“อย่าเมาแล้วคึกไปไล่ปล้ำใครเขานะยะ”“บ้า! ใครจะไปทำ แต่ถ้าพี่ตรัยมา…ก็ว่าไปอย่าง” พูดแล้วฉันก็หัวเราะออกมา นั่นเพราะสภาพของฉันตอนนี้จะไปไล่ปล้ำใครเขาได้“แหม…มีเลือก”“แกขับรถดีๆ นะ” ฉันโบกไม้โบกมือให้กรดา “อื้อ…งั้นฉันกลับก่อนนะ” กรดาโบกไม้โบกมือลาฉันด้วยเหมือนกัน พอเพื่อนกลับออกไปแล้วฉันก็ทิ้งตัวนอนยาวไปกับขนาดของโซฟามันเสียเลยอาการคนเมามันทำให้ฉันปั่นป่วน พะอืดพะอมบอกไม่ถูก โลกมันหมุนๆ ในตัวก็ร้อนแปลกๆ ฉันพยายามตั้งสติ สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ “ฉันไม่เมา...ไม่เมา...ไม่เมา” ฉันพูดกับตัวเองแบบนี้ เพื่อเอาชนะความเมา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยได้ผล กระทั่งรู้สึกเหมือนมีใครมายืนกอดอกมองฉันที่นอนหมดสภาพอยู่บนโซฟา“พะ…พี่ตรัยเหรอคะ”“ครับ” เสียงทุ้มที่แสนจะคุ้นดังขึ้น ฉันส่งยิ้มให้เขา พยายามลืมตามองหน้าเขาให้ชัดๆ แต่ภาพมันก็ซ้อนทับกันจนรู้สึกเหมือนเขามีฝาแฝดแถมตอนนี้เขายืนกอดอกมองเธอด้วยสายตาดุๆ จนฉันต้องเด้งตัวขึ้นมานั่งตรงแหน่ว แต่สงสัยจะรีบลุกมากไป ถึงได้มึนๆ หัวหนักเข้าไปอีก“ฉลองอะไรมา ถึงเมาได้ขนาดนี้”“ก็แค่ปาร์ตี้สนุกๆ ตามประสาเพื่อนแค่นั้นเอง ว่าแต่พี่ตรัยมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ฉันพยา
“โหย…ผู้ชายโลเล” “ก็คนมันหล่อเลือกได้” เขายิ้มมุมปากให้ฉัน ส่วนฉันเองก็ยิ้มหวานๆ ตาเยิ้มๆ ตามสไตล์คนเมากลับไปให้“งั้นถ้าให้เลือกอีกที พี่ตรัยจะชอบสรอยู่ไหม” เพราะเมาฉันถึงกล้าถามแบบนี้ออกไป จะว่าไป เวลาเมานี่ก็ดีแฮะ เพราะมันทำให้ฉันกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป พอสร่างก็มีข้ออ้างว่าเมา คนเมาพูดอะไรย่อมไม่ผิด...ฮ่าๆ ไม่งั้นเขาจะพูดกันเหรอว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา “นี่เมาใช่ไหม ถึงถามอะไรแบบนี้”“เปล่าเมา สรแค่อยากรู้” อันที่จริงฉันเมานั่นแหละ แต่ไม่ยอมรับ “ไว้สร่างเมาก่อน พี่ค่อยตอบ คืนนี้ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว”“สรนอนไม่หลับ” ฉันเริ่มงอแงเป็นเด็กๆ “ไม่หลับก็นอนเล่นๆ ไป เดี๋ยวก็หลับเอง” เขาดุฉันเหมือนฉันยังเป็นแค่เด็กอนุบาล ทั้งๆ ที่เขาอายุห่างจากฉันแค่ห้าปีเท่านั้นเอง “ผู้หญิงคนนั้นโชคดีจังที่ได้พี่ตรัยเป็นแฟน” ลึกๆ ฉันอิจฉาผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าสักครั้ง แต่ก็มั่นใจว่าเธอต้องสวยและนิสัยดีมากแน่ๆ “ทำไม แฟนสรทำตัวไม่ดีเหรอ” “อื้อ…เขาขี้หึงแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำตัวเป็นเด็ก ง้องแง้งไม่เข้าท่า ปากหวานก้นเปรี้ยว เกลียดผู้หญิงเจ้าชู้ แต่ตัวเองเสือกเจ้าชู้ไก่แจ้ แถมยัง
