หญิงสาวเลือกที่จะโกหกบิดา เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม สำหรับเรื่องที่เธอกำลังตัดสินใจทำ แน่นอนว่าการแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น และญาติของเธอก็ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกนี้ของเธอ โดยการอยู่อย่างผู้หักหลังไปชั่วชีวิต
การพูดคุยของเจ้าสัวกวงกับว่าที่ลูกเขย เป็นไปอย่างครื้นเครง ก่อนที่จะมีเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ ตูม! ร่างของทั้งสามร่วงลงลงน้ำ เมื่ออยู่ ๆ มันเกินโคลงจนทำให้พลิกคว่ำ
หมับ! ในจังหวะที่กวงฮุ่ยผิงจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ ข้อเท้าของเธอถูกรวบจับเอาไว้ ก่อนตัวเธอจะดิ่งลงใต้พื้นน้ำอย่างรวดเร็ว หญิงสาวพยายามลืมตาในน้ำ สิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือร่างกำยำของคนรัก
หญิงสาวพยายามดิ้นรนให้รอดจากเงื้อมือของเขา ทว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ปึก! หญิงสาวเจ็บราวไปทั้งศีรษะ เส้นผมของเธอถูกรวบเอาไว้แน่น
ก่อนที่เขาจะออกแรง เอาหัวเธอกระแทกเข้ากับหินใต้น้ำอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมคือภาพสุดท้ายที่เธอเห็น แน่นอนว่าสติสุดท้ายมันเลือนรางจนมืดมิดไปในที่สุด
ชานหลางปล่อยให้ร่างของคนรักจมอยู่เพียงลำพัง โดยที่ตัวเขาลอยออกห่างไปอีกด้าน ก่อนจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น พร้อมทั้งหันรีหันขวาง เพื่อหาคู่หมั้นที่จ่มหายไป
“ฮุ่ยผิง/ที่รัก”
ท่านเจ้าสัวร้องเรียกหาลูกสาว เรือล่มแค่นี้เป็นไปไม่ได้ที่ลูกของเขาจะจมน้ำ การเป็นหมอในกองทัพ ต้องได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ทำไมตอนนี้ ถึงได้ไร้วี่แววว่าลูกสาวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
ชายต่างวัยพากันร้อนใจ ร้องเรียกหญิงสาว สลับดำลงไปในน้ำ เพื่อคนหากวงฮุ่ยผิง ส่วนคนบนฝั่งที่เห็นเหตุการณ์เรือล่ม ต่างพากันร้อนใจไม่แพ้กัน
คุณนายกวงเรียกคนงานที่อยู่แถวนั้น ให้มาช่วยกันค้นหาลูกสาว ส่วนกวงเยี่ยชิงแสร้งบีบน้ำตา พร้อมสวมกอดป้าสะใภ้เอาไว้แน่น ปากก็พร่ำพูดถึงคนที่หายตัวไปในน้ำ
“ท่านแม่ทัพ!”
