“ใช่ข้าเห็นด้วย เจ้าสมควรแก่วัยที่จะออกเรือนได้แล้ว อีกอย่างนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้า สตรีใดจะคู่ควรกับเจ้าเท่าท่านแม่ทัพหยวน ทั้งแผ่นดินหาไม่ได้แล้วจริง ๆ”
เมื่อบุตรชายติดกับของเขาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า ใจจริงเขาไม่อยากให้มีการแต่งงานที่มิได้เกิดจากความรัก แต่หากปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รู้ว่าอีกสักกี่ปี บุตรชายจะแต่งงานเสียที เขาแก่ชราลงทุกวันอยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย
“ตรงไหนที่เรียกว่าร้ายกาจขอรับ”
“ทุกตรงในสายตาของข้า”
การตอบโต้ของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ร่วมรับฟังได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าด้านนอกห้องนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ที่ต้องนำไปส่งให้แก่ผู้เป็นนาย ซึ่งทำให้พ่อลูกคลี่ยิ้มพอใจ กับสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผย
เพราะสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ จะมีเพียงครอบครัวว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นที่รับรู้ ฉะนั้นนับว่าเป็นข่าวสารสำคัญสำหรับหลายฝ่าย
“ท่านพี่จะรับนางมาพักที่จวนหรือไม่เจ้าคะ”
กั๋วฮูหยินเอ่ยถามสามี ซึ่งนางเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่มาก เพราะอย่างน้อยก็จะได้ทำความรู้จักกันบ้าง ก่อนจะเป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้
“นางคงต้องอยู่ยังจวนแม่ทัพก่อน เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ จนกว่านางจะมาถึงเมืองหลวง”
“ข้าหวังยิ่งนัก ว่านางจะไม่ถูกต้อนรับก่อนเข้าเมืองหลวง” กั๋วเชียวหลางพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มยียวน
“หึ ๆ เจ้าในฐานะว่าที่สามี ถึงสมควรอย่างยิ่งที่จะออกไปรอรับนาง”
“เมื่อครู่ข้าพูดผิดไป เอาเป็นว่านางจะเดินทางมาเป็นภรรยาของข้าอย่างปลอดภัย”
กั๋วเชียวหลางรีบเปลี่ยนคำพูดในทันที เมื่อบิดาคิดจะให้เขาออกไปรอรับนาง ยังนอกเมืองหลวง เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาพาตัวเองไปเป็นเหยื่ออันโอซะ สำหรับคนที่หมายหัวสกุลกั๋วและแม่ทัพสาว
“เจ้าคือว่าที่สามีและบิดาของบุตรในภายหน้า ไยจึงขี้ขลาดกับเรื่องแค่นี้เล่า”
ท่านมหาเสนาบดีรีบจี้ใจดำบุตรชาย อย่างคนที่รู้ทันในเล่ห์เหลี่ยมของกันและกันเป็นอย่างดี
“อีกกี่วันขอรับ”
“ไม่น่าเกินสิบวัน”
“ก็ได้! ข้าเห็นแก่คนชราทั้งสองหรอกนะ ฮ่า ๆ”
กั๋วเชียวหลางเย้าพ่อแม่ ก่อนจะหัวเราะชอบใจ ซึ่งเหล่าหนอนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในบ้านของเขา เพื่อคอยคาบข่าวไปแจ้งนายของมัน คงกำลังขำขันกับความอวดเก่ง ที่เขาแสดงอยู่ในตอนนี้มากทีเดียว
