“ก่อนออกเดินทาง เราค่อยจ้างคนมาคอยดูแล และปลูกดอกไม้ให้แก่แม่ของเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”
“พวกท่านเป็นใครกัน”
เสียงของชายชราจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหันกลับไปมองอย่างใจเย็น
“ข้ากับน้องสาวมาเคารพญาติ”
“นางไร้ญาติมานานแล้ว นับตั้งแต่บุตรสาวของนางถูกขายไปเป็นทาสให้แก่พวกวาณิช”
น้ำเสียงติดกรุ่นโกรธของชายชรา ทำให้คิ้วเข้มของสองนายบ่าวขมวดเป็นปม ก่อนที่มู่อิงจะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น คนที่นางคิดว่าตายไปแล้ว วันนี้กลับมาปรากฏต่อหน้านางราวชะตานำพายิ่งนัก
“ท่านลุง”
มู่อิงเรียกชายชราผู้เป็นพี่ชายของมารดา ซึ่งก็คือญาติฝั่งมารดาเพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่
“เจ้าคือ!”
“ข้า...”
หญิงสาวหันไปสบตากับผู้เป็นนาย เพื่อขอความเห็นว่านางควรเปิดเผยตัวหรือไม่ ด้วยตำแหน่งของผู้เป็นนายในตอนนี้ ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้อย่างสะดวกนัก ด้วยอันตรายมีอยู่รอบด้าน
และนางก็คือคนที่ศัตรูของท่านแม่ทัพรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะมือซ้ายที่เคียงข้างมิห่างกาย แม่ทัพสาวพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยิ้มอย่างให้กำลังใจต่อสาวใช้ ที่เสมือนน้องสาวอีกคนของนาง เช่นเดียวกันกับอู่หรง
“ข้าเอง...มู่อิง”
“ห๊า! เป็นเจ้าจริง ๆ เช่นนั้นรึ! ดวงตาข้าฝ้าฟางจนมองอะไรไม่ชัดเจนเช่นในอดีต เจ้าเป็นหลานสาวข้าจริง ๆ รึ! ฮือ ๆ เจ้า...เจ้ากลับมาแล้ว นางกลับมาแล้วนะเม่ยเม่ย ลูกสาวเจ้ากลับมาหาเราแล้ว”
ชายชราร้องไห้ราวเด็กน้อย มือหยาบกร้านบีบมือของหลานสาวแน่น เขาในอดีตต้องเดินทางทำการค้า จนครั้งล่าสุดถูกคดโกงจนไม่เหลือสิ่งใด กลับมาบ้านเกิดก็ได้รับข่าวร้าย
หลานสาวถูกขายมิรู้ชะตากรรม เมียรักที่คิดว่าซื่อตรงต่อเขา แต่งงานกับชายอื่น เพราะคิดว่าเขาตายไปแล้ว ลูกชายถูกทำร้ายจากสามีใหม่ของอดีตเมียรัก
เขาในฐานะพ่อที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เลือกที่จะลักพาตัวลูกชายออกจากบ้านของภรรยา แล้วก็ระหกระเหินไปยังต่างเมือง จนเวลาล่วงเลยไปนับสิบปี เขาจึงได้กลับมาที่เมืองนี้ และมาอาศัยอยู่กระท่อมชายป่า หวังที่จะตายในบ้านเกิดเท่านั้น
“ท่านพ่อ! เกิดสิ่งใดขึ้น บิดาข้าแค่คนชราคุณหนูทั้งสองโปรดอย่าได้ถือสาเลยนะขอรับ”
สองนายบ่าวมองไปยังชายหนุ่ม ที่มีรูปร่างกำยำเช่นคนทำงานหนัก บนใบหน้ามีร่องรอยบาดแผลขนาดใหญ่ จากปลายหางตายาวลงมาจนถึงคาง
มู่อิงกำหมัดแน่นเมื่อเห็นสภาพของน้องชาย นางจำได้ดีว่าเด็กชายตัวน้อย มักแอบเอาหมั่นโถวมาให้พี่สาวผู้นี้ ในยามที่ถูกบิดาลงโทษไม่ให้ดื่มกิน น้องชายของนางเดินจากบ้านสกุลเกา มาจนถึงสกุลมู่เพียงเพื่อหยิบยื่นน้ำใจให้พี่สาวเช่นนาง
“ชุนหลาง! พี่สาวเจ้าอย่างไรเล่า”
