บทที่ 2 ครั้งแรกไม่เสียวเสมอไป NC
คำถามตรงไปตรงมาทำเอาความต้นตาลนิ่งงันไปชั่วอึดใจหนึ่ง ทว่าชรัณกลับหัวเราะขบขันราวกับว่าเป็นเรื่องตลก เขากำลังทำเธอเสียความมั่นใจ
“พี่ชัชหัวเราะตาลเหรอ”
“อยู่กันสองคนจะให้ฉันหัวเราะใครล่ะ” ปลายนิ้วชี้เขาแตะลงปลายคางเธอเบาๆ เชยใบหน้าแดงเรื่อขึ้นสบตากัน “ว่ายังไง”
ต่อให้เมามากแค่ไหนก็ได้ยินประโยคที่เขาก่อนหน้านี้ชัดเจน รูม่านตาเธอเบิกกว้างเมื่อชรัณเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้กันชนิดที่ว่าสัมผัสลมหายใจกันได้เลยทีเดียว ปลายจมูกเชิดรั้นแตะสัมผัสกับปลายจมูกโด่งคมพอเฉียด ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะผละใบหน้าออกไป
“หัวใจเธอ เต้นแรงไปนะ”
“...”! หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะจนคนตรงหน้าได้ยินมัน “ตาลแค่ตื่นเต้น”
“แต่เธอยังไม่ให้คำตอบฉันเลยนะสาวน้อย” เสียงกระเส่าลอดผ่านริมฝีปากหยัก ขณะที่ดวงตาคมยังวางไว้ที่ดวงหน้าของผู้หญิงตรงหน้า เฝ้ารอคำตอบจากปากเธอ
“ตะ ตาลไม่เคย”
“ว่ายังไงนะ” ชรัณเอียงใบหน้ามองเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีอะไรโต้แย้ง แววตาที่เคยมองเขาอย่างอยากเอาชนะเมื่อหลายนาทีก่อนกลับฉายแววใสซื่อ “เธอยังไม่เคยมีอะไรกับใครเหรอ”
“...” ต้นตาลส่ายหน้าเล็กน้อย ความใสซื่อของเธอทเอาเขาหมดอารมณ์จะเล่นด้วย ชรัณหยัดกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้มมองหญิงสาว “ทำไมเหรอคะ”
“ฉันไม่ชอบคนอ่อนประสบการณ์”
“แล้ว...” เธอลูบไล้ฝ่ามือกับขาเขาก่อนจะลุกขึ้นมา แล้วยกแขนขึ้นไปคล้องคอเขารั้งใบหน้าลงมาใกล้ๆ “ตาลยังไม่เคยก็จริง แต่ตาลอยากให้พี่ชัชเป็นคนสอนนี่นา”
“หึหึ” เขาหัวเราะอีกแล้ว “อยากให้ฉันเป็นครูคนแรกงั้นเหรอ” ทว่าแววตาหลังจากพูดจบประโยคเมื่อครู่กลับดุดันจนเธอรีบหลุบตามองต่ำ
“ทำไม...” ต้นตาลเงยหน้ามองเขาผ่านความกลัว
“ครั้งแรกของเธอ เธอคิดดีแล้วเหรอที่ให้ฉัน”
“...”
“และครั้งแรก มันไม่ได้เสียวเสมอไปนะสาวน้อย”
อย่าว่าแต่เสียวเลย ความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไรเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ อีกอย่าง...เธอไม่เคยผ่านมือชายคนไหนมาก่อน แฟนก็ยังไม่เคยมี เรื่องรักกุ๊กกิ๊กอะไรพวกนั้นก็ไม่เคยได้สัมผัสด้วย
“เธอไม่เคยจริงเหรอ” ชรัณถามย้ำอีกครั้ง พออีกฝ่ายเงียบแล้วค่อยๆ พยักหน้าให้เป็นคำตอบ เขาก็แทบกุมขมับตัวเอง ทีแรกนึกว่าเธออยากเอาใจบอกว่าไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายคนไหนมาก่อน เพราะอยากอัปค่าตัว แต่แววตาใสซื่อคู่นั้นบวกกับความเงอะงะของเธอก็ชัดเจนแล้วว่าที่พูดมาไม่ได้โกหก แต่เธอไม่เคยทำเรื่องพวกนั้นจริงๆ
“แล้ว...” สองสายตาสบกันนาน ใบหน้าต้นตาลร้อนเห่อก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วจูบปลายจมูกชรัณ “ตาลต้องทำยังไงบ้างคะ”
“หึ!” ชรัณแค่นหัวเราะให้กับความใจกล้าของหญิงสาว เธอเหมือนลูกแมวตัวน้อย ร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัวแต่ก็อยากคลานเข้าหาสิ่งอันตรายด้วยความอยากรู้อยากลอง “อ่อนประสบการณ์แบบนี้…ฉันว่าไม่คุ้มนะ ที่ฉันต้องเหนื่อยสอนเธอ”
“ฮื้อ…” ริมฝีปากจิ้มลิ้มแตะลงบนริมฝีปากหนา ปิดผนึกไว้ในตอนที่ชรัณจะพูดอีก รสจูบเงอะงะสร้างความหงุดหงิดใจให้เขาเล็กน้อย แต่ชรัณไม่ปล่อยให้เธอเล่นอยู่นานก็จูบตอบ รสจูบร้อนแรงทำเอาต้นตาลแบ่งรับแบ่งสู้ จังหวะจะถอดจูบและผละใบหน้าออกห่างกลับถูกฝ่ามือหนากดตรงกลางแผ่นหลังและดันตัวเธอเข้าหา