มือหยาบที่กำลังคลึงจอกสุราจากหยกชั้นดี ชำเลืองมองไปยังสาวใช้คนสนิทเล็กน้อย ก่อนจะทอดสายตามองกลับไปยังเบื้องหน้า ที่มีดอกหญ้าและดอกไม้ป่าที่เกิดเองตามธรรมชาติ กำลังแข่งกันอวดความงามต่อสายตาของผู้ผ่านไปมา
แม่ทัพสาวจดริมฝีปากกับหยกเนื้อเย็น ก่อนจะปล่อยให้ความหวานร้อนแรงไหลลงสู่ลำคอ รสชาตินี้หากเป็นอีกโลกที่นางเคยอยู่ คงไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสเป็นแน่ ต่อให้มีวิธีการทำที่เหมือนกัน แต่ความเจริญรุดหน้าของบ้านเมือง ทำให้ขาดความเป็นธรรมชาตินี้ไปเสียสิ้น
“ทุกอย่างพร้อมแล้วรึ!”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเราออกเดินทางกันต่อเถอะ ข้าอยากให้ถึงเมืองหลวงพร้อมพี่ใหญ่”
แม่ทัพสาวสลัดภาพที่ไหลวนในหัวเมื่อครู่ทิ้งไปเสีย เพราะมันเป็นเพียงความทรงจำที่เคยมีเท่านั้น สิ่งที่ทำให้นางหวนนึกถึงมัน คงเป็นบรรยากาศเบื้องหน้า ที่คล้ายกับบ้านพักต่างอากาศของครอบครัวในชีวิตเดิม
นางเกิดใหม่และเติบโตในโลกอีกมิติ ต่างจากนิยายที่เคยอ่านก็คงจะเป็น เรื่องที่นางมิได้มาอยู่ในร่างของใคร แต่มาเกิดเป็นคนของโลกนี้ แค่มีความทรงจำในอดีตติดตัวมาเท่านั้น
“เจ้าค่ะ”
มู่อิงรับคำก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นสายตาขอสุราจากกาในมือของนางเพิ่ม สองนายบ่าวเดินตรงกลับไปที่ม้า ซึ่งผู้ติดตามทั้งหมดได้เก็บสิ่งของที่ใช้ตอนหยุดพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพื่อความสะดวกในการเดินทาง จึงไม่มีรถม้าเช่นขุนนางอื่น ซึ่งแม่ทัพสาวมองว่า มันคือสิ่งที่ทำให้การเดินทางล้าช้ากว่าที่ตั้งใจ อีกทั้งตัวนางกับมู่อิงหาใช่สตรีบอบบาง ที่ต้องกลัวแดดฝนเฉกเช่นสตรีโดยทั่วไป
แม่ทัพสาวหยุดอยู่ที่พุ่มเหมยกุ้ยสีแดงสด ก่อนจะเด็ดออกมาหนึ่งดอก แล้วยื่นส่งให้แก่สาวใช้คนสนิท แม้ว่ามู่อิงจะห้าวหาญเยี่ยงบุรุษ แต่เนื้อแท้ของมู่อิงยังคงมีความอ่อนโยนเยี่ยงสตรีทั่วไป
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”
“เจ้าเหมาะกับมันกว่าข้ามากนัก อดทนหน่อยมู่อิง มิช้าเจ้าจะได้อยู่เช่นหญิงสาวคนอื่น ๆ ที่จับตะหลิวมากกว่าดาบ”
“บ่าวมีชีวิตรอดมาได้เพราะนายหญิงทั้งสาม ต่อให้ทั้งชีวิตมิอาจได้จับตะหลิวเช่นสตรีอื่น บ่าวก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ ที่ได้รับใช้ท่านแม่ทัพและนายหญิงทั้งสอง”
มู่อิงรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เพราะในวัยเยาว์นางเกือบถูกขายให้หอนางโลม ด้วยมือของบิดาที่อ้างว่านางคือตัวสิ้นเปลือง ตามคำของมารดาเลี้ยงที่ย้ำเตือนกับบิดามาหลายปี
นางในเวลานั้นทั้งท้อแท้และสิ้นหวัง นายหญิงใหญ่ที่เดินทางมาทำการค้าพร้อมนายหญิงทั้งสอง ได้ขอซื้อตัวนางในตอนที่นางถูกลากไปตามถนน เพื่อไปยังหอนางโลมประจำเมือง
นับแต่นั้นนางได้อยู่เคียงข้างนายหญิงน้อย ซึ่งกลายเป็นท่านแม่ทัพผู้เก่งกาจในวันนี้ เส้นทางสู่เมืองหลวงจำต้องผ่านบ้านเกิดของนาง และมันคงดีไม่น้อยที่จะได้ไปไหว้หลุดศพมารดาสักครั้ง
“หึ ๆ ทุกคนย่อมมีทางเดินของตนเอง เจ้าเหมือนน้องสาวของข้าอีกคน ฉะนั้นข้าจึงอยากเห็นเจ้ามีความสุข”
แม่ทัพสาวยกจอกสุราขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะส่งยื่นส่งจอกหยกคู่กายให้แก่มู่อิง แล้วเหวี่ยงกายขึ้นนั่งบนหลังม้า
“บ่าวมีความสุขเสมอเจ้าค่ะ”
มู่อิงตอบผู้เป็นนนาย พร้อมเก็บจอกหยกเอาไว้ในกล่องไม้ แล้วใส่ไว้ในถุงหนังสัตว์ที่ห้อยอยู่กับอานม้า
“ไปกันเถอะ”
เมื่อทุกคนอยู่บนหลังอาชาคู่ใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่ทัพสาวได้กระตุ้นให้ม้าออกก้าวเดิน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นวิ่งตะบึงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
เมืองหลวง สกุลกั๋ว
กั๋วเชียวหลางนั่งจ้องหน้าบิดาเขม็ง เขามีนับล้านคำที่อยากพูด แต่เมื่อเห็นความแก่ชรา ที่เหมือนจะเพิ่มจากเมื่อหลายวันก่อนของพ่อแม่ ทำให้ทุกคำถูกกลืนหายไปในลำคอเสียสิ้น แต่กระนั้นเขายังไม่อาจจะยอมรับ กับสิ่งที่รับรู้มาอยู่ดี
“ลูกขุนนางมีเพียงข้าเช่นนั้นรึขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
“แต่ครั้งนี้พ่อเห็นด้วยกับฝ่าบาท” ท่านมหาเสนาบดีตอบบุตรชายด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง
“เห็นด้วย!”
ชายหนุ่มทวนคำบิดาด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะมองไปทางมารดาเพื่อขอความคิดเห็น แต่เหมือนมันจะไม่เป็นผล เพราะมารดาเปลี่ยนจากใบหน้าเหมือนกำลังจะตาย เป็นรอยยิ้มแพรวพราวดวงตาไหวระริกอย่างคนได้ของถูกใจ
“ใช่ข้าเห็นด้วย เจ้าสมควรแก่วัยที่จะออกเรือนได้แล้ว อีกอย่างนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้า สตรีใดจะคู่ควรกับเจ้าเท่าท่านแม่ทัพหยวน ทั้งแผ่นดินหาไม่ได้แล้วจริง ๆ” เมื่อบุตรชายติดกับของเขาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า ใจจริงเขาไม่อยากให้มีการแต่งงานที่มิได้เกิดจากความรัก แต่หากปล่อยโอกาสนี้ไป เขาไม่รู้ว่าอีกสักกี่ปี บุตรชายจะแต่งงานเสียที เขาแก่ชราลงทุกวันอยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย “ตรงไหนที่เรียกว่าร้ายกาจขอรับ” “ทุกตรงในสายตาของข้า” การตอบโต้ของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ร่วมรับฟังได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ทว่าด้านนอกห้องนั้นนับเป็นข่าวสำคัญ ที่ต้องนำไปส่งให้แก่ผู้เป็นนาย ซึ่งทำให้พ่อลูกคลี่ยิ้มพอใจ กับสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเพราะสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ จะมีเพียงครอบครัวว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นที่รับรู้ ฉะนั้นนับว่าเป็นข่าวสารสำคัญสำหรับหลายฝ่าย “ท่านพี่จะรับนางมาพักที่จวนหรือไม่เจ้าคะ” กั๋วฮูหยินเอ่ยถามสามี ซึ่งนางเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่มาก เพราะอย่างน้อยก็จะได้
