ตอนพิเศษ 2วันคลอดต้นตาลเอนหลังพิงโซฟายกขาไปพาดหน้าขาชรัณอยู่ภายในห้องพักเตรียมคลอด เธอรู้สึกชาขาและเหนื่อยจนไม่อยากขยับกายไปไหน ท้องสองท้องใหญ่กว่าท้องแรกมาก ทั้งเวลาเดินเวลานั่งจึงลำบาก แต่ดีที่มีสามีอย่างชรัณอยู่ข้างๆ กายคอยช่วยเหลือและเป็นมือให้เธอ“พอแล้วค่ะ พี่อยากกลับไปเอาของไหม ตาลอยู่รอคุณแม่ได้นะ”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่รออยู่กับเราที่นี่แหละ”“พี่ไม่ได้นอนเลยนะ อยากนอนพักสักหน่อยไหมคะ” เธอเอ็นดูคุณพ่อลูกสองมาก เขาน่ะตื่นเต้นกว่าเธออีกนะที่ว่าลูกจะคลอดน่ะ ตั้งตารอกันทั้งบ้านเลย และเจ้ายูตะน้อยก็ดีใจอยากเจอหน้าน้องแล้วด้วย“ห่วงเราเถอะ พี่พักตอนไหนก็ได้”“ตาลโอเคค่ะ ว่าแต่พี่…” ต้นตาลหลับตาพริ้มเมื่อชรัณยกมือขึ้นมาลูบแก้มเธอเบาๆ ส่งผ่านภาษากายว่าเขาน่ะโอเคมาก ห่วงก็แต่เธอคนเดียว “พี่อย่าไปไหนนะ อยู่กับตาลก่อน” เธอกลัวทุกครั้งที่จะคลอดลูก แต่ถ้ามีชรัณอยู่ข้างกายก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร แถมยังเบาใจมากด้วย“รู้ว่าเรากลัว แล้วพี่ก็ไม่ไปไหนแน่นอน”“พี่ก็ยังเป็นพี่ ทำไมพี่แสนดีขนาดนี้เนี่ย”“หึหึ”“จริงๆ นะ ถ้าตาลไม่ได้เจอกับพี่ตาลก็อาจจะยังทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ขอบคุณที่ได้เจอพี่”
บทนำนัยน์ตาดำขลับเบิกกว้างขณะจ้องมองแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในมือ ใบหน้าเข้มขรึมไม่แสดงออกถึงความตระหนกตกใจใดๆ ทว่าหัวใจแกร่งกลับกระตุกวูบอยู่หลายครั้ง ต่างจากร่างกายของหญิงสาวที่แบกหน้ามาบอกว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขา“เธอ…มั่วเองหรือเปล่า” ประโยคแรกที่เธอรอฟังจากปากเขาหลังจากยื่นที่ตรวจครรภ์ให้ กลับเป็นประโยคแรกที่เธอสัมผัสถึงความสิ้นหวัง ใบหน้าหญิงสาวผ่าวร้อน หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้จะหาคำพูดสวยหรูหรือคำไหนมายืนยันว่าเธอไม่ได้มั่ว“ตาลไม่เคยนอนกับผู้ชายคนไหน ตาลนอนกับพี่ชัชคนเดียว และพี่ชัชเป็นคนแรกของตาล” ต้นตาลหญิงสาววัยยี่สิบสองปีเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ แววตาเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนไม่รู้จะพูดยังไงให้เขาเชื่อ ว่าเธอน่ะไม่ได้มั่วขึ้นเตียงกับผู้ชายอย่างที่เขากล่าวหาเมื่อครู่ “หนูท้อง ท้องลูกพี่ชัช”“จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง เธอทำงานในสถานที่แบบนั้น เจอแขกมากมาย” ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรับผิดชอบ แต่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนับครั้งได้ บ้างก็อ้างว่าได้ขึ้นเตียงกับเขาทั้งที่ยังไม่เคยพูดคุยกัน และมีบางคนที่มาบอกว่าท้องกับเขาบ้างล่ะ เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ แล้วไม่ให้เขาถา
บทที่ 1 จุดเริ่มต้น แต๊ก แต๊ก แต๊กปลายนิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความส่งหารุ่นพี่ที่รู้จัก หลังจากหยุดพักเบรกกินข้าวเที่ยงอยู่หลังร้านสะดวกซื้อ ในที่พักประจำของพนักงานขายซึ่งผลัดเปลี่ยนกันประจำหน้าเคาน์เตอร์คิดเงินต้นตาลกะพริบตาปริบ ๆ รอข้อความตอบกลับจากรุ่นพี่อย่างจดจ่อ ขณะเดียวกันก็ตักข้าวผัดป้ายเหลืองราคาแสนถูกเพราะใกล้หมดอายุเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ อาหารเที่ยงแสนถูกช่วยประทังชีวิตเธอไปมื้อ ๆ เท่านั้น เงินเดือนที่หามาได้ต้องเก็บไว้จ่ายค่าห้องและค่ากิน เหลือเก็บในแต่ละเดือนก็ไม่กี่บาท เธอจึงอยากหางานเสริมเพื่อให้ได้เงินเพิ่มอีกนิดหน่อย เพราะมีความฝันว่าอยากเรียนต่อให้จบปริญญาตรี จึงจะเก็บเงินไว้จ่ายค่าเทอมด้วย“แกจะไปทำงานแบบนั้นจริงเหรอยายตาล” เพื่อนเข้างานเวลาเดียวกับเธอเอ่ยถาม จากสีหน้าก็พอรู้ว่าเพื่อนไม่ชอบเท่าไหร่ที่เธอบอกว่าจะไปทำงานในคลับ“ก็รอให้พี่เขาตอบกลับอยู่เนี่ย ถ้าได้จริงๆ ฉันยอมทำนะ” หญิงสาวละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ไปมองหน้าเพื่อน “เปลืองตัวหน่อยแต่เงินดี”“ฉันไม่คิดว่าแกจะมีความคิดแบบนี้”“ยังไง ที่อยากไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์ในคลับอะเหรอ”“อือ”“ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ มันก็คืองานและ
บทที่ 2 ครั้งแรกไม่เสียวเสมอไป NCคำถามตรงไปตรงมาทำเอาความต้นตาลนิ่งงันไปชั่วอึดใจหนึ่ง ทว่าชรัณกลับหัวเราะขบขันราวกับว่าเป็นเรื่องตลก เขากำลังทำเธอเสียความมั่นใจ“พี่ชัชหัวเราะตาลเหรอ”“อยู่กันสองคนจะให้ฉันหัวเราะใครล่ะ” ปลายนิ้วชี้เขาแตะลงปลายคางเธอเบาๆ เชยใบหน้าแดงเรื่อขึ้นสบตากัน “ว่ายังไง”ต่อให้เมามากแค่ไหนก็ได้ยินประโยคที่เขาก่อนหน้านี้ชัดเจน รูม่านตาเธอเบิกกว้างเมื่อชรัณเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้กันชนิดที่ว่าสัมผัสลมหายใจกันได้เลยทีเดียว ปลายจมูกเชิดรั้นแตะสัมผัสกับปลายจมูกโด่งคมพอเฉียด ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะผละใบหน้าออกไป“หัวใจเธอ เต้นแรงไปนะ”“...”! หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะจนคนตรงหน้าได้ยินมัน “ตาลแค่ตื่นเต้น”“แต่เธอยังไม่ให้คำตอบฉันเลยนะสาวน้อย” เสียงกระเส่าลอดผ่านริมฝีปากหยัก ขณะที่ดวงตาคมยังวางไว้ที่ดวงหน้าของผู้หญิงตรงหน้า เฝ้ารอคำตอบจากปากเธอ“ตะ ตาลไม่เคย”“ว่ายังไงนะ” ชรัณเอียงใบหน้ามองเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีอะไรโต้แย้ง แววตาที่เคยมองเขาอย่างอยากเอาชนะเมื่อหลายนาทีก่อนกลับฉายแววใสซื่อ “เธอยังไม่เคยมีอะไรกับใครเหรอ”“...” ต้นตาลส่ายหน้าเล็กน้อย ความใสซื่อข
