“พะ…พี่ตรัยขา อ่าห์…” เอ่ยเรียกชื่อเขาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงของฉันก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงครางอีก เพราะตอนนี้เขาจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าท้อง ปลายลิ้นของเขาที่หยอกเย้ากับสะดือทำเอาฉันขนลุก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าเขาจูบต่ำลงไปจนถึงจุดที่ฉันหวงมากที่สุด“สรสวยเหลือเกิน” เขาเอ่ยชมฉัน เป็นคำชมที่ยิ่งทำให้ฉันเขินอาย จนต้องเกร็งขาเข้าหากัน แต่ทว่ากลับทำไม่ได้ เพราะมีเขาขวางอยู่ตรงกลางเพียงแค่เขาไล้ปลายนิ้วลงไปบนกลีบสาว ฉันถึงกับกลั้นหายใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเขาเปลี่ยนจากใช้มือมาเป็นริมฝีปาก ฉันบิดเร้าไปมาอย่างวาบหวาม ความทรมานที่มาพร้อมความสุขที่ฉันไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน และตรัยก็กำลังมอบประสบการณ์ครั้งแรกให้กับฉัน“อ่า…” ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้เลย นอกจากส่งเสียงครางออกมาเพื่อปลดปล่อยความเสียวซ่านที่กำลังเกิดขึ้นตรัยละเลียดชิมฉันอย่างช้าๆ ทุกสัมผัสจากเขามันตราตรึงอยู่ในร่างกายของฉัน แต่ยิ่งเขาช้าฉันก็ยิ่งทรมานและฉันก็ได้ประสบการณ์แปลกๆ เป็นครั้งแรก มันมีความสุขเหมือนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า“พี่จะกินสรจริงๆ แล้วนะ” คำพูดของเขาทำให้ฉันยิ่งตื่นเต้นจนใจเต้นแรงมาก หายใจหอบเหนื่อยราวกับวิ่งล
“สร...” เขาเหมือนมีอะไรจะพูด แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ตรัยลังเลว่าจะรับหรือไม่รับ กระทั่งตัดสินใจรับสาย“ว่าไงนิก” ชื่อที่ได้ยิน ทำเอาฉันเย็นไปทั้งตัว ฉันทำให้พี่ชายต้องผิดหวังเสียแล้วสิ มิหนำซ้ำยังทำร้ายจิตใจของผู้หญิงอีกคนด้วย เฮ้อ…ถึงแม้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้เห็น แต่ข้างในใจฉันมันก็กำลังร้องไห้อยู่ ฉันขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ กระทั่งได้ยินเสียงของตรัยดังขึ้น“สร…เป็นอะไรหรือเปล่า”“สรไม่เป็นไรค่ะ พี่ตรัยกลับไปก่อนเถอะ” ฉันตะโกนบอกเขา เราต่างเงียบด้วยกันทั้งคู่ กระทั่งฉันได้ยินเสียงประตูปิดลง จึงเดาเอาว่าตรัยกลับออกไปแล้วแน่ๆ ฉันรวบรวมความกล้าและสติ บอกตัวเองว่าขอให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวพอOne night stand แม้มันจะไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากหากฉันจะทำ ฉันนั่งซึมกะทือเป็นซอมบี้ไร้ชีวิต ทั้งๆ ที่ตรงหน้ามีของโปรดของฉันวางอยู่แท้ๆ ท่าทางของฉันพลอยทำให้ยัยดาสงสัยไปด้วยเพราะไม่อยากอยู่บ้าน ฉันจึงโทรนัดกรดาให้ออกมาหาอะไรกินกัน แต่แทนที่จะกินฉันกลับนั่งจ้องบิงชูแสนอร่อยจนมันละลายไปต่อหน้าต่อตา “สร…แกเมาค้างอยู่เปล่าอ่ะ”“เปล่า” ฉันก้มหน้าก้มตาตอบ“นี่การเมาหัวทิ่มครั้งแ
