Share

ตอนที่3.  ฐานะว่าที่สามี

            “ใช่ข้าเห็นด้วย เจ้าสมควรแก่วัยที่จะออกเรือนได้แล้ว อีกอย่างนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้า สตรีใดจะคู่ควรกับเจ้าเท่าท่านแม่ทัพหยวน ทั้งแผ่นดินหาไม่ได้แล้วจริง ๆ”

            เมื่อบุตรชายติดกับของเขาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า ใจจริงเขาไม่อยากให้มีการแต่งงานที่มิได้เกิดจากความรัก แต่หากปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รู้ว่าอีกสักกี่ปี บุตรชายจะแต่งงานเสียที เขาแก่ชราลงทุกวันอยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย

            “ตรงไหนที่เรียกว่าร้ายกาจขอรับ”

            “ทุกตรงในสายตาของข้า”

            การตอบโต้ของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ร่วมรับฟังได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าด้านนอกห้องนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ที่ต้องนำไปส่งให้แก่ผู้เป็นนาย ซึ่งทำให้พ่อลูกคลี่ยิ้มพอใจ กับสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผย

เพราะสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ จะมีเพียงครอบครัวว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นที่รับรู้ ฉะนั้นนับว่าเป็นข่าวสารสำคัญสำหรับหลายฝ่าย

            “ท่านพี่จะรับนางมาพักที่จวนหรือไม่เจ้าคะ”

            กั๋วฮูหยินเอ่ยถามสามี ซึ่งนางเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่มาก เพราะอย่างน้อยก็จะได้ทำความรู้จักกันบ้าง ก่อนจะเป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้

            “นางคงต้องอยู่ยังจวนแม่ทัพก่อน เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ จนกว่านางจะมาถึงเมืองหลวง”

            “ข้าหวังยิ่งนัก ว่านางจะไม่ถูกต้อนรับก่อนเข้าเมืองหลวง” กั๋วเชียวหลางพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มยียวน

            “หึ ๆ เจ้าในฐานะว่าที่สามี ถึงสมควรอย่างยิ่งที่จะออกไปรอรับนาง”

            “เมื่อครู่ข้าพูดผิดไป เอาเป็นว่านางจะเดินทางมาเป็นภรรยาของข้าอย่างปลอดภัย”

            กั๋วเชียวหลางรีบเปลี่ยนคำพูดในทันที เมื่อบิดาคิดจะให้เขาออกไปรอรับนาง ยังนอกเมืองหลวง เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาพาตัวเองไปเป็นเหยื่ออันโอซะ สำหรับคนที่หมายหัวสกุลกั๋วและแม่ทัพสาว

            “เจ้าคือว่าที่สามีและบิดาของบุตรในภายหน้า ไยจึงขี้ขลาดกับเรื่องแค่นี้เล่า”

ท่านมหาเสนาบดีรีบจี้ใจดำบุตรชาย อย่างคนที่รู้ทันในเล่ห์เหลี่ยมของกันและกันเป็นอย่างดี

            “อีกกี่วันขอรับ”

            “ไม่น่าเกินสิบวัน”

            “ก็ได้! ข้าเห็นแก่คนชราทั้งสองหรอกนะ ฮ่า ๆ”

            กั๋วเชียวหลางเย้าพ่อแม่ ก่อนจะหัวเราะชอบใจ ซึ่งเหล่าหนอนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในบ้านของเขา เพื่อคอยคาบข่าวไปแจ้งนายของมัน คงกำลังขำขันกับความอวดเก่ง ที่เขาแสดงอยู่ในตอนนี้มากทีเดียว

            เพราะในสายตาของคนทั่วเมืองหลวง เขาคือตัวไร้ค่าที่ดีแต่อวดตัวไปวัน ๆ อยู่รอดมาได้จนโตก็เพราะอำนาจของบิดา ฝีมือนั้นเทียบไม่ได้กับเด็กสิบขวบเสียด้วยซ้ำ มันคือภาพที่ผู้คนจดจำ และเขาต้องการให้เป็นเช่นนั้นต่อไป

            “มิรู้จักโตเสียที”

            กั๋วฮูหยินค้อนบุตรชาย ทว่าใบหน้ากลับมีรอยยิ้มกว้าง ไม่มีสุขใดของพ่อแม่ เท่ากับการที่ลูก ๆ ได้มีครอบครัวเป็นของตนเอง แม้ว่าบางครั้งอาจเลือกตามหัวใจตนเองไม่ได้

นางรู้ดีว่ามันคือแผนการบางอย่างของฮ่องเต้ แต่อย่างไรเสียมันก็คืออีกก้าวหนึ่งในชีวิตของบุตรชาย ส่วนทั้งคู่จะเดินเคียงกันจนแก่เฒ่าหรือไม่นั้น นางอยากให้เวลาและความใกล้ชิดเป็นสิ่งตัดสิน