บทที่ 3 ไม่เจอกันเลย วันต่อมา 15:00ต้นตาลเดินถ่างขากลับไปล้มตัวนอนบนเตียงในห้องพัก วันนี้เธอขอพี่เปรี้ยวเข้างานตอนสี่โมงครึ่ง ด้วยรู้สึกไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้เอาให้ได้ สาเหตุก็เพราะเมื่อคืนนั่นแหละ หลังออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอเขาเธอก็กลับห้องตัวเองทันที ทั้งที่จะนอนพักที่นั่นแล้วค่อยกลับก็ได้ แต่รู้สึกละอายใจตัวเองจึงกลับมานอนซมที่ห้องดีกว่าเมื่อคืนนับไม่ได้ว่าเขาเสร็จกิจไปกี่รอบแล้วเธอเสร็จไปกี่รอบ รู้ตัวอีกทีก็ลากสังขารตัวเองกลับมาถึงห้องแล้ว ดีหน่อยที่ได้นอนพักไปหลายชั่วโมง แต่พอตื่นขึ้นความเมื่อยล้ากลับเล่นงานซะได้ ทั้งเจ็บแสบตรงกลางกายอีก“มีเซ็กซ์ครั้งแรกอย่างกับไปรบมา คนอื่นเขาเป็นเหมือนเราไหมวะ” ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงดันตัวลุกขึ้นมานั่งห้อยขาขอบเตียงแล้วเลื่อนจอรับสาย(ตาลไม่มาทำงานเหรอ เธอกะดึกนะวันนี้)“วันนี้ขอลาป่วยกับหัวหน้าแล้วอะ ตาลไม่สบาย”(จริงเหรอ หรือว่าแกจะลาออกแล้ว)“ไม่รู้สิ”(แล้วทำงานที่นั่นวันแรกเป็นไง เงินดีจริงปะ)“ก็...” ต้นตาลหันมองกระเป๋าสะพาย แล้วเดินไปเปิดดูเงินสดในนั้น “ก็โอเคอยู่นะ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า แต่ต้องหาย
บทที่ 4 กังวล สองวันต่อมาต้นตาลนั่งกุมขมับตัวเองอยู่หลังร้านสะดวกซื้อในเวลาพักเที่ยง นี่ก็ผ่านมาจะหนึ่งเดือนแล้วประจำเดือนเธอยังไม่มีวี่แววจะมาเลย หากไม่ใช่เรื่องคืนนั้นเธอคงไม่กังวลมากขนาดนี้“เอาไงดีวะ จะตรวจเลยไหม” หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ พยายามสะกดจิตตัวเองให้คิดเรื่องดีๆ เข้าไว้ แต่สมองมันก็คิดได้แป๊บเดียวเท่านั้น แล้วพลันคิดถึงเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นขึ้นมาอีก ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิทำงานแล้วจริงๆโง่เอ๊ย! ทำไมไม่ชะล่าใจบ้างนะยายตาล เกิดเราท้องขึ้นมาจริงๆ อนาคตจบเห่แน่“ตาลๆ”“คะพี่”“มาช่วยพี่หน่อย”“ค่ะๆ ไปตอนนี้แหละค่ะ” เธอสลัดความคิดนั้นออกจากหัวชั่วคราวแล้วไปช่วยพี่ทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน วันนี้พี่เปรี้ยวโทร. มาบอกให้เธอเข้างานเร็วหน่อย เพราะวันนี้มีลูกค้าวีไอพีเข้าเยอะ ทว่าเธอกลับหวังให้ลูกค้าวีไอพีหนึ่งในนั้นเป็นเขาพอมาถึงที่ทำงานก็รีบไปเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผม หลังจากดูพี่ปรางแต่งหน้ามาหลายต่อหลายครั้งเธอก็ครูพักลักจำเอาเคล็ดลับดีๆ จากพี่เขามาแต่งหน้าตัวเองบ้าง พอแต่งได้น่ะ ไม่ถือกับเก่งอะไรมากนัก เอาเป็นว่าแต่งออกมาหน้าไม่ลอยเหมือนกระสือแล้วกันหลังจากแต่งหน้าเสร็จพี่เป