มู่อิงเรียกน้องชาย ก่อนที่จะยกมือปาดน้ำตาที่เอ่อไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ใครกันทำร้ายน้องน้อยของนางเช่นนี้ หากไร้รอยแผลเป็นบนใบหน้า เกาชุนหลางต้องหล่อเหลามากทีเดียว
“พี่สาว...ใช่ท่านจริง ๆ หรือพี่...กลับมาแล้ว...ฮึก ๆ”
ชายหนุ่มร้องไห้ราวเด็กห้าขวบ เขากับพี่สาวจากกันนานเหลือเกิน ในวันที่พี่สาวถูกลากไปตามถนนโดยบิดาของนาง เขาถูกมารดาพาตัวกลับไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน
นับแต่นั้นเขาถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัสมาตลอด จนวันที่บิดามาลักพาตัวออกจากบ้านพ่อเลี้ยง เขายินดีอดมื้อกินมื้อ ขอแค่ได้อยู่กับบิดาที่รักเขาเท่านั้นก็พอ
การเร่ร่อนไปต่างเมืองทั้งเพื่อทำมาหากิน และตามหาพี่สาวของเขาไปด้วย แม้มันจะลำบากไม่น้อยเลย แต่ก็มีคำว่าความหวังเป็นแรงใจมาโดยตลอด
“ข้ากับท่านพ่อตามหาพี่มิเคยสักครั้ง ที่จะไม่ตามหาท่านพี่มู่อิง”
“พี่กลับมาแล้ว พี่อยู่ตรงนี้น้องรัก”
มู่อิงไม่อาจที่จะห้ามน้ำตาอีกต่อไปได้แล้ว สองพี่น้องร้องไห้กอดกันแน่น โดยมีชายชราโอบลูกและหลานเอาไว้กับอก ภาพนี้ทำให้แม่ทัพสาวจำต้องเบนสายตาไปทางอื่น
การพลัดพรากของทั้งสามยังมีโอกาสพบเจอ แต่นางกับครอบครัวในชีวิตเก่า ช่างห่างไกลคำว่าได้พบเจอกันอีกชั่วลมหายใจ พ่อแม่และน้องชายก็คงคิดถึงนาง เช่นที่ชายชราและบุตรชายของเขาคิดถึงมู่อิง
“เรากลับบ้านกันนะเจ้าคะ”
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มู่อิงจึงได้เอ่ยกับผู้เป็นลุง ที่ตอนนี้ยังคงมีน้ำตาเอ่อคลออยู่
“กระท่อมของลุงกับน้องเจ้าอยู่ชายป่าด้านโน่น มันคับแคบไปบ้าง...”
มู่อิงตบเบา ๆ ลงที่หลังมือผู้เป็นลุง ที่กำลังหวั่นเกรงว่านางจะรับกับบ้านหลังเล็กนั้นไม่ได้ ชายชรามองหน้าหลานสาวที่ดูอิ่มเอิบไม่เหมือนคนที่ถูกขายไปใช้แรงงาน
“บ้านเราเจ้าค่ะ บ้านสกุลเกาของเรา”
สองพ่อลูกหันมองหน้ากัน ก่อนจะจ้องที่ใบหน้าของมู่อิงอย่างมีคำถามนับล้าน ที่อยากจะถามออกมา
“ของในกระท่อมข้าจะให้คนมาเก็บไปให้ ตอนนี้ข้าว่าเรากลับไปที่บ้านกันก่อนดีกว่า ท้องข้ามันเริ่มประท้วงว่าหิวแล้วเจ้าค่ะ”
ทั้งสามหันไปมองหญิงสาวที่สูงราวบุรุษ ก่อนจะพากันยิ้มแห้ง ๆ พวกเขามัวแต่ร่ำไห้คิดถึงกัน จนลืมไปว่ามีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่ด้วย
“ข้าลืมแนะนำ ท่านลุง ชุนหลางนี่คือนายหญิงน้อยหยวนไป่หลิน บุตรสาวของคนที่ซื้อตัวข้าไป และเป็นนายของข้า”
“นายหญิงน้อย ช่างเมตตาต่อมู่อิงยิ่งนัก ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดตอบแทนในน้ำใจนี้ โปรดรับการคารวะจากข้าน้อยด้วยเถิดขอรับ”
หมับ! แม่ทัพสาวรีบคว้าต้นแขนของชายชราเอาไว้ ก่อนที่เขาจะคุกเข่าให้แก่นาง หากนับมู่อิงเป็นน้องสาว คนตรงหน้าย่อมเสมือนญาติ นางจะให้ผู้อาวุโสคุกเข่าให้ได้อย่างไร
“มู่อิงเสมือนน้องสาวของข้า ท่านลุงอย่าได้ทำกับข้าราวคนไกล เรากลับบ้านกันก่อนนะเจ้าคะ เรื่องอื่นถึงบ้านแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง พร้อมสุราชั้นยอดของข้า”
