บทที่ 11 ไม่คาดหวัง = มีหวัง
วันนัดตรวจอัลตราซาวนด์ ผ่านมาหลายสัปดาห์ที่เธออุ้มท้องมา วันนี้เป็นวันที่หมอนัดตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ดูลูกในท้อง ต้นตาลแต่งตัวด้วยมินิเดรสยาวเสมอหัวเข่าสีขาวผูกสายที่ไหล่ ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าซึ่งหมอนัดตอนเก้าโมงครึ่ง เธอเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย จะได้ไม่รีบร้อนมากนัก “สู้!” หญิงสาวเปิดประตูออกมาจากห้องพัก แต่กลับสะดุ้งจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พี่ชัช” คนที่ถูกเรียกชื่อเอียงคอมองเธอเล็กน้อย เอาจริงๆ วันนี้เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาหาด้วยซ้ำ เขาหายไปเป็นอาทิตย์เพราะติดธุระในร้านทอง ซึ่งเธอก็รับรู้มาตลอด เพราะเขาเพิ่มเธอเข้าในไลน์ส่วนตัวแล้วคอยส่งข้อความมาถามไถ่กัน บ้างก็ส่งรูปภาพมาให้ดู จึงได้รู้ว่าเขาน่ะงานยุ่งจริงๆ ไม่ได้แอบไปคั่วอีหนูที่ไหน แล้วทำไมวันนี้เขามาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ เธอไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะออกไปข้างนอก “เสร็จแล้วเหรอ” “ค่ะ แล้ว...พี่ชัชมาเอาอะไรเหรอ” “มารับเธอไปหาหมอ” “ตาลไม่ได้บอกนี่คะว่าไปหาหมอวันนี้ พี่รู้ได้ยังไง” “ก็ในใบตรวจที่เธอเอาให้ดูครั้งก่อน” อา...ถึงบางอ้อก็ตอนนี้ ที่แท้เขาก็จำวันนัดตรวจได้เพราะเธอเอาแผ่นอัลตราซาวนด์ให้ดูรอบนั้นนี่เอง เขาเนี่ยเหรอจำวันนัดได้น่ะ “ตาลแค่แปลกใจค่ะ นึกว่าพี่ไม่สนใจซะแล้ว” ตั้งใจเอาไว้แล้วล่ะว่าจะเรียกรถจากแอปให้ไปส่งโรงพยาบาลเอง แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าชรัณจะมารับไปหาหมอ เกินความคาดหมายไปมาก เอ๊ะ! หรือว่าเธอไม่ต้องคาดหวังอะไรกับเขาดี พอคาดหวังกลับผิดหวัง แต่พอไม่คาดหวังเขากลับทำเกินคาดตลอดเลย “ไปยัง” ชรัณเชิดหน้าถามอีก “ค่ะ” ต้นตาลเดินออกมาจากห้อง แล้วเดินตามหลังชรัณไปเข้าลิฟต์ ลงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดฯ “พี่ยังไม่ได้กินอะไรมาใช่ไหมคะ เผื่อว่าหมอตรวจเลือด” “อืม” ชรัณพยักหน้า เขาเหลือบตามองว่าเธอคาดเข็มขัดนิรภัยหรือยัง พอเห็นว่าต้นตาลคาดแล้วก็ออกรถ เดินทางไปโรงพยาบาลตามนัด ตอนเช้าวันอาทิตย์แบบนี้รถยังคงวิ่งขวักไขว่บนท้องถนน แต่ก็ไม่เยอะเหมือนวันทำงานปกติ ขับรถมาไม่นานก็มาถึง ถือว่าชรัณทำเวลาได้ดีเลยทีเดียว เธอกับเขามานั่งรอเข้าตรวจอยู่หน้าห้องตรวจด้วยกัน ไม่นานพยาบาลที่ดูแลก็เรียกต้นตาลเข้าไปในห้องตรวจ โดยชรัณก็ถูกพาเข้าไปในห้องตรวจด้วย คุณหมอทำการตรวจปกติและเจาะเลือดของต้นตาลและชรัณตรวจด้วย พอมาถึงช่วงอัลตราซาวนด์เขาก็ไม่ทิ้งห่างเตียงที่ต้นตาลนอนอยู่เลย ภาพที่ปรากฏบนจอแสดงผลค่อยๆ ชัดขึ้นตามลำดับ วันนี้หมออัลตราซาวนด์เป็นภาพขาวดำและชี้ให้ชรัณดูหลายจุด ว่าตรงไหนคืออวัยวะส่วนไหนของเด็ก เป็นเวลาที่พิเศษมากสำหรับต้นตาล