“ก่อนออกเดินทาง เราค่อยจ้างคนมาคอยดูแล และปลูกดอกไม้ให้แก่แม่ของเจ้า” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” “พวกท่านเป็นใครกัน” เสียงของชายชราจากด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหันกลับไปมองอย่างใจเย็น “ข้ากับน้องสาวมาเคารพญาติ” “นางไร้ญาติมานานแล้ว นับตั้งแต่บุตรสาวของนางถูกขายไปเป็นทาสให้แก่พวกวาณิช” น้ำเสียงติดกรุ่นโกรธของชายชรา ทำให้คิ้วเข้มของสองนายบ่าวขมวดเป็นปม ก่อนที่มู่อิงจะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น คนที่นางคิดว่าตายไปแล้ว วันนี้กลับมาปรากฏต่อหน้านางราวชะตานำพายิ่งนัก “ท่านลุง” มู่อิงเรียกชายชราผู้เป็นพี่ชายของมารดา ซึ่งก็คือญาติฝั่งมารดาเพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่ “เจ้าคือ!” “ข้า...” หญิงสาวหันไปสบตากับผู้เป็นนาย เพื่อขอความเห็นว่านางควรเปิดเผยตัวหรือไม่ ด้วยตำแหน่งของผู้เป็นนายในตอนนี้ ใช่ว่าจะป่าวประกาศได้อย่างสะดวกนัก ด้วยอันตรายมีอยู่รอบด้านและนางก็คือคนที่ศัตรูของท่านแม่ทัพรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะมือซ้ายที่เคียงข้างมิห่างกาย แม่ทัพสาวพยักหน้า
“น่ะ...นี่มัน!” ชายชราชี้นิ้วไปยังรถม้าที่จอดอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหันมองหลานสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “ไปกันเถอะ” แม่ทัพสาวภายมือให้แก่ชายชราและบุตรชายของเขา มู่อิงส่งให้ผู้เป็นลุงขึ้นรถม้า โดยให้น้องชายตามขึ้นไป หญิงสาวขยับไปยืนด้านข้าง เพื่อให้ผู้เป็นนายขึ้นรถม้าได้สะดวก“เจ้าขึ้นไปนั่งกับพวกเขาเถอะ ข้าอยากชมทิวทัศน์ข้างนอกสักหน่อย”“ทะ...เจ้าค่ะ”มู่อิงตั้งใจจะทักท้วง ก่อนจะเห็นสายตาห้ามปรามของผู้เป็นนาย หญิงสาวทำเพียงรับคำ ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถม้า ส่วนแม่ทัพสาวนั่งเคียงข้างคนขับรถม้าในเมื่อแมลงกวนใจอยากรู้เห็น นางก็จะนั่งให้เห็นชัดตาเสียเลยแล้วกัน ฮ่องเต้ทรงเมตตานัก เรียกนางมารับสามีไม่พอ ยังให้ทำความสะอาดระหว่างเส้นทางอีกด้วยและที่นี่ก็คืออีกหนึ่งเมือง ที่นางต้องเก็บกวาดขยะให้สิ้น ก่อนการใหญ่จะเกิดขึ้น ซึ่งมันจำเป็นต้องไร้มดแลงใด ๆ ไปไต่ตอมให้รำคาญใจผู้เป็นนายเหนือหัวของนางสกุลเกา ร่างอันสั่นเทาก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปยังป้ายเหนอประตู ‘สกุลเกา’ มันถูกทำขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตร ชายชราหันไปมองหลานสาว“เจ้าทำได้อย่างไร”“นายหญ
อาหารชั้นดีพร้อมสุรารสแรง ถูกจัดเตรียมมาอย่างล้นเหลือ ลานกว้างเต็มไปด้วยแสงสว่างจากคบไฟ และเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีหมูตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลรองแม่ทัพและทหารติดตาม ต่างพากันนั่งรอผู้เป็นนายและเจ้าของบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง งานเลี้ยงในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อมู่อิง น้องสาวที่แกร่งเยี่ยงบุรุษ“ชุนหลาง! มานี่เร็วเข้า”รองแม่ทัพเจากวักมือเรียกชายหนุ่ม เกาชุนหลางในชุดผ้าไหมเนื้อดี ผมที่ถูกรวบจนเรียบร้อย ทำให้มีความหล่อเหลายิ่งนัก แม้จะมีบาดแผลบนใบหน้า ก็ไม่อาจกลบความรูปงามนั้นได้เลย“นายท่าน...”“นายท่านอะไรกัน เรียกข้าพี่ชายเจา และทุกคนที่นี่คือพี่เจ้าทั้งหมด ทำหลังให้เหยียดตรงหน่อย จะกลัวอะไร หืม!”