อย่างไร”
“นายหญิงน้อยช่วยเหลือ ข้าถึงสามารถซื้อบ้านของเรากลับมาได้เจ้าค่ะ ต่อจากนี้ไปท่านลุงกับชุนหลาง จะไม่ต้องไปที่ใดอีก ข้าจะดูแลท่านลุงกับน้องให้ดี”
“พี่สาว”
เกาชุนหลางเรียกพี่สาวเบา ๆ ชีวิตเขาลำบากมาเสียจนชิน นอนกลางป่าเขามาจนลืมเตียงอุ่น ๆ ไปนานแล้ว วันนี้พี่สาวของเขากลับมาพร้อมทุกอย่าง เขาตื้นตันจนไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดออกมาได้
“ชีวิตพี่สาวเจ้าในอดีตใช่จะสบาย กว่าจะมีวันนี้นางก็ต่อสู้มาไม่น้อย เมื่อก่อนครอบครัวของข้าก็ยังมิได้ร่ำรวยอันใดเลย แต่ท่านแม่ของข้าไม่อาจทนเห็นมู่อิงต้องถูกขายให้หอนางโลม จึงยอมจ่ายตามที่บิดาของนางเรียกร้อง จากนั้นเราทั้งหมดก็สู้กับงานหนัก จนสามารถยืนยังจุดนี้ได้ ตอนที่นางรู้ว่าเจ้ากับท่านลุงตายแล้ว มู่อิงแทบสิ้นไร้แรงใจ ถึงนางไม่พูดแต่ข้ารู้ว่าใจนางแหลกสลายไปจนสิ้นเลยล่ะ”
แม่ทัพสาวมองไปยังป้ายสกุลเกา พร้อมกับบอกถึงสิ่งที่มู่อิงได้กระทำ คราแรกนางจำได้ว่ามู่อิงไม่อยากกลับมาที่นี่ แต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้นางเสนอการซื้อบ้านหลังนี้กลับมา อาจเป็นโชคชะตาของมู่อิงกับสองพ่อลูก ที่จะกลับมาเกื้อหนุนเป็นครอบครัวอีกครั้งกระมัง
“พี่สาวข้า...”
“เข้าบ้านกัน เรื่องภายหน้าอย่าได้กังวล ข้ายังหายใจอยู่ใครก็แตะต้องเจ้ากับท่านลุงไม่ได้อีก”
มู่อิงหันไปค้อมหัวให้แก่ผู้เป็นนาย เพื่อเป็นการขอบคุณต่อสิ่งที่มอบให้นาง มันล้ำค่ากว่าสิ่งใดแล้วในชีวิตนี้ ก่อนที่ทุกคนจะหันไปยังหน้าประตู ซึ่งตอนนี้เสียงของบุรุษหลายคนดังขึ้น พร้อมประตูที่เปิดออกกว้าง
“มู่อิง! นั่นใครกัน ไยจึงได้จับมือถือแขนเจ้าเยี่ยงนั้นเล่า”
รองแม่ทัพเจารู้ดี ว่าชายต่างวัยที่อยู่กับท่านแม่ทัพและมู่อิงคือใคร เพราะก่อนเขาจะออกมานั้น คนขับรถม้าได้ไปบอกเขาตามคำสั่งของท่านแม่ทัพแล้ว
เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมวลเมฆา จึงได้กุมอำนาจทางการค้าเอาไว้ในมือมากมาย แทบไม่มีเรื่องใดหลุดรอดสายตาเหล่ามวลเมฆา ที่มีพี่สาวของท่านแม่ทัพเป็นผู้ปกครอง
หลังจากที่ท่านแม่ทัพบอกจะไปเดินเล่น เขาได้เข้าไปจัดเตรียมทุกอย่างในบ้าน ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย โดยไม่รู้เลยว่าคนของมวลเมฆา ได้นำรถม้าติดตามรอรับท่านแม่ทัพ จนเมื่อครู่ที่คนขับรถม้าเดินไปบอกให้เขารู้ ว่ามีใครกกลับมาพร้อมกับท่านแม่ทัพและมู่อิง
รองแม่ทัพเจาพร้อมเหล่าทหารที่ติดตาม ต่างพากันเดินออกมาหยุดยืนตรงหน้าชายชรา ก่อนประสานมือค้อมกายให้แก่เจ้าของบ้านตัวจริง
“นายท่านทั้งหลาย ทำสิ่งใดกันขอรับข้าน้อยเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น”
ชายชรารีบยกมือห้ามชายหนุ่มหลายคน ที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่จากการแต่งกายแล้วคงสูงศักดิ์อยู่ไม่น้อย มู่อิงเดินมาหยุดยืนข้างผู้เป็นลุง ก่อนจะคุกเข่าประสานมือคำนับรองแม่ทัพ และเหล่าทหารนายกองที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“หากไม่มีนายหญิงน้อยและพี่ชายทั้งหลาย มู่อิงคงไม่มีวันนี้ โปรดรับคำนับจากข้าผู้เป็นน้องสาวด้วยเถิด”
“ฮ่า ๆ น้องสาวตัวน้อยของพวกเรา ช่าง...มาเถอะเด็กโง่ เจ้าคือน้องสาวของพวกเรา ญาติเจ้าก็คือครอบครัวของเราเช่นกัน”