เธอมองเขาทุกวินาทีเลยก็ว่าได้ อยากรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไงเมื่อเห็นลูกในท้อง ผลที่ได้ก็ไม่เกินคาดไปจากที่คิดเอาไว้มากหรอก เขาแทบไม่แสดงอาการอะไร แต่ก็ตั้งใจฟังหมอพูดแบบตั้งใจมากๆ คุณหมอตรวจเสร็จแล้วก็ให้ออกมารอข้างนอก แต่ต้นตาลกลับขอปรึกษาคุณหมออีกนิดหน่อยและให้ชรัณไปรอรับยาให้อยู่ตรงห้องจ่ายยาด้านหน้า หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็รีบออกไปหาเขา “หิวไหม” “หิวค่ะ” “งั้นแวะกินข้าวก่อนกลับห้องแล้วกัน” “ค่ะ” เธอนั่งตัวตรงพลางชำเลืองมองชรัณ “พี่ชัช” “ว่า” “ตาลถามอะไรหน่อยสิคะ” “ว่ามาสิ” “ถ้าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกพี่จริงๆ การที่พี่ทำดีกับตาลแบบนี้ พี่จะเสียดายเวลาไหมที่มาดูแลเอาใจใส่แบบนี้ ทั้งที่เขาไม่ใช่ลูกพี่อะ” “ก็ถือว่าทำบุญ” “ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ” “แล้วต้องทำยังไง ในเมื่อเด็กในท้องเธอไม่ได้รับรู้อะไร เขาก็แค่เกิดมาดูโลกใบใหญ่” “อ๋อค่ะ” เธอไม่ถามเขาต่อหรอก รู้แล้วว่าเขาจะพูดอย่างไรต่อ “จริงๆ ตาลถามคุณหมอแล้วนะคะว่าตรวจดีเอ็นเอได้เลยไหม ถ้าพี่ชัชยังไม่มั่นใจ...วันหลังเรานัดกันมาตรวจเลือดดีไหม” “...” ชรัณหันมามองเสี้ยวหน้าต้นตาลแล้วหันกลับไปมองทางต่อ เขาไม่ตอบอะไรกลับมาเลย และเธอก็ไม่กล้าถามอะไรต่อด้วย กลัวทำเขาหงุดหงิดน่ะ ก็แค่อยากให้เขามั่นใจในตัวเธอสักทีว่าไม่ได้ไปมั่วที่ไหน และเด็กในท้องเธอก็คือลูกเขาเอง พอมาถึงร้านข้าวชรัณก็เดินนำเข้าไปในร้านก่อน เขาสั่งกับข้าวง่ายๆ มาสามอย่าง และให้เธอเลือกเมนูที่อยากกินมาอีกสองอย่าง “มากินบ่อยเหรอคะ เห็นขับรถมาอย่างชำนาญเลย” เลี้ยวเข้าซอยมาตั้งสามซอยแน่ะ แต่ไม่มีหลงเลยนะ แถมร้านข้าวยังมีคนเยอะอีกต่างหาก “อืม เคยมากินกับพ่อแม่น่ะ” “อ๋อ แบบนี้นี่เอง” คงเป็นร้านที่ถูกปากเขามั้ง “อยากแวะซื้ออะไรไหม ฉันอาจไม่ได้มาหาเธอหลายวัน” “ไม่อยากซื้ออะไรเลยค่ะ” “พวกของกินล่ะ” ชรัณก้มหน้าดูมือถืออยู่ แต่ปากก็พร่ำถามไม่หยุด “ของกินเล่นพวกนั้นเหรอ” “อืม” “ไม่อยากได้ค่ะ ในห้องก็พอมีอยู่” “อืม อย่างนั้นก็กลับห้องเลยนะ” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ “อะไร ทำหน้าบึ้งแบบนั้นทำไม” “ก็เอาแต่ดูมือถือ พูดกับตาลแต่ไม่ยอมมองหน้ากันเลยนะคะ” “ฉันสั่งงาน” เขาไม่จำเป็นต้องชูหน้าจอมือถือให้เธอดูก็ได้นะ แต่เขาทำทันทีที่เธอเอ่ยออกไปแบบนั้น “เงินเดือนของเธอโอนเข้าบัญชีแล้ว” ลืมไปเลยนะว่าชรัณจ้างเธอโดยให้เงินทุกเดือน และวันนี้ก็น่าจะเป็นเงินเดือนเดือนแรกด้วย “ขอบคุณค่ะ จะเก็บเอาไว้ไม่ใช้เลยล่ะ” “ตามใจ” บทสนทนาจบลงแบบกะทันหันเพราะอาหารจานแรกมาเสิร์ฟพอดี ด้วยความหิวของคนท้องเธอจึงไม่พูดอะไรต่อ ข้าวคำแรกของมื้อเข้าปากต้นตาลไปแต่โดยดี ความอร่อยทำให้เธอหลับตาพริ้มทุกคำที่ตักเข้าปาก