เพราะในสายตาของคนทั่วเมืองหลวง เขาคือตัวไร้ค่าที่ดีแต่อวดตัวไปวัน ๆ อยู่รอดมาได้จนโตก็เพราะอำนาจของบิดา ฝีมือนั้นเทียบไม่ได้กับเด็กสิบขวบเสียด้วยซ้ำ มันคือภาพที่ผู้คนจดจำ และเขาต้องการให้เป็นเช่นนั้นต่อไป
“มิรู้จักโตเสียที”
กั๋วฮูหยินค้อนบุตรชาย ทว่าใบหน้ากลับมีรอยยิ้มกว้าง ไม่มีสุขใดของพ่อแม่ เท่ากับการที่ลูก ๆ ได้มีครอบครัวเป็นของตนเอง แม้ว่าบางครั้งอาจเลือกตามหัวใจตนเองไม่ได้
นางรู้ดีว่ามันคือแผนการบางอย่างของฮ่องเต้ แต่อย่างไรเสียมันก็คืออีกก้าวหนึ่งในชีวิตของบุตรชาย ส่วนทั้งคู่จะเดินเคียงกันจนแก่เฒ่าหรือไม่นั้น นางอยากให้เวลาและความใกล้ชิดเป็นสิ่งตัดสิน
หากมิใช่คู่วันหนึ่งก็ลาจาก แต่หากเป็นคู่หนุนนำชะตาก็พาเกี่ยวพันมิห่างหาย เหมือนที่นางกับสามีในอดีต แทบมิมองหน้ากันสักครั้ง แต่ความดีของเขา มันแตกต่างจากคำเล่าลือ ที่ผู้คนพูดให้นางได้ยินคนละทิศทางเลยทีเดียว สุดท้ายแล้วทั้งหัวใจของนางก็มอบแก่สามีจนหมดสิ้น
เมื่อการสนทนาในส่วนสำคัญจบลง เปลี่ยนเป็นเรื่องทั่วไปภายในครอบครัว หนึ่งในคนสวนที่อยู่ด้านนอกได้จากไปเช่นกัน และมันเป็นสิ่งที่คนด้านในรั้งรออยู่เช่นกัน
สิบวันถัดมา เมืองอู๋
คณะเดินทางของแม่ทัพสาวได้มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ ที่มันเคยเป็นบ้านของครอบครัวสกุลเกา ซึ่งเป็นสกุลเดิมของมารดามู่อิง
“บ้านเจ้าน่าอยู่ยิ่งนัก คืนนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะทำอาหารเลี้ยงแขกอย่างอิ่มหนำนะมู่อิง”
แม่ทัพสาวงเอ่ยขึ้น ก่อนจะชำเลืองมองไปยังสาวใช้ข้างกาย แน่นอนว่าที่นี่คือบ้านเกิดของมู่อิง แม้ในอดีตเมืองแห่งนี้เสมือนนรกสำหรับมู่อิง แต่อย่างไรเสียมันก็ลบความจริงไม่ได้ ว่าที่นี่คือถิ่นกำเนิด
“เช่นนั้น บ่าวจะเข้าไปจัดเตรียมห้องให้ทุกคนนะเจ้าคะ”
มู่อิงพูดทั้งที่ดวงตายังจ้องมองไปยังหน้าประตูบานใหญ่ มันคือบ้านที่มารดาของนางเติบโตมา จนวันหนึ่งสกุลมารดาเสื่อมอำนาจ มันถูกขายไปและร้างคนอยู่มานานปี
แม้ในที่สุด มันกลับคืนมาเป็นของนางอย่างสมบูรณ์แล้วก็ตามทว่านางยังไม่เคยที่จะได้เข้าไปสำรวจด้านใน ว่ามันเป็นเช่นที่นางเคยจดจำได้หรือไม่
“ให้รองแม่ทัพเจาจัดการเถอะ ส่วนเจ้าไปเดินเล่นกับข้าสักหน่อยเถิด”
“เจ้าค่ะ”
แม่ทัพสาวส่งบังเหียนม้าให้แก่ทหารคนสนิท ก่อนจะเดินนำสาวใช้ไปยังทิศทางของสุสานของเมือง หากจะว่าไปแล้วสกุลมู่หาได้ยากไร้อย่างที่บิดาของมู่อิงกล่าวอ้าง แต่เพราะภรรยาใหม่ไม่อยากให้ลูก ๆ ของตนเองเป็นรองลูกเลี้ยง
จึงหาหนทางกำจัดมู่อิงให้พ้นทาง จากข่าวที่นางให้คนสืบหามานั้น ดูเหมือนว่าครอบครัวสกุลมู่ในตอนนี้ จะตกที่นั่งลำบากมาหลายปีแล้ว เพราะบุตรชายหญิงล้วนทำตัวไร้ค่าไปวัน ๆ งานการไม่ทำทรัพย์เดิมย่อมหมดลงในที่สุด
“ท่านแม่ทัพ”
“กายเจ้าเริ่มใหม่ แต่ใจเจ้ายังไม่เริ่ม หากอยากที่จะตัดสิ่งใด ต้องไปยังจุดเริ่มต้น”
แม่ทัพสาวตั้งใจที่จะให้มู่อิง เผชิญกับอดีตและจัดการทุกอย่างให้เด็ดขาดเสียที ปล่อยไปเนิ่นนานก็รังแต่จะค้างคาในใจ เหมือนที่นางทิ้งอดีตที่เจ็บปวด ให้กลายเป็นเพียงภาพฝัน แล้วเดินหน้ากับปัจจุบัน เพื่อได้หายใจต่อให้ยาวนานขึ้น