“ขอรับท่านพี่เจา”เกาชุนหลางเหยียดหลังให้ตรง แม้ว่าจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้าง เขาถูกกดให้ต่ำมาทั้งชีวิต วันนี้ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังมีบ่าวรับใช้ช่วยทำผมแต่งกาย มันเหมือนความฝันยิ่งนักเขาจำได้ว่าตอนที่กลับมายังเมืองนี้ใหม่ ๆ ได้ไปแอบดูมารดาที่บ้านสามีใหม่ของนาง น้อง ๆ ต่างบิดา ล้วนดูดีจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองมารดา“จำไว้นะชุนหลาง นับจากนี้เจ้าคือคุณชายเกา และจงจำไว้ว่าต่อให
“มู่อิง!”ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ถนนหน้าบ้าน เรียกมู่อิงราวคนคุ้นเคย แต่จากสายตาที่มองแล้ว ชายผู้นั้นไม่รู้ว่าใครกันแน่คือมู่อิง เพราะเสื้อผ้าที่สองนายบ่าวสวม ล้วนเป็นไหมชั้นดี ซึ่งไม่มีบ่าวบ้านใดได้สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ จึงไม่อาจบอกได้ว่าคนไหนคือมู่อิง“ท่านเป็นใคร มาที่บ้านข้าด้วยเรื่องใด”แม่ทัพสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ต่างจากสายตาที่ทอดมองคนทั้งหมดด้านล่าง“ข้าเป็นบิดาของ....”ชายสูงวัยลังเลอยู่มาก ด้วยไม่แน่ใจว่าคนไหนคือบุตรสาวของตนเอง เพราะไม่สามารถแยกได้จากเสื้อผ้า หรือท่าทางของหญิงสาวทั้งสอง เพราะมันแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“ท่านจะบอกว่าเป็นบิดาของมู่อิงสินะ!”“ใช่!”“แล้วอย่างไร!”“บิดามาพบลูกต้องอย่างไร! มีข้อห้ามหรือ”“ย่อมไม่มี แต่นางคือคนของสกุลหยวน ฉะนั้นถ้าข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่อาจพบนางได้ตามอำเภอใจ”“นางเป็นลูกข้า จะเป็นคนของสกุลอื่นได้อย่างไร”“ลืมอะไรไปหรือไม่! ท่านขายนางไปแล้ว”“นางเป็นอิสระแล้วมิใช่รึ!”“ใครบอกเจ้ากันว่านางเป็นอิสระ”“บ้านหลังนี้ไงเป็นสิ่งยืนยัน”“ยังไง!”“นางซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ แสดงว่านางมีเงินไถ่ตัวเองออกมาได้แล้ว นางย่อมเป็นอิสระ”“อ่านนิยายมากไปร
เกาชุนหลางไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากที่นายหญิงน้อยมอบให้ เขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก ชายหนุ่มวิ่งมาหยุดที่หน้าร้านขนมเก่าแก่ของเมือง“เจ้าคนอัปลักษณ์นี่ใครกัน ไยไม่รู้จักหลีกทางให้ข้า”เสียงนั้นทำให้เกาชุนหลางถึงกับสั่นน้อย ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคือน้องชายต่างบิดานั่นเอง ปึก! คุณชายสกุลเจียงถึงกับเซไปหลายก้าว เมื่อเขาตั้งใจที่จะลงมือต่อคนที่ขวางทาง“เจ้ากล้าดียังไง มาทำร้ายข้า!”“ขออภัยขอรับ เท่าที่ข้าน้อยเห็นเป็นท่านที่คิดจะแตะต้องคุณชายของเราก่อน”เกาชุนหลางหันขวับ! กลับไปมองด้านหลังในทันที ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นหนึ่งในบ่าวชายในจวน“สกุลใดกัน! มิรู้หรือว่าที่นี่สกุลเจียงของข้าเป็นใหญ่”“บุตรชายท่านเจ้าเมือง ใช่ว่าใครจะไม่รู้จักขอรับ แต่ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท”“บังอาจ! ไพร่เยี่ยงกล้าดียังไงมากำแหงต่อข้า”“เอ่อ...”เกาชุนหลางคิดที่จะเอ่ยห้ามปราม ทว่ากลับต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เมื่อสตรีที่ก้าวเข้ามาคือมารดาของเขาเอง มือหยาบที่จับแขนของบ่าวข้างกาย เผลอบีบแน่น ด้วยความรู้สึกทั้งกรุ่นโกรธและเสียใจ“จะเป็นคุณชายบ้านใด ก็ต้องรู้จักสูงต่ำบ้าง”“เจียงฮูหย