ก่อนจะฝัน...ในฝันฉันกำลังนอนอยู่และมีเจ้าชายกำลังโน้มใบหน้าลงหมายจะมาจูบฉัน ฉันพยายามเพ่งสายตามองหน้าของเจ้าชายคนนั้น แต่กลับมองไม่เห็น กระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกัน นั่นทำให้ฉันสะดุ้งและตื่นขึ้นจากความฝัน แต่ทว่าฝันกลับกลายเป็นจริง เพราะเมื่อครู่พี่ตรัยจูบฉัน“พี่ขอโทษ” ฉันนั่งนิ่ง ฟังคำขอโทษจากเขา แต่ทำไมใจถึงไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย หรือฉันจะเมาจนความรู้สึกตายด้าน ไหนขอลองจูบเขาอีกสักครั้งซิ ความคิดของฉันมันไวเท่ากับการกระทำ เมื่ออยู่ๆ ฉันก็ล็อกคอเขาไว้แล้วเป็นฝ่ายจูบก่อน แม้จะจูบไม่เป็นแต่ฉันก็รู้ว่ามันคงไม่ยากมั้ง เพราะเห็นพระเอกนางเอกในซีรีส์จูบกันออกบ่อยนี่นา จากที่เขานิ่งจนฉันใจเสีย เกือบจะถอดใจถอนจูบออก ตรัยก็เริ่มจูบตอบฉันกลับมา จูบของเขามันทำเอาฉันสั่นไปทั้งตัว เพราะมันวาบหวามเร่าร้อนชนิดที่ว่าปลุกไฟในตัวของฉันให้ลุกพรึบได้ในชั่วพริบตา ฉันไม่รู้ว่าเราจูบกันมานานเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่าฉันไม่อยากให้เขาหยุดที่จะจูบฉันเลยจริงๆ นี่ฉันกำลังเมาอยู่ใช่ไหม ต้องใช่แน่ๆ “พี่ตรัย” ฉันเอ่ยเรียกเขาทันทีที่เราถอนจูบออก และสีหน้าของเขาดูรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ จนเด้งตัวลุกขึ้น
“พะ…พี่ตรัยขา อ่าห์…” เอ่ยเรียกชื่อเขาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงของฉันก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงครางอีก เพราะตอนนี้เขาจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าท้อง ปลายลิ้นของเขาที่หยอกเย้ากับสะดือทำเอาฉันขนลุก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าเขาจูบต่ำลงไปจนถึงจุดที่ฉันหวงมากที่สุด“สรสวยเหลือเกิน” เขาเอ่ยชมฉัน เป็นคำชมที่ยิ่งทำให้ฉันเขินอาย จนต้องเกร็งขาเข้าหากัน แต่ทว่ากลับทำไม่ได้ เพราะมีเขาขวางอยู่ตรงกลางเพียงแค่เขาไล้ปลายนิ้วลงไปบนกลีบสาว ฉันถึงกับกลั้นหายใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเขาเปลี่ยนจากใช้มือมาเป็นริมฝีปาก ฉันบิดเร้าไปมาอย่างวาบหวาม ความทรมานที่มาพร้อมความสุขที่ฉันไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน และตรัยก็กำลังมอบประสบการณ์ครั้งแรกให้กับฉัน“อ่า…” ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้เลย นอกจากส่งเสียงครางออกมาเพื่อปลดปล่อยความเสียวซ่านที่กำลังเกิดขึ้นตรัยละเลียดชิมฉันอย่างช้าๆ ทุกสัมผัสจากเขามันตราตรึงอยู่ในร่างกายของฉัน แต่ยิ่งเขาช้าฉันก็ยิ่งทรมานและฉันก็ได้ประสบการณ์แปลกๆ เป็นครั้งแรก มันมีความสุขเหมือนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า“พี่จะกินสรจริงๆ แล้วนะ” คำพูดของเขาทำให้ฉันยิ่งตื่นเต้นจนใจเต้นแรงมาก หายใจหอบเหนื่อยราวกับวิ่งล