รองแม่ทัพเจารีบเข้าประคองหญิงสาว ชายหนุ่มถึงกับพูดติดขัด เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของมู่อิง เขาจะบอกได้อย่างไร ว่านางช่างเป็นน้องน้อยที่ทำให้พี่ ๆ เช่นพวกเขาตื้นตันยิ่งนัก
แม่ทัพสาวคลี่ยิ้มน้อย ๆ นี่คือครอบครัวสำหรับนาง ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด นางก็คือครอบครัวของทุกคน และทุกคนก็คือครอบครัวของนางเช่นกัน นางจะมองแค่เวลานี้ ไม่มองภายหน้าถึงการจากลาใด ๆ ทั้งสิ้น
“ท่านลุง ชุนหลาง นี่คือท่านพี่เจาและพี่ชายทั้งหลายของข้า”
“เราเข้าข้างในกันก่อนเถอะขอรับท่านลุง ข้าได้ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้ให้ทุกคนได้แช่แล้วขอรับ”
รองแม่ทัพรีบก้าวเข้าประคองชายชรา ก่อนที่ทุกคนจะเดินเข้าไปภายในบ้าน หยวนไป่หลินคือคนสุดท้ายที่เดินตามทุกคนเข้าไป นางไม่ได้ถือสากับการถูกมองข้าม เวลานี้ครอบครัวกลับมาพบหน้า ย่อมต้องให้ความสำคัญต่อกันเป็นธรรมดา
นางมิใช่นายที่บ้าอำนาจ เมื่อเรียกกันว่าครอบครัว นางและพี่น้องย่อมเท่าเทียมกัน ตอนนี้มิใช่เวลาทำงาน ทุกคนย่อมมีความเป็นสหายมิใช่นายบ่าว
“หากมีแขกก็ต้อนรับให้เหมาะสม”
แม่ทัพสาวสั่งบ่าวชายที่เฝ้าหน้าประตู แน่นอนว่าตัวตนแท้จริง ย่อมแตกต่างจากชุดบ่าวรับใช้ ชายหนุ่มค้อมกายรับคำผู้เป็นนาย ก่อนจะปิดประตูลงดานให้เรียบร้อย
เมื่อทุกคนเข้ามาในบ้านแล้ว สองพ่อลูกถูกพาไปอาบน้ำชำระร่างกาย โดยคนจากร้านสกุลหยวน ได้จัดเตรียมเสื้อผ้ามาให้แก่ทั้งคู่อย่างสมฐานะ
ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยาม สำหรับการจัดการกับตนเองของแม่ทัพสาวและสองพ่อลูกเจ้าบ้าน ส่วนมู่อิงนั้นเข้าครัวเตรียมอาหารสำหรับมื้อค่ำ ที่นางจะได้ดื่มกินพร้อมหน้าครอบครัวอีกครั้ง
อาหารชั้นดีพร้อมสุรารสแรง ถูกจัดเตรียมมาอย่างล้นเหลือ ลานกว้างเต็มไปด้วยแสงสว่างจากคบไฟ และเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีหมูตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลรองแม่ทัพและทหารติดตาม ต่างพากันนั่งรอผู้เป็นนายและเจ้าของบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง งานเลี้ยงในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อมู่อิง น้องสาวที่แกร่งเยี่ยงบุรุษ“ชุนหลาง! มานี่เร็วเข้า”รองแม่ทัพเจากวักมือเรียกชายหนุ่ม เกาชุนหลางในชุดผ้าไหมเนื้อดี ผมที่ถูกรวบจนเรียบร้อย ทำให้มีความหล่อเหลายิ่งนัก แม้จะมีบาดแผลบนใบหน้า ก็ไม่อาจกลบความรูปงามนั้นได้เลย“นายท่าน...”“นายท่านอะไรกัน เรียกข้าพี่ชายเจา และทุกคนที่นี่คือพี่เจ้าทั้งหมด ทำหลังให้เหยียดตรงหน่อย จะกลัวอะไร หืม!”“ขอรับท่านพี่เจา”เกาชุนหลางเหยียดหลังให้ตรง แม้ว่าจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้าง เขาถูกกดให้ต่ำมาทั้งชีวิต วันนี้ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังมีบ่าวรับใช้ช่วยทำผมแต่งกาย มันเหมือนความฝันยิ่งนักเขาจำได้ว่าตอนที่กลับมายังเมืองนี้ใหม่ ๆ ได้ไปแอบดูมารดาที่บ้านสามีใหม่ของนาง น้อง ๆ ต่างบิดา ล้วนดูดีจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองมารดา“จำไว้นะชุนหลาง นับจากนี้เจ้าคือคุณชายเกา และจงจำไว้ว่าต่อให