“คุกเข่า!”ทหารที่จับตัวของสองพ่อลูก เตะเข้าที่ข้อพับของชายชรา จนเขาล้มลงเข่ากระแทกกับพื้น เกาจ้านเจ็บร้าวไปทั้งขา ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สามีคนใหม่ของอดีตภรรยา“สตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด กล้าที่จะกำแหงต่อครอบครัวข้า ก็ต้องกล้าที่ออกมารับโทษทัณฑ์”“โบยมันให้ตายเลยขอรับท่านพ่อ”เจียงหลุนรีบเติมเชื้อไฟ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครที่จะหักหน้าเขาเช่นวันนี้มาก่อน“โบยมันสองพ่อลูก จนกว่าจะบอกว่าสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใด”“ลองโบยดูสิ!”เสียงกร้าวดังขึ้นจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของรองแม่ทัพจะก้าวออกมา โดยมีเหล่านายกองติดตามมามิห่าง ทั้งหมดมีใบหน้าทะมึนตึงไม่แพ้กันกับรองแม่ทัพ ที่สำคัญไปกว่านั้นชุดที่ชายหนุ่มทั้งหมดสวมอยู่นั้น บ่งบอกถึงตัวตนว่าเป็นใครท่านเจ้าเมืองถึงกับหายใจติดขัด เมื่อเห็นลวดลายที่ปักบนแขนเสื้อของพวกเขา มีเพียงแค่สังกัดเดียวเท่านั้น ที่ปักลวดลายนี้ไว้บนแขนเสื้อ“ทหารจากแดนเหนือ”“รู้จักด้วยรึ! อยากพบสตรีผู้นั้นมากใช่หรือไม่ท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นรอสักครู่ประเดี๋ยวนางก็มา และข้าหวังว่าท่านและครอบครัว จะคิดหาคำแก้ตัวที่น่าฟัง นอกจากคำว่า...”“มิได้ตั้งใจ!”เสียงเย็นเยียบจากด้านหลัง ทำให
คำตอบรับของแม่ทัพสาว ราวสายฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของครอบครัวท่านเจ้าเมือง ในอดีตก่อนที่เขาจะเลื่อนตำแหน่ง ได้ทำทุกทางช่วงชิงภรรยาผู้อื่นมา ทั้งยังตั้งใจกำจัดสายเลือดของนางให้พ้นสายตา วันนี้คนทั้งคู่กลับมาพร้อมนำความแค้นมาทวงคืนต่อเขา “ใต้เท้าเจียงมีสิ่งใดอยากจะแก้ต่างหรือไม่” “ข้าไม่ได้ทำ! มันเพราะความมิรู้พอของนางต่างหาก” “ความผิดจะโยนไปมาเพื่อสิ่งใดกัน ไหน ๆ ข้าก็เลือกตัดสินท่านตรงนี้แล้ว ก็ทำเสียให้เสร็จสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนเจียงฮูหยินรู้สึกเช่นไรบ้าง ผิดหวังมากกว่าเดิมอย่างที่ข้าเคยบอกหรือไม่” “ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเมตตาด้วยเจ้าค่ะ ข้ากับลูกมิรู้เห็นในสิ่งที่สามีของข้าทำจริง ๆ นะเจ้าคะ” “หึ ๆ เรื่องของสามีเจ้าอาจไม่รู้เห็น หรืออาจร่วมมือ ข้าย่อมไม่อาจรู้เห็นภายในใจของเจ้าได้ แต่เรื่องที่กระทำต่อเกาชุนหลางข้าย่อมยากปล่อยผ่าน หากบาดแผลนี้อยู่บนใบหน้าของเจ้าหรือใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ ตอบข้าได้หรือไม่ว่ายินดีมีมันไหม” ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเกาชุนหลาง รอยแผลเป็นนั้นยากนักที่ใครจะทำใจมองมันได้นาน เจียงฮูหยินทำได้เพ