แชร์

บทที่ 2 สารภาพรัก

“อย่าเมาแล้วคึกไปไล่ปล้ำใครเขานะยะ”

“บ้า! ใครจะไปทำ แต่ถ้าพี่ตรัยมา…ก็ว่าไปอย่าง” พูดแล้วฉันก็หัวเราะออกมา นั่นเพราะสภาพของฉันตอนนี้จะไปไล่ปล้ำใครเขาได้

“แหม…มีเลือก”

“แกขับรถดีๆ นะ” ฉันโบกไม้โบกมือให้กรดา 

“อื้อ…งั้นฉันกลับก่อนนะ” กรดาโบกไม้โบกมือลาฉันด้วยเหมือนกัน พอเพื่อนกลับออกไปแล้วฉันก็ทิ้งตัวนอนยาวไปกับขนาดของโซฟามันเสียเลย

อาการคนเมามันทำให้ฉันปั่นป่วน พะอืดพะอมบอกไม่ถูก โลกมันหมุนๆ ในตัวก็ร้อนแปลกๆ ฉันพยายามตั้งสติ สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ 

“ฉันไม่เมา...ไม่เมา...ไม่เมา” ฉันพูดกับตัวเองแบบนี้ เพื่อเอาชนะความเมา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยได้ผล กระทั่งรู้สึกเหมือนมีใครมายืนกอดอกมองฉันที่นอนหมดสภาพอยู่บนโซฟา

“พะ…พี่ตรัยเหรอคะ”

“ครับ” เสียงทุ้มที่แสนจะคุ้นดังขึ้น ฉันส่งยิ้มให้เขา พยายามลืมตามองหน้าเขาให้ชัดๆ แต่ภาพมันก็ซ้อนทับกันจนรู้สึกเหมือนเขามีฝาแฝด

แถมตอนนี้เขายืนกอดอกมองเธอด้วยสายตาดุๆ จนฉันต้องเด้งตัวขึ้นมานั่งตรงแหน่ว แต่สงสัยจะรีบลุกมากไป ถึงได้มึนๆ หัวหนักเข้าไปอีก

“ฉลองอะไรมา ถึงเมาได้ขนาดนี้”

“ก็แค่ปาร์ตี้สนุกๆ ตามประสาเพื่อนแค่นั้นเอง ว่าแต่พี่ตรัยมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ฉันพยายามคุมสติคุยกับเขา แต่ดูเหมือนสติมันจะไม่ยอมเชื่อฟังฉันสักเท่าไหร่เลย น้ำเสียงที่คุยมันจึงฟังดูยืดๆ ยานๆ ตามไปด้วย 

“ตะกี้ พอดีพี่แวะมาเอาของให้นิกมัน”

“อ้อ…เชิญตามสบายเลยค่ะ” ฉันส่งยิ้มหวานหยดย้อยกลบเกลื่อนความเมา แต่ดูท่าว่ามันจะไม่ได้ผลอีก

“อื้อ” เสียงเขาเอ่ยรับ จากนั้นก็เดินขึ้นไปยังห้องทำงานของพี่ชายฉันที่อยู่ชั้นบน ตรัยกับพี่ชายฉันเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พอจบมาก็ยังมาทำงาน เปิดบริษัทด้วยกันอีก และด้วยความสนิท ไว้ใจกัน ตรัยจึงสามารถเข้าออกบ้านหลังนี้ได้ทุกเมื่อ 

ฉันพยายามนั่งให้นิ่ง พยายามบอกตัวเองว่าฉันไม่ได้เมา ไม่ได้เมาสักนิด แต่ยิ่งสั่งตัวเองแบบนั้น ทำไมทำไม๊บ้านถึงได้หมุนติ้วๆ อาการพะอืดพะอมก็วิ่งเข้าใส่ 

“ดะ…ได้ของแล้วเหรอคะพี่ตรัย”

“ครับ”

