บทที่ 10 คำขอที่มาพร้อมข้อตกลงของชรัณ
มาเวย์ไหนอีกล่ะพ่อคุณ เธอตามไม่ทันแล้วจริงๆ นะ บางวันเขาเหมือนท้องฟ้าอึมครึม บางวันก็เหมือนท้องฟ้ามีเมฆสีขาวลอยเกลื่อน และบางวันก็เหมือนท้องฟ้าโล่งไร้เมฆ ไร้แรงลม ชนิดที่ว่านิ่งได้อีก นิ่งได้มากกว่านี้อีก... “ตาลขอบคุณนะคะ สร้อยสวยมากเลยค่ะ นี่ถ้าเอาไปขายคงได้หลายตังค์เนอะ” ก็พูดหยอกไหมล่ะ ทำไมต้องหันมามองกันด้วยตาดุๆ แบบนั้น “หยอกค่ะ ใครจะเอาไปขายได้ลงล่ะ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าเคยมีผู้ชายให้ของขวัญด้วย” ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูก ความสัมพันธ์เขากับเธอขีดเส้นใต้แค่คำว่าพ่อแม่เท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางใจหรือความรู้สึกใดๆ นอกเหนือจากนี้แน่นอน “แล้วพี่ชัชจะกลับตอนไหนเหรอคะ” “เพิ่งมา จะให้กลับเลยเหรอ” “เปล่านะ ตาลแค่อยากรู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ต่างหาก” “พรุ่งนี้มั้ง” อะไร เขาเป็นอะไรอะช่วงนี้น่ะ ไม่ค่อยลังเลใจเลยนะ “พรุ่งนี้มั้ง ก็แสดงว่าไม่แน่ใจใช่ไหมคะ ว่าจะกลับพรุ่งนี้ดีไหมหรือว่าไม่กลับ” “...” ชรัณถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าเธอ “พูดมากน่า” “เงียบก็ได้” ภายในห้องเริ่มมีบรรยากาศมาคุเกิดขึ้น เธอและเขาต่างคนต่างเงียบอยู่คนละมุมของโซฟา แต่ผูกสายตาไว้กับภาพเคลื่อนไหวบนจอทีวีด้วยกัน ชรัณขยับกายเหมือนจะลุกขึ้นจึงหันไปมองต้นตาล สองคนสบตากันครู่หนึ่ง “เอาน้ำไหม” เขาเลิกคิ้วถามเธอ “ไม่เอาค่ะ” “อืม” เขาลุกขึ้นไปเอาน้ำและหายไปนานหลายนาที แต่พอออกมาไม่ได้แค่น้ำดื่มเนี่ยสิ ได้ผลไม้ปอกเสร็จเรียบร้อยมาอีกหนึ่งจานใหญ่ จะเอามายั่วกันหรือไงเนี่ย ซาลาเปาก็ยังไม่ทันย่อย ผลไม้ก็ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสออีก “เอาไหม” ชรัณจิ้มเมลอนสีเขียวยื่นมาตรงหน้า แต่พอต้นตาลจะอ้าปากกินกลับชักมือกลับเอาเมลอนเข้าปากตัวเองซะงั้น “แกล้งเหรอคะ” “แกล้งอะไร แค่ถามเฉยๆ จะกินก็หยิบเอง” ก็นะ ไม่ได้แกล้งอะไรเลย...แค่ป้อนใส่ปากกันมันจะเสียฟอร์มมากเหรอ ต้นตาลเอาช้อนจิ้มเมลอนมาใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ระหว่างนั้นชรัณก็เลื่อนจานมาตรงหน้าเธอพร้อมกับวางช้อนไว้ข้างจาน “อิ่มแล้วเหรอคะ” “อืม” “กินไปแค่สองชิ้นเองนี่นา หรือกลัวตาลไม่อิ่ม” แต่จะอะไรก็ช่างเขาเถอะ ขี้เกียจเดาใจแล้ว พอเขาไม่ตอบกลับเธอก็ยกจานขึ้นมาวางบนตักและกินอย่างสบายใจซะเลย อันที่จริงก็ว่าจะปอกเมลอนกินเหมือนกัน แต่ชรัณชิงปอกก่อน เธอก็ไม่ต้องเหนื่อยปอกเองด้วย สบายตัวไป “ตาลซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นใหม่มา หอมไหมคะ” “...” ชรัณเงยหน้ามองเธอ แล้วดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาดมกลิ่น “ก็ไม่เท่าไร” จะชมก็ไม่ได้ กลัวเสียฟอร์มมากเลยเหรอ ออกจะหอมฟุ้งไปทั่วห้อง หญิงสาวลอบเบ้ปากใส่เขานิดหน่อยก่อนจะเอาจานเปล่าไปเก็บในครัวแล้วเดินผ่านเขาไปในห้องนอน จัดแจงผ้าห่มกับหมอนให้เรียบร้อย “จะอาบน้ำตอนนี้ไหมคะ” “ยัง” “งั้นตาลเตรียมผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนให้นะคะ” “เธอ...” เขาเรียกเธอแล้วก็เงียบไป คนรอฟังก็ยืนนิ่งว่าเมื่อไหร่เขาจะพูดต่อให้จบสักที “ทำตัวเหมือนเป็นเมียฉันเลยนะ” “...”