20.30 น.
“คุณแม่ขาเมื่อไรคุณพ่อจะหายคะ”
เด็กหญิงนอนตักคุณแม่ของเธอในใจแอบคิดถึงพ่อของเธออยากจะให้กลับมาอยู่ด้วยกันเร็วๆจึงเอ่ยถามคนเป็นแม่ถึงอาการของพ่อเธอว่าเมื่อไรจะหาย
“อืม...คุณพ่อยังต้องรักษาอีกนานเลยค่ะเพราะคุณพ่อเป็นแผลใหญ่”
ณดาก้มลงมายิ้มให้ลูกสาวของเธอพร้อมบอกเหตุผลว่าทำไมพ่อของเธอถึงยังไม่หาย
“นีน่าสงสารคุณพ่อจังเลยค่ะ”
เด็กหญิงพูดถึงคนเป็นพ่อตาละห้อย
“..นอนได้หรือยังคะคนเก่ง..”
ณดากลัวว่านีน่าจะถามคำถามที่เธอไม่อยากตอบจึงหาเรื่องกล่อมให้ลูกเธอนอนจะดีกว่า
“คุณพ่อหายแล้วจะกลับมาอยู่กับนีน่าไหมคะ”
เด็กหญิงถามคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา
“อืม..แล้วถ้าคุณพ่อไม่กลับมาอยู่กับนีน่าล่ะคะ”
และเรื่องที่เธอกลัวก็เกิดจนได้...หญิงสาวลองเชิงถามลูกสาวของเธอถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเธออยากจะรู้ว่าลูกเธอจะเป็นอย่างไรถ้าเกิดพ่อของเจ้าตัวจะไม่อยู่ด้วย
“อ้าวทำไมล่ะคะ”
นีน่าคิ้วขมวดเล็กน้อยกับคำถามของแม่เธอ
“ถ้าแบบคุณพ่อต้องกลับไปทำงานแล้วมาหามาอยู่กับนีน่าไม่ได้นีน่าอยู่กับแม่สองคนได้ไหมคะ”
ณดากลั้นใจถามคำถามนี้กับลูกของเธอจะได้รู้กันไปเลยว่าลูกสาวของเธอจะเป็นอย่างไรจะได้ตั้งรับเอาไว้ก่อน
“ถ้าคุณพ่อต้องไปทำงานนีน่าอยู่กับคุณแม่แค่สองคนก็ได้ค่ะ...”
นีน่าเป็นเด็กที่ฉลาดเธอรู้ว่าคำว่าทำงานพ่อเธอก็คงจะยุ่งเหมือนที่แม่ของเธอยุ่งหากเป็นเช่นนั้นเด็กหญิงก็รู้ตัวดีว่าเธอจะต้องไม่งอแงแต่ก็มีแอบเศร้าใจอยู่เหมือนกัน
“นอนนะคะคนเก่งเลยเวลานอนของหนูแล้วค่ะ”
“ค่ะคุณแม่”
ณดายิ้มออกเมื่อลูกของเธอเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่เธอคิดเพื่อไม่ให้บทสนทนาดำเนินต่อเธอต้องกล่อมลูกเธอให้นอนโดยเร็ว
โรงพยาบาล
“ไงล่ะแกนั่งหงอยทั้งวัน”
คริสโตเฟอร์ต้องทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีทิ้งงานทิ้งการมาเฝ้าเพื่อนของเขาทุกวันเพราะไม่มีใครมาเฝ้าเมื่อเห็นเพื่อนเขาทำหน้าหงอยทั้งวันก็อดแซวไม่ได้พึ่งเห็นคนอย่างอคิณหงอยสุดๆก็วันนี้แหละ
“อืม...แกได้ข่าวน้องเคทบ้างไหม”
“ไม่นะฉันติดต่อไม่ได้ด้วยห่วงอยู่เหมือนกันไม่ติดว่าแกนอนป่วยอยู่ที่นี่ฉันก็จะกลับไปดูน้องเคทแล้ว”
“แกไปดูน้องเคทเถอะ...ฉันอยู่ได้”
“แน่ใจนะ”
“อืม..”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันค่อยไปก็ได้”
เช้าวันต่อมา
09.00 น.
“นิดไม่ไปเฝ้าคุณคิณเหรอ..เห็นว่าวันนี้คุณคริสกลับแล้วนะคุณคิณอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว”
หนามเตยทักณดาเมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนเธอไม่ไปที่โรงพยาบาลอีกแล้วทั้งที่น่าจะรู้ว่าอคิณอยู่คนเดียวเธอเริ่มสงสัยอะไรเสียแล้วสิ
“ไม่อะ..ฉันไม่อยากไปที่นั่น.”
ณดาส่ายหัวพร้อมบอกสิ่งที่อยูในใจเธอออกมา
“มีอะไรหรือเปล่า”
หนามเตยคิดว่าเพื่อนเธอตอบแบบนี้เธอต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
“ไม่มีหรอก..แล้วทำไมนินั่งหน้าหงอยแบบนั้นล่ะ”
ณดาส่ายหัวไม่อยากตอบอะไรมากไปกว่านี้และเปลี่ยนเรื่องมาถามเรื่องนิชาแทนเพราะเห็นเพื่อนเธอนั่งหงอยผิดปกติ
“ก็เรื่องเมื่อวานน่ะสิ”
หนามเตยได้ยินคำถามเรื่องนี้เธอก็เหนื่อยใจแทนนิชา
“คุณย่าว่ายังไง”
ณดาอยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อวานเรื่องมันเป็นยังไงเพราะเธอไม่ได้อยู่ตอนที่ธีรธรมาคุยกับย่าน้อยเสียด้วย
“เห็นนิบอกว่าคุณย่าต้องการให้นิกับคุณธรหมั้นหมายแล้วแต่งงานกัน”
“หืม..แล้วสองคนตกลงกันยังไง”
“เห็นนิบอกคุณธรตอบตกลงเลยน่ะสิ..”
“ถึงว่าได้ทำหน้าหงอยแบบนี้..ฉันเชื่อใจนินะว่าคงไม่ทำอะไรไม่ดี”
ณดาเชื่อใจเพื่อนเธอว่าไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คนอื่นคิดแต่ภาพมันอาจจะทำให้คนอื่นคิดไกลไปหน่อยแค่นั้นเองเธอก็เข้าใจในส่วนของย่าน้อยเช่นกันเพราะเมื่อวานไม่ใช่เธอกับย่าน้อยเท่านั้นที่เห็นนิชากับธีรธรอยู่ในสภาพนั้นแต่เป็นแม่บ้านของที่นั่นด้วยหากแม่บ้านเอาไปพูดต่อนิชาก็จะเป็นฝ่ายเสียหาย
“..ฉันก็เชื่อแต่คุณย่าแกก็รู้แถมเห็นอะไรขนาดนั้น...แต่ฉันก็ชื่นชมคุณธรนะที่เป็นสุภาพบุรุษ..”
หนามเตยก็เชื่อใจเพื่อนเธอเหมือนกันแต่เธอก็คิดเหมือนที่นิชาคิดว่าย่าน้อยก็คงจะไม่ยอมง่ายๆหากปล่อยเรื่องเลยตามเลยไปและเธอก็ชื่นชมธีรธรที่เป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติเพื่อนเธอรับผิดชอบกับเรื่องนี้
“...เฮ้อ...แล้วเพื่อนเราจะหงอยอีกนานไหมเนี่ย”
ณดาคิดว่าคงจะต้องปล่อยให้นิชาทำใจคนเดียวไปก่อนสักพัก
“...ก็คงอีกนานเพราะยัยนิไม่ชอบหน้าคุณธรจะตาย...”
หนามเตยไม่รู้เลยว่านิชาจะหงยอไปอีกนานแต่ไหนเพราะเท่าที่เธอรู้นิชาไม่ชอบหน้าธีรธรจะตายไป
โรงพยาบาล
12.30 น.