ความทะเล้นของเธอเรียกเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้าได้นิดหน่อย “อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ” “มากค่ะ” เธอตักไข่เจียวปูใส่จานให้เขา “ขอบคุณที่ดูแลอย่างดีนะคะ” “หึ” เสียงหัวเราะในคอดังขึ้นเบาๆ อย่างน้อยๆ วันนี้เธอก็ไม่ต้องนั่งรถมาหาหมอคนเดียว ไม่ต้องทนนั่งบีบมือตัวเองรอเวลาหมอเรียกเข้าห้องตรวจ วันนี้ความกังวลหายไปหมดเลย มีแต่ความสบายใจและยังสบายกายอีกต่างหาก “ตาลถามหมอให้แล้วนะคะ” “ถามว่า?” “ก็เรื่อง...บนเตียงน่ะ” “เซ็กซ์ตอนท้องน่ะเหรอ” “พี่ชัช!” มือเรียวยกขึ้นไปปิดปากชายหนุ่มพลางทำเสียงซู่เบาๆ ห้ามปรามเขา รู้แหละว่ามันเป็นเรื่องปกติของเขา แต่จะพูดเสียงดังทำไมก็ไม่รู้ คนในร้านอาหารก็เยอะแถมชรัณยังพูดออกมาได้หน้าตายมาก “พี่พูดเสียงดังไปแล้วนะคะ” “...” เหมือนเขาจะรู้ตัว มองไปรอบๆ แล้วหลุบตามองมือเธอ ต้นตาลยิ้มแห้งแล้วรีบชักมือกลับ “เอาไว้ค่อยคุยกันตอนถึงห้องดีกว่าค่ะ” อยากตีปากตัวเองตามอายุจริงๆ ไม่น่าเปิดประเด็นเลยยายตาล อายจนหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย ไหนๆ วันนี้เขาก็ใจดีพาไปหาหมอแล้ว เลี้ยงข้าวเขาหน่อยดีกว่า “ตาลเลี้ยงเองนะคะ วันนี้พี่ไม่ต้องจ่าย เดี๋ยวตาลจ่ายเอง” ฝ่ามือบางตบกระเป๋าสะพายตัวเองเบาๆ “อืม” หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วต้นตาลก็เอากระเป๋าเงินสามพับลายการ์ตูนน่ารักออกมาจากกระเป๋าผ้าใบโปรด ชรัณหลุดยิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปรอเธอข้างนอก “นี่ค่ะค่าอาหาร” เธอวางเงินค่าอาหารบนจาน ไม่ลืมที่จะหยิบลูกอมมาอมดับกลิ่นอาหารด้วย “เอาไหมคะ” “เอา” “ลูกอมนะ” “แล้วเธอคิดว่าฉันหมายถึงอะไรล่ะ” “...” ชิ! ดูหน้าก็รู้แหละว่าคิดอะไร แล้วเธอพูดเข้าข่ายเรื่องสิบแปดบวกตอนไหนไม่ทราบ แค่ถามว่าจะเอาลูกอมไหมแค่นี้เอง “ขนมตาล!” จังหวะจะเปิดประตูรถแต่หางตาเหลือบเห็นร้านขายขนมตาลซึ่งอยู่อีกฝั่งของถนนพอดี “เดี๋ยว!” ชรัณคว้าแขนเรียวไว้แน่น เขาขมวดคิ้วทำสายตาดุเธอ “ดูรถก่อน ไม่ใช่จะวิ่งข้ามไปอย่างเดียว” “แค่จะเดินไปยืนตรงนั้น” บุ้ยปากไปยังขอบถนน เธอไม่ได้จะวิ่งข้ามไปเลยสักหน่อย ก็แค่อยากเดินไปใกล้ๆ ค่อยข้ามถนนไปก็เท่านั้นเอง “รออยู่ตรงนี้แหละ” “เดี๋ยว ตาลอยากไปด้วย” “ใครซื้อมาก็เหมือนกันนั่นแหละ รออยู่ตรงนี้” ชรัณย้ำว่าให้เธอรออยู่ตรงนี้ แล้วเขาก็ข้ามถนนไปซื้อขนมตาลมาให้เธอสองถุงใหญ่ “น่ากิน....” “กินให้สมอยากนะ” “ทำไมต้องดุด้วยอะ ตาลไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” เธอรู้ว่าอะไรทำให้เขาโกรธแบบนี้ แต่ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย เขาจะมองข้ามมันไปไม่ได้เลยเหรอ “ขอโทษนะคะ” ต้นตาลหยิบขนมตาลหอมๆ ซึ่งมันยังร้อนอยู่ขึ้นมาเป่าสองทีแล้วยื่นไปจ่อปากชายหนุ่ม “อ๊ะ! ระ ร้อนๆ” ด้วยชรัณไม่ยอมกินสักที ทั้งขนมมันร้อนเธอจึงชักมือกลับ ทว่าชรัณกลับจับมือเธอไว้แน่นแล้วอ้าปากกินขนมเข้าไปทั้งชิ้นใหญ่ๆ นั่นแหละ ต้นตาลอ้าปากค้างทำตาโตแล้วรีบหยิบกระดาษทิชชูไปเช็ดปากให้เขา “ร้อนไหม คายออกมาก่อนไหมคะ” สีหน้าเธอเป็นกังวลมาก ทั้งเอามือไปรองปากเขาไว้เผื่อชรัณคายขนมในปาก ขนมตาลก็ใช่ว่าจะชิ้นเล็ก เขาเอาเข้าปากไปทั้งชิ้นได้ยังไงอะ ตอนนี้แก้มเขาป่องทั้งสองข้างเลย “น้ำค่ะ น้ำ” เธอรีบเปิดขวดน้ำยื่นไปให้เขาดูดกิน “อ๊า!” ชรัณคำรามเสียงดัง เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย กำกำปั้นทุบอกตัวเองเบาๆ สองที “โอเคไหมคะ” “อืม” ยังมีเสียงกระแอมกระไอดังขึ้น เขาขับรถออกมาจากร้านข้าวพลางกระดกน้ำเปล่าลงคอ “โอเคยัง ไม่ติดคอแล้วนะคะ” สีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลย แต่ชรัณก็หันมาพยักหน้าให้เธอก่อนจะหันกลับไปโฟกัสกับการขับรถ ขับรถมาสักพักก็มาถึงคอนโดฯ ชรัณเปิดประตูก้าวลงจากรถพร้อมกับถุงขนมตาล “ตาลถือเองดีกว่า” เธอยื่นมือไปหมายจะเอาถุงขนมมาถือเอง เกรงใจเขามากกว่า ไหนจะข้ามถนนไปซื้อให้ แล้วยังขนมติดคอเกือบตายอีก แล้วตอนนี้ยังถือถุงขนมให้เธอด้วยอะ มันเกรงใจทั้งรู้สึกผิดมากด้วย “เดินไปเถอะ” เสียงพึมพำดังขึ้นไล่หลังขณะที่ต้นตาลเดินเข้ามายืนรอเขาในลิฟต์ เมื่อเขาเอ่ยมาแบบนั้นแล้วเธอก็ไม่กล้าขัดใจหรอก พานจะทำให้เขาหงุดหงิดเปล่าๆ พอลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงชั้นที่ต้องการแล้วชรัณก็รีบออกไปก่อน “คีย์การ์ดอยู่ไหน” “อ๋อ” ลืมไปเลยแฮะ ตั้งแต่ตอนโน้นนั่นแหละ ยังไม่ทันได้เอาคีย์การ์ดอีกใบคืนเขาเลย “นี่ค่ะ” เขาเปิดประตูและให้เธอเข้ามาก่อนจะเดินตามเข้ามาติดๆ “เฮ้อ…” ชรัณเท้าเอาอยู่หลังโซฟา เขาพ่นลมหายใจออกสุดปอด “ว่ามาสิ” “คะ? ว่าอะไรเหรอ” จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาซะอย่างนั้น เธอจะรู้ไหมล่ะ “พี่ว่าอะไรนะคะ” ต้นตาลทวนคำถามอีกครั้ง “…” ทว่าชรัณไม่ตอบกลับในทันที เขากลับย่างสามขุมเข้ามาหาเธอจนต้นตาลถอยหลังไปชิดผนังห้อง หญิงสาวเม้มปากแน่นพลางหลับตาไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย มือเรียวยันอกแกร่งไว้ “ก็ที่เธอบอกว่าจะกลับมาพูดที่ห้องไง” อ๋อ....นึกขึ้นได้แล้ว แหม เขาความจำดีเหมือนกันนะเนี่ย ทีเรื่องแบบนี้จำได้แม่นเฉยเลยนะ “อ๋อ ค่ะเดี๋ยวตาลเล่าเดี๋ยวนี้เลย” “อืม เล่าสิ” หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ ชรัณยกมือขึ้นมาค้ำกับผนังห้องทำให้ใบหน้าเขาและเธอใกล้กันมากขึ้น ชนิดที่ว่าลมหายใจเป่ารดกันเลยแหละ ยิ่งเธอเงียบเขาก็เหมือนกดดันทางอ้อมด้วยการยกมือขึ้นมาจับปลายคางมน “ว่ามาสิ รอฟังอยู่นะ” ปลายจมูกโด่งคมเฉียดปลายจมูกเธอไปมาเบาๆ คล้ายว่าเขาอยากแกล้งกันให้ใจสั่นเล่น แล้วเธอจะเอาสมาธิมาจากไหนล่ะ “คะ คือว่าหมอบอกว่ามีเซ็กซ์ได้ค่ะ ตะ แต่…” “พูดติดอ่างทำไม” “ก็พี่ชัชนั่นแหละ ตาลไม่มีสมาธิเลยค่ะ” “เหรอ” ยังมาตีหน้ามึนใส่อีกเหรอเนี่ย