แชร์

ตอนที่4.  เป็นเจ้าจริง ๆ

            “ก่อนออกเดินทาง เราค่อยจ้างคนมาคอยดูแล และปลูกดอกไม้ให้แก่แม่ของเจ้า”

            “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”

            “พวกท่านเป็นใครกัน”

            เสียงของชายชราจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหันกลับไปมองอย่างใจเย็น

            “ข้ากับน้องสาวมาเคารพญาติ”

            “นางไร้ญาติมานานแล้ว นับตั้งแต่บุตรสาวของนางถูกขายไปเป็นทาสให้แก่พวกวาณิช”

            น้ำเสียงติดกรุ่นโกรธของชายชรา ทำให้คิ้วเข้มของสองนายบ่าวขมวดเป็นปม ก่อนที่มู่อิงจะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น คนที่นางคิดว่าตายไปแล้ว วันนี้กลับมาปรากฏต่อหน้านางราวชะตานำพายิ่งนัก

            “ท่านลุง”

            มู่อิงเรียกชายชราผู้เป็นพี่ชายของมารดา ซึ่งก็คือญาติฝั่งมารดาเพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่

            “เจ้าคือ!”

            “ข้า...”

            หญิงสาวหันไปสบตากับผู้เป็นนาย เพื่อขอความเห็นว่านางควรเปิดเผยตัวหรือไม่ ด้วยตำแหน่งของผู้เป็นนายในตอนนี้ ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้อย่างสะดวกนัก ด้วยอันตรายมีอยู่รอบด้าน

และนางก็คือคนที่ศัตรูของท่านแม่ทัพรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะมือซ้ายที่เคียงข้างมิห่างกาย แม่ทัพสาวพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยิ้มอย่างให้กำลังใจต่อสาวใช้ ที่เสมือนน้องสาวอีกคนของนาง เช่นเดียวกันกับอู่หรง

            “ข้าเอง...มู่อิง”

            “ห๊า! เป็นเจ้าจริง ๆ เช่นนั้นรึ! ดวงตาข้าฝ้าฟางจนมองอะไรไม่ชัดเจนเช่นในอดีต เจ้าเป็นหลานสาวข้าจริง ๆ รึ! ฮือ ๆ เจ้า...เจ้ากลับมาแล้ว นางกลับมาแล้วนะเม่ยเม่ย ลูกสาวเจ้ากลับมาหาเราแล้ว”

            ชายชราร้องไห้ราวเด็กน้อย มือหยาบกร้านบีบมือของหลานสาวแน่น เขาในอดีตต้องเดินทางทำการค้า จนครั้งล่าสุดถูกคดโกงจนไม่เหลือสิ่งใด กลับมาบ้านเกิดก็ได้รับข่าวร้าย

            หลานสาวถูกขายมิรู้ชะตากรรม เมียรักที่คิดว่าซื่อตรงต่อเขา แต่งงานกับชายอื่น เพราะคิดว่าเขาตายไปแล้ว ลูกชายถูกทำร้ายจากสามีใหม่ของอดีตเมียรัก

            เขาในฐานะพ่อที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เลือกที่จะลักพาตัวลูกชายออกจากบ้านของภรรยา แล้วก็ระหกระเหินไปยังต่างเมือง จนเวลาล่วงเลยไปนับสิบปี เขาจึงได้กลับมาที่เมืองนี้ และมาอาศัยอยู่กระท่อมชายป่า หวังที่จะตายในบ้านเกิดเท่านั้น

            “ท่านพ่อ! เกิดสิ่งใดขึ้น บิดาข้าแค่คนชราคุณหนูทั้งสองโปรดอย่าได้ถือสาเลยนะขอรับ”

            สองนายบ่าวมองไปยังชายหนุ่ม ที่มีรูปร่างกำยำเช่นคนทำงานหนัก บนใบหน้ามีร่องรอยบาดแผลขนาดใหญ่ จากปลายหางตายาวลงมาจนถึงคาง

            มู่อิงกำหมัดแน่นเมื่อเห็นสภาพของน้องชาย นางจำได้ดีว่าเด็กชายตัวน้อย มักแอบเอาหมั่นโถวมาให้พี่สาวผู้นี้ ในยามที่ถูกบิดาลงโทษไม่ให้ดื่มกิน น้องชายของนางเดินจากบ้านสกุลเกา มาจนถึงสกุลมู่เพียงเพื่อหยิบยื่นน้ำใจให้พี่สาวเช่นนาง

            “ชุนหลาง! พี่สาวเจ้าอย่างไรเล่า”

            มู่อิงเรียกน้องชาย ก่อนที่จะยกมือปาดน้ำตาที่เอ่อไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ใครกันทำร้ายน้องน้อยของนางเช่นนี้ หากไร้รอยแผลเป็นบนใบหน้า เกาชุนหลางต้องหล่อเหลามากทีเดียว

            “พี่สาว...ใช่ท่านจริง ๆ หรือพี่...กลับมาแล้ว...ฮึก ๆ”