“ข้าแค่ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดท่านแม่จึงไม่ได้อยู่ในสุสานสกุลมู่เจ้าคะ”
“เจ้าอยากรู้ว่านางทำสิ่งใดผิดเช่นนั้นใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
“นางจะทำผิดหรือไม่นั้น หาได้สำคัญเท่ากับที่นางปกป้องเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนคลอดเจ้าออกมาอย่างปลอดภัย" สองนายบ่าวก้าวมาหยุดยังหลุมศพของมู่ฮูหยิน ที่ตอนนี้รกไปด้วยหญ้า ทั้งคู่ได้ช่วยกันทำความสะอาดโดยรอบ ก่อนที่มู่อิงจะเก็บดอกไม้ป่าที่กำลังเบ่งบานอยู่อีกด้าน มาวางไว้ตรงหน้าหลุมศพของมารดา
“ก่อนออกเดินทาง เราค่อยจ้างคนมาคอยดูแล และปลูกดอกไม้ให้แก่แม่ของเจ้า” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” “พวกท่านเป็นใครกัน” เสียงของชายชราจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหันกลับไปมองอย่างใจเย็น “ข้ากับน้องสาวมาเคารพญาติ” “นางไร้ญาติมานานแล้ว นับตั้งแต่บุตรสาวของนางถูกขายไปเป็นทาสให้แก่พวกวาณิช” น้ำเสียงติดกรุ่นโกรธของชายชรา ทำให้คิ้วเข้มของสองนายบ่าวขมวดเป็นปม ก่อนที่มู่อิงจะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น คนที่นางคิดว่าตายไปแล้ว วันนี้กลับมาปรากฏต่อหน้านางราวชะตานำพายิ่งนัก “ท่านลุง” มู่อิงเรียกชายชราผู้เป็นพี่ชายของมารดา ซึ่งก็คือญาติฝั่งมารดาเพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่ “เจ้าคือ!” “ข้า...” หญิงสาวหันไปสบตากับผู้เป็นนาย เพื่อขอความเห็นว่านางควรเปิดเผยตัวหรือไม่ ด้วยตำแหน่งของผู้เป็นนายในตอนนี้ ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้อย่างสะดวกนัก ด้วยอันตรายมีอยู่รอบด้านและนางก็คือคนที่ศัตรูของท่านแม่ทัพรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะมือซ้ายที่เคียงข้างมิห่างกาย แม่ทัพสาวพยักหน้า
“น่ะ...นี่มัน!” ชายชราชี้นิ้วไปยังรถม้าที่จอดอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหันมองหลานสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “ไปกันเถอะ” แม่ทัพสาวภายมือให้แก่ชายชราและบุตรชายของเขา มู่อิงส่งให้ผู้เป็นลุงขึ้นรถม้า โดยให้น้องชายตามขึ้นไป หญิงสาวขยับไปยืนด้านข้าง เพื่อให้ผู้เป็นนายขึ้นรถม้าได้สะดวก“เจ้าขึ้นไปนั่งกับพวกเขาเถอะ ข้าอยากชมทิวทัศน์ข้างนอกสักหน่อย”“ทะ...เจ้าค่ะ”มู่อิงตั้งใจจะทักท้วง ก่อนจะเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนาย หญิงสาวทำเพียงรับคำ ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถม้า ส่วนแม่ทัพสาวนั่งเคียงข้างคนขับรถม้าในเมื่อแมลงกวนใจอยากรู้เห็น นางก็จะนั่งให้เห็นชัดตาเสียเลยแล้วกัน ฮ่องเต้ทรงเมตตานัก เรียกนางมารับสามีไม่พอ ยังให้ทำความสะอาดระหว่างเส้นทางอีกด้วยและที่นี่ก็คืออีกหนึ่งเมือง