! เธอทำเกินไปเหรอ เกินสถานะตัวเองอีกแล้วสินะยายตาล อย่าลืมสิว่าเธอมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร “ขอโทษค่ะ ตาลแค่อยากทำอะไรตอบแทนพี่ชัชบ้าง” จู่ๆ ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา หยิบจับอะไรไม่ถูกเลยทีนี้ ผ่านไปหลายนาทีชรัณก็กลับเข้ามาในห้องนอนเพื่ออาบน้ำเตรียมเข้านอน “ไหนล่ะ” เขามองหาอะไร แล้วถามอะไรงั้นเหรอ “อะไรเหรอคะ” “เธอบอกจะเตรียมของไว้ให้นี่” “อ้าว ก็พี่ชัชบอกเองว่าตาลทำเกินสถานะตัวเอง ตาลก็ไม่อยากล้ำเส้นด้วยค่ะ กลัวว่าพี่ชัชจะอึดอัดเอา” “อืม” แล้วมาทำหน้านิ่งใส่กันทำไม พูดมาซะขนาดนั้นใครมันจะทำต่อได้ล่ะ คำพูดสั้นๆ แต่มันย้ำเตือนเธอว่าเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่ใช่เมียหรือคนรักของเขาเสียหน่อย เสียงน้ำตกกระทบพื้นดังขึ้นเบาๆ เธอจึงหันหลังให้แล้วดึงผ้านวมมาคลุมโปง ผ่านไปหลายนาทีประตูห้องน้ำก็เปิดออก ชรัณเดินผ่านปลายเตียงไปเปิดม่านระเบียงเพื่อไปสูบบุหรี่ “ยังไม่ง่วงเหรอ” เธอกระซิบเสียงเบา “ยัง” “ได้ยินด้วยเหรอคะ” อุตส่าห์พูดกับตัวเองเบาๆ แล้วนะเนี่ย “แต่วันนี้ดาวเต็มท้องฟ้าเลยเนอะ” ไหนๆ ก็ยังไม่ง่วงแล้ว เธอจึงลุกจากเตียงเดินออกมาหาเขา ทว่าชรัณกลับยกมือห้ามในตอนจะก้าวออกไปยังระเบียง เขารีบดับบุหรี่แล้วปัดมือไล่ควันไปให้หมด “ออกมาทำไม ลมแรงจะตาย” “ก็มาดูดาวไง” บุ้ยหน้าขึ้นไปบนฟ้าโน้น... ดาวระยิบระยับเต็มฟากฟ้า เขาก็เห็นอยู่แล้วจะถามทำไม “ดาวดวงนั้นสว่างกว่าเพื่อนเลยเนอะ” ชรัณค้ำแขนกับราวระเบียง เงยหน้ามองตามปลายนิ้วชี้หญิงสาว สายลมในค่ำคืนนี้ไม่ได้แรงอะไรมากหรอก พัดมาโกรกหน้าเบาๆ แต่ที่เขาทำเสียงดุใส่เธอน่ะ เพราะมันมีแต่ฝุ่นPM มันอันตรายกับเด็กและแม่ พอลมพัดผ่านร่างต้นตาล ชุดนอนกระโปรงยาวถึงหน้าแข้งมันเรียบเนียนกับผิวกายเธอทำให้เขาเห็นว่าท้องของเธอป่องออกมาน้อยๆ แล้ว “อะไรเหรอคะ” หญิงสาวกะพริบตาสองครั้งแล้วก้มมองตัวเอง “อ๋อ” รีบเอามือปิดท้องไว้จากนั้นก็หันข้างให้ชรัณ ก่อนจะยกมือขึ้นมาโอบกอดตัวเอง “เข้าไปในห้องเถอะ” เขาเชิดหน้าเข้าไปในห้องนอน เมื่อเธอเข้าไปแล้วก็เดินตามมาพร้อมเลื่อนประตูปิดสนิท ปิดม่านระเบียงด้วย “ไปล้างเท้าก่อน” คนที่วางมือค้ำกับเตียงหมายจะก้าวขึ้นไปนอนแล้วชะงักค้างไปสิ เธอยิ้มแห้งเดินทำหน้าเลิ่กลั่กเข้าไปล้างเท้าให้สะอาด “ยายตาลนะยายตาล ทำไมให้เขาบอกอยู่เรื่อยเลยเนี่ย” ต้นตาลเอามือเคาะศีรษะตัวเองเบาๆ สองที ทว่าจู่ๆ ชรัณก็แทรกตัวมายืนเบียดเธอหน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ที่ตั้งกว้างมายืนเบียดกันทำไมก่อน ยังเอื้อมมือผ่านหน้าเธอไปหยิบแปรงสีฟันอีกนะ แต่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มก็หอมจริงๆ แหละ เธอชอบกลิ่นดอกพีโอนี ต้นตาลขมวดคิ้วมองหน้าชรัณก่อนจะหลบเลี่ยงแล้วพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำ ขึ้นไปนอนรอเขาบนเตียง หลังจากชรัณออกมาแล้วเขาก็ขึ้นมานอนเลย “พี่ชัช” “ว่าไง” “ตาลมีเรื่องจะขอ” “...” เขาตะแคงหันมามองเธอฝ่าความสลัว “ว่ามาสิ” “ระหว่างที่ตาลอุ้มท้องอยู่” “อืม” เขาตั้งใจฟังและขานรับอย่างดี “พี่...อย่าไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นได้ไหมคะ” “ไม่คิดว่าเธอขอมากไปเหรอ” “คะ?” “หึ” เสียงหัวเราะหึในคอดังแผ่วๆ มา “แล้วถ้าฉันทำให้ได้ แล้วจะได้อะไรตอบแทนงั้นเหรอ” “ตาลก็แค่อยากให้พี่ชัชอยู่กับตาลจนกว่าจะคลอดลูก มันฟังดูเห็นแก่ตัวนะคะ แต่ตาลรู้สึกไม่ดีถ้ารู้ว่าพี่ชัชยังพาผู้หญิงขึ้นห้องอยู่ มันรู้สึกเครียดน่ะค่ะ” “แค่นี้เหรอ” “คะ?” “ที่ขอมาน่ะ แค่รู้สึกแบบนั้นเองเหรอ” “ค่ะ” “แล้วถ้าฉันทำให้ได้ เธอจะตอบแทนฉันยังไง” เขามีลูกเล่นเยอะจริงๆ “ของมันเคยๆ อยู่น่ะนะ ให้เลิกทำก็ต้องมีที่ให้ระบายสิ หรือเธอจะเป็นที่ระบายให้ฉันล่ะ” “...”! ไหงงานเข้าตัวเองซะล่ะยายตาล ขอไม่ให้เขาไปมีอะไรกับใครระหว่างที่ตัวเองท้อง แต่ดันจะได้เป็นที่ระบายอารมณ์ให้เขาซะงั้น “ตะ ตาลไม่แน่ใจว่าจะทำให้พี่ชัชพอใจไหม” “หึ” “แต่ลองดูก็ได้นะคะ” “เดี๋ยว!” เขาจับมือเธอไว้แล้วยกออกจากแผงอกแกร่ง “ทำอะไร” “ก็ช่วยพี่ชัชระบายความใคร่ไง ไม่ดีเหรอคะ“ “เธอนี่มัน..” เสียงสะบัดลมหายใจดังขึ้นท่ามกลางความมืดสลัว แล้วชรัณก็ลุกขึ้นไปเปิดไฟในห้องจนสว่างวาบ “ตาลเข้าใจนะคะว่าคนเคยทำแบบนั้นบ่อยแล้วมันหยุดไม่ได้ แต่ตาลแค่...อยากให้พี่ชัชหยุดทำไปก่อน รอให้ตาลคลอดก่อนได้ไหม หลังจากนั้นพี่จะขึ้นเตียงกับใครก็ได้ค่ะ” “ได้ ฉันทำให้ได้แต่ว่าเธอจะไหวเหรอ” “ไหว” “นี่เป็นคำตอบหรือว่าอะไร” “คะ คือว่าตาล” จะติดอ่างทำไมเนี่ยยายตาล อยากตีปากตัวเองให้หายติดอ่างจัง “ตาล...” จู่ๆ ชรัณก็เชยคางเธอขึ้นจนได้สบตากับเขา นัยน์ตาสีดำขลับจ้องลึกเข้ามาในแววตาเธอ “ถ้าเธอยินดีรับข้อตกลงของฉัน ฉันก็ยินดีทำตามสิ่งที่เธอขอ” “...”! “ว่าไง” “ละ ลองดูก็ได้ค่ะ” เธอยกมือขึ้นมาจับแขนเขาไว้แน่น และชรัณก็ค่อยๆ ดันตัวเธอนอนราบกับฟูกเช่นกัน “เดี๋ยวค่ะ” “ว่ายังไง” ฝ่ามือเขาไม่ได้หยุดลูบไล้ แถมยังสอดลงไปลูบเรียวขาใต้กระโปรงอีก “เรียกแล้วก็พูดสิ เงียบทำไม” “เปล่าค่ะ” เธอเบือนหน้ามองไปที่โคมไฟหัวเตียง “ปิดไฟได้ไหม” “ได้” ชรัณหันกลับไปปิดไฟหัวเตียง “อยากให้ทำอะไรอีกไหม จะได้ทำทีเดียวจบๆ ไป” “...” ต้นตาลสั่นหน้าพรืดหนึ่ง “อ๊ะ!” ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อฝ่ามือหนาวางลงบนยอดอก แม้จะมีเนื้อผ้าบางๆ กั้นไม่ให้ฝ่ามือหนาสัมผัสกับหน้าอกเธอตรงๆ ก็เถอะ ชรัณยกยิ้มมุมปาก ค่อยๆ ปลดกระดุมชุดนอนเธอออกจากรังดุมอย่างใจเย็น กระดุมเม็ดแล้วเม็ดเล่าที่ถูกเขาปลดไล่ตั้งแต่ด้านบนลงไปข้างล่าง และเม็ดสุดท้ายก็ถูกปลดออกไป ผิวขาวนวลเนียนปรากฏสู่สายตาเขา “อื้อ...อย่าเพิ่งค่ะ” “อะไรอีก” “ตาลทำใจก่อน” หัวใจเธอเต้นระรัวกับสัมผัสวาบหวามนี้ ใจหนึ่งก็แบ่งรับแบ่งสู้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับไม่กล้าซะงั้น เกิดปอดแหกขึ้นมาจนทำให้ชรัณหงุดหงิด “โอเคค่ะ ทำเลยค่ะ” ฝ่ามือเรียวกำผ้าปูที่นอนแน่นขึ้น เสียงถอนหายใจยังคงมีให้ได้ยินเมื่อชรัณเริ่มพรมจูบไปทั่วเนินอกของเธอ สองมือหนาบีบเคล้นเต้ากลมกลึงสลับไปมาไม่ให้ข้างใดข้างหนึ่งว่างเว้นหรือน้อยใจ ถัดจากสัมผัสหยาบของฝ่ามือหนา เขาก็อ้าปากครอบครองยอดอกเธอ เสียงดูดดึงดังขึ้นในขณะที่ต้นตาลหดคอหนี ฝ่ามือบางยกขึ้นมาดันศีรษะเขาออกเบาๆ “อ๊ะ! พะ พี่ชัชตาลเสียว” ทั้งถูกคมเขี้ยวทั้งลิ้นกระหวัดเลียไปมา ทั้งเจ็บทั้งเสียวจนอยากให้เขาหยุดทำ แต่ใครจะห้ามเขาได้ ยิ่งเธอห้ามก็เหมือนยิ่งยุยงเขาให้ทำต่อ ชรัณเริ่มจูบตามร่องอกเบียดแน่นลงไปจนถึงหน้าท้องของหญิงสาว ทว่าเขากลับหยุดแล้วมองท้องของเธออยู่อย่างนั้นนานสองนาน “ไม่ทำแล้วเหรอ” จู่ๆ ก็ผละตัวออกไปซะอย่างนั้น แถมยังเอาผ้านามคลุมตัวต้นตาลไว้อีก อะไรกัน เธอทำให้เขาหมดอารมณ์เหรอ ทำไมเดินออกไปหน้านิ่งแบบนั้นเนี่ย ชรัณเดินออกมานั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ในขณะที่ต้นตาลรีบใส่กระดุมเสื้อให้เรียบร้อยแล้วเดินตามเขาออกมา “ทำไมเหรอคะ” “...” ชายหนุ่มเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะตบหน้าขาตัวเองเป็นการบอกให้เธอนั่งลงบนหน้าตักเขา ต้นตาลไม่อิดออด เธอหย่อนตัวลงบนตักเขาพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดคอหนาไว้หลวมๆ ทำให้ใบหน้าเธอกับเขาใกล้กันมากขึ้น “ไม่ชอบเหรอ” เธอย่นหัวคิ้วถามเขาเสียงเศร้า หรือเธอทำให้เขาหมดอารมณ์กันนะ “เปล่า แค่ไม่อยากเสี่ยง” “เป็นห่วง...ตาลกับลูกเหรอ” อย่างน้อยๆ ก็ให้เธอคิดเข้าบ้างตัวเองนิดหนึ่ง ว่าเขาเป็นห่วงเธอกับลูก “เคยอ่านในเน็ตมา ท้องอ่อนๆ อยู่ไม่ควรมีเซ็กซ์ อันตรายต่อเด็กในท้อง” “ค่ะ” “ฉันไม่อยากเป็นคนใจร้าย” อ๋อ ที่แท้เขาก็ไม่อยากทำเพราะกลัวเด็กเป็นอันตรายสินะ ทว่าประโยคถัดมาของเขาก็ทำเอาต้นตาลชะงักไปชั่วขณะหนึ่งเหมือนกัน “เผื่อว่าเด็กในท้องของเธอ...เป็นลูกฉันจริงๆ” ที่เขาไม่มั่นใจเพราะเธอทำงานแบบนั้นสินะ “ตาลพูดความจริงไปหมดแล้วค่ะ ส่วนพี่ชัชจะเชื่อหรือเปล่าขึ้นอยู่กับพี่ชัชเองนั่นแหละ ตาลไม่มีอะไรแก้ตัว และไม่แก้ต่างด้วยค่ะ” “อืม” “ส่วนลูกในท้อง...หากยังไม่มั่นใจตาลจะถามหมอให้เองว่าสามารถตรวจดีเอ็นเอได้ตอนไหน หรือว่า....