หากมิใช่คู่วันหนึ่งก็ลาจาก แต่หากเป็นคู่หนุนนำชะตาก็พาเกี่ยวพันมิห่างหาย เหมือนที่นางกับสามีในอดีต แทบมิมองหน้ากันสักครั้ง แต่ความดีของเขา มันแตกต่างจากคำเล่าลือ ที่ผู้คนพูดให้นางได้ยินคนละทิศทางเลยทีเดียว สุดท้ายแล้วทั้งหัวใจของนางก็มอบแก่สามีจนหมดสิ้น

            เมื่อการสนทนาในส่วนสำคัญจบลง เปลี่ยนเป็นเรื่องทั่วไปภายในครอบครัว หนึ่งในคนสวนที่อยู่ด้านนอกได้จากไปเช่นกัน และมันเป็นสิ่งที่คนด้านในรั้งรออยู่เช่นกัน

สิบวันถัดมา เมืองอู๋

          คณะเดินทางของแม่ทัพสาวได้มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ ที่มันเคยเป็นบ้านของครอบครัวสกุลเกา ซึ่งเป็นสกุลเดิมของมารดามู่อิง

            “บ้านเจ้าน่าอยู่ยิ่งนัก คืนนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะทำอาหารเลี้ยงแขกอย่างอิ่มหนำนะมู่อิง”

            แม่ทัพสาวงเอ่ยขึ้น ก่อนจะชำเลืองมองไปยังสาวใช้ข้างกาย แน่นอนว่าที่นี่คือบ้านเกิดของมู่อิง แม้ในอดีตเมืองแห่งนี้เสมือนนรกสำหรับมู่อิง แต่อย่างไรเสียมันก็ลบความจริงไม่ได้ ว่าที่นี่คือถิ่นกำเนิด

“เช่นนั้น บ่าวจะเข้าไปจัดเตรียมห้องให้ทุกคนนะเจ้าคะ”

มู่อิงพูดทั้งที่ดวงตายังจ้องมองไปยังหน้าประตูบานใหญ่ มันคือบ้านที่มารดาของนางเติบโตมา จนวันหนึ่งสกุลมารดาเสื่อมอำนาจ มันถูกขายไปและร้างคนอยู่มานานปี

แม้ในที่สุด มันกลับคืนมาเป็นของนางอย่างสมบูรณ์แล้วก็ตามทว่านางยังไม่เคยที่จะได้เข้าไปสำรวจด้านใน ว่ามันเป็นเช่นที่นางเคยจดจำได้หรือไม่

            “ให้รองแม่ทัพเจาจัดการเถอะ ส่วนเจ้าไปเดินเล่นกับข้าสักหน่อยเถิด”

            “เจ้าค่ะ”

            แม่ทัพสาวส่งบังเหียนม้าให้แก่ทหารคนสนิท ก่อนจะเดินนำสาวใช้ไปยังทิศทางของสุสานของเมือง หากจะว่าไปแล้วสกุลมู่หาได้ยากไร้อย่างที่บิดาของมู่อิงกล่าวอ้าง แต่เพราะภรรยาใหม่ไม่อยากให้ลูก ๆ ของตนเองเป็นรองลูกเลี้ยง

            จึงหาหนทางกำจัดมู่อิงให้พ้นทาง จากข่าวที่นางให้คนสืบหามานั้น ดูเหมือนว่าครอบครัวสกุลมู่ในตอนนี้ จะตกที่นั่งลำบากมาหลายปีแล้ว เพราะบุตรชายหญิงล้วนทำตัวไร้ค่าไปวัน ๆ งานการไม่ทำทรัพย์เดิมย่อมหมดลงในที่สุด

            “ท่านแม่ทัพ”

            “กายเจ้าเริ่มใหม่ แต่ใจเจ้ายังไม่เริ่ม หากอยากที่จะตัดสิ่งใด ต้องไปยังจุดเริ่มต้น”

            แม่ทัพสาวตั้งใจที่จะให้มู่อิง เผชิญกับอดีตและจัดการทุกอย่างให้เด็ดขาดเสียที ปล่อยไปเนิ่นนานก็รังแต่จะค้างคาในใจ เหมือนที่นางทิ้งอดีตที่เจ็บปวด ให้กลายเป็นเพียงภาพฝัน แล้วเดินหน้ากับปัจจุบัน เพื่อได้หายใจต่อให้ยาวนานขึ้น

            “ข้าแค่ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดท่านแม่จึงไม่ได้อยู่ในสุสานสกุลมู่เจ้าคะ”

            “เจ้าอยากรู้ว่านางทำสิ่งใดผิดเช่นนั้นใช่หรือไม่”

            “เจ้าค่ะ”

         “นางจะทำผิดหรือไม่นั้น หาได้สำคัญเท่ากับที่นางปกป้องเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนคลอดเจ้าออกมาอย่างปลอดภัย"   สองนายบ่าวก้าวมาหยุดยังหลุมศพของมู่ฮูหยิน ที่ตอนนี้รกไปด้วยหญ้า ทั้งคู่ได้ช่วยกันทำความสะอาดโดยรอบ ก่อนที่มู่อิงจะเก็บดอกไม้ป่าที่กำลังเบ่งบานอยู่อีกด้าน มาวางไว้ตรงหน้าหลุมศพของมารดา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status