“มู่อิง!”ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน เรียกมู่อิงราวคนคุ้นเคย แต่จากสายตาที่มองแล้ว ชายผู้นั้นไม่รู้ว่าใครกันแน่คือมู่อิง เพราะเสื้อผ้าที่สองนายบ่าวสวม ล้วนเป็นไหมชั้นดี ซึ่งไม่มีบ่าวบ้านใดได้สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ จึงไม่อาจบอกได้ว่าคนไหนคือมู่อิง“ท่านเป็นใคร มาที่บ้านข้าด้วยเรื่องใด”แม่ทัพสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ต่างจากสายตาที่ทอดมองคนทั้งหมดด้านล่าง“ข้าเป็นบิดาของ....”ชายสูงวัยลังเลอยู่มาก ด้วยไม่แน่ใจว่าคนไหนคือบุตรสาวของตนเอง เพราะไม่สามารถแยกได้จากเสื้อผ้า หรือท่าทางของหญิงสาวทั้งสอง เพราะมันแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“ท่านจะบอกว่าเป็นบิดาของมู่อิงสินะ!”“ใช่!”“แล้วอย่างไร!”“บิดามาพบลูกต้องอย่างไร! มีข้อห้ามหรือ”“ย่อมไม่มี แต่นางคือคนของสกุลหยวน ฉะนั้นถ้าข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่อาจพบนางได้ตามอำเภอใจ”“นางเป็นลูกข้า จะเป็นคนของสกุลอื่นได้อย่างไร”“ลืมอะไรไปหรือไม่! ท่านขายนางไปแล้ว”“นางเป็นอิสระแล้วมิใช่รึ!”“ใครบอกเจ้ากันว่านางเป็นอิสระ”“บ้านหลังนี้ไงเป็นสิ่งยืนยัน”“ยังไง!”“นางซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ แสดงว่านางมีเงินไถ่ตัวเองออกมาได้แล้ว นางย่อมเป็นอิสระ”“อ่านนิยายมากไปร
เกาชุนหลางไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากที่นายหญิงน้อยมอบให้ เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก ชายหนุ่มวิ่งมาหยุดที่หน้าร้านขนมเก่าแก่ของเมือง“เจ้าคนอัปลักษณ์นี่ใครกัน ไยไม่รู้จักหลีกทางให้ข้า”เสียงนั้นทำให้เกาชุนหลางถึงกับสั่นน้อย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคือน้องชายต่างบิดานั่นเอง ปึก! คุณชายสกุลเจียงถึงกับเซไปหลายก้าว เมื่อเขาตั้งใจที่จะลงมือต่อคนที่ขวางทาง“เจ้ากล้าดียังไง มาทำร้ายข้า!”“ขออภัยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยเห็นเป็นท่านที่คิดจะแตะต้องคุณชายของเราก่อน”เกาชุนหลางหันขวับ! กลับไปมองด้านหลังในทันที ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งในบ่าวชายในจวน“สกุลใดกัน! มิรู้หรือว่าที่นี่สกุลเจียงของข้าเป็นใหญ่”“บุตรชายท่านเจ้าเมือง ใช่ว่าใครจะไม่รู้จักขอรับ แต่ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท”“บังอาจ! ไพร่เยี่ยงกล้าดียังไงมากำแหงต่อข้า”“เอ่อ...”เกาชุนหลางคิดที่จะเอ่ยห้ามปราม ทว่ากลับต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เมื่อสตรีที่ก้าวเข้ามาคือมารดาของเขาเอง มือหยาบที่จับแขนของบ่าวข้างกาย เผลอบีบแน่น ด้วยความรู้สึกทั้งกรุ่นโกรธและเสียใจ“จะเป็นคุณชายบ้านใด ก็ต้องรู้จักสูงต่ำบ้าง”“เจียงฮูหย
“คุกเข่า!”ทหารที่จับตัวของสองพ่อลูก เตะเข้าที่ข้อพับของชายชรา จนเขาล้มลงเข่ากระแทกกับพื้น เกาจ้านเจ็บร้าวไปทั้งขา ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สามีคนใหม่ของอดีตภรรยา“สตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด กล้าที่จะกำแหงต่อครอบครัวข้า ก็ต้องกล้าที่ออกมารับโทษทัณฑ์”“โบยมันให้ตายเลยขอรับท่านพ่อ”เจียงหลุนรีบเติมเชื้อไฟ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่จะหักหน้าเขาเช่นวันนี้มาก่อน“โบยมันสองพ่อลูก จนกว่าจะบอกว่าสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด”“ลองโบยดูสิ!”