แม่ทัพสาวพยักหน้าให้แก่สาวใช้ ให้พาครอบครัวกลับกันได้แล้ว เพราะพวกสอดรู้เอียงหูฟังจนแทบคอหลุดแล้ว สองนายบ่าวสบตากันอย่างรู้ความนัย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
เหมือนนกรู้ที่โผล่มาได้ถูกจังหวะ ดี! จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหา มาเองแบบนี้รวดเร็วทันใจไม่น้อย แม่ทัพสาวเดินเคียงมู่อิงและสองพ่อลูกไป ไหน ๆ ก็ผ่านที่นี่แล้วจะได้ไม่ต้องย้อนมาจัดการ ทำงานไปด้วยเลยก็แล้วกัน
“น่ะ...นี่มัน!” ชายชราชี้นิ้วไปยังรถม้าที่จอดอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหันมองหลานสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “ไปกันเถอะ” แม่ทัพสาวภายมือให้แก่ชายชราและบุตรชายของเขา มู่อิงส่งให้ผู้เป็นลุงขึ้นรถม้า โดยให้น้องชายตามขึ้นไป หญิงสาวขยับไปยืนด้านข้าง เพื่อให้ผู้เป็นนายขึ้นรถม้าได้สะดวก“เจ้าขึ้นไปนั่งกับพวกเขาเถอะ ข้าอยากชมทิวทัศน์ข้างนอกสักหน่อย”“ทะ...เจ้าค่ะ”มู่อิงตั้งใจจะทักท้วง ก่อนจะเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนาย หญิงสาวทำเพียงรับคำ ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถม้า ส่วนแม่ทัพสาวนั่งเคียงข้างคนขับรถม้าในเมื่อแมลงกวนใจอยากรู้เห็น นางก็จะนั่งให้เห็นชัดตาเสียเลยแล้วกัน ฮ่องเต้ทรงเมตตานัก เรียกนางมารับสามีไม่พอ ยังให้ทำความสะอาดระหว่างเส้นทางอีกด้วยและที่นี่ก็คืออีกหนึ่งเมือง ที่นางต้องเก็บกวาดขยะให้สิ้น ก่อนการใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งมันจำเป็นต้องไร้มดแลงใด ๆ ไปไต่ตอมให้รำคาญใจผู้เป็นนายเหนือหัวของนางสกุลเกา ร่างอันสั่นเทาก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปยังป้ายเหนอประตู ‘สกุลเกา’ มันถูกทำขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตร ชายชราหันไปมองหลานสาว“เจ้าทำได้อย่างไร”“นายหญ
อาหารชั้นดีพร้อมสุรารสแรง ถูกจัดเตรียมมาอย่างล้นเหลือ ลานกว้างเต็มไปด้วยแสงสว่างจากคบไฟ และเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีหมูตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลรองแม่ทัพและทหารติดตาม ต่างพากันนั่งรอผู้เป็นนายและเจ้าของบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง งานเลี้ยงในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อมู่อิง น้องสาวที่แกร่งเยี่ยงบุรุษ“ชุนหลาง! มานี่เร็วเข้า”รองแม่ทัพเจากวักมือเรียกชายหนุ่ม เกาชุนหลางในชุดผ้าไหมเนื้อดี ผมที่ถูกรวบจนเรียบร้อย ทำให้มีความหล่อเหลายิ่งนัก แม้จะมีบาดแผลบนใบหน้า ก็ไม่อาจกลบความรูปงามนั้นได้เลย“นายท่าน...”“นายท่านอะไรกัน เรียกข้าพี่ชายเจา และทุกคนที่นี่คือพี่เจ้าทั้งหมด ทำหลังให้เหยียดตรงหน่อย จะกลัวอะไร หืม!”“ขอรับท่านพี่เจา”เกาชุนหลางเหยียดหลังให้ตรง แม้ว่าจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้าง เขาถูกกดให้ต่ำมาทั้งชีวิต วันนี้ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังมีบ่าวรับใช้ช่วยทำผมแต่งกาย มันเหมือนความฝันยิ่งนักเขาจำได้ว่าตอนที่กลับมายังเมืองนี้ใหม่ ๆ ได้ไปแอบดูมารดาที่บ้านสามีใหม่ของนาง น้อง ๆ ต่างบิดา ล้วนดูดีจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองมารดา“จำไว้นะชุนหลาง นับจากนี้เจ้าคือคุณชายเกา และจงจำไว้ว่าต่อให
