บทที่ 4 กังวล
สองวันต่อมา
ต้นตาลนั่งกุมขมับตัวเองอยู่หลังร้านสะดวกซื้อในเวลาพักเที่ยง นี่ก็ผ่านมาจะหนึ่งเดือนแล้วประจำเดือนเธอยังไม่มีวี่แววจะมาเลย หากไม่ใช่เรื่องคืนนั้นเธอคงไม่กังวลมากขนาดนี้
“เอาไงดีวะ จะตรวจเลยไหม” หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ พยายามสะกดจิตตัวเองให้คิดเรื่องดีๆ เข้าไว้ แต่สมองมันก็คิดได้แป๊บเดียวเท่านั้น แล้วพลันคิดถึงเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นขึ้นมาอีก ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิทำงานแล้วจริงๆ
โง่เอ๊ย! ทำไมไม่ชะล่าใจบ้างนะยายตาล เกิดเราท้องขึ้นมาจริงๆ อนาคตจบเห่แน่
“ตาลๆ”
“คะพี่”
“มาช่วยพี่หน่อย”
“ค่ะๆ ไปตอนนี้แหละค่ะ” เธอสลัดความคิดนั้นออกจากหัวชั่วคราวแล้วไปช่วยพี่ทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน วันนี้พี่เปรี้ยวโทร. มาบอกให้เธอเข้างานเร็วหน่อย เพราะวันนี้มีลูกค้าวีไอพีเข้าเยอะ ทว่าเธอกลับหวังให้ลูกค้าวีไอพีหนึ่งในนั้นเป็นเขา
พอมาถึงที่ทำงานก็รีบไปเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผม หลังจากดูพี่ปรางแต่งหน้ามาหลายต่อหลายครั้งเธอก็ครูพักลักจำเอาเคล็ดลับดีๆ จากพี่เขามาแต่งหน้าตัวเองบ้าง พอแต่งได้น่ะ ไม่ถือกับเก่งอะไรมากนัก เอาเป็นว่าแต่งออกมาหน้าไม่ลอยเหมือนกระสือแล้วกัน
หลังจากแต่งหน้าเสร็จพี่เปรี้ยวก็มาพาเธอกับรุ่นพี่คนหนึ่งขึ้นไปชั้นสองโซนวีวีไอพี ลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ ตอนแรกบอกให้มาดูแลลูกค้า ไป ๆ มา ๆ กลับกลายเป็นว่าลูกค้าดูแลซะงั้น ทั้งป้อนขนมและเครื่องดื่มพอกรุบกริบ ส่วนภาษาก็พอได้นิดหน่อยจึงสื่อสารกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
“ตาลๆ ลูกมานี่หน่อย”
“คะ” เธอหันไปมองพี่เปรี้ยวซึ่งกวักมือเรียกอยู่ตรงทางลงบันได ต้นตาลขอตัวแล้วรีบไปหาพี่เขา ด้วยเสียงเพลงดังเกินไปเธอจึงโน้มหน้าลงเล็กน้อย ทว่าในตอนนั้นกลับมีลูกค้าคนหนึ่งเดินผ่านหน้าไป “พี่ชัช”
“ใช่แล้ว พี่กำลังจะบอกเราอยู่พอดีเลยว่าคุณชัชมา เขาให้เราไปดูแลด้วยนะ”
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
“อ้อนเยอะๆ นะลูกสาว”
ต้นตาลหันกลับไปมองชรัณซึ่งนั่งอยู่โต๊ะในมุมอับแสง แต่กลับเป็นส่วนตัวกว่าโต๊ะอื่น เธอสูดหายใจแล้วเดินเข้าไปหาเขา ไม่รู้สิ ความรู้สึกมันแปลกไปกว่าเดิมอยู่นิดหน่อย แม้จะท่องในใจว่าเขาคือลูกค้า แต่อีกความรู้สึกกลับบอกว่าไม่ใช่
“นั่งสิ”
“ค่ะ” เธอยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็เชิญให้นั่งก่อนเลย พอนั่งลงเสร็จพนักงานก็เอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพอดี “เอ่อ...” เธอลังเลใจอยู่ว่าจะถามเขาดีไหม ชอบดื่มเหล้าเปล่าๆ แบบไม่ผสมน้ำก็จริง หากวันนี้เขาอยากดื่มแบบผสมล่ะ
ไม่ถามดีกว่า ลองใจเขาดูสักหน่อยว่าจะกินแบบไหน
เธอรินตากีลาใส่แก้วให้ชรัณพร้อมกับส่งให้เขากับมือ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาทั้งนั้น เขาก็ดื่มปกติแถมยังทำหน้านิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจอย่างไรอย่างนั้น
“หายไปไหนมาตั้งนานคะ ตาลนึกว่าคุณชัชจะไม่มาที่นี่ซะแล้ว”
“ฉันติดธุระ” ธุระส่วนตัวยุ่งกว่างานในร้านทองอีก ทั้งไม่ใช่เรื่องตัวเอง ทั้งเรื่องตัวเอง วันๆ พันเหตุการณ์ “รู้นี่ว่าฉันชอบดื่มแบบไม่ผสมอะไร”
“จำได้ค่ะ คุณชัชเคยบอกไว้ตอนที่เจอกันครั้งแรกน่ะค่ะ”
“เหรอ” ชรัณยกยิ้มมุมปาก มองใบหน้าจิ้มลิ้มฝ่าแสงไฟสลัว แม้ไม่มีความสว่างมากพอแต่เขาเห็นรอยยิ้มบางๆ จากหญิงสาวได้อย่างชัดเจน
“วันนี้จะอยู่นานไหมคะ”
“ก็...” เขาหลุบตามองโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะยื่นมือไปเคาะหน้าจอสองครั้งเพื่อดูเวลา “กลับตอนไหนก็ตอนนั้น” นั่นก็แปลว่าเขาจะดื่มอยู่ที่นี่ดึกน่ะสิ น่าแปลกใจที่เธอรู้สึกดีอกดีใจน้อยๆ แต่เขาจะให้ความหวังหรือเป็นเธอเองที่คาดหวังมากไปก็ค่