“คุณคิณเป็นยังไงบ้างคะ”
หนามเตยถือโอกาสในช่วงเที่ยงที่เธอออกมาข้างนอกมาเยี่ยมอคิณเสียเลยเพราะรู้ว่าเขาอยู่คนเดียว
“นิดให้คุณมาเยี่ยมผมเหรอครับ”
อคิณเห็นหนามเตยก็เริ่มใจชื้นยิ้มออกคิดว่าณดาน่าจะให้หนามเตยมาเยี่ยมเขา
“เอ่อ..เปล่าค่ะ..ฉันขอถามคุณตรงๆเลยก็แล้วกันตกลงคุณกับเพื่อนฉันมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
หนามเตยเห็นสีหน้าดีใจของชายหนุ่มก็รู้สึกหน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะบอกความจริงกับเขาไป..หญิงสาวพูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมายเธอมีเวลาน้อยเลยอยากถามเรื่องที่คาใจกับชายหนุ่ม
“อืม..คือผมกับนิดเรามีปัญหากันจริงครับ”
คำตอบของหนามเตยทำให้อคิณผิดหวังเล็กน้อยทั้งยอมรับว่าเขาและณดามีปัญหากันจริงๆ
“ฉันว่าแล้ว..ฉันไม่ได้อยากก้าวก่ายอะไรคุณหรอกนะคะแต่คุณพอจะบอกปัญหาได้ไหมเผื่อฉันจะมีทางช่วยเพราะถ้าให้ฉันไปถามนิดถามให้ตายนิดก็ไม่ตอบหรอกค่ะ”หนามเตยคิดเอาไว้ไม่ผิดดีที่เขาตัดสินใจถามอคิณไม่อย่างนั้นรอเพื่อนเธอบอกให้ตายก็คงจะไม่บอกเธออยู่ดีที่เธอทำแบบนี้เพราะอยากช่วยทั้งสองและเห็นแก่นีน่าหลานของเธอกลัวว่าพ่อกับแม่หลานเธอจะมาแยกทางกันอีก“ผมว่าถ้าคุณรู้ปัญหาก็คงจะไม่อยากช่วยผมแน่ๆ..”อคิณคิดว่าหากหนามเตยรู้เรื่องเธอคงจะไม่อยากช่วยเขาเหมือนที่พูดตอนนี้เป็นแน่เพราะเขาและณดาไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องนิดๆหน่อยๆ“ทำไมคะหรือว่า..คุณมีคนอื่น”หนามเตยคิดว่ามันจะมีอะไรที่ทำให้เธอไม่อยากช่วยให้ทั้งสองคืนดีกันนอกเสียจากว่าชายหนุ่มมีคนอื่น“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ..คือผมเคยทำร้ายนิดมาก่อน”อคิณรีบส่ายหัวเรื่องนั้นเขาไม่มีให้เป็นปัญหา..และเขาก็ตอบถึงปัญหาที่เขามีด้วยเสียงอ่อนลงอีกด้วยยังไม่แน่ใจว่าจะเล่าให้หญิงสาวฟังดีหรือไม่“หืมม...”หนามเตยยิ่งฟังเธอก็ยิ่งสงสัย“ผม...”อคิณตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หนามเตยฟังเพราะตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเขาทำผิดก็ต้องยอมรับผิด“หา..ทั้งหมดนี่ฝีมือคุณ...”หนาม
“พอดีผมไม่ชินทาง”เตชินพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรเขาเองก็ไม่ได้อยากจะให้มันเกิดแค่เขาไม่ค่อยชินทางเท่านั้นเองอีกทางทางที่นี่ก็คดเคี้ยวไปมาทำให้มองไม่ค่อยจะเห็นรถคันอื่น“มีประกันกับมีใบขับขี่หรือเปล่าคุณน่ะ”หนามเตยอยากจะให้ชายหนุ่มเรียกประกันของเขามาจะได้เคลียให้จบๆไป“เอาเป็นว่าคุณต้องการค่าเสียหายเท่าไรว่ามาเลย”เตชินคิดว่าการพูดแบบนี้หญิงสาวน่าจะต้องการเงินเท่าที่เขาเคยเจอมาเพราะหากถามหาประกันกับใบขับขี่เขาพึ่งกลับมาจะมีได้อย่างไรประกันรถพี่ชายของเขาก็น่าจะไม่ได้ต่ออะไรเพราะรถคันนี้ไม่ได้ใช้นานแล้วและเขาเองก็อยากกลับมาที่นี่กะทันหันด้วย“นี่คุณ...