“มู่อิง!”ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน เรียกมู่อิงราวคนคุ้นเคย แต่จากสายตาที่มองแล้ว ชายผู้นั้นไม่รู้ว่าใครกันแน่คือมู่อิง เพราะเสื้อผ้าที่สองนายบ่าวสวม ล้วนเป็นไหมชั้นดี ซึ่งไม่มีบ่าวบ้านใดได้สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ จึงไม่อาจบอกได้ว่าคนไหนคือมู่อิง“ท่านเป็นใคร มาที่บ้านข้าด้วยเรื่องใด”แม่ทัพสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ต่างจากสายตาที่ทอดมองคนทั้งหมดด้านล่าง“ข้าเป็นบิดาของ....”ชายสูงวัยลังเลอยู่มาก ด้วยไม่แน่ใจว่าคนไหนคือบุตรสาวของตนเอง เพราะไม่สามารถแยกได้จากเสื้อผ้า หรือท่าทางของหญิงสาวทั้งสอง เพราะมันแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“ท่านจะบอกว่าเป็นบิดาของมู่อิงสินะ!”“ใช่!”“แล้วอย่างไร!”“บิดามาพบลูกต้องอย่างไร! มีข้อห้ามหรือ”“ย่อมไม่มี แต่นางคือคนของสกุลหยวน ฉะนั้นถ้าข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่อาจพบนางได้ตามอำเภอใจ”“นางเป็นลูกข้า จะเป็นคนของสกุลอื่นได้อย่างไร”“ลืมอะไรไปหรือไม่! ท่านขายนางไปแล้ว”“นางเป็นอิสระแล้วมิใช่รึ!”“ใครบอกเจ้ากันว่านางเป็นอิสระ”“บ้านหลังนี้ไงเป็นสิ่งยืนยัน”“ยังไง!”“นางซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ แสดงว่านางมีเงินไถ่ตัวเองออกมาได้แล้ว นางย่อมเป็นอิสระ”“อ่านนิยายมากไปร
เกาชุนหลางไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากที่นายหญิงน้อยมอบให้ เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก ชายหนุ่มวิ่งมาหยุดที่หน้าร้านขนมเก่าแก่ของเมือง“เจ้าคนอัปลักษณ์นี่ใครกัน ไยไม่รู้จักหลีกทางให้ข้า”เสียงนั้นทำให้เกาชุนหลางถึงกับสั่นน้อย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคือน้องชายต่างบิดานั่นเอง ปึก! คุณชายสกุลเจียงถึงกับเซไปหลายก้าว เมื่อเขาตั้งใจที่จะลงมือต่อคนที่ขวางทาง“เจ้ากล้าดียังไง มาทำร้ายข้า!”“ขออภัยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยเห็นเป็นท่านที่คิดจะแตะต้องคุณชายของเราก่อน”เกาชุนหลางหันขวับ! กลับไปมองด้านหลังในทันที ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งในบ่าวชายในจวน“สกุลใดกัน! มิรู้หรือว่าที่นี่สกุลเจียงของข้าเป็นใหญ่”“บุตรชายท่านเจ้าเมือง ใช่ว่าใครจะไม่รู้จักขอรับ แต่ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท”“บังอาจ! ไพร่เยี่ยงกล้าดียังไงมากำแหงต่อข้า”“เอ่อ...”เกาชุนหลางคิดที่จะเอ่ยห้ามปราม ทว่ากลับต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เมื่อสตรีที่ก้าวเข้ามาคือมารดาของเขาเอง มือหยาบที่จับแขนของบ่าวข้างกาย เผลอบีบแน่น ด้วยความรู้สึกทั้งกรุ่นโกรธและเสียใจ“จะเป็นคุณชายบ้านใด ก็ต้องรู้จักสูงต่ำบ้าง”“เจียงฮูหย