เขาน่าจะรู้ตัวเองแล้วไหมว่ารบกวนสมาธิเธอมากแค่ไหน เอ๊ะ? หรือว่าจริงๆ แล้วเขารู้ว่ามันทำได้น่ะ “นี่พี่รู้เหรอว่ามันทำได้” “…” “พี่ชัช พี่รู้ใช่ไหมคะว่ามันทำได้” “อืม” “แล้วให้ตาลถามหมอทำไม” “ไม่ได้บอกให้ไปถามนี่ เธออยากถามเองทั้งนั้น” “อา…นี่ตาลโดนหลอกเหรอคะ” อยากตีหัวตัวเองจัง โดนความเจ้าเล่ห์ชรัณเล่นงานซะแล้ว คนฉลาดอย่างเขาคงรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าเธอแน่นอน แล้วทำไมเขาไม่ทำล่ะ “ถ้าพี่รู้แล้วทำไม่ทำเหรอคะ หรือว่ากลัวเป็นอันตราย” “หรือเธออยาก?” ยิงคำถามมาแบบนี้เธอจะตอบกลับยังไงล่ะ หรือว่าที่เขาไม่ทำเพราะหุ่นเธอไม่น่าเอาแล้ว สงสัยเห็นหุ่นเธอเขาคงหมดอารมณ์จริงๆ ตอนนี้แขนก็เริ่มใหญ่ขึ้น ท้องก็นูนใหญ่ออกมาแล้วนิดหน่อย ทั้งสิวขึ้นหน้า เห็นหน้าเธอปุ๊บคงหมดอารมณ์จริงๆ นั่นแหละ ขนาดเธอยังรับสภาพตัวเองไม่ได้เลย “ขอโทษนะคะ ตาลคงทำให้พี่ชัชมีความสุขไม่ได้” “ฉันบอกเหรอ” “คะ?” “ฉันบอกเธอเหรอว่าทำให้มีความสุขไม่ได้น่ะ” “ก็…” ก็เอาแต่เงียบทำไมล่ะ เงียบไปแบบนี้เธอก็คิดเอาเองสิว่าเขาไม่ชอบ “ไม่ทำเพราะกลัวเด็กเป็นอันตราย”บทที่ 12 Woman on top NC สายตาอ่อนโยนที่มองกันแบบนั้นมันแฝงความรู้สึกมาด้วยไหมนะ ยิ่งเขาอยู่ใกล้กันมันยิ่งทำให้เธอถลำลึก ห้ามอะไรก็ห้ามได้ทั้งนั้นแต่ความรู้สึกเธอเนี่ยสิ ใครจะรับผิดชอบกันล่ะ“ให้ตาลไปอยู่ที่อื่นไหมคะ” เหมือนเขาจะตกใจอยู่บ้างกับคำถามเธอ แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีจริงๆ ที่เห็นชรัณตกใจเขาเงยหน้ามองกัน คล้ายว่าจะถามเธอแต่กลับเงียบไปซะอย่างนั้น“ตาลรู้ว่าตาลอาจจะเป็นภาระให้พี่ชัช ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้าน่ะค่ะ อีกอย่างพี่ก็ยังไม่มั่นใจในตัวตาล และเด็กในท้องของตาลว่าเป็นลูกพี่จริงๆ ไหม”“…”“ตาลยินดีไปอยู่ที่อื่นนะคะ”“เก่งนะ”“…”?“เก่งเรื่องคิดไปเอง” ประโยคสั้นๆ ที่เขาเอ่ยออกมานั้นทำเอาหน้าเธอชาไปครึ่งซีกเลยล่ะ“เปล่าคิดเอาเองสักหน่อย ก็ดูสถานะเราสองคนสิคะ” อยู่ด้วยกันในฐานะอะไรก็ยังไม่รู้เลยอะ เธอเหมือนเป็นกาฝากเขามากกว่า แต่กาฝากกิ่งนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างดีแน่ะ “พรุ่งนี้เราไปตรวจดีเอ็นเอกันไหม” เธอแค่อยากให้เขามั่นใจในตัวเอง เพราะมีวูบหนึ่งนัยน์ตาเขามีความสับสน แต่ก็เป็นเพียงวูบหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่มันจะฉายแววเรียบนิ่ง“รอให้คลอดก่อน”“แต่หมอว่าทำได้แล้วนะคะ”“รีบ?”“ก็อยา