“ถ้ายังทำต่อ ฉันหยุดไม่ไหวแล้วนะ” น้ำเสียงแหบกระเส่าดังขึ้นข้างใบหู เขาอ้าปากงับติ่งหูเธอเบาๆ พร้อมส่งสายตาเร่าร้อนมา ร่างกายเธอตอบรับสัมผัสเขาอย่างไม่ปิดบัง รู้สึกมวนท้องน้อยเพราะสิ่งที่สายตาเธอกำลังโฟกัสมันดันกางเกงเขานูนใหญ่จนยากจะละสายตาไปมองอย่างอื่น “อยากลองจับดูไหม ทำความรู้จักมันก่อนที่มันจะเข้าไปในตัวเธอหน่อยไหม” คำถามนี้ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นคร่อมจังหวะ ต้นตาลละสายตาจากมันแล้วมองหน้าชรัณ
“มันจะใจดีกับหนูใช่ไหมคะ"
“หึหึ ต้องลองทำความรู้จักมันก่อนสิ”
“แล้วต้องทำแบบไหน…มันถึงจะใจดีกับหนู”
“ลองใช้ปากเธอดู” ชรัณใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยริมฝีปากจิ้มลิ้มคนตรงหน้า แล้วลอดมันเข้าไปในปากเธอ ต้นตาลหลุบตามองแล้วดูดนิ้วเขาจนเกิดเสียงดัง ‘จ๊วบ!’
“ค่ะ”
ในใจต้นตาลแบ่งรับแบ่งสู้ ทุกอย่างที่เธอกระทำลงไปส่วนหนึ่งมาจากการอยากรู้อยากลอง และส่วนหนึ่งมาจากความมึนเมาจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ทว่าการกระทำทั้งหมดนับว่าเป็นครั้งแรกของเธอ สัมผัสวาบหวามและความรู้สึกที่ได้รับจากชรัณทำให้ความกระสันในกายพลุกพล่าน เลือดลมสูบฉีดจนแก้มสองข้างแดงปลั่ง หากแต่ไม่ใช่ความเขินอายอย่างชายหนุ่มเข้าใจ
“อื้อ~ ใช้ปากกับตรงนั้นเหรอคะ” หญิงสาวช้อนตามองใบหน้าคมคาย ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันด้วยความประหม่า “แล้วตาลต้องทำยังไง ตาลไม่เคย...” เสียงหัวเข็มขัดแบรนด์เนมกระทบกันดังขึ้น ตามด้วยเสียงรูดซิปลง
ชรัณดุนกระพุ้งแก้มและมองนัยน์ตาดำขลับของคนตรงหน้า
“ทำแบบที่เธออยากทำ เอามันเข้าไปในปากแต่....มันค่อนข้างเปราะบาง ถ้าเป็นไปได้อย่าให้ฟันเธอทำมันเจ็บ เพราะมันต้องใช้งานทั้งคืน”
“...”! สีหน้าเธอบอกถึงความกังวลใจและประหม่าไม่น้อย แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะถอยคงไม่ได้ และเธอไม่อยากเป็นเด็กอ่อนหัดให้เขาเหน็บแนมอีก
'ประสบการณ์หาได้ด้วยตัวเองยายตาล'
หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่มีทางทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาเธอหยุดหายใจไปชั่วขณะ ต้นตาลผ่อนลมหายใจและดึงสติกลับมา จากนั้นจึงลูบคลำสิ่งนูนใหญ่เร้าสายตาตรงหน้าเบาๆ สัมผัสจากฝ่ามือเรียวนุ่มนวลจนชรัณหลุดเสียงคราง
“แบบนั้น” คำชมจากเขาพานทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว เขากำลังไล่ต้อนเธอด้วยไฟราคะที่ไม่อาจหยุดยั้งมันได้ ยิ่งถลำลึกก็ยากจะถอนตัว สัมผัสที่เธอมอบให้เขาช่วยกระตุ้นความปรารถนาในหายชรัณให้พลุกพล่าน เขาปัดมือเรียวบางออกแล้วจับกดต้นตาลลงกับเตียงนอน “ฉันปล่อยให้เธอเล่นพอแล้ว”
“อะ อะไรเหรอคะ” ม่านตาเธอหดและเบิกกว้างในเวลาไม่กี่นาที ชรัณเริ่มจัดการกับตัวเองจนร่างกายเปลือยเปล่า เขาหยิบคอนดอมไซซ์ห้าสิบเก้าในกางเกงออกมาฉีกแล้วสวมใส่กับแก่นกายแข็งชันพร้อมใช้งาน สายตาเขาดั่งมีเปลวไฟลุกอยู่ในนั้น มองเธอด้วยไฟปรารถนาอย่างโจ่งแจ้ง
“นอนลง”
“คะ?” คล้ายว่าแอลกอฮอล์เริ่มระเหยออกจากร่างกายไปพร้อมกับเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดออกจากใบหน้า ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะเธอก่อนที่เขาจะส่งแรงดันให้นอนราบกับฟูกนุ่มๆ ต้นตาลเริ่มหอบหายใจ อารามความกลัวยังฉายชัดในแววตาเธอ “มันจะเข้าไปในตัวหนูเหรอคะ"
“เธอไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้นหรอกสาวน้อย มาขนาดนี้แล้วก็ต้องรู้สิว่ามันควรอยู่ตรงไหนบนร่างกายตัวเอง”
“…”! ต้นตาลกลืนน้ำลาย เขาจับเรียวขาเธออ้าออกกว้างก่อนจะแทรกตัวเข้ามากลางหว่างขา “อ๊ะ ทะ ทำอะไรเหรอคะ” เธอเอ่ยปากถามเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรแข็งขันแตะลงบนติ่งเกสร ชรัณไม่ได้ตอบกลับในทันที เพียงเงยหน้าสบตากับหญิงสาว รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคมสัน
“ฉันไม่ทำคนไม่มีอารมณ์ร่วมหรอก”
หมายความว่าเขาจะเล้าโลมเธอให้มีอารมณ์ร่วมงั้นเหรอ
ต้นตาลกลืนน้ำลายอีกอึก แล้วหลับตาพริ้มให้เขาได้เสพสมเรือนร่างเธอจนพอใจ จากที่มีความกลัวเมื่อถูกเขาเล้าโลมเข้าหน่อยร่างกายกลับโอนอ่อนตามสัมผัสหวามไหวนั้นเสียได้ เธอไม่อาจรู้เลยว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ รู้เพียงว่าตัวเองอยู่ใต้ร่างผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้ากัน และกำลังทำเรื่องที่เธอไม่เคยทำมาก่อนกับเขา
“อ๊ะ…อ๊า~” เสียงครางเล็ดลอดออกจากริมฝีปากซึ่งขบกันแน่นจนซีด ความคับแน่นเล่นงานและรู้สึกว่าตรงนั้นเหมือนจะปริแตก ทั้งแสบและแน่น “พะ พี่ชัชคะ ตาลเจ็บ” หญิงสาวยกมือขึ้นมาผลักท้องแกร่งเบาๆ เพื่อให้ชรัณถอดสิ่งที่เขาดันเข้ามาในกายเธอออกไปก่อน หากแต่คำเว้าวอนเธอไม่เป็นผล ชรัณเมินหน้าหนีพร้อมกับเม้มปากแน่น
“ใครบอกว่าครั้งแรกมันเสียว”
“…”! นั่นสิ เธอไปฟังจากปากใครมากันนะ ว่าครั้งแรกต้องเสียวและมีความสุข กลับกันมันทั้งเจ็บและแสบ ทั้งยังหน่วงตรงท้องน้อยในตอนที่ชรัณสอดใส่แก่นกายเข้ามาอีก ตอนนี้เธออึดอัดมากกว่า “ตะ ตาลขอทำใจก่อนได้ไหมคะ” คำขอเธอดูตลกสำหรับชรัณจนเขาก้มหน้ามองเธอ ทว่ารอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นดูมีเสน่ห์จนไม่อยากละสายตาไปจากมัน เหมือนเขากำลังต้อนเธอให้เป็นของเขาด้วยรอยยิ้มนั้น
“เข้าไปจนสุดแล้วยังจะให้ถอดอีกเหรอ”
“เอ่อ…”
“หึหึ เดี๋ยวก็เสียว”
“จริงเหรอคะ"
“จริง อาจจะเสียวรอบที่สองหรือสามสี่ก็ว่ากันไป”
“ฮะ?” เธอไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปใช่ไหม แปลว่าเขาอยากทำหลายๆ รอบกับเธองั้นเหรอ
“หึหึ”
ชรัณมองแววตาคนใต้ร่างยังคงหม่นแสงแสดงออกถึงความกลัว เขาจึงเล้าโลมเธอต่อ
“จะจูบเหรอคะ” ต้นตาลกะพริบตาพลางจดจ่อสายตากับริมฝีปากหยักซึ่งเคลื่อนมาใกล้แทบสัมผัสกับริมฝีปากเธอ
“ปกติฉันไม่จูบกับใคร”
“ทำไม รังเกียจเหรอ” ก็แหงล่ะ เพลย์บอยอย่างเขาคงไม่ทำอะไรสุ่มเสี่ยงแน่ๆ การจูบ การเล้าโลมด้วยปากก็เสี่ยงติดโรคทางเพศสัมพันธ์ “เข้าใจแล้วค่ะ” เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปเธอก็พอเข้าใจได้ว่าเขาคงไม่อยากพูดอะไรแรงๆ กระทบจิตใจเธอ
“เข้าใจ?”
“ก็เข้าใจว่าพี่ชัชอาจจะกลัวติดโรคภัยไงคะ”
“คิดเอาเองเก่งนะ”
“แล้วต้องคิดยังไงคะ มันก็คงมีคำตอบให้เลือกอยู่สองอย่าง ระหว่างรังเกียจกับกลัวติดโรค”
“ก็ทั้งสองอย่างนะ”
เหมือนเขาตบหน้าแล้วลูบหัวยังไงไม่รู้ คำตอบตรงๆ ทำเอาต้นตาลหน้าชาไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เธอไม่ควรรู้สึกกับคำพูดของเขา เพราะเธอเป็นคนเปิดประเด็นนั้นเองแท้ๆ แต่ก็น่าแปลกใจอยู่ดีที่เขาชอบเรื่องพวกนี้ แต่ไม่จูบปากกับสาวคนไหน หรือว่าแท้จริงแล้วเขาแอบแฟนมาคั่วผู้หญิงในคลับนะ
“พอยัง ปกติฉันไม่ทำแบบนี้ให้ใครนะ เพราะคนอื่นเขารู้งานมากกว่าเธอ”
“...”!