“สร...” เขาเหมือนมีอะไรจะพูด แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ตรัยลังเลว่าจะรับหรือไม่รับ กระทั่งตัดสินใจรับสาย“ว่าไงนิก” ชื่อที่ได้ยิน ทำเอาฉันเย็นไปทั้งตัว ฉันทำให้พี่ชายต้องผิดหวังเสียแล้วสิ มิหนำซ้ำยังทำร้ายจิตใจของผู้หญิงอีกคนด้วย เฮ้อ…ถึงแม้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้เห็น แต่ข้างในใจฉันมันก็กำลังร้องไห้อยู่ ฉันขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ กระทั่งได้ยินเสียงของตรัยดังขึ้น“สร…เป็นอะไรหรือเปล่า”“สรไม่เป็นไรค่ะ พี่ตรัยกลับไปก่อนเถอะ” ฉันตะโกนบอกเขา เราต่างเงียบด้วยกันทั้งคู่ กระทั่งฉันได้ยินเสียงประตูปิดลง จึงเดาเอาว่าตรัยกลับออกไปแล้วแน่ๆ ฉันรวบรวมความกล้าและสติ บอกตัวเองว่าขอให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวพอOne night stand แม้มันจะไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากหากฉันจะทำ ฉันนั่งซึมกะทือเป็นซอมบี้ไร้ชีวิต ทั้งๆ ที่ตรงหน้ามีของโปรดของฉันวางอยู่แท้ๆ ท่าทางของฉันพลอยทำให้ยัยดาสงสัยไปด้วยเพราะไม่อยากอยู่บ้าน ฉันจึงโทรนัดกรดาให้ออกมาหาอะไรกินกัน แต่แทนที่จะกินฉันกลับนั่งจ้องบิงชูแสนอร่อยจนมันละลายไปต่อหน้าต่อตา “สร…แกเมาค้างอยู่เปล่าอ่ะ”“เปล่า” ฉันก้มหน้าก้มตาตอบ“นี่การเมาหัวทิ่มครั้งแ
“เดี๋ยวๆ ทำไมแกรู้ว่าต้องกินยาคุมฉุกเฉินด้วย” อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงร้านขายยา แต่ฉันกลับรั้งกรดามาถาม“หืม…ข้อมูลพวกนี้ในเฟส ในกูเกิ้ลก็มีย่ะ ฉันก็ส่องหาสาระใส่ตัวเองบ้างสิ”“เออๆ”“รีบไปๆ” กรดาตัดบท ก่อนจะผลักประตูเข้าร้านขายยาไป จากนั้นก็สั่งยาคุมฉุกเฉินพร้อมน้ำมาหนึ่งขวด พอออกจากร้านขายยามาได้ ก็จัดแจงให้ฉันกินยาทันที พร้อมกับกำชับว่าห้ามลืมกินอีกเม็ดเด็ดขาด จากนั้นเราก็ขึ้นไปนั่งคุยกันที่ดาดฟ้าของอเวนิว ที่ถูกออกแบบเป็นโซนนั่งเล่นแบบสามร้อยหกสิบองศา ลมเย็นๆ ที่พัดโกรกไปมา ช่วยให้อากาศรอบๆ ตัวเย็นขึ้นมาได้มาก แต่ใจฉันมันกลับยังคงร้อนรุ่มด้วยเรื่องเมื่อคืน “แล้วนี่แกเอาไงกับแมน ยังจะบอกเลิกอยู่ไหม” “ยังก่อน ฉันกะจะควงแมนอีกสักระยะ เพื่อให้ฉันกับพี่ตรัยห่างกันมากกว่านี้หน่อย รอจังหวะดีๆ อาจหลังสอบค่อยบอกเลิก” นั่นเพราะสิ่งสำคัญสำหรับฉันอีกหนึ่งอย่างคือการสอบเทอมสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งใกล้เข้ามาทุกที “แกนี่มันร้าย จะหลอกใช้แมนเป็นไม้กันพี่ตรัยว่างั้น”“อื้อ…ไว้ค่อยขอโทษทีหลัง” ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกใช้วศินหรอกนะ แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ “เฮ้อ...ถ้าพี่แกหรือแฟนพี่ตรัยรู้เรื่องนี้เ