บทที่ 13 จับผิด ช่วงสายของวัน หลังจากตื่นนอนแล้วชรัณก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดออกมาทำงาน วันนี้ผู้จัดการร้านลาพักเขาจึงต้องเข้าร้านเร็วหน่อย“อ้าวไอ้อธิ มึงไปไหนมาแต่เช้า” เขาทักทายอธิราชซึ่งบังเอิญเจอกันที่ร้านขายน้ำ อธิราชเลิกคิ้วถามและหรี่ตาแคบลงมองเพื่อนอย่างจับผิด “อะไร มองกูแบบนั้นทำไม”“มึงเพิ่งออกมาจากในเมือง กูสิควรถามว่ามึงไปไหนมาวะ ทางไปร้านทองมึงอยู่ทางโน้น แล้วมึงมาจากทางนี้”“ธุระ”“ธุระในเมืองบ่อยนะช่วงเนี่ย”“เออ แล้วมึงไปไหนมาล่ะ”“มาหาดูของแหละ เลยแวะซื้อน้ำก่อน”“กินข้าวยัง ไปแดกข้าวกันไหม”“ไปดิ กำลังหาร้านนั่งชิลอยู่พอดี”“แต่กูชิลด้วยไม่ได้ดิ ต้องรีบเข้าร้าน”“เออ”ทั้งสองขับรถไปกินข้าวแกงร้านประจำเพราะจะได้ไม่ต้องรออาหารนาน หลังจากได้ข้าวแล้วชรัณก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปซึ่งมันผิดปกติมาก จากคนไม่ชอบเล่นโทรศัพท์หรือถ่ายรูปของกิน อธิราชหรี่ตามองเขาอีก“มึงชอบถ่ายรูปอาหารตั้งแต่ตอนไหนวะ”“ก็ถ่ายเก็บไว้ดู”“อะไรวะ ร้อยวันพันปีแทบไม่หยิบมือถือมาถ่ายอาหาร แดกก่อนกูตลอดเลย”“มันแปลกตรงไหนล่ะ กูจะเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปไม่ได้เลยงั้นเหรอ”“ก็เปล่า กูแค่ไม่เคยเห็นไงเลยถาม”“
บทที่ 14 เอ็นดูหลายนาทีต่อมาเจ้าของรอยยิ้มหวานโคลงศีรษะไปมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี นี่ต้องขอบคุณที่ไฟดับเลยนะ เพราะถ้าไฟไม่ดับเธอคงไม่ได้ออกมานั่งเล่นที่คาเฟแบบนี้ แถมวันนี้ชรัณยังตามใจอีก“ถามอะไรหน่อย”“คะ?”“ไม่มีพี่น้องหรือญาติที่ไหนเลยเหรอ”“มีน่ะมีค่ะ แต่เขาคงไม่นับญาติกับตาลหรอก พวกญาติๆ ฝั่งแม่ก็ไม่ส่งข่าว ส่วนญาติฝั่งพ่อเขาก็...ไม่อยากนับญาติกับคนจนๆ หรอก”“อือ”“ถามทำไมเหรอคะ” แววตาเขาดูเรียบเรื่อยไม่แสดงความสงสัยใดๆ คล้ายว่าถามไปอย่างนั้นแบบไม่ใส่ใจอะไรมาก “อยากให้ตาลไปอยู่กับญาติเหรอ”“ไหนบอกไม่มีใครอยากนับญาติไง”“ก็ถามเป็นพิธีไหมคะ พี่จะย้ำทำไมเนี่ย”“ก็เราพูดเอง”“ก็จริงนั่นแหละ แล้วพี่ชัชถามทำไมเหรอ”“แค่อยากรู้เฉยๆ”“อ๋อ...ไม่มีญาติที่ไหนหรอกค่ะ หัวเดียวกระเทียมลีบมานานแล้ว” เอาจริงๆ เธอแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าญาติหน้าตาเป็นยังไงกัน แค่จำหน้าพ่อกับแม่ได้ก็ถือว่าบุญมากแล้ว แต่ภาพในความทรงจำมันก็ค่อยๆ จางหายไปเหมือนกันนะ แม้จะอยากจำมากแค่ไหนก็ตาม ความอบอุ่นที่เคยได้รับก็เริ่มจางหายไปแล้วเหมือนกัน ทุกวันนี้เธอเลยกอดตัวเอง ให้ความอบอุ่นกับตัวเองทดแทนสิ่งที่เว้าแหว่งไปในชีวิต ทั้ง
บทที่ 15 ข่าวลือคือเรื่องจริง หลายอาทิตย์ต่อมาชรัณลุกออกมาจากเก้าอี้โยกแล้วเดินไปหาแม่หน้าร้าน วันนี้เขาว่างช่วงบ่ายก็เลยมาฝากท้องกับที่บ้าน พอกินอิ่มหนังตามันหย่อนเลยขอพักงีบสักสองชั่วโมงแล้วค่อยจะกลับไปที่ร้านสาขาใหม่“มาก็ดีแล้ว มานั่งตรงนี้เลย” ถูกแม่จับไหล่หิ้วไปนั่งแหมะลงบนเก้าอี้ เดาจากสีหน้าแม่ก็พอรู้ว่าจะถูกซักไซ้แน่นอน ไปรู้อะไรมาอีกล่ะเนี่ย“อะไรครับเนี่ย”“บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ เราไปเดินห้างกับใครมา”“เดินห้าง?”“ใช่”“เดินตอนไหน ผมก็ไปมาอยู่แค่บ้านกับร้านทองเนี่ย จะให้เอาเวลาไหนไปเดิน”“ก็แม่แก้วมาบอกว่าเห็นเราอยู่ห้างกับสาว”“แม่แก้ว?”