ฉันถามว่ามีใบขับขี่หรือเปล่าไม่ใช่ให้คุณมาเอาเงินฟาดหน้าฉัน”หนามเตยถึงกับลมออกหูเธอถามหาประกันกับใบขับขี่ชายหนุ่มแต่อีกฝ่ายดันมาหาว่าเธออยากจะได้เงินเสียอย่างนั้น“ไม่มี..”เตชินตอบหญิงสาวไปตามตรงแบบหน้าตาเฉยพร้อมยืนพิงรถกดมือถือเล่นอย่างสบายอารมณ์“ประกันล่ะ..”หนามเตยเห็นพฤติกรรมของอีกฝ่ายช่างดูไม่มีมารยาทเอาเสียเลยเธอยังคงถามหาประกันต่อเพราะถ้าหากเขามีจะได้ให้ประกันของเขากับของเธอมาตกลงกัน“ไม่รู้คั
“อืม...งั้นเหรอคะ...นีน่าคะมาทานขนมกับน้านิดีกว่านะคะ..แล้ววันนี้น้านิก็มีสมุดวาดรูปเล่มใหม่มาให้นีน่าด้วย”นิชาคิดว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแล้วจึงรีบชวนนีน่าให้หากิจกรรมอย่างอื่นทำดีที่วันนี้เธอมีของเล่นชิ้นโปรดมาให้นีน่าด้วยหวังว่ามันคงทำให้หลานเธออารมณ์ดีขึ้นนะ“โห...นีน่าชอบมากเลยค่ะน้านิ”เด็กก็ยังมีความเป็นเด็กเมื่อเห็นว่าน้าของเธอมีของเล่นชิ้นโปรดมาให้ก็รีบคว้าเอาไว้พร้อมยิ้มแป้นจนตาหยี“งั้นเอาขนมไปนั่งทานแล้ววาดรูปด้วยเลยไหม”“ค่ะ”นีน่ารีบไปนั่งวาดรูปตามคำที่น้าของเธอบอกอย่างรวดเร็ว“.......”นิชามองตามหลังหลานสาวของเธอด้วยแววตาที่ปนความสงสารเธอจะปล่อยให้หลานเธอต้องกลายมาเป็นเด็กที่ไม่ร่าเริงไม่ได้“นิดฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”นิชาจะต้องคุยกับณดาให้รู้เรื่องว่าทั้งสองคนเพื่อนเธอกับอคิณเป็นอะไรยังไงกันเพราะไม่อยากให้มันกระทบหลานเธอ“เรื่องอะไรเหรอ”ณดาที่กำลังทำอาหารเย็นอยู่ในครัวหันมาอมยิ้มให้เพื่อนเธอคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาของเพื่อนเธอที่อยากจะปรึกษากับเธอเป็นแน่“คุณคิณจะไม่อยู่กับแกกับลูกแล้วเหรอ”“หืมม...ใครบอก”ณดาถึงกับหน้าถอดสีไม่รู้ว่าเพื่อนเธอไปรู้เรื่องนี้มาจากใคร“นีน่า”“ค
วันต่อมา18.00 น.“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยผู้ใหญ่มากันเยอะ”ธีรธรยืนต้อนรับแขกที่หน้างานเมื่อเห็นน้องชายทำหน้าไม่สบอารมณ์ก็ต้องเตือนกันหน่อย“ผมไม่ได้อยากให้มีงานต้องรับอะไรผมสักหน่อย”เตชินเซ็งกับงานอย่างมากที่เขาต้องมายืนรับหน้าใครต่อใครที่ไม่รู้จัก“แกนี่มัน...ฉันว่าถ้าแกจะอยู่ที่นี่คงต้องปรับตัวใหม่แล้วล่ะ”ธีรธรไม่เข้าใจว่าน้องชายเขาจะให้ความร่วมมือสักหน่อยมันจะเป็นอะไรไปเขาคิดว่าจบงานนี้คงต้องอบรมน้องเขาอีกเยอะเลยทีเดียวงานเลี้ยงที่ธีรธรจัดขึ้นภายในไร่ของเขาเป็นงานสังสรรค์ที่ไม่ใหญ่มากเพียงแค่ต้องการให้ทุกคนได้รับรู้เท่านั้นว่าน้องชายเขาจะมาอยู่ที่นี่ถาวรเมื่อแขกเริ่มมากันครบธีรธรก็ไม่รีรอที่จะแนะนำตัวน้องชายของเขากับทุกคนอย่างเป็นทางการงานทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีเว้นเสียแต่ต้องคอยสั่งให้เตชินปั้นหน้ายิ้มบ่อยๆเท่านั้นเองเช้าวันต่อมา“...แกเมื่อคืนน้องคุณธรนี่หน้าไม่รับแขกเท่าไรเลย...”หนามเตยเจอหน้านิชาก็แอบบ่นเรื่องเมื่อคืนอุกเพราะเธอรู้สึกว่าน้องชายธีรธรช่างเป็นคนที่ไร้มารยาทสิ้นดี“คงจะไม่ชินกับคนเยอะหรือเปล่าอีตาพ่อเลี้ยงคงจะไม่ได้ถามความเห็นจากน้องก่อนจะจัดงานเป็นแน่ชอบคิดเอง