“เดี๋ยวๆ ทำไมแกรู้ว่าต้องกินยาคุมฉุกเฉินด้วย” อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงร้านขายยา แต่ฉันกลับรั้งกรดามาถาม“หืม…ข้อมูลพวกนี้ในเฟส ในกูเกิ้ลก็มีย่ะ ฉันก็ส่องหาสาระใส่ตัวเองบ้างสิ”“เออๆ”“รีบไปๆ” กรดาตัดบท ก่อนจะผลักประตูเข้าร้านขายยาไป จากนั้นก็สั่งยาคุมฉุกเฉินพร้อมน้ำมาหนึ่งขวด พอออกจากร้านขายยามาได้ ก็จัดแจงให้ฉันกินยาทันที พร้อมกับกำชับว่าห้ามลืมกินอีกเม็ดเด็ดขาด จากนั้นเราก็ขึ้นไปนั่งคุยกันที่ดาดฟ้าของอเวนิว ที่ถูกออกแบบเป็นโซนนั่งเล่นแบบสามร้อยหกสิบองศา ลมเย็นๆ ที่พัดโกรกไปมา ช่วยให้อากาศรอบๆ ตัวเย็นขึ้นมาได้มาก แต่ใจฉันมันกลับยังคงร้อนรุ่มด้วยเรื่องเมื่อคืน “แล้วนี่แกเอาไงกับแมน ยังจะบอกเลิกอยู่ไหม” “ยังก่อน ฉันกะจะควงแมนอีกสักระยะ เพื่อให้ฉันกับพี่ตรัยห่างกันมากกว่านี้หน่อย รอจังหวะดีๆ อาจหลังสอบค่อยบอกเลิก” นั่นเพราะสิ่งสำคัญสำหรับฉันอีกหนึ่งอย่างคือการสอบเทอมสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งใกล้เข้ามาทุกที “แกนี่มันร้าย จะหลอกใช้แมนเป็นไม้กันพี่ตรัยว่างั้น”“อื้อ…ไว้ค่อยขอโทษทีหลัง” ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกใช้วศินหรอกนะ แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ “เฮ้อ...ถ้าพี่แกหรือแฟนพี่ตรัยรู้เรื่องนี้เ
“จะสามปีแล้ว” ผมเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่ควงลูกพี่ลูกน้องมาให้นิกมันเห็นนั่นแหละ ไอ้นี่ก็ชอบจับผิดเรื่องแฟนกำมะลอของผมจัง วันดีคืนดีก็อยากเจอซะงั้น มันแทงกั๊กไม่ให้ผมชอบน้องสาว แต่กลับยอมให้สรไปคบกับวศิน มันน่าถีบจริงๆ “คนนี้จริงจังหวังแต่งงานเลยเปล่า”“ยังไม่รู้ว่ะ” “ยังไง ยังไม่รู้”“ยังไม่รู้ก็คือยังไม่รู้ เอ็งมีอะไร” ผมถามห้วนๆ ชักจะเริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์ “ข้าก็แค่ถามเฉยๆ ทำไมต้องมีน้ำโห”“ข้าก็ตอบเฉยๆ ของข้านี่แหละ”“เออๆ จบๆ เดี๋ยวได้ต่อยกันปากแตก ข้าเองก็กลุ้มๆ เรื่องน้องข้าอยู่ด้วย” คำพูดของเพื่อนที่ดังขึ้น ทำเอาผมลืมตัว รีบถามทันที “สรเป็นอะไร”“ไม่รู้ เห็นพักนี้เงียบๆ ซึมๆ แปลกๆ ถามว่าทะเลาะกับแฟนไหม ก็ตอบว่าไม่ สงสัยเครียดเพราะใกล้สอบเทอมสุดท้ายแล้วมั้ง”“เออ…แป๊บๆ น้องเอ็งก็จะเรียนจบแล้วนี่” ผมเออออตามไปด้วย แต่มั่นใจว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อัปสรผิดปกติ คือตัวผม“อืมม์...ทำงานๆ เดี๋ยวมีออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่มา เอ็งจัดการเคลียร์โกดังให้ข้าที จะได้มีที่เก็บ”“โอเค” คุยเรื่องส่วนตัวกันได้ไม่เท่าไหร่ ไอ้นิกก็หวนกลับมาคุยเรื่องงาน ซึ่งผมเองก็ต้องวางเรื่องของอัปสรไว้ชั่วคราว จัดก