“อืม”“ตอนไหน” เขาพอจะรู้แล้วละ น่าจะเป็นครั้งที่พาต้นตาลไปเดินซื้อของที่ห้างนั่นแหละมั้ง แต่ไม่รู้ว่าแม่แก้วเห็นเขากับเธอตอนไหนเนี่ยสิ แต่มันผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วทำไมเพิ่งเอามาถาม“ก็หลายอาทิตย์แล้ว”“ตาฝาดเองหรือเปล่าครับ คนหน้าตาคล้ายคลึงกันไปหมด”“ไม่แน่ใจ”“นั่นไงล่ะ ถ้าแม่แก้วเห็นแล้วทำไมไม่เข้ามาทักผมล่ะ”“ก็นั่นสิ แม่แก้วน่าจะถ่ายรูปมาให้ดูด้วย จะได้มีหลักฐาน”“ก็เกินไปนะ แล้วมันไม่ดีเหรอที่ผมควงสาวไปเดินห้าง แม่อยากให้มีแฟนเองนี่”“
บทที่ 16 ตั้งใจ สีหน้าชรัณบ่งบอกถึงความรำคาญขั้นสุด ก่อนที่เขาจะผลุนผลันลุกขึ้นไปตีปากรุ่นน้องแต่ไม่ได้ลงแรงมาก“หยุดแหกปาก ถ้ามึงไม่หยุดกูเตะ”“...” รุ่นน้องเขารีบเอามือปิดปากตัวเองพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักบอกว่าจะปิดปากตามที่พี่สั่ง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เดินเข้าไปดูหน้าต้นตาลให้ชัดๆ พลางอ้าปากค้างทำหน้าอึ้งงันสุดๆ“โอเคยัง” น้ำเสียงและแววตาเขาดูอ่อนโยนกว่าตอนที่หันไปเอ็ดรุ่นน้องซะอีก แถมยังวางมือลงบนท้องเธอลูบไปมาเบาๆ อยู่นาน“โอเคแล้วค่ะ”“งั้นกลับเลยไหม”“ก็ได้ค่ะ ตาลรู้สึกอยากพักเหมือนกัน”“ได้ งั้นกลับตอนนี้เลย” เขาพยักหน้าให้ผู้จัดการร้านแล้วเดินอ้อมไปหยิบมือถือกับกุญแจรถ จากนั้นก็พาต้นตาลไปขึ้นรถที่หน้าร้าน“เดี๋ยวดิพี่ เอาแบบนี้จริงดิ”“อะไรของมึง หลบไปกูจะกลับคอนโด”“พี่ชัช นี่พี่ไม่ปฏิเสธอะไรหน่อยเหรอ แล้วนั่นเมียพี่จริงเหรอครับ”“เอาไว้จะเล่าให้ฟัง”“อา...” อั้มพยักหน้าเออออตามรุ่นพี่ หากเขาพร้อมจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ก็คงบอกไปนานแล้ว “เชี่ย...งานเผาขนมาก”“เป็นยังไง” พอขับรถออกมาได้พักใหญ่ๆ ชรัณก็เอ่ยถามคนที่นอนดมยาดมอยู่เบาะข้างๆ ต้นตาลพยักหน้าหงึกหงักแต่ไม่ได
บทที่ 17 ความจริง 15:30 ร้านทองชรัณนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้หลังร้านขณะที่แม่บ่นให้เขาโดยไม่เว้นช่องให้อธิบายอะไรเลย“โตขนาดนี้แล้วยังจะทำอะไรเป็นเล่นไปได้ แล้วไหนล่ะผู้หญิงคนนั้น”“แน่ใจนะว่าจะเจอ”“ก็แน่ใจสิลูกคนนี้นี่!”“ใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งโวยวายไปเดี๋ยวเป็นลมมาไม่คุ้มนะ” เขาพยายามพูดให้แม่ใจเย็นตาม แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่ยอมเย็นตามเลย แล้วถ้าเขาบอกว่าต้นตาลกำลังท้องด้วยล่ะ จะไม่เป็นการลอบฆ่าแม่ทางอ้อมใช่ไหม “นั่งก่อนนะ เชื่อผมมันจะออกมาดีแน่นอน” เขาเกลี้ยกล่อมแม่จนแม่ยอมนั่งลงแต่โดยดี“แล้วนี่คิดยังไงถึงได้พาผู้หญิงเข้ามานั่งในร้านฮะ”“ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเลยนะ ผมก็แค่พาเขามานั่งรอแค่นั้น จำเป็นต้องคิดด้วยเหรอ” เขาตั้งใจพาต้นตาลมาเอง อันนี้ยืดอกยอมรับเลยเพราะอยากให้เธอเข้ามามีบทบาทในชีวิตเขามากขึ้นด้วยไง พอถึงเวลาต้องบอกกับแม่ตรงๆ ว่าทำผู้หญิงท้องจะได้ไม่เป็นเรื่องใหญ่โตเกินไป“เป็นลูกเต้าเหล่าใคร แม่รู้จักไหม”“คิดว่าไม่นะ”“อย่ามาเล่นลิ้นนะชัช”“ก็พูดความจริงอยู่นี่ไง ผมถึงบอกให้แม่ใจเย็นๆ ก่อนไงครับ อีกอย่างน้องไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะ เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเนี่ยแหละ”“เจอกันที่ไหน”“ใ