เสียงกร้าวดังขึ้นจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพจะก้าวออกมา โดยมีเหล่านายกองติดตามมามิห่าง ทั้งหมดมีใบหน้าทะมึนตึงไม่แพ้กันกับรองแม่ทัพ ที่สำคัญไปกว่านั้นชุดที่ชายหนุ่มทั้งหมดสวมอยู่นั้น บ่งบอกถึงตัวตนว่าเป็นใครท่านเจ้าเมืองถึงกับหายใจติดขัด เมื่อเห็นลวดลายที่ปักบนแขนเสื้อของพวกเขา มีเพียงแค่สังกัดเดียวเท่านั้น ที่ปักลวดลายนี้ไว้บนแขนเสื้อ“ทหารจากแดนเหนือ”“รู้จักด้วยรึ! อยากพบสตรีผู้นั้นมากใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นรอสักครู่ประเดี๋ยวนางก็มา และข้าหวังว่าท่านและครอบครัว จะคิดหาคำแก้ตัวที่น่าฟัง นอกจากคำว่า...”“มิได้ตั้งใจ!”เสียงเย็นเยียบจากด้านหลัง ทำให
คำตอบรับของแม่ทัพสาว ราวสายฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของครอบครัวท่านเจ้าเมือง ในอดีตก่อนที่เขาจะเลื่อนตำแหน่ง ได้ทำทุกทางช่วงชิงภรรยาผู้อื่นมา ทั้งยังตั้งใจกำจัดสายเลือดของนางให้พ้นสายตา วันนี้คนทั้งคู่กลับมาพร้อมนำความแค้นมาทวงคืนต่อเขา “ใต้เท้าเจียงมีสิ่งใดอยากจะแก้ต่างหรือไม่” “ข้าไม่ได้ทำ! มันเพราะความมิรู้พอของนางต่างหาก” “ความผิดจะโยนไปมาเพื่อสิ่งใดกัน ไหน ๆ ข้าก็เลือกตัดสินท่านตรงนี้แล้ว ก็ทำเสียให้เสร็จสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนเจียงฮูหยินรู้สึกเช่นไรบ้าง ผิดหวังมากกว่าเดิมอย่างที่ข้าเคยบอกหรือไม่” “ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ ข้ากับลูกมิรู้เห็นในสิ่งที่สามีของข้าทำจริง ๆ นะเจ้าคะ” “หึ ๆ เรื่องของสามีเจ้าอาจไม่รู้เห็น หรืออาจร่วมมือ ข้าย่อมไม่อาจรู้เห็นภายในใจของเจ้าได้ แต่เรื่องที่กระทำต่อเกาชุนหลางข้าย่อมยากปล่อยผ่าน หากบาดแผลนี้อยู่บนใบหน้าของเจ้าหรือใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ ตอบข้าได้หรือไม่ว่ายินดีมีมันไหม” ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเกาชุนหลาง รอยแผลเป็นนั้นยากนักที่ใครจะทำใจมองมันได้นาน เจียงฮูหยินทำได้เพ
บ้านพักตากอากาศตระกูลกวง เซี่ยงไฮ เท้าเปล่าเปลือยค่อย ๆ เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอ ในมือถือตะกร้าผลไม้ตามฤดู ที่พ่อแม่ของเธอปลูกไว้กิน และแจกจ่ายให้ครอบครัวคนดูแล มันกำลังสุกเต็มต้น เธอจึงตั้งใจที่จะเก็บมาให้คู่หมั้นและญาติผู้พี่ได้ลิ้มลอง คุณหมอคนสวยหยุดนิ่งราวรูปปั้น มือที่จับลูกบิดประตูสั่นระริก ภาพด้านในมันยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมากลางแสกหน้า เสียงเพลงเบา ๆ และจูบอันเร้าร้อนของคนด้านใน ทำให้ไม่รู้ถึงการมาของเจ้าของบ้าน หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังเอ่อคลอบดบังภาพเบื้องหน้า เธอตั้งใจจะเซอร์ไพรส์คนรัก ด้วยการตอบตกลงที่จะแต่งงาน หลังจากหมั้นหมายมากว่าหนึ่งปี เธอพร้อมที่จะลาออกจากโรงพยาบาลของกองทัพ มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนตามคำขอของเขา เท้าเปล่าเปลือยขยับถอยออกจากตรงนั้น เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ นี่ใช่ไหม! ความรู้สึกของคนถูกหักหลัง มันรุนแรงจนเจียนตายได้อย่างที่หลายคนเคยบอกเธอ ความพร้อมทุกอย่างในชีวิตมันไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างต้องแลกด้วยการเสียบางอย่าง เหมือนที่พ่อแม่ของเธอมักพูดเสมอ หากมีรักที่ดีเราอาจไร้มิ