            ชายหนุ่มร้องไห้ราวเด็กห้าขวบ เขากับพี่สาวจากกันนานเหลือเกิน ในวันที่พี่สาวถูกลากไปตามถนนโดยบิดาของนาง เขาถูกมารดาพาตัวกลับไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน

            นับแต่นั้นเขาถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัสมาตลอด จนวันที่บิดามาลักพาตัวออกจากบ้านพ่อเลี้ยง เขายินดีอดมื้อกินมื้อ ขอแค่ได้อยู่กับบิดาที่รักเขาเท่านั้นก็พอ

การเร่ร่อนไปต่างเมืองทั้งเพื่อทำมาหากิน และตามหาพี่สาวของเขาไปด้วย แม้มันจะลำบากไม่น้อยเลย แต่ก็มีคำว่าความหวังเป็นแรงใจมาโดยตลอด

            “ข้ากับท่านพ่อตามหาพี่มิเคยสักครั้ง ที่จะไม่ตามหาท่านพี่มู่อิง”

            “พี่กลับมาแล้ว พี่อยู่ตรงนี้น้องรัก”

            มู่อิงไม่อาจที่จะห้ามน้ำตาอีกต่อไปได้แล้ว สองพี่น้องร้องไห้กอดกันแน่น โดยมีชายชราโอบลูกและหลานเอาไว้กับอก ภาพนี้ทำให้แม่ทัพสาวจำต้องเบนสายตาไปทางอื่น

            การพลัดพรากของทั้งสามยังมีโอกาสพบเจอ แต่นางกับครอบครัวในชีวิตเก่า ช่างห่างไกลคำว่าได้พบเจอกันอีกชั่วลมหายใจ พ่อแม่และน้องชายก็คงคิดถึงนาง เช่นที่ชายชราและบุตรชายของเขาคิดถึงมู่อิง

            “เรากลับบ้านกันนะเจ้าคะ”

            เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ มู่อิงจึงได้เอ่ยกับผู้เป็นลุง ที่ตอนนี้ยังคงมีน้ำตาเอ่อคลออยู่

            “กระท่อมของลุงกับน้องเจ้าอยู่ชายป่าด้านโน่น มันคับแคบไปบ้าง...”

            มู่อิงตบเบา ๆ ลงที่หลังมือผู้เป็นลุง ที่กำลังหวั่นเกรงว่านางจะรับกับบ้านหลังเล็กนั้นไม่ได้ ชายชรามองหน้าหลานสาวที่ดูอิ่มเอิบไม่เหมือนคนที่ถูกขายไปใช้แรงงาน

            “บ้านเราเจ้าค่ะ บ้านสกุลเกาของเรา”

            สองพ่อลูกหันมองหน้ากัน ก่อนจะจ้องที่ใบหน้าของมู่อิงอย่างมีคำถามนับล้าน ที่อยากจะถามออกมา

            “ของในกระท่อมข้าจะให้คนมาเก็บไปให้ ตอนนี้ข้าว่าเรากลับไปที่บ้านกันก่อนดีกว่า ท้องข้ามันเริ่มประท้วงว่าหิวแล้วเจ้าค่ะ”

            ทั้งสามหันไปมองหญิงสาวที่สูงราวบุรุษ ก่อนจะพากันยิ้มแห้ง ๆ พวกเขามัวแต่ร่ำไห้คิดถึงกัน จนลืมไปว่ามีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่ด้วย

            “ข้าลืมแนะนำ ท่านลุง ชุนหลางนี่คือนายหญิงน้อยหยวนไป่หลิน บุตรสาวของคนที่ซื้อตัวข้าไป และเป็นนายของข้า”

            “นายหญิงน้อย ช่างเมตตาต่อมู่อิงยิ่งนัก ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดตอบแทนในน้ำใจนี้ โปรดรับการคารวะจากข้าน้อยด้วยเถิดขอรับ”

            หมับ! แม่ทัพสาวรีบคว้าต้นแขนของชายชราเอาไว้ ก่อนที่เขาจะคุกเข่าให้แก่นาง หากนับมู่อิงเป็นน้องสาว คนตรงหน้าย่อมเสมือนญาติ นางจะให้ผู้อาวุโสคุกเข่าให้ได้อย่างไร

            “มู่อิงเสมือนน้องสาวของข้า ท่านลุงอย่าได้ทำกับข้าราวคนไกล เรากลับบ้านกันก่อนนะเจ้าคะ เรื่องอื่นถึงบ้านแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง พร้อมสุราชั้นยอดของข้า”

            แม่ทัพสาวพยักหน้าให้แก่สาวใช้ ให้พาครอบครัวกลับกันได้แล้ว เพราะพวกสอดรู้เอียงหูฟังจนแทบคอหลุดแล้ว สองนายบ่าวสบตากันอย่างรู้ความนัย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ

            เหมือนนกรู้ที่โผล่มาได้ถูกจังหวะ ดี! จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหา มาเองแบบนี้รวดเร็วทันใจไม่น้อย แม่ทัพสาวเดินเคียงมู่อิงและสองพ่อลูกไป ไหน ๆ ก็ผ่านที่นี่แล้วจะได้ไม่ต้องย้อนมาจัดการ ทำงานไปด้วยเลยก็แล้วกัน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status