บทที่ 18 ตรวจดีเอ็นเอด้วยตัวเอง NC 20:00ชรัณนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนซึ่งต้นตาลกำลังอาบน้ำอยู่ เขาเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่เดินออกมาจากห้องน้ำก่อนจะวางหนังสือลงแล้วเอียงคอมองอีกฝ่าย“ยั่วเหรอ”“เปล่านะคะ ก็แค่ชุดนอนธรรมดาที่ตาลใส่ทุกวัน” จะมายั่วอะไรล่ะ เธอก็ใส่ชุดนอนแบบนี้ทุกคืนนะ แค่ใส่เวลาที่เขาไม่อยู่เท่านั้นเอง “พี่ชัชอาจไม่เคยเห็น แต่ตาลใส่แบบนี้ทุกคืน”“อ๋อ ใส่แค่ตอนที่ฉันไม่อยู่สินะ” ปกติเธอใส่ชุดนอนกระโปรงยาวถึงหน้าแข้งโน่น แต่วันนี้ใส่ชุดนอนผ้าซาตินยาวถึงเข่า แถมยังโนบราอีก “แล้วทำไมวันนี้ถึงใส่ ถ้าไม่ได้ตั้งใจใส่มายั่วกันงั้นขอเหตุผลหน่อย”“ร้อนค่ะ”“ร้อน?” เงยหน้ามองแอร์ทันที “สิบเก้าองศาเนี่ยนะร้อน” อยากแค่นหัวเราะในคอจัง แต่จะอย่างไรก็ช่างเถอะ แต่งตัวมายั่วกันขนาดนี้จะไม่ให้เขารู้สึกรู้สาอะไรก็ไม่ใช่หรอก เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่นาชรัณหรี่ตาแคบลงมองส่วนเว้าส่วนโค้งของต้นตาล“มองอะไรคะ”“ยังจะถามอีกเหรอว่ามองอะไร ก็มองอยู่อย่างเดียวนั่นแหละ”“พี่ชัช” เธอทำขึงขังใส่เขา“อยากเหรอ” เขาถามเสียงเรียบ “แต่จะว่าไปเราไม่ได้ปลดปล่อยมาหลายวันแล้วนะ สักยกไหม”ดู๊ดูเขาพูดดิ เวลาเข
บทที่ 19 ใส่ใจไม่ได้แปลว่ามีใจ“มึงมาทำอะไรแต่เช้าวะเนี่ย” โลกมันก็ชอบเหวี่ยงคนรู้จักมาเจอเขาจริงๆ เลย “หรือว่ามึงเพิ่งออกมาจากคลับ” อธิราชหรี่ตามองชรัณ ซึ่งเพื่อนเขายังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจเฉิบอยู่เลย“มาใส่บาตร”“ว้าว! สงสัยนรกไม่เปิดรับคนใจบุญอย่างมึงแล้วแหละ”“หึหึ ตลกนะไอ้สั*ว์”“กูเห็นคนหน้าคุ้นอยู่ตรงนั้น” อธิราชชี้นิ้วไปยังร้านหมูปิ้ง ซึ่งคนที่ยืนก้มหน้าทำตัวมีพิรุธก็คือต้นตาล ชรัณลอบยิ้มมุมปาก รู้สึกเอ็นดูเธอมากกว่าแต่อธิราชไม้ทันได้เห็นเขายิ้มหรอก“คนก็หน้าเหมือนกันหมด คุ้นอะไรนักหนา”“กูคุ้นจริงๆ นะ เหมือนเคยเห็นกันที่ไหนแถมตอนเดินผ่านมาเธอยังทำหน้าตกใจอย่างกับเห็นผีแน่ะ”“ก็มึงหน้าเหมือนผี”“บ้าน่า กูหล่อขนาดนี้นะ”ชรัณหัวเราะในคอเบาๆ ซึ่งเพื่อนก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ อันนี้เขาไม่เถียงอธิราชเลย“แล้วมึงมาทำอะไรในเมืองแต่เช้า”“มางาน ก็เลยแวะหาของกินก่อน”“อ๋อ งั้นสั่งกาแฟมากินดิ กูจ่ายเอง”“ได้”ชรัณเหลือบไปมองคนตัวเล็ก เมื่อไม่เห็นเธออยู่หน้าร้ายหมูปิ้งจึงไลน์ไปหา ไม่นานต้นตาลก็ตอบกลับมา พร้อมกับส่งรูปว่าเธอนั่งอยู่ร้านโจ๊กในตลอดนั่นเอง“ถอนหายใจทำไม” อธิราชเอี้ยวหน้ามาถามเ