“เอาเป็นว่าจะทำเบาๆ แล้วกัน ถ้าแรงไปก็อดทนหน่อย...เพราะฉันไม่ชอบเซ็กซ์จืดชืดไร้อารมณ์” สิ้นเสียงทุ้มของชรัณเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวเอวสอบเป็นจังหวะเนิบนาบ ค่อยๆ ไล่ต้อนความเสียวซ่านปะปนกับความเจ็บจุกให้เธอได้ลิ้มลองไปเป็นสเต็ปๆ ผ่านไปหลายนาทีเขาเพิ่งสังเกตว่าคนใต้ร่างกลั้นเสียงครางไว้จนหน้าแดงเรื่อ
“อ๊ะ! จะ จุกนะคะ” ต้นตาลหลุดเสียงร้องด้วยความจุก จู่ๆ เขาก็เร่งจังหวะการกระแทกเข้ามาแรงๆ คล้ายว่าอยากแกล้งกันให้เจ็บปวด พอหันกลับมามองก็เห็นว่ามุมปากขวากดลึกเป็นรอยยิ้มร้าย
เขาจงใจแกล้งเธอทำไม....
“จะได้ชิน”
เขาพูดเหมือนการรับแรงกระแทกแรงๆ หลายต่อหลายครั้งมันเป็นเรื่องปกติ นี่เขาลืมเหรอว่ามันคือครั้งแรกของเธอ และเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ช่ำชองเรื่องพวกนี้
“อ๊ะ! อื้อ~” เสียงครางสอดประสานเสียงเฉอะแฉะดังขึ้นเป็นจังหวะ ร่างกายตอบรับสัมผัสจากเขาทว่าหัวใจกลับสวนทาง “อื้อ~ พี่ชัชตาลจุก” รู้สึกว่าแรงกระแทกที่เขาส่งมามันหนักหน่วงขึ้นตามลำดับ แกนกายลำเขื่องถอดถอนเกือบสุดลำแล้วก็กดเข้ามาในปากถ้ำจนสุดความยาวอีกครั้ง
ไหนบอกจะเสียวไง เสียวตอนไหน? เสียวกี่โมง
คิ้วสวยขมวดเป็นปม ความรู้สึกสับสนปะปนกันไปหมด ทั้งเจ็บ จุกแล้วก็แสบๆ คันๆ ตรงปากทางรักจนอยากผลักเขาออกห่าง แต่ชรัณดันรั้งเอวคอดไว้แน่น แน่นจนสะโพกเธอยกขึ้นเล็กน้อย รับกับจังหวะกระแทกเข้าเต็มๆ จนร่างกายโยกคลอน
“อ๊ะ...อ๊า~” ต้นตาลเบนหน้าไปมองโคมไฟหัวเตียง นี่เธอหลุดเสียงครางกระเส่าแบบนั้นได้ยังไง “อื้อ~ ยะ อย่าแกล้งกันสิคะ”
“อย่าเกร็ง” น้ำเสียงและแววตาเขาดุดันจนไม่กล้าสบตา แต่จังหวะนี้จะให้เธอทำอย่างไรได้ นอกจากมองเขา มองใบหน้าที่แสดงออกถึงความสุขสม และท่วงท่าสุดเร่าร้อนที่เปลี่ยนไปทุกๆ นาทีนั้น พานทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้ “ถ้าเธอเกร็งมันจะยิ่งเจ็บ”
“อ๊ะ! ถะ ถอดถุงยางทำไมเหรอคะ” ก็ไหนบอกรังเกียจกัน แล้วนั่นเขาถอดคอนดอมออกทำไมกัน “อื้อ...” สัมผัสนุ่มนวลพานพาให้ร่างกายเธอสั่นระริก มันต่างจากเมื่อครู่นิดหน่อย ความซาบซ่านกับสัมผัสใหม่ไร้เครื่องป้องกัน
“ครั้งแรกของเธอนี่ เอาสดคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม”
“...”!