“เรื่องประชุมมันก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเลยนี่แกก็แค่เลื่อนจากรองประธานมาเป็นประธาน”คริสโตเฟอร์เห็นว่าเรื่องประชุมเปลี่ยนระบบบุคลากรภายในอะไรนั่นมันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากมายไม่รู้ว่าเพื่อนของเขาจะเครียดอะไรกับงานนี้“ไม่...ฉันจะให้นิดมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของที่นี่..”อคิณไม่ได้คิดแบบนั้นเขาต้องการให้คนที่ถือหุ้นใหญ่เป็นชื่อของณดาซึ่งเขาก็เตรียมการคร่าวๆบ้างแล้ว“แล้วเจ้าตัวเค้าโอเคกับแกเหรอ”คริสโตเฟอร์ถึงกับคิ้วขมวดที่เขาจำได้เพื่อนของเขาบอกว่าณดาปฏิเสธข้อเสนอนี้“ยังไงฉันก็ต้องคืนในส่วนที่ต้องเป็นของนิดฉันจะเป็นแค่คนที่บริหารงานแทนเธอเท่านั้น”ถึงณดาจะปฏิเสธเรื่องนี้แต่เขาก็ควรที่จะคืนทุกอย่างให้เธอมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วส่วนเขานั้นจะขอมีชื่อแค่เป็นคนที่บริหารงานแทนเธอก็เท่านั้นอคิณไม่ลืมคำที่เขาเคยพูดกับหญิงสาวเอาไว้ว่าเขายินดีคืนทุกอย่างให้เธอทั้งหมดถึงเธอจะไม่รับก็ตาม“แล้วน้องเคทเป็นยังไงบ้าง”อคิณวางปากกากับละสายตาจากกองเอกสารมาถามเรื่องเคทเธอรีนกับคริสโตเฟอร์เพราะเขาไม่ได้ข่าวคราวเธอมาหลายวันแล้วเมื่อเพื่อนของเขามาถึงที่นี่ก็เป็นโอกาสที่เขาจะได้ถามไถ่เรื่องของหญิงสาวบ้าง
“ทำไมถามเรื่องนี้ล่ะ...อืม..คือ...ฉันก็ไม่ได้มีความรู้สึกนี้นานแล้วตั้งแต่เลิกกับพรีมไปแต่ก็พอจำได้บ้าง”คริสโตเฟอร์ถึงกับหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อเพื่อนของเขาถามถึงเรื่องความรักเพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากพูดถึงมันเท่าไร“อืม..ว่ามาเลย”ถึงจะจำได้จำไม่ได้อคิณก็อยากได้ข้อมูลอะไรนิดหน่อยก็ยังดี“ฉันอยากเจอเธอในทุกๆวันเรื่องทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตฉัน...ฉันอยากให้เธอรู้เป็นคนแรก...หากเธอเจ็บหรืออยู่ในอันตรายฉันอยากอยู่ตรงนั้นแทนฉันไม่ชอบเห็นเธอร้องให้...ฉันอยากเป็นคนที่ปกป้องเธอและคนที่เธอคิดถึงตลอดเวลาและฉันก็ไม่ชอบให้เธอใกล้กับผู้ชายคนไหนและทำตัวสนิทสนมแม้แต่กับคนสนิทก็ตาม...อนาคตของฉันก็จะมีเธออยู่ในนั้นตลอด”คริสโตเฟอร์พยายามนึกถึงความรู้สึกที่มีทั้งหมดนั่งมองฟ้าพร้อมพูดมันออกมาจากหัวใจหวังว่ามันคงจะเป็นประโยชน์ต่อความอยากรู้ของเพื่อนของเขาได้บ้าง“อ๋อ...อย่างนั้นเหรอ..ไหนแกว่าจำไม่ค่อยได้ไงวะ”อคิณจำคำพูดของเพื่อนของเขาได้ทุกคำคงเป็นแบบที่เขารู้สึกตอนนี้สินะชายหนุ่มบอกกับตัวเองแต่ก็หันมามองเพื่อนของเขาตอนนี้ยังไม่หยุดเหม่อเสียทีเขาพอจะเดาออกว่าถ้าหากจำความรู้สึกได้เยอะขนาดนี้คงจะไม่วายไม