พี่ชัชไม่อยากผูกมัดก็จะถามให้ว่าเอาเด็กออกได้ไหม” เธอไม่ทำหรอก แค่อยากลองใจชรัณดูว่าเขาจะทำยังไงหากเธอจะเอาเด็กคนนี้ออกน่ะ แต่คนอย่างเขาจะสนใจอะไร ชรัณเงียบไป และเธอก็ไม่ได้นั่งอยู่บนตักเขาต่อ เดินเข้ามานอนในห้องนอนและผล็อยหลับไปก่อน ไม่รู้เลยว่าชรัณเข้ามานอนด้วยตอนไหน แต่ทั้งคืนเธอได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดเขาทั้งคืนเลย เช้าวันต่อมา ต้นตาลรู้ตัวดีว่าตัวเองนอนกอดชรัณมาทั้งคืน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากลุกไปไหน อยากนอนกอดเขาแบบนี้อีกสักหน่อย ไออุ่นจากกายเขายังซาบซ่านอยู่ในใจของเธอ ชรัณขยับกายเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนท่า วันนี้เขาไม่ต้องรีบตื่นเพราะร้านหยุดวันอาทิตย์ ไอ้ที่บอกว่ามีธุระจะไปทำวันนี้น่ะ ไม่จริงหรอก 'ขอซึมซับความอบอุ่นนี้ไว้นานๆ หน่อยนะคะ เผื่อวันนั้นมาถึงตาลจะรีบตัดความรู้สึกนี้จากพี่ชัชเลย' ขอเพียงไออุ่นจากเขาซ่อมแซมบาดแผลในใจเธอให้หายดีก่อน แล้วถ้าพร้อมเมื่อไรเธอจะเดินออกไปเองบทที่ 11 ไม่คาดหวัง = มีหวังวันนัดตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านมาหลายสัปดาห์ที่เธออุ้มท้องมา วันนี้เป็นวันที่หมอนัดตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ดูลูกในท้อง ต้นตาลแต่งตัวด้วยมินิเดรสยาวเสมอหัวเข่าสีขาวผูกสายที่ไหล่ ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าซึ่งหมอนัดตอนเก้าโมงครึ่ง เธอเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย จะได้ไม่รีบร้อนมากนัก“สู้!” หญิงสาวเปิดประตูออกมาจากห้องพัก แต่กลับสะดุ้งจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พี่ชัช” คนที่ถูกเรียกชื่อเอียงคอมองเธอเล็กน้อย เอาจริงๆ วันนี้เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาหาด้วยซ้ำ เขาหายไปเป็นอาทิตย์เพราะติดธุระในร้านทอง ซึ่งเธอก็รับรู้มาตลอด เพราะเขาเพิ่มเธอเข้าในไลน์ส่วนตัวแล้วคอยส่งข้อความมาถามไถ่กัน บ้างก็ส่งรูปภาพมาให้ดู จึงได้รู้ว่าเขาน่ะงานยุ่งจริงๆ ไม่ได้แอบไปคั่วอีหนูที่ไหนแล้วทำไมวันนี้เขามาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ เธอไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะออกไปข้างนอก“เสร็จแล้วเหรอ”“ค่ะ แล้ว...พี่ชัชมาเอาอะไรเหรอ”“มารับเธอไปหาหมอ”“ตาลไม่ได้บอกนี่คะว่าไปหาหมอวันนี้ พี่รู้ได้ยังไง”“ก็ในใบตรวจที่เธอเอาให้ดูครั้งก่อน”อา...ถึงบางอ้อก็ตอนนี้ ที่แท้เขาก็จำวันนัดตรวจได้เพราะเธอเอาแผ่นอัลตราซาวนด์ให้ดูร
บทที่ 12 Woman on top NC สายตาอ่อนโยนที่มองกันแบบนั้นมันแฝงความรู้สึกมาด้วยไหมนะ ยิ่งเขาอยู่ใกล้กันมันยิ่งทำให้เธอถลำลึก ห้ามอะไรก็ห้ามได้ทั้งนั้นแต่ความรู้สึกเธอเนี่ยสิ ใครจะรับผิดชอบกันล่ะ“ให้ตาลไปอยู่ที่อื่นไหมคะ” เหมือนเขาจะตกใจอยู่บ้างกับคำถามเธอ แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีจริงๆ ที่เห็นชรัณตกใจเขาเงยหน้ามองกัน คล้ายว่าจะถามเธอแต่กลับเงียบไปซะอย่างนั้น“ตาลรู้ว่าตาลอาจจะเป็นภาระให้พี่ชัช ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้าน่ะค่ะ อีกอย่างพี่ก็ยังไม่มั่นใจในตัวตาล และเด็กในท้องของตาลว่าเป็นลูกพี่จริงๆ ไหม”“…”“ตาลยินดีไปอยู่ที่อื่นนะคะ”“เก่งนะ”“…”?