“สงสัยจะทะเลาะกับแฟนมามั้งคะ คนไม่มีแฟนแบบพี่นิกไม่มีทางเข้าใจหรอก” ฉันแอบแขวะพี่ชายไปหนึ่งยก อันที่จริงอยากบอกเหลือเกินว่ามีสาวแอบชอบ แต่ไม่เอาดีกว่า ให้รู้กันเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชาตินี้พี่ชายฉันจะได้รู้ไหม เพราะกรดาเองก็ปากแข็ง ไม่สารภาพรักง่ายๆ แน่นอน “ก็ไม่เห็นเป็นไร พี่อยากรวยมากกว่าอยากมีแฟน”“เหอะ...พูดแบบนี้ระวังเถอะ ระวังจะเสียใจทีหลัง”“แล้วเรากับแมนเป็นไง ถึงขั้นไหนกันแล้ว มีอะไรกันยัง” ขณะถามพี่ชายฉันก็ละสายตาจากโทรศัพท์มาจ้องฉันตาเขียวปัด นี่ฉันมีพี่หรือมีพ่อกันเนี่ย...ดุ๊ดุ “ยัง…จับมือยังไม่เคย”“ดีแล้ว พี่ไว้ใจเรานะสร อย่าทำอะไรให้พี่เสียความรู้สึก...โอเค”“สรรู้แล้วค่ะ” ฉันแอบกลืนน้ำลายลงคอ กับวศินฉันไม่เคยแม้แต่จะจับมือ แต่กับตรัยฉันข้ามขั้นไปกว่านั้นมาก นี่ถ้าพี่รู้ มีหวัง...อ๋อย ไม่อยากจะคิดสภาพ คงตายอย่างอนาถแน่นอน “เสาร์อาทิตย์นี้สรขอไปนอนอ่านหนังสือที่บ้านดาได้ไหมคะ และขออยู่จนกว่าจะสอบเทอมสุดท้ายเสร็จได้ไหม”“ได้สิ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันรีบขอบคุณทันที เพราะกลัวพี่ชายจะเปลี่ยนใจ ขืนวันหยุดนี้อยู่บ้าน มีหวังได้เจอหน้าตรัยแน่นอน ฉันต้องชิ่งหลบก่อน แล้วค่อยกลับมาเคลียร์
ผมไม่เคยมาบ้านไอ้นิกแล้วรู้สึกตื่นเต้นเหมือนวันนี้มาก่อน เกือบหนึ่งอาทิตย์เข้าไปแล้วที่ผมไม่ได้คุยกับเธอ พยายามติดต่อหาเท่าไหร่ก็ติดต่ออัปสรไม่ได้ อยากจะบุกมาหาเธอที่บ้านวันละหลายๆ ครั้ง แต่ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าทำอย่างที่ใจคิด มหาพายุอาจเกิดขึ้นเพราะไอ้นิกนี่แหละผมจึงต้องใจเย็นเป็นแม่น้ำเข้าไว้ รอจังหวะดีๆ ใช้เวลาวันหยุดแวะมาหานิกที่บ้านเหมือนที่ได้ทำ โดยมั่นใจว่าอัปสรเองก็อยู่บ้านเช่นเดียวกันแน่ แต่วันนี้ผมไม่ได้มามือเปล่า ผมซื้อเหล้า โซดาและกับแกล้มมาด้วย หวังมอมเหล้านิกเต็มที่ หลังจากนั้นผมก็จะได้คุยกับเธออย่างสะดวก “อยากกินเหล้าหรือไงเอ็ง ถึงได้ซื้อเข้ามาด้วย”“เออ…นึกอยากชวนแกเมา พักนี้เครียดเรื่องงาน หาเรื่องผ่อนคลายหน่อย แล้วนี่น้องเอ็งไม่อยู่บ้านเหรอ” นี่คือคำถามที่ผมถามเป็นประจำ แต่วันนี้ผมกลับใจเต้นแรงเมื่อรอคำตอบ เพราะตั้งแต่มาถึง ผมยังไม่เห็นเธอเลย “ไม่อยู่ ไปนอนบ้านดา”“ไปนอนบ้านดา” “อื้อ…เห็นว่าอาทิตย์หน้ามีสอบ เลยไปนอนติวหนังสือกัน” คำตอบที่ได้ยิน ทำเอาผมห่อเหี่ยว อัปสรจงใจหลบหน้าผมล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่งั้นเธอไม่ทำแบบนี้แน่ “อ้อ...”“เอ็งถามหาน้องข้า มีอะไร”“ก็แค่ถามเฉย