“แฮ่…เดี๋ยวสรออกไปส่งที่หน้าบ้านดีกว่าเนอะ” ฉันทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี แต่พอลุกเท่านั้นแหละ แทนที่จะออกไปส่งเขาที่หน้าบ้าน ขากลับตรงดิ่งไปห้องน้ำ และจากนั้นฉันก็อ้วกเอาทุกอย่างในกระเพาะออกมาจนหมด

“ไหวไหมสร” เสียงของพี่ตรัยดังขึ้นข้างๆ ตอนนี้เขามานั่งลูบหลังให้ฉันอยู่ในห้องน้ำ 

“ไหวค่ะ ไหว” พูดยังไม่ทันจบประโยค ฉันก็อ้วกออกมาอีกครั้ง ส่วนเขาก็ยังคงลูบหลังให้ฉันไม่ได้ลุกไปไหน กระทั่งฉันเห็นว่าคงไม่อ้วกอีกแล้ว จึงกลับออกมาจากห้องน้ำ 

แต่แทนที่อาการเมาจะดีขึ้น มันกลับทำให้ฉันแทบยืนไม่อยู่ มึนๆ เบลอๆ และเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ฉันมองหน้าตรัยแล้วพูดความในใจออกไป ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่พูดถึงมันอีก

“ตอนนี้พี่ตรัยยังชอบสรอยู่ไหม” 

“ถามทำไม”

“สรก็แค่อยากรู้ว่าตอนนี้พี่ยังชอบสรอยู่ไหม หรือว่าไม่ได้ชอบแล้ว” ฉันรอฟังคำตอบด้วยใจที่เต้นรัว แต่คำตอบจากเขามันก็ทำให้ใจฉันห่อเหี่ยวได้ในวินาทีแรกที่ได้ยิน 

“ไม่ได้ชอบแล้ว”

“ใจง่ายจริง เพิ่งบอกชอบสรไปหยกๆ พอถามอีกทีกลับบอกไม่ได้ชอบแล้ว...ชิส์” 

“หยกๆ อะไร พี่บอกชอบสรไปตั้งสามปีแล้วนะ ไม่ใช่เพิ่งบอกเมื่อวาน นานขนาดนั้นพี่ก็เปลี่ยนใจสิ” น้ำเสียงของเขาติดเย้าฉันอยู่ในที แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บก็ไม่รู้ แต่ก็แสร้งทำเป็นเฉย 

สมองคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้น วันที่เขาเดินมาสารภาพว่าชอบฉันตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นหน้า ได้รู้จัก แต่ก็เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้มาเป็นปีๆ จนตัดสินใจสารภาพ ส่วนฉันก็เอาแต่เขินจนไม่ได้ตอบรับไป ทั้งๆ ที่มีใจให้ตรัยด้วยเช่นกัน

ฉันเลี่ยงที่จะพบหน้าเขา เพราะกลัวเขาทวงคำตอบ กระทั่งผ่านไปเกือบอาทิตย์ ฉันก็ตัดสินใจจะรับรักจากเขา แต่ทว่าก่อนที่ฉันจะได้พูด ฉันกลับบังเอิญไปได้ยินอะไรเข้าเสียก่อน

‘สรคือน้องสาวคนเดียวของข้า เอ็งห้ามคิดไม่ซื่อ ไม่งั้นเอ็งจะโดนบาทา’ 

‘ข้าไม่ได้คิดอะไรกับน้องเอ็งหรอก ไม่ต้องห่วง’ 

ประโยคแรกเป็นของพี่ฉัน แต่ที่ฉันเจ็บคือประโยคที่ตรัยเอ่ยตอบนั่นต่างหาก ปกติพี่ฉันไม่ใช่พี่ชายประเภทที่หวงน้องสาวอะไรขนาดนั้น แต่กลับเอ่ยห้ามไม่ให้เขาคิดอะไรกับฉัน และเขาก็เลือกที่จะทำตาม ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะสารภาพรักฉันไป ตรัยเริ่มทิ้งระยะห่างกับฉันอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปสองอาทิตย์ ฉันก็ได้รู้จากพี่ว่าเขามีแฟนแล้ว

 

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status