หญิงสาวเลือกที่จะโกหกบิดา เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม สำหรับเรื่องที่เธอกำลังตัดสินใจทำ แน่นอนว่าการแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น และญาติของเธอก็ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกนี้ของเธอ โดยการอยู่อย่างผู้หักหลังไปชั่วชีวิตการพูดคุยของเจ้าสัวกวงกับว่าที่ลูกเขย เป็นไปอย่างครื้นเครง ก่อนที่จะมีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ตูม! ร่างของทั้งสามร่วงลงลงน้ำ เมื่ออยู่ ๆ มันเกินโคลงจนทำให้พลิกคว่ำหมับ! ในจังหวะที่กวงฮุ่ยผิงจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ ข้อเท้าของเธอถูกรวบจับเอาไว้ ก่อนตัวเธอจะดิ่งลงใต้พื้นน้ำอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามลืมตาในน้ำ สิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือร่างกำยำของคนรักหญิงสาวพยายามดิ้นรนให้รอดจากเงื้อมือของเขา ทว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ปึก! หญิงสาวเจ็บราวไปทั้งศีรษะ เส้นผมของเธอถูกรวบเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะออกแรง เอาหัวเธอกระแทกเข้ากับหินใต้น้ำอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมคือภาพสุดท้ายที่เธอเห็น แน่นอนว่าสติสุดท้ายมันเลือนรางจนมืดมิดไปในที่สุดชานหลางปล่อยให้ร่างของคนรักจมอยู่เพียงลำพัง โดยที่ตัวเขาลอยออกห่างไปอีกด้าน ก่อนจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น พร้อมทั้งหันรีหันขวาง เพื่อหาคู่หมั้นที
“ใช่ข้าเห็นด้วย เจ้าสมควรแก่วัยที่จะออกเรือนได้แล้ว อีกอย่างนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้า สตรีใดจะคู่ควรกับเจ้าเท่าท่านแม่ทัพหยวน ทั้งแผ่นดินหาไม่ได้แล้วจริง ๆ” เมื่อบุตรชายติดกับของเขาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า ใจจริงเขาไม่อยากให้มีการแต่งงานที่มิได้เกิดจากความรัก แต่หากปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รู้ว่าอีกสักกี่ปี บุตรชายจะแต่งงานเสียที เขาแก่ชราลงทุกวันอยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย “ตรงไหนที่เรียกว่าร้ายกาจขอรับ” “ทุกตรงในสายตาของข้า” การตอบโต้ของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ร่วมรับฟังได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าด้านนอกห้องนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ที่ต้องนำไปส่งให้แก่ผู้เป็นนาย ซึ่งทำให้พ่อลูกคลี่ยิ้มพอใจ กับสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเพราะสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ จะมีเพียงครอบครัวว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นที่รับรู้ ฉะนั้นนับว่าเป็นข่าวสารสำคัญสำหรับหลายฝ่าย “ท่านพี่จะรับนางมาพักที่จวนหรือไม่เจ้าคะ” กั๋วฮูหยินเอ่ยถามสามี ซึ่งนางเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่มาก เพราะอย่างน้อยก็จะได้