“คุกเข่า!”ทหารที่จับตัวของสองพ่อลูก เตะเข้าที่ข้อพับของชายชรา จนเขาล้มลงเข่ากระแทกกับพื้น เกาจ้านเจ็บร้าวไปทั้งขา ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สามีคนใหม่ของอดีตภรรยา“สตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด กล้าที่จะกำแหงต่อครอบครัวข้า ก็ต้องกล้าที่ออกมารับโทษทัณฑ์”“โบยมันให้ตายเลยขอรับท่านพ่อ”เจียงหลุนรีบเติมเชื้อไฟ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่จะหักหน้าเขาเช่นวันนี้มาก่อน“โบยมันสองพ่อลูก จนกว่าจะบอกว่าสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด”“ลองโบยดูสิ!”เสียงกร้าวดังขึ้นจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพจะก้าวออกมา โดยมีเหล่านายกองติดตามมามิห่าง ทั้งหมดมีใบหน้าทะมึนตึงไม่แพ้กันกับรองแม่ทัพ ที่สำคัญไปกว่านั้นชุดที่ชายหนุ่มทั้งหมดสวมอยู่นั้น บ่งบอกถึงตัวตนว่าเป็นใครท่านเจ้าเมืองถึงกับหายใจติดขัด เมื่อเห็นลวดลายที่ปักบนแขนเสื้อของพวกเขา มีเพียงแค่สังกัดเดียวเท่านั้น ที่ปักลวดลายนี้ไว้บนแขนเสื้อ“ทหารจากแดนเหนือ”“รู้จักด้วยรึ! อยากพบสตรีผู้นั้นมากใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นรอสักครู่ประเดี๋ยวนางก็มา และข้าหวังว่าท่านและครอบครัว จะคิดหาคำแก้ตัวที่น่าฟัง นอกจากคำว่า...”“มิได้ตั้งใจ!”เสียงเย็นเยียบจากด้านหลัง ทำให
คำตอบรับของแม่ทัพสาว ราวสายฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของครอบครัวท่านเจ้าเมือง ในอดีตก่อนที่เขาจะเลื่อนตำแหน่ง ได้ทำทุกทางช่วงชิงภรรยาผู้อื่นมา ทั้งยังตั้งใจกำจัดสายเลือดของนางให้พ้นสายตา วันนี้คนทั้งคู่กลับมาพร้อมนำความแค้นมาทวงคืนต่อเขา “ใต้เท้าเจียงมีสิ่งใดอยากจะแก้ต่างหรือไม่” “ข้าไม่ได้ทำ! มันเพราะความมิรู้พอของนางต่างหาก” “ความผิดจะโยนไปมาเพื่อสิ่งใดกัน ไหน ๆ ข้าก็เลือกตัดสินท่านตรงนี้แล้ว ก็ทำเสียให้เสร็จสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนเจียงฮูหยินรู้สึกเช่นไรบ้าง ผิดหวังมากกว่าเดิมอย่างที่ข้าเคยบอกหรือไม่” “ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ ข้ากับลูกมิรู้เห็นในสิ่งที่สามีของข้าทำจริง ๆ นะเจ้าคะ” “หึ ๆ เรื่องของสามีเจ้าอาจไม่รู้เห็น หรืออาจร่วมมือ ข้าย่อมไม่อาจรู้เห็นภายในใจของเจ้าได้ แต่เรื่องที่กระทำต่อเกาชุนหลางข้าย่อมยากปล่อยผ่าน หากบาดแผลนี้อยู่บนใบหน้าของเจ้าหรือใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ ตอบข้าได้หรือไม่ว่ายินดีมีมันไหม” ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเกาชุนหลาง รอยแผลเป็นนั้นยากนักที่ใครจะทำใจมองมันได้นาน เจียงฮูหยินทำได้เพ