ที่นางต้องเก็บกวาดขยะให้สิ้น ก่อนการใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งมันจำเป็นต้องไร้มดแลงใด ๆ ไปไต่ตอมให้รำคาญใจผู้เป็นนายเหนือหัวของนางสกุลเกา ร่างอันสั่นเทาก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปยังป้ายเหนอประตู ‘สกุลเกา’ มันถูกทำขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตร ชายชราหันไปมองหลานสาว“เจ้าทำได้อย่างไร”“นายหญ
อาหารชั้นดีพร้อมสุรารสแรง ถูกจัดเตรียมมาอย่างล้นเหลือ ลานกว้างเต็มไปด้วยแสงสว่างจากคบไฟ และเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีหมูตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลรองแม่ทัพและทหารติดตาม ต่างพากันนั่งรอผู้เป็นนายและเจ้าของบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง งานเลี้ยงในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อมู่อิง น้องสาวที่แกร่งเยี่ยงบุรุษ“ชุนหลาง! มานี่เร็วเข้า”รองแม่ทัพเจากวักมือเรียกชายหนุ่ม เกาชุนหลางในชุดผ้าไหมเนื้อดี ผมที่ถูกรวบจนเรียบร้อย ทำให้มีความหล่อเหลายิ่งนัก แม้จะมีบาดแผลบนใบหน้า ก็ไม่อาจกลบความรูปงามนั้นได้เลย“นายท่าน...”“นายท่านอะไรกัน เรียกข้าพี่ชายเจา และทุกคนที่นี่คือพี่เจ้าทั้งหมด ทำหลังให้เหยียดตรงหน่อย จะกลัวอะไร หืม!”“ขอรับท่านพี่เจา”เกาชุนหลางเหยียดหลังให้ตรง แม้ว่าจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้าง เขาถูกกดให้ต่ำมาทั้งชีวิต วันนี้ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังมีบ่าวรับใช้ช่วยทำผมแต่งกาย มันเหมือนความฝันยิ่งนักเขาจำได้ว่าตอนที่กลับมายังเมืองนี้ใหม่ ๆ ได้ไปแอบดูมารดาที่บ้านสามีใหม่ของนาง น้อง ๆ ต่างบิดา ล้วนดูดีจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองมารดา“จำไว้นะชุนหลาง นับจากนี้เจ้าคือคุณชายเกา และจงจำไว้ว่าต่อให
“มู่อิง!”ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน เรียกมู่อิงราวคนคุ้นเคย แต่จากสายตาที่มองแล้ว ชายผู้นั้นไม่รู้ว่าใครกันแน่คือมู่อิง เพราะเสื้อผ้าที่สองนายบ่าวสวม ล้วนเป็นไหมชั้นดี ซึ่งไม่มีบ่าวบ้านใดได้สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ จึงไม่อาจบอกได้ว่าคนไหนคือมู่อิง“ท่านเป็นใคร มาที่บ้านข้าด้วยเรื่องใด”แม่ทัพสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ต่างจากสายตาที่ทอดมองคนทั้งหมดด้านล่าง“ข้าเป็นบิดาของ....”ชายสูงวัยลังเลอยู่มาก ด้วยไม่แน่ใจว่าคนไหนคือบุตรสาวของตนเอง เพราะไม่สามารถแยกได้จากเสื้อผ้า หรือท่าทางของหญิงสาวทั้งสอง เพราะมันแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“ท่านจะบอกว่าเป็นบิดาของมู่อิงสินะ!”“ใช่!”“แล้วอย่างไร!”“บิดามาพบลูกต้องอย่างไร! มีข้อห้ามหรือ”“ย่อมไม่มี แต่นางคือคนของสกุลหยวน ฉะนั้นถ้าข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่อาจพบนางได้ตามอำเภอใจ”“นางเป็นลูกข้า จะเป็นคนของสกุลอื่นได้อย่างไร”“ลืมอะไรไปหรือไม่! ท่านขายนางไปแล้ว”“นางเป็นอิสระแล้วมิใช่รึ!”“ใครบอกเจ้ากันว่านางเป็นอิสระ”“บ้านหลังนี้ไงเป็นสิ่งยืนยัน”“ยังไง!”“นางซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ แสดงว่านางมีเงินไถ่ตัวเองออกมาได้แล้ว นางย่อมเป็นอิสระ”“อ่านนิยายมากไปร
เกาชุนหลางไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากที่นายหญิงน้อยมอบให้ เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก ชายหนุ่มวิ่งมาหยุดที่หน้าร้านขนมเก่าแก่ของเมือง“เจ้าคนอัปลักษณ์นี่ใครกัน ไยไม่รู้จักหลีกทางให้ข้า”เสียงนั้นทำให้เกาชุนหลางถึงกับสั่นน้อย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคือน้องชายต่างบิดานั่นเอง ปึก! คุณชายสกุลเจียงถึงกับเซไปหลายก้าว เมื่อเขาตั้งใจที่จะลงมือต่อคนที่ขวางทาง“เจ้ากล้าดียังไง มาทำร้ายข้า!”“ขออภัยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยเห็นเป็นท่านที่คิดจะแตะต้องคุณชายของเราก่อน”เกาชุนหลางหันขวับ! กลับไปมองด้านหลังในทันที ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งในบ่าวชายในจวน“สกุลใดกัน! มิรู้หรือว่าที่นี่สกุลเจียงของข้าเป็นใหญ่”“บุตรชายท่านเจ้าเมือง ใช่ว่าใครจะไม่รู้จักขอรับ แต่ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท”“บังอาจ! ไพร่เยี่ยงกล้าดียังไงมากำแหงต่อข้า”“เอ่อ...”เกาชุนหลางคิดที่จะเอ่ยห้ามปราม ทว่ากลับต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เมื่อสตรีที่ก้าวเข้ามาคือมารดาของเขาเอง มือหยาบที่จับแขนของบ่าวข้างกาย เผลอบีบแน่น ด้วยความรู้สึกทั้งกรุ่นโกรธและเสียใจ“จะเป็นคุณชายบ้านใด ก็ต้องรู้จักสูงต่ำบ้าง”“เจียงฮูหย
“คุกเข่า!”ทหารที่จับตัวของสองพ่อลูก เตะเข้าที่ข้อพับของชายชรา จนเขาล้มลงเข่ากระแทกกับพื้น เกาจ้านเจ็บร้าวไปทั้งขา ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สามีคนใหม่ของอดีตภรรยา“สตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด กล้าที่จะกำแหงต่อครอบครัวข้า ก็ต้องกล้าที่ออกมารับโทษทัณฑ์”“โบยมันให้ตายเลยขอรับท่านพ่อ”เจียงหลุนรีบเติมเชื้อไฟ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่จะหักหน้าเขาเช่นวันนี้มาก่อน“โบยมันสองพ่อลูก จนกว่าจะบอกว่าสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด”“ลองโบยดูสิ!”เสียงกร้าวดังขึ้นจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพจะก้าวออกมา โดยมีเหล่านายกองติดตามมามิห่าง ทั้งหมดมีใบหน้าทะมึนตึงไม่แพ้กันกับรองแม่ทัพ ที่สำคัญไปกว่านั้นชุดที่ชายหนุ่มทั้งหมดสวมอยู่นั้น บ่งบอกถึงตัวตนว่าเป็นใครท่านเจ้าเมืองถึงกับหายใจติดขัด เมื่อเห็นลวดลายที่ปักบนแขนเสื้อของพวกเขา มีเพียงแค่สังกัดเดียวเท่านั้น ที่ปักลวดลายนี้ไว้บนแขนเสื้อ“ทหารจากแดนเหนือ”“รู้จักด้วยรึ! อยากพบสตรีผู้นั้นมากใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นรอสักครู่ประเดี๋ยวนางก็มา และข้าหวังว่าท่านและครอบครัว จะคิดหาคำแก้ตัวที่น่าฟัง นอกจากคำว่า...”“มิได้ตั้งใจ!”เสียงเย็นเยียบจากด้านหลัง ทำให