“เดี๋ยวจะหลั่งนอกให้”
เขาดูมั่นใจในตัวเองมากนะ ที่บอกว่าจะหลั่งนอกได้ทันน่ะ เธอดูหนังโป๊มาหลายเรื่องไม่เห็นจะหลั่งทันสักคน
“ดะ เดี๋ยวค่ะ”
“อะไรอีกวะ ถ้ายังเรื่องมากฉันจะหยุดแล้วนะ” ต้นตาลสะดุ้งเฮือก ก่อนเสียงผ่อนลมหายใจจะดังขึ้น “ไม่ต้องพูดอะไรอีก แค่นอนอ้าขาให้ฉันก็พอ แล้วจะเพิ่มเงินให้” จบประโยคนั้นชรัณก็จับเธอนอนคว่ำ ราวกับไม่อยากมองหน้าให้เสียอารมณ์อีก เขาเริ่มบทรักหยาบโลนกับเธอแทบไม่ให้พักสักนาทีเดียว
ความวาบหวามเมื่อถูกปรนเปรอนานเข้ากลับทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านจนนึกถึงคำที่ชรัณบอกเมื่อหลายนาทีก่อนว่า 'ครั้งแรกไม่เสียวเสมอไป' ต้องครั้งที่สามและสี่ถึงจะรู้สึกเสียวอย่างนั้นสินะ
“อ๊า~” ชรัณครางเสียงดังเมื่อเสร็จสมความต้องการ เขาซบแผ่นหลังบอบบางแล้วลูบไล้ฝ่ามือกับบั้นท้ายงอนงามเธอ รอยแดงจากการถูกฝ่ามือหนาใหญ่ฟาดลงแบบไม่ยั้งยังคงแดงเรื่อเป็นรูปฝ่ามือ
“อื้อ...จะทำอีกแล้วเหรอคะ” ดวงตาฉ่ำปรือเบิกกว้างเมื่อชรัณเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง คราวนี้เขารูดรั้งแกนกายเข้าออกเป็นจังหวะนุ่มนวล ด้วยเห็นว่าตรงนั้นของเธอแดงซ่านจากการถูกเสียดสีนาน จึงจะทำเบาๆ เพื่อให้ต้นตาลได้รับความเสียวซ่านอย่างเต็มที่
“ลองทำเองไหม”
ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เขาก็โอบกอดเธอแล้วพลิกตัวลงไปนอนราบกับฟูก สอดมือรองศีรษะตัวเองนอนดูต้นตาลด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทำสิ”
“ทะ ทำยังไงนะคะ”
“ก็แค่ขยับ” เขาใช้หัวเข่าดันหลังเธอเบาๆ เป็นการบอกให้เริ่มขยับเสียที ต้นตาลเม้มปากแล้วเริ่มโยกตัวเบาๆ ตามจังหวะที่ตนถนัด เมื่อจับจังหวะได้แล้วจึงวางฝ่ามือกับหน้าท้องแกร่ง
จังหวะโยกและกระแทกตัวลงเร็วขึ้น ความเสียวซ่านก็วิ่งพล่านทั่วร่างกายมากขึ้นเหมือนกัน เสียงครางหวานเล็ดลอดริมฝีปากบางอย่างสุดจะกลั้นไว้ได้
“อ๊า...ทะ ทำไมเสียวมากขนาดนี้คะ”
“หึ” มีเพียงเสียงหัวเราะ 'หึ' ในคอเท่านั้นที่ดังขึ้น ทว่าสีหน้าที่แสดงออกถึงความเสียวซ่านสุดๆ ทำให้ต้นตาลได้ใจ เธอเร่งขยับสะโพกหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดชรัณก็ยกมือมารั้งสะโพกเธอเพื่อผ่อนแรง
“อ๊า!! เฮ้ย!”
“อ๊ะ!” ร่างเล็กถูกผลักออกจนล้มลงกับฟูก ร่างกายอ่อนปวกเปียกซ้ำยังหอบกระชั้นชิด เกร็งกระตุกอยู่หลายครั้ง “เสียวจังเลยค่ะ”
“เสียวมากหรือไง”
แล้วไฉนมาทำหน้าดุใส่กันแบบนี้ล่ะ เขาไม่เสียวงั้นเหรอ เห็นครางซะดังแบบนั้น...
“ไปอาบน้ำซะ” ชนัณขมวดคิ้วทำเสียงดุหญิงสาว ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากเตียง คว้าเอาผ้าขนหนูมาพันรอบเอวสอบแล้วเดินไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง
“อะไรของเขากันนะ” ต้นตาลเกาศีรษะ มองแผ่นหลังกำยำผ่านช่องประตูกระจก ก่อนจะลุกไปอาบน้ำตามที่เขาสั่ง “เดินขาถ่างแบบนี้พี่เปรี้ยวจับได้แน่เลยว่าเรา...”
เธอใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติ เพราะต้องถูคราบสวาทออกจากร่างกายให้หมดจด รอยรักบนร่างกายที่ชรัณฝากไว้คงอีกหลายวันจะจางลง แต่ดีที่เขาทำมันใต้ร่มผ้า และเธอก็ชอบใส่เสื้อแขนยาวเวลาออกจากห้องจึงไม่เป็นผลกับการใช้ชีวิตเท่าไร
“พี่ชัช” พอเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำกลับเห็นเพียงห้องว่างเปล่าและเงินสดวางอยู่บนเตียงนอน หญิงสาวกวาดสายตามองไปโดยรอบก็ไม่เห็นแม้เงาของชรัณ “เขากลับไปแล้วสินะ” คงทำแบบนี้ประจำ หลังเสร็จกิจแล้วก็กลับ รักสนุกแต่ไม่ผูกพันอย่างนั้นสินะ
บทที่ 3 ไม่เจอกันเลย วันต่อมา 15:00ต้นตาลเดินถ่างขากลับไปล้มตัวนอนบนเตียงในห้องพัก วันนี้เธอขอพี่เปรี้ยวเข้างานตอนสี่โมงครึ่ง ด้วยรู้สึกไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้เอาให้ได้ สาเหตุก็เพราะเมื่อคืนนั่นแหละ หลังออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอเขาเธอก็กลับห้องตัวเองทันที ทั้งที่จะนอนพักที่นั่นแล้วค่อยกลับก็ได้ แต่รู้สึกละอายใจตัวเองจึงกลับมานอนซมที่ห้องดีกว่าเมื่อคืนนับไม่ได้ว่าเขาเสร็จกิจไปกี่รอบแล้วเธอเสร็จไปกี่รอบ รู้ตัวอีกทีก็ลากสังขารตัวเองกลับมาถึงห้องแล้ว ดีหน่อยที่ได้นอนพักไปหลายชั่วโมง แต่พอตื่นขึ้นความเมื่อยล้ากลับเล่นงานซะได้ ทั้งเจ็บแสบตรงกลางกายอีก“มีเซ็กซ์ครั้งแรกอย่างกับไปรบมา คนอื่นเขาเป็นเหมือนเราไหมวะ” ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงดันตัวลุกขึ้นมานั่งห้อยขาขอบเตียงแล้วเลื่อนจอรับสาย(ตาลไม่มาทำงานเหรอ เธอกะดึกนะวันนี้)“วันนี้ขอลาป่วยกับหัวหน้าแล้วอะ ตาลไม่สบาย”(จริงเหรอ หรือว่าแกจะลาออกแล้ว)“ไม่รู้สิ”(แล้วทำงานที่นั่นวันแรกเป็นไง เงินดีจริงปะ)“ก็...” ต้นตาลหันมองกระเป๋าสะพาย แล้วเดินไปเปิดดูเงินสดในนั้น “ก็โอเคอยู่นะ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า แต่ต้องหาย
บทที่ 4 กังวล สองวันต่อมาต้นตาลนั่งกุมขมับตัวเองอยู่หลังร้านสะดวกซื้อในเวลาพักเที่ยง นี่ก็ผ่านมาจะหนึ่งเดือนแล้วประจำเดือนเธอยังไม่มีวี่แววจะมาเลย หากไม่ใช่เรื่องคืนนั้นเธอคงไม่กังวลมากขนาดนี้“เอาไงดีวะ จะตรวจเลยไหม” หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ พยายามสะกดจิตตัวเองให้คิดเรื่องดีๆ เข้าไว้ แต่สมองมันก็คิดได้แป๊บเดียวเท่านั้น แล้วพลันคิดถึงเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นขึ้นมาอีก ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิทำงานแล้วจริงๆโง่เอ๊ย! ทำไมไม่ชะล่าใจบ้างนะยายตาล เกิดเราท้องขึ้นมาจริงๆ อนาคตจบเห่แน่“ตาลๆ”“คะพี่”“มาช่วยพี่หน่อย”“ค่ะๆ ไปตอนนี้แหละค่ะ” เธอสลัดความคิดนั้นออกจากหัวชั่วคราวแล้วไปช่วยพี่ทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน วันนี้พี่เปรี้ยวโทร. มาบอกให้เธอเข้างานเร็วหน่อย เพราะวันนี้มีลูกค้าวีไอพีเข้าเยอะ ทว่าเธอกลับหวังให้ลูกค้าวีไอพีหนึ่งในนั้นเป็นเขาพอมาถึงที่ทำงานก็รีบไปเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผม หลังจากดูพี่ปรางแต่งหน้ามาหลายต่อหลายครั้งเธอก็ครูพักลักจำเอาเคล็ดลับดีๆ จากพี่เขามาแต่งหน้าตัวเองบ้าง พอแต่งได้น่ะ ไม่ถือกับเก่งอะไรมากนัก เอาเป็นว่าแต่งออกมาหน้าไม่ลอยเหมือนกระสือแล้วกันหลังจากแต่งหน้าเสร็จพี่เป