“เก่งเรื่องคิดไปเอง” ประโยคสั้นๆ ที่เขาเอ่ยออกมานั้นทำเอาหน้าเธอชาไปครึ่งซีกเลยล่ะ“เปล่าคิดเอาเองสักหน่อย ก็ดูสถานะเราสองคนสิคะ” อยู่ด้วยกันในฐานะอะไรก็ยังไม่รู้เลยอะ เธอเหมือนเป็นกาฝากเขามากกว่า แต่กาฝากกิ่งนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างดีแน่ะ “พรุ่งนี้เราไปตรวจดีเอ็นเอกันไหม” เธอแค่อยากให้เขามั่นใจในตัวเอง เพราะมีวูบหนึ่งนัยน์ตาเขามีความสับสน แต่ก็เป็นเพียงวูบหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่มันจะฉายแววเรียบนิ่ง“รอให้คลอดก่อน”“แต่หมอว่าทำได้แล้วนะคะ”“รีบ?”“ก็อยา
บทที่ 13 จับผิด ช่วงสายของวัน หลังจากตื่นนอนแล้วชรัณก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดออกมาทำงาน วันนี้ผู้จัดการร้านลาพักเขาจึงต้องเข้าร้านเร็วหน่อย“อ้าวไอ้อธิ มึงไปไหนมาแต่เช้า” เขาทักทายอธิราชซึ่งบังเอิญเจอกันที่ร้านขายน้ำ อธิราชเลิกคิ้วถามและหรี่ตาแคบลงมองเพื่อนอย่างจับผิด “อะไร มองกูแบบนั้นทำไม”“มึงเพิ่งออกมาจากในเมือง กูสิควรถามว่ามึงไปไหนมาวะ ทางไปร้านทองมึงอยู่ทางโน้น แล้วมึงมาจากทางนี้”“ธุระ”“ธุระในเมืองบ่อยนะช่วงเนี่ย”“เออ แล้วมึงไปไหนมาล่ะ”“มาหาดูของแหละ เลยแวะซื้อน้ำก่อน”“กินข้าวยัง ไปแดกข้าวกันไหม”“ไปดิ กำลังหาร้านนั่งชิลอยู่พอดี”“แต่กูชิลด้วยไม่ได้ดิ ต้องรีบเข้าร้าน”“เออ”ทั้งสองขับรถไปกินข้าวแกงร้านประจำเพราะจะได้ไม่ต้องรออาหารนาน หลังจากได้ข้าวแล้วชรัณก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปซึ่งมันผิดปกติมาก จากคนไม่ชอบเล่นโทรศัพท์หรือถ่ายรูปของกิน อธิราชหรี่ตามองเขาอีก“มึงชอบถ่ายรูปอาหารตั้งแต่ตอนไหนวะ”“ก็ถ่ายเก็บไว้ดู”“อะไรวะ ร้อยวันพันปีแทบไม่หยิบมือถือมาถ่ายอาหาร แดกก่อนกูตลอดเลย”“มันแปลกตรงไหนล่ะ กูจะเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปไม่ได้เลยงั้นเหรอ”“ก็เปล่า กูแค่ไม่เคยเห็นไงเลยถาม”“
บทที่ 14 เอ็นดูหลายนาทีต่อมาเจ้าของรอยยิ้มหวานโคลงศีรษะไปมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี นี่ต้องขอบคุณที่ไฟดับเลยนะ เพราะถ้าไฟไม่ดับเธอคงไม่ได้ออกมานั่งเล่นที่คาเฟแบบนี้ แถมวันนี้ชรัณยังตามใจอีก“ถามอะไรหน่อย”“คะ?”“ไม่มีพี่น้องหรือญาติที่ไหนเลยเหรอ”“มีน่ะมีค่ะ แต่เขาคงไม่นับญาติกับตาลหรอก พวกญาติๆ ฝั่งแม่ก็ไม่ส่งข่าว ส่วนญาติฝั่งพ่อเขาก็...ไม่อยากนับญาติกับคนจนๆ หรอก”“อือ”“ถามทำไมเหรอคะ” แววตาเขาดูเรียบเรื่อยไม่แสดงความสงสัยใดๆ คล้ายว่าถามไปอย่างนั้นแบบไม่ใส่ใจอะไรมาก “อยากให้ตาลไปอยู่กับญาติเหรอ”“ไหนบอกไม่มีใครอยากนับญาติไง”“ก็ถามเป็นพิธีไหมคะ พี่จะย้ำทำไมเนี่ย”“ก็เราพูดเอง”“ก็จริงนั่นแหละ แล้วพี่ชัชถามทำไมเหรอ”“แค่อยากรู้เฉยๆ”“อ๋อ...