“จะสามปีแล้ว” ผมเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่ควงลูกพี่ลูกน้องมาให้นิกมันเห็นนั่นแหละ ไอ้นี่ก็ชอบจับผิดเรื่องแฟนกำมะลอของผมจัง วันดีคืนดีก็อยากเจอซะงั้น มันแทงกั๊กไม่ให้ผมชอบน้องสาว แต่กลับยอมให้สรไปคบกับวศิน มันน่าถีบจริงๆ “คนนี้จริงจังหวังแต่งงานเลยเปล่า”“ยังไม่รู้ว่ะ” “ยังไง ยังไม่รู้”“ยังไม่รู้ก็คือยังไม่รู้ เอ็งมีอะไร” ผมถามห้วนๆ ชักจะเริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์ “ข้าก็แค่ถามเฉยๆ ทำไมต้องมีน้ำโห”“ข้าก็ตอบเฉยๆ ของข้านี่แหละ”“เออๆ จบๆ เดี๋ยวได้ต่อยกันปากแตก ข้าเองก็กลุ้มๆ เรื่องน้องข้าอยู่ด้วย” คำพูดของเพื่อนที่ดังขึ้น ทำเอาผมลืมตัว รีบถามทันที “สรเป็นอะไร”“ไม่รู้ เห็นพักนี้เงียบๆ ซึมๆ แปลกๆ ถามว่าทะเลาะกับแฟนไหม ก็ตอบว่าไม่ สงสัยเครียดเพราะใกล้สอบเทอมสุดท้ายแล้วมั้ง”“เออ…แป๊บๆ น้องเอ็งก็จะเรียนจบแล้วนี่” ผมเออออตามไปด้วย แต่มั่นใจว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อัปสรผิดปกติ คือตัวผม“อืมม์...ทำงานๆ เดี๋ยวมีออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่มา เอ็งจัดการเคลียร์โกดังให้ข้าที จะได้มีที่เก็บ”“โอเค” คุยเรื่องส่วนตัวกันได้ไม่เท่าไหร่ ไอ้นิกก็หวนกลับมาคุยเรื่องงาน ซึ่งผมเองก็ต้องวางเรื่องของอัปสรไว้ชั่วคราว จัดก
“สงสัยจะทะเลาะกับแฟนมามั้งคะ คนไม่มีแฟนแบบพี่นิกไม่มีทางเข้าใจหรอก” ฉันแอบแขวะพี่ชายไปหนึ่งยก อันที่จริงอยากบอกเหลือเกินว่ามีสาวแอบชอบ แต่ไม่เอาดีกว่า ให้รู้กันเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชาตินี้พี่ชายฉันจะได้รู้ไหม เพราะกรดาเองก็ปากแข็ง ไม่สารภาพรักง่ายๆ แน่นอน “ก็ไม่เห็นเป็นไร พี่อยากรวยมากกว่าอยากมีแฟน”“เหอะ...พูดแบบนี้ระวังเถอะ ระวังจะเสียใจทีหลัง”“แล้วเรากับแมนเป็นไง ถึงขั้นไหนกันแล้ว มีอะไรกันยัง” ขณะถามพี่ชายฉันก็ละสายตาจากโทรศัพท์มาจ้องฉันตาเขียวปัด นี่ฉันมีพี่หรือมีพ่อกันเนี่ย...ดุ๊ดุ “ยัง…จับมือยังไม่เคย”“ดีแล้ว พี่ไว้ใจเรานะสร อย่าทำอะไรให้พี่เสียความรู้สึก...โอเค”“สรรู้แล้วค่ะ” ฉันแอบกลืนน้ำลายลงคอ กับวศินฉันไม่เคยแม้แต่จะจับมือ แต่กับตรัยฉันข้ามขั้นไปกว่านั้นมาก นี่ถ้าพี่รู้ มีหวัง...อ๋อย ไม่อยากจะคิดสภาพ คงตายอย่างอนาถแน่นอน “เสาร์อาทิตย์นี้สรขอไปนอนอ่านหนังสือที่บ้านดาได้ไหมคะ และขออยู่จนกว่าจะสอบเทอมสุดท้ายเสร็จได้ไหม”“ได้สิ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันรีบขอบคุณทันที เพราะกลัวพี่ชายจะเปลี่ยนใจ ขืนวันหยุดนี้อยู่บ้าน มีหวังได้เจอหน้าตรัยแน่นอน ฉันต้องชิ่งหลบก่อน แล้วค่อยกลับมาเคลียร์