ทางด้านณดา“...มาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย...”ณดากำลังขับรถกลับจะถึงบ้านอยู่แล้วเชียวแต่รถของเธอก็ดันมาดับกลางทางเสียอีกตอนนี้แดดก็เริ่มร้อนแล้วด้วยแถมข้างทางยังมีแต่ป่าอีกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมามีปัญหาในพื้นที่ที่ไม่คนอยู่ทุกทีไป“เฮ้อ..”ตอนนี้มันทำให้หญิงสาวนึกไปถึงภาพตอนนั้นตอนที่เธอหนีคนร้ายเข้าไปในป่ากับอคิณทำให้ในใจของเธอเริ่มกลัวขึ้นมาว่าถ้าหากเกิดมีคนร้ายอยู่แถวนี้เธอจะทำอย่างไร“เตยลุงสนอยู่ไหมให้เค้ามาซ่อมรถให้หน่อยฉันอยู่ห่างจากบ้านประมาณสามกิโลได้มั้ง...อะไรนะลุงไม่อยู่...โอเคๆจะรอนะ”ณดาโทรหาหนามเตยให้คนที่โฮมสเตย์มาซ่อมรถให้เธอหน่อยเพราะหากโทรหาอู่ซ่อมก็คงอีกนานแต่ก็ได้รับข่าวร้ายว่าลุงสนไม่อยู่และให้เธอรออยู่ก่อนเพราะหนามเตยจะไปตามลุงสนให้ทางด้านอคิณ“โอเคครับคุณเตยแล้วผมจะรีบไป”อคิณได้รับสายจากหนามเตยว่ารถของณดาเสียอยู่แถวไหนเขาจึงรีบขับรถออกไปทันทีเขาได้รับคำเตือนจากหนามเตยว่าให้ทำเป็นบังเอิญไปเจอไม่อย่างนั้นแผนครั้งนี้ที่หนามเตยต้องการช่วยเขามีอันพังเป็นแน่หากณดารู้ว่าเพื่อนของเธอแอบช่วยเขาอยู่10 นาทีต่อมา“..อืม..”ณดายืนข้างนอกรถตอนนี้เธอเกิดอาการเซนิดหน่อยเนื่องจ
“ขอบคุณมากนิด...ขอบคุณมากแค่นี้มันก็ดีกับผมและลูกมากพอแล้ว”อคิณรู้สึกขอบคุณหญิงสาวอย่างมากที่ยอมทำร้ายใจตัวเองเพื่อให้เขาได้เจอลูกบ้างพร้อมจับไหล่หญิงสาวเบาๆให้เอนตัวนอนลงเพื่อพักผ่อนเขาเชื่อว่าภายนอกเธอที่ดูเหนื่อยแล้วแต่ในใจของเธอน่าจะเหนื่อยมากกว่าเขาจะนั่งเฝ้าเธออยู่ห่างๆเอง...เพราะรู้ว่าเธอยังไม่มีแรงตื่นมาไล่เขาตอนนี้หรอก16.00 น.ณดารู้สึกตัวตื่นดูนาฬิกาก็เลยเวลาที่เธอจะไปรับลูกสาวของเธอแล้วจึงรีบเดินออกมาจากห้องแต่เธอเห็นอคิณเดินจูงนีน่าเข้ามาในบ้านจึงหยุดชะงักแอบคิดในใจว่าเมื่อเธอให้โอกาสเขาได้เจอกับลูกก็รีบทำหน้าที่พ่อเสียเหลือเกิน“คุณแม่ขา”เด็กหญิงรีบวิ่งเข้ามากอดคนเป็นแม่ด้วยสีหน้ายิ้มแก้มปริดีใจที่วันนี้เธอได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูก “ผมอยากให้คุณพักผ่อนเลยไปรับนีน่าให้...ส่วนรถคุณผมให้อู่รถลากไปซ่อมแล้ว”อคิณเห็นสายตาที่หญิงสาวมองมาทางเขาก็รีบหลบสายตาเล็กน้อยที่เขาต้องไปรับลูกเองก็เพราะว่าไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของหญิงสาวนั่นเองเรื่องรถเขาก็จัดการให้เธอเสร็จสรรพเรียบร้อย“คุณแม่ขา...คุณพ่อบอกว่าปิดเทอมนี้คุณพ่อจะพานีน่าไปเที่ยวทะเลด้วย..นีน่าดีใจมากเ