บ้านพักตากอากาศตระกูลกวง เซี่ยงไฮ เท้าเปล่าเปลือยค่อย ๆ เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอ ในมือถือตะกร้าผลไม้ตามฤดู ที่พ่อแม่ของเธอปลูกไว้กิน และแจกจ่ายให้ครอบครัวคนดูแล มันกำลังสุกเต็มต้น เธอจึงตั้งใจที่จะเก็บมาให้คู่หมั้นและญาติผู้พี่ได้ลิ้มลอง คุณหมอคนสวยหยุดนิ่งราวรูปปั้น มือที่จับลูกบิดประตูสั่นระริก ภาพด้านในมันยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมากลางแสกหน้า เสียงเพลงเบา ๆ และจูบอันเร้าร้อนของคนด้านใน ทำให้ไม่รู้ถึงการมาของเจ้าของบ้าน หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังเอ่อคลอบดบังภาพเบื้องหน้า เธอตั้งใจจะเซอร์ไพรส์คนรัก ด้วยการตอบตกลงที่จะแต่งงาน หลังจากหมั้นหมายมากว่าหนึ่งปี เธอพร้อมที่จะลาออกจากโรงพยาบาลของกองทัพ มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนตามคำขอของเขา เท้าเปล่าเปลือยขยับถอยออกจากตรงนั้น เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ นี่ใช่ไหม! ความรู้สึกของคนถูกหักหลัง มันรุนแรงจนเจียนตายได้อย่างที่หลายคนเคยบอกเธอ ความพร้อมทุกอย่างในชีวิตมันไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างต้องแลกด้วยการเสียบางอย่าง เหมือนที่พ่อแม่ของเธอมักพูดเสมอ หากมีรักที่ดีเราอาจไร้มิ
หญิงสาวเลือกที่จะโกหกบิดา เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม สำหรับเรื่องที่เธอกำลังตัดสินใจทำ แน่นอนว่าการแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น และญาติของเธอก็ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกนี้ของเธอ โดยการอยู่อย่างผู้หักหลังไปชั่วชีวิตการพูดคุยของเจ้าสัวกวงกับว่าที่ลูกเขย เป็นไปอย่างครื้นเครง ก่อนที่จะมีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ตูม! ร่างของทั้งสามร่วงลงลงน้ำ เมื่ออยู่ ๆ มันเกินโคลงจนทำให้พลิกคว่ำหมับ! ในจังหวะที่กวงฮุ่ยผิงจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ ข้อเท้าของเธอถูกรวบจับเอาไว้ ก่อนตัวเธอจะดิ่งลงใต้พื้นน้ำอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามลืมตาในน้ำ สิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือร่างกำยำของคนรักหญิงสาวพยายามดิ้นรนให้รอดจากเงื้อมือของเขา ทว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ปึก! หญิงสาวเจ็บราวไปทั้งศีรษะ เส้นผมของเธอถูกรวบเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะออกแรง เอาหัวเธอกระแทกเข้ากับหินใต้น้ำอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมคือภาพสุดท้ายที่เธอเห็น แน่นอนว่าสติสุดท้ายมันเลือนรางจนมืดมิดไปในที่สุดชานหลางปล่อยให้ร่างของคนรักจมอยู่เพียงลำพัง โดยที่ตัวเขาลอยออกห่างไปอีกด้าน ก่อนจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น พร้อมทั้งหันรีหันขวาง เพื่อหาคู่หมั้นที