“แมน ทำอะไร ปล่อย” เสียงของฉันดังห้วนขึ้น สีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนกรดาที่จะเข้ามาช่วยกลับถูกเพื่อนของวศินขวางเอาไว้ “ทำไม เราเป็นแฟนกันนะสร จะกอด จะจูบหรือจะมีอะไรกันก็ได้ไม่ใช่เหรอ”“แต่เราไม่ชอบ”“ไม่ชอบแล้วสรจะมาคบกับเราทำไม คนเป็นแฟนกันก็ต้องมีอะไรๆ กันได้สิ” คำพูดเห็นแก่ตัวของวศิน ทำเอาฉันเดือดปุดๆ “เห็นแก่ตัว ปล่อย!”“แมน ปล่อยสร มากอดอะไรเพื่อนดาตรงนี้ น่าเกลียด” ในเมื่อมาถึงตัวไม่ได้ กรดาก็พูดขึ้นอีกคน สีหน้าของเพื่อนฉันตอนนี้บ่งบอกว่าโกรธมากเช่นกัน “ถ้าน่าเกลียดก็ไปบ้านเราไหมล่ะ ส่วนดาก็ให้ไอ้ต่อไปส่ง เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ดึกๆ แบบนี้หาอะไรสนุกๆ ทำกันดีกว่า” วศินพูดได้หน้าตาเฉย ส่วนฉันยิ่งรังเกียจเขามากขึ้นไปอีก “ไม่!”“อะไรวะ นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ จะหวงตัวไปถึงไหน รู้หรอกว่าก็อยาก” ประโยคที่ได้ยิน มันเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่วศินทำมันขาดเองกับมือ ฉันรวบรวมแรงแล้วฮึดสู้ จนสามารถเป็นอิสระ และค่าตอบแทนของเขาที่พูดแบบนั้นกับฉัน คือสิ่งนี้…เพี้ยะ!“ถ้าเมาจนคุมสติตัวเองไม่ได้ เราก็จะไม่ถือโทษ แต่ถ้านี่มันคือสันดานเห็นแก่ตัวของแมน เราก็เลิกกัน”
“งั้นไปเจอกันที่บ้านนะแก ตอนนี้ฉันง๊วงง่วง ขอกลับก่อนแล้วกันเนอะ”“ยัยดา นี่จะทิ้งฉันไว้เลยเหรอ” ฉันหันมามองกรดา ที่ทำหน้าทะเล้นใส่จนน่าตี“ไม่ได้ทิ้ง แค่ให้แกไปกับพี่ตรัย ส่วนฉันก็กลับก่อนไง ไปล่ะ” เอ่ยจบกรดาก็กลับเข้าไปในรถ สตาร์ทเสร็จก็ขับออกไปทันที ปล่อยให้ฉันยืนมองตามตาปริบๆ กระเป๋าก็ยังอยู่ในรถ ตอนนี้ในมือมีแค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียว ไม่มีเงินสักบาทด้วย “พี่ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”“แต่สรว่า…” ฉันอึกๆ อักๆ นั่นเพราะยังลังเลที่จะคุยอะไรๆ กับตรัยในตอนนี้ ต่อให้คุยกัน อะไรๆ มันก็คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนักหรอก สู้ยังคงหลบหน้าแล้วปล่อยให้มันผ่านไปจะดีกว่า “ถ้าสรอยากรู้ว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น เราต้องคุยกัน”“โอเคค่ะ” ไหนๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว คุยกันไปเลยก็ดี จะได้เข้าใจและจะได้จบ ตรัยพาฉันไปที่รถ จากนั้นเขาก็ขับออกไปจากปั๊มน้ำมัน“พี่ตรัยจะพาสรไปไหนคะ”“บ้านพี่”“สรไม่ไปบ้านพี่” ฉันรีบค้าน นั่นทำให้เขาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ “ทำไม กลัวพี่ปล้ำเหรอ”“กลัวสิ”“ครั้งแรกมันน่ากลัวกว่ากันตั้งเยอะ” คำพูดของตรัย ทำให้ฉันหน้าแดงก่ำ ตัวร้อนๆ หนาวๆ ยังกับคนเป็นไข้ แต่ภายในร่างกายกลับวูบๆ วาบๆ