ไม่มีญาติที่ไหนหรอกค่ะ หัวเดียวกระเทียมลีบมานานแล้ว” เอาจริงๆ เธอแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าญาติหน้าตาเป็นยังไงกัน แค่จำหน้าพ่อกับแม่ได้ก็ถือว่าบุญมากแล้ว แต่ภาพในความทรงจำมันก็ค่อยๆ จางหายไปเหมือนกันนะ แม้จะอยากจำมากแค่ไหนก็ตาม ความอบอุ่นที่เคยได้รับก็เริ่มจางหายไปแล้วเหมือนกัน ทุกวันนี้เธอเลยกอดตัวเอง ให้ความอบอุ่นกับตัวเองทดแทนสิ่งที่เว้าแหว่งไปในชีวิต ทั้ง
บทที่ 15 ข่าวลือคือเรื่องจริง หลายอาทิตย์ต่อมาชรัณลุกออกมาจากเก้าอี้โยกแล้วเดินไปหาแม่หน้าร้าน วันนี้เขาว่างช่วงบ่ายก็เลยมาฝากท้องกับที่บ้าน พอกินอิ่มหนังตามันหย่อนเลยขอพักงีบสักสองชั่วโมงแล้วค่อยจะกลับไปที่ร้านสาขาใหม่“มาก็ดีแล้ว มานั่งตรงนี้เลย” ถูกแม่จับไหล่หิ้วไปนั่งแหมะลงบนเก้าอี้ เดาจากสีหน้าแม่ก็พอรู้ว่าจะถูกซักไซ้แน่นอน ไปรู้อะไรมาอีกล่ะเนี่ย“อะไรครับเนี่ย”“บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ เราไปเดินห้างกับใครมา”“เดินห้าง?”“ใช่”“เดินตอนไหน ผมก็ไปมาอยู่แค่บ้านกับร้านทองเนี่ย จะให้เอาเวลาไหนไปเดิน”“ก็แม่แก้วมาบอกว่าเห็นเราอยู่ห้างกับสาว”“แม่แก้ว?”“อืม”“ตอนไหน” เขาพอจะรู้แล้วละ น่าจะเป็นครั้งที่พาต้นตาลไปเดินซื้อของที่ห้างนั่นแหละมั้ง แต่ไม่รู้ว่าแม่แก้วเห็นเขากับเธอตอนไหนเนี่ยสิ แต่มันผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วทำไมเพิ่งเอามาถาม“ก็หลายอาทิตย์แล้ว”“ตาฝาดเองหรือเปล่าครับ คนหน้าตาคล้ายคลึงกันไปหมด”“ไม่แน่ใจ”“นั่นไงล่ะ ถ้าแม่แก้วเห็นแล้วทำไมไม่เข้ามาทักผมล่ะ”“ก็นั่นสิ แม่แก้วน่าจะถ่ายรูปมาให้ดูด้วย จะได้มีหลักฐาน”“ก็เกินไปนะ แล้วมันไม่ดีเหรอที่ผมควงสาวไปเดินห้าง แม่อยากให้มีแฟนเองนี่”“
บทที่ 16 ตั้งใจ สีหน้าชรัณบ่งบอกถึงความรำคาญขั้นสุด ก่อนที่เขาจะผลุนผลันลุกขึ้นไปตีปากรุ่นน้องแต่ไม่ได้ลงแรงมาก“หยุดแหกปาก ถ้ามึงไม่หยุดกูเตะ”“...” รุ่นน้องเขารีบเอามือปิดปากตัวเองพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักบอกว่าจะปิดปากตามที่พี่สั่ง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เดินเข้าไปดูหน้าต้นตาลให้ชัดๆ พลางอ้าปากค้างทำหน้าอึ้งงันสุดๆ“โอเคยัง” น้ำเสียงและแววตาเขาดูอ่อนโยนกว่าตอนที่หันไปเอ็ดรุ่นน้องซะอีก แถมยังวางมือลงบนท้องเธอลูบไปมาเบาๆ อยู่นาน“โอเคแล้วค่ะ”“งั้นกลับเลยไหม”“ก็ได้ค่ะ ตาลรู้สึกอยากพักเหมือนกัน”“ได้ งั้นกลับตอนนี้เลย” เขาพยักหน้าให้ผู้จัดการร้านแล้วเดินอ้อมไปหยิบมือถือกับกุญแจรถ จากนั้นก็พาต้นตาลไปขึ้นรถที่หน้าร้าน“เดี๋ยวดิพี่ เอาแบบนี้จริงดิ”“อะไรของมึง หลบไปกูจะกลับคอนโด”“พี่ชัช นี่พี่ไม่ปฏิเสธอะไรหน่อยเหรอ แล้วนั่นเมียพี่จริงเหรอครับ”“เอาไว้จะเล่าให้ฟัง”“อา...” อั้มพยักหน้าเออออตามรุ่นพี่ หากเขาพร้อมจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ก็คงบอกไปนานแล้ว “เชี่ย...งานเผาขนมาก”“เป็นยังไง” พอขับรถออกมาได้พักใหญ่ๆ ชรัณก็เอ่ยถามคนที่นอนดมยาดมอยู่เบาะข้างๆ ต้นตาลพยักหน้าหงึกหงักแต่ไม่ได