คำตอบรับของแม่ทัพสาว ราวสายฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของครอบครัวท่านเจ้าเมือง ในอดีตก่อนที่เขาจะเลื่อนตำแหน่ง ได้ทำทุกทางช่วงชิงภรรยาผู้อื่นมา ทั้งยังตั้งใจกำจัดสายเลือดของนางให้พ้นสายตา วันนี้คนทั้งคู่กลับมาพร้อมนำความแค้นมาทวงคืนต่อเขา “ใต้เท้าเจียงมีสิ่งใดอยากจะแก้ต่างหรือไม่” “ข้าไม่ได้ทำ! มันเพราะความมิรู้พอของนางต่างหาก” “ความผิดจะโยนไปมาเพื่อสิ่งใดกัน ไหน ๆ ข้าก็เลือกตัดสินท่านตรงนี้แล้ว ก็ทำเสียให้เสร็จสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนเจียงฮูหยินรู้สึกเช่นไรบ้าง ผิดหวังมากกว่าเดิมอย่างที่ข้าเคยบอกหรือไม่” “ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ ข้ากับลูกมิรู้เห็นในสิ่งที่สามีของข้าทำจริง ๆ นะเจ้าคะ” “หึ ๆ เรื่องของสามีเจ้าอาจไม่รู้เห็น หรืออาจร่วมมือ ข้าย่อมไม่อาจรู้เห็นภายในใจของเจ้าได้ แต่เรื่องที่กระทำต่อเกาชุนหลางข้าย่อมยากปล่อยผ่าน หากบาดแผลนี้อยู่บนใบหน้าของเจ้าหรือใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ ตอบข้าได้หรือไม่ว่ายินดีมีมันไหม” ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเกาชุนหลาง รอยแผลเป็นนั้นยากนักที่ใครจะทำใจมองมันได้นาน เจียงฮูหยินทำได้เพ
บ้านพักตากอากาศตระกูลกวง เซี่ยงไฮ เท้าเปล่าเปลือยค่อย ๆ เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอ ในมือถือตะกร้าผลไม้ตามฤดู ที่พ่อแม่ของเธอปลูกไว้กิน และแจกจ่ายให้ครอบครัวคนดูแล มันกำลังสุกเต็มต้น เธอจึงตั้งใจที่จะเก็บมาให้คู่หมั้นและญาติผู้พี่ได้ลิ้มลอง คุณหมอคนสวยหยุดนิ่งราวรูปปั้น มือที่จับลูกบิดประตูสั่นระริก ภาพด้านในมันยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมากลางแสกหน้า เสียงเพลงเบา ๆ และจูบอันเร้าร้อนของคนด้านใน ทำให้ไม่รู้ถึงการมาของเจ้าของบ้าน หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังเอ่อคลอบดบังภาพเบื้องหน้า เธอตั้งใจจะเซอร์ไพรส์คนรัก ด้วยการตอบตกลงที่จะแต่งงาน หลังจากหมั้นหมายมากว่าหนึ่งปี เธอพร้อมที่จะลาออกจากโรงพยาบาลของกองทัพ มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนตามคำขอของเขา เท้าเปล่าเปลือยขยับถอยออกจากตรงนั้น เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ นี่ใช่ไหม! ความรู้สึกของคนถูกหักหลัง มันรุนแรงจนเจียนตายได้อย่างที่หลายคนเคยบอกเธอ ความพร้อมทุกอย่างในชีวิตมันไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างต้องแลกด้วยการเสียบางอย่าง เหมือนที่พ่อแม่ของเธอมักพูดเสมอ หากมีรักที่ดีเราอาจไร้มิ