บทที่ 5 แจ๊กพอตแตกแม้จะเป็นขีดสีแดงจางๆ ทั้งสองขีด แต่มันก็ชัดเจนพอที่จะบอกว่าเธอตั้งท้อง! อาการที่เป็นอยู่ก็มาจากการแพ้ท้อง เธอท้อง ท้องกับชรัณ“ทะ ทำยังไงดีตาล ทำยังไงดี” เธอสติแตกทำอะไรไม่ถูก ฟุบนั่งลงกับฟูกนุ่มๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ทั้งหยิกทั้งตบตีตัวเองให้ตื่นจากฝัน ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง เธอไม่ได้ฝันไป “ทำไมสะเพร่าแบบนี้ยายตาล” อยากตีตัวเองให้เจ็บจะได้หลาบจำและให้ระลึกได้ว่าต้องทำยังไง แต่ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน นึกอะไรไม่ออกสักนิดแต่ตอนนี้เธอนึกออกอย่างเดียวคือต้องไปหาชรัณ ไปคุยกับเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น“เบอร์โทรติดต่อเขาก็ไม่มี ไลน์ เฟซอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วแบบนี้จะได้คุยกับเขาไหมยายตาล” แต่ความเพลียบวกกับอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ร่างกายเธอฝืนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปทั้งที่มือยังกุมแท่งตรวจครรภ์ไว้วันต่อมาต้นตาลงัวเงียตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน อาการปวดร้าวแล่นผ่านร่างกาย“อุ๊บ!” ทันทีที่ตั้งสติได้อาการพะอืดพะอมก็เล่นงาน เธอคลานเข่าเข้าไปในห้องน้ำแล้วอ้วกออกมาจนหมดแรง น้ำตาใสๆ พลันหยดอาบสองแก้ม ไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อนเลย “ทำไมมันเหมือนจะตายแบบนี้” เธอเป
บทที่ 6 ไร้ที่พึ่งพิงไม่รู้ว่าเป็นเขาจริงไหม ที่จ่ายค่าแอดมิตโรงพยาบาลให้ ราคาต่อคืนบวกกับค่ายาค่าดูแลผู้ป่วยไม่มีญาติมาเฝ้าคงหลายหมื่นแน่เลย เธอจึงไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ไปหาชรัณทันที ทว่าสัญญาณรอสายดังขึ้นจนสายถูกตัดไปเอง เธอไม่ท้อใจที่จะโทร.ไปหาอีก คราวนี้กลับติดต่อไม่ได้ แถมยังบริการฝากหมายเลขโทร.กลับอีกหรือนี่จะเป็นการรับผิดชอบของเขา จ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วก็จบ“แต่ตาลไม่ได้ไปมั่วกับผู้ชายคนไหนนี่คะ” ต้นตาลเบะปากร้องไห้ นั่งชันเข่าบนเตียง กอดเข่าแล้วฟุบหน้าลงร้องไห้ออกมาจนพยาบาลตกใจ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ”“เปล่าค่ะ ฉันแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”“อีกเดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจ นอนพักดีกว่านะคะ”“...”“แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่อีกไหมคะ หรืออาการพะอืดพะอมอยากอ้วกมีไหม”“ไม่มีค่ะ คนที่จ่ายค่ารักษาให้ เขาจะมาอีกไหมคะ” จู่ๆ คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ชรัณล่ะ? หรือว่าเป็นเขานั่นแหละที่พาเธอมารักษาโรงพยาบาลเอกชน แล้วออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด@ร้านทอง“พี่ชัชขอแปรงทาสีอันเล็กหน่อยครับ”“...”“พี่ชัช” ยังนั่งนิ่ง “พี่ชัช” ก็ยังไ