บทที่ 17 ความจริง 15:30 ร้านทองชรัณนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้หลังร้านขณะที่แม่บ่นให้เขาโดยไม่เว้นช่องให้อธิบายอะไรเลย“โตขนาดนี้แล้วยังจะทำอะไรเป็นเล่นไปได้ แล้วไหนล่ะผู้หญิงคนนั้น”“แน่ใจนะว่าจะเจอ”“ก็แน่ใจสิลูกคนนี้นี่!”“ใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งโวยวายไปเดี๋ยวเป็นลมมาไม่คุ้มนะ” เขาพยายามพูดให้แม่ใจเย็นตาม แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่ยอมเย็นตามเลย แล้วถ้าเขาบอกว่าต้นตาลกำลังท้องด้วยล่ะ จะไม่เป็นการลอบฆ่าแม่ทางอ้อมใช่ไหม “นั่งก่อนนะ เชื่อผมมันจะออกมาดีแน่นอน” เขาเกลี้ยกล่อมแม่จนแม่ยอมนั่งลงแต่โดยดี“แล้วนี่คิดยังไงถึงได้พาผู้หญิงเข้ามานั่งในร้านฮะ”“ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเลยนะ ผมก็แค่พาเขามานั่งรอแค่นั้น จำเป็นต้องคิดด้วยเหรอ” เขาตั้งใจพาต้นตาลมาเอง อันนี้ยืดอกยอมรับเลยเพราะอยากให้เธอเข้ามามีบทบาทในชีวิตเขามากขึ้นด้วยไง พอถึงเวลาต้องบอกกับแม่ตรงๆ ว่าทำผู้หญิงท้องจะได้ไม่เป็นเรื่องใหญ่โตเกินไป“เป็นลูกเต้าเหล่าใคร แม่รู้จักไหม”“คิดว่าไม่นะ”“อย่ามาเล่นลิ้นนะชัช”“ก็พูดความจริงอยู่นี่ไง ผมถึงบอกให้แม่ใจเย็นๆ ก่อนไงครับ อีกอย่างน้องไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะ เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเนี่ยแหละ”“เจอกันที่ไหน”“ใ
บทที่ 18 ตรวจดีเอ็นเอด้วยตัวเอง NC 20:00ชรัณนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนซึ่งต้นตาลกำลังอาบน้ำอยู่ เขาเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่เดินออกมาจากห้องน้ำก่อนจะวางหนังสือลงแล้วเอียงคอมองอีกฝ่าย“ยั่วเหรอ”“เปล่านะคะ ก็แค่ชุดนอนธรรมดาที่ตาลใส่ทุกวัน” จะมายั่วอะไรล่ะ เธอก็ใส่ชุดนอนแบบนี้ทุกคืนนะ แค่ใส่เวลาที่เขาไม่อยู่เท่านั้นเอง “พี่ชัชอาจไม่เคยเห็น แต่ตาลใส่แบบนี้ทุกคืน”“อ๋อ ใส่แค่ตอนที่ฉันไม่อยู่สินะ” ปกติเธอใส่ชุดนอนกระโปรงยาวถึงหน้าแข้งโน่น แต่วันนี้ใส่ชุดนอนผ้าซาตินยาวถึงเข่า แถมยังโนบราอีก “แล้วทำไมวันนี้ถึงใส่ ถ้าไม่ได้ตั้งใจใส่มายั่วกันงั้นขอเหตุผลหน่อย”“ร้อนค่ะ”“ร้อน?” เงยหน้ามองแอร์ทันที “สิบเก้าองศาเนี่ยนะร้อน” อยากแค่นหัวเราะในคอจัง แต่จะอย่างไรก็ช่างเถอะ แต่งตัวมายั่วกันขนาดนี้จะไม่ให้เขารู้สึกรู้สาอะไรก็ไม่ใช่หรอก เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่นาชรัณหรี่ตาแคบลงมองส่วนเว้าส่วนโค้งของต้นตาล“มองอะไรคะ”“ยังจะถามอีกเหรอว่ามองอะไร ก็มองอยู่อย่างเดียวนั่นแหละ”“พี่ชัช” เธอทำขึงขังใส่เขา“อยากเหรอ” เขาถามเสียงเรียบ “แต่จะว่าไปเราไม่ได้ปลดปล่อยมาหลายวันแล้วนะ สักยกไหม”ดู๊ดูเขาพูดดิ เวลาเข