บทที่ 5 แจ๊กพอตแตกแม้จะเป็นขีดสีแดงจางๆ ทั้งสองขีด แต่มันก็ชัดเจนพอที่จะบอกว่าเธอตั้งท้อง! อาการที่เป็นอยู่ก็มาจากการแพ้ท้อง เธอท้อง ท้องกับชรัณ“ทะ ทำยังไงดีตาล ทำยังไงดี” เธอสติแตกทำอะไรไม่ถูก ฟุบนั่งลงกับฟูกนุ่มๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ทั้งหยิกทั้งตบตีตัวเองให้ตื่นจากฝัน ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง เธอไม่ได้ฝันไป “ทำไมสะเพร่าแบบนี้ยายตาล” อยากตีตัวเองให้เจ็บจะได้หลาบจำและให้ระลึกได้ว่าต้องทำยังไง แต่ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน นึกอะไรไม่ออกสักนิดแต่ตอนนี้เธอนึกออกอย่างเดียวคือต้องไปหาชรัณ ไปคุยกับเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น“เบอร์โทรติดต่อเขาก็ไม่มี ไลน์ เฟซอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วแบบนี้จะได้คุยกับเขาไหมยายตาล” แต่ความเพลียบวกกับอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ร่างกายเธอฝืนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปทั้งที่มือยังกุมแท่งตรวจครรภ์ไว้วันต่อมาต้นตาลงัวเงียตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน อาการปวดร้าวแล่นผ่านร่างกาย“อุ๊บ!” ทันทีที่ตั้งสติได้อาการพะอืดพะอมก็เล่นงาน เธอคลานเข่าเข้าไปในห้องน้ำแล้วอ้วกออกมาจนหมดแรง น้ำตาใสๆ พลันหยดอาบสองแก้ม ไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อนเลย “ทำไมมันเหมือนจะตายแบบนี้” เธอเป
บทที่ 6 ไร้ที่พึ่งพิงไม่รู้ว่าเป็นเขาจริงไหม ที่จ่ายค่าแอดมิตโรงพยาบาลให้ ราคาต่อคืนบวกกับค่ายาค่าดูแลผู้ป่วยไม่มีญาติมาเฝ้าคงหลายหมื่นแน่เลย เธอจึงไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ไปหาชรัณทันที ทว่าสัญญาณรอสายดังขึ้นจนสายถูกตัดไปเอง เธอไม่ท้อใจที่จะโทร.ไปหาอีก คราวนี้กลับติดต่อไม่ได้ แถมยังบริการฝากหมายเลขโทร.กลับอีกหรือนี่จะเป็นการรับผิดชอบของเขา จ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วก็จบ“แต่ตาลไม่ได้ไปมั่วกับผู้ชายคนไหนนี่คะ” ต้นตาลเบะปากร้องไห้ นั่งชันเข่าบนเตียง กอดเข่าแล้วฟุบหน้าลงร้องไห้ออกมาจนพยาบาลตกใจ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ”“เปล่าค่ะ ฉันแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”“อีกเดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจ นอนพักดีกว่านะคะ”“...”“แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่อีกไหมคะ หรืออาการพะอืดพะอมอยากอ้วกมีไหม”“ไม่มีค่ะ คนที่จ่ายค่ารักษาให้ เขาจะมาอีกไหมคะ” จู่ๆ คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ชรัณล่ะ? หรือว่าเป็นเขานั่นแหละที่พาเธอมารักษาโรงพยาบาลเอกชน แล้วออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด@ร้านทอง“พี่ชัชขอแปรงทาสีอันเล็กหน่อยครับ”“...”“พี่ชัช” ยังนั่งนิ่ง “พี่ชัช” ก็ยังไ
บทที่ 7 รอเก้อกลางดึกต้นตาลนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ พื้นที่กว้างไม่คุ้นเคยทำให้นอนไม่หลับ พลิกไปทางไหนก็ว่างเปล่า ไม่เหมือนเตียงในห้องเช่าที่เคยนอนเลย ขนาดเตียงก็ต่างกันมาก เคยนอนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง พลิกตัวทีหนึ่งก็หลังชนกับผนังห้องแล้ว แต่เตียงนี้พลิกไปสามตลบก็ยังไม่สุดเตียงเลย“ตอนไหนจะหลับล่ะตาล” นับแกะแล้วก็ไม่ง่วง นับเลขก็ไม่มีผลอะไร ตอนนี้เธอทำเพียงนอนหงายมองเพดานห้อง นอนขบคิดเรื่องราวต่างๆ นานาจนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง “พรุ่งนี้ต้องไปหาหมอแล้วนี่นา” เธอหยิบโทรศัพท์มาตั้งเวลาปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงตรงพอดี จากนั้นค่อยข่มตาหลับ พยายามทำให้สมองโล่งและสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย08:30หลังจากตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอก็นั่งรอชรัณมารับไปโรงพยาบาลตามที่เขานัดไว้ ใกล้จะเก้าโมงแล้วด้วย ยังไม่เห็นเงาเขาเลย มองดูโทรศัพท์ก็เงียบกริบ หากเขาติดธุระหรือกำลังเดินทางมาก็น่าจะโทร.มาบอกกันหน่อยสิ คนรอมันตื่นเต้น ไม่ใช่อะไรหรอกรอมาถึงสิบโมงเช้าเขาก็ยังไม่มาจนเธอเริ่มถอดใจไปแล้ว ต้นตาลวางกระเป๋าผ้าลายดอกไม้ใบโปรดลงบนโซฟา แล้วเดินไปสูดอากาศที่ระเบียงห้อง“รอเก้อเหร
บทที่ 8 ค้างคืน ต้นตาลเดินกลับมานั่งพักบนโซฟา เธอมองใบหน้าชรัณอยู่พักใหญ่กระทั่งเขาหันมาสบตา คนที่ไม่ทันตั้งตัวรีบหลุบตาหลบสายตาเขา“มองกันทำไม หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ”“ตาลเห็นพี่ชัชดูเพลียๆ ได้นอนบ้างไหมคะ”“นอน” ตอบคำถามแล้วก็หันไปพิมพ์อะไรในโทรศัพท์ไม่รู้ ต้นตาลจึงใช้โอกาสที่เขาสนใจโทรศัพท์เอื้อมมือไปลูบแก้ม “ทำอะไร” คนที่ไม่ชอบให้ใครสกินชีพเบี่ยงตัวหลบ“ตาลโกนหนวดให้ไหม”“ไม่ต้อง”“ตาลแค่อยากทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้าง”“...” เขาละสายตาจากจอมือถือมองเธอ “ฉันไม่ชอบให้ใครยุ่งกับหน้า”“อ๋อ”“เธอโกนหนวดเป็น?”พูดออกไปก็กระดากปากตัวเอง เดี๋ยวจะขายหน้าเอาเปล่าๆ เคยโกนหมออ้อยตัวเองนี่นับว่าโกนเป็นไหมอะ มันก็น่าจะเหมือนกันปะ“ว่ายังไง”“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ ตาลไม่มั่นใจมือตัวเอง เดี๋ยวทำหน้าพี่ชัชเสียโฉมเอา” เธอพูดกลั้วหัวเราะเพื่อไม่ให้ดูจริงจังเกินไป “คงถนัดใช้เครื่องโกนไฟฟ้ามากกว่าสินะคะ”“อืม”“แล้วไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอคะ”“...” คราวนี้ชรัณเงียบไป เขาไม่ได้สนใจคำถามเธอ แต่กำลังง่วนอยู่กับการพิมพ์ข้อความในแชตอีก ไม่รู้ว่าคนในห้องแชตนั้นเป็นใคร แต่ดูท่าจะสำคัญอยู่เหมือนกัน เขาถึงไม่ปล่อย
บทที่ 9 ของฝากเล็กๆ น้อยๆ 08:20ต้นตาลปรือตาขึ้นมองไปรอบๆ ทั้งยังงัวเงียตื่นไม่เต็มตา ไม่เห็นแสงตะวันเล็ดลอดผ่านม่านประตูเชื่อมต่อระเบียงเธอจึงฟุบหน้าลงกับอกแกร่งอีก วันนี้รู้สึกเพลียตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเลย อาจจะเพราะนอนดึกและแพ้ท้องอยู่แต่เอ๊ะ?เธอกำลังนอนอยู่บนตัวเขาเหรอ ไม่น่าใช่หรอกมั้ง ชรัณกลับไปนานแล้วเถอะ เขาไม่มานอนให้เธอกอดแนบชิดขนาดนี้หรอก เธอกอดหมอนข้างแล้วมโนว่าเป็นเขาเถอะต้นตาลพอนึกอย่างนั้นก็อยากมั่นใจว่าตัวเองคิดถูกแล้วจึงเปิดเปลือกตาหนักอึ้ง มองหมอนข้างที่ว่านั้น“พี่ชัช!” เธอตกใจกว่าเห็นผีตัวเป็นๆ ก็เห็นชรัณอยู่ใกล้ตัวเนี่ยแหละ “อะ อ้าว...” เป็นเธอที่ข้ามฝั่งมากอดเขาเอง แถมยังเบียดเขามาจนสุดขอบเตียงอีกต่างหาก “ตาลทำให้พี่ชัชตื่นเหรอ”“ก็น่าจะรู้ นอนทับกันทั้งคืนแบบนี้จะนอนหลับสนิทได้ยังไง”“แล้วทำไมไม่ปลุกล่ะคะ ตาลไม่ใช่คนนอนหลับลึกสักหน่อย”“ปลุกแล้ว แต่ไม่ตื่น”หน้างี้แตกร้าวเลยไหมยายตาล“น่าจะปลุกเบาไปนะคะ”“...” ชรัณส่ายหน้าแล้วเลิกคิ้วให้ต้นตาลลุกออกไป พอได้รับอิสระก็ลุกขึ้นมาบิดกายไล่ความเมื่อยล้า แล้วก้าวลงจากเตียงนอน“อ๊ะ!” หญิงสาวหลุดเสียงอุทาน เขาถอดเสื้อผ
บทที่ 10 คำขอที่มาพร้อมข้อตกลงของชรัณ มาเวย์ไหนอีกล่ะพ่อคุณ เธอตามไม่ทันแล้วจริงๆ นะ บางวันเขาเหมือนท้องฟ้าอึมครึม บางวันก็เหมือนท้องฟ้ามีเมฆสีขาวลอยเกลื่อน และบางวันก็เหมือนท้องฟ้าโล่งไร้เมฆ ไร้แรงลม ชนิดที่ว่านิ่งได้อีก นิ่งได้มากกว่านี้อีก...“ตาลขอบคุณนะคะ สร้อยสวยมากเลยค่ะ นี่ถ้าเอาไปขายคงได้หลายตังค์เนอะ” ก็พูดหยอกไหมล่ะ ทำไมต้องหันมามองกันด้วยตาดุๆ แบบนั้น “หยอกค่ะ ใครจะเอาไปขายได้ลงล่ะ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าเคยมีผู้ชายให้ของขวัญด้วย” ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูก ความสัมพันธ์เขากับเธอขีดเส้นใต้แค่คำว่าพ่อแม่เท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางใจหรือความรู้สึกใดๆ นอกเหนือจากนี้แน่นอน“แล้วพี่ชัชจะกลับตอนไหนเหรอคะ”“เพิ่งมา จะให้กลับเลยเหรอ”“เปล่านะ ตาลแค่อยากรู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ต่างหาก”“พรุ่งนี้มั้ง”อะไร เขาเป็นอะไรอะช่วงนี้น่ะ ไม่ค่อยลังเลใจเลยนะ“พรุ่งนี้มั้ง ก็แสดงว่าไม่แน่ใจใช่ไหมคะ ว่าจะกลับพรุ่งนี้ดีไหมหรือว่าไม่กลับ”“...” ชรัณถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าเธอ “พูดมากน่า”“เงียบก็ได้”ภายในห้องเริ่มมีบรรยากาศมาคุเกิดขึ้น เธอและเขาต่างคนต่างเงียบอยู่คนละมุมของโซฟา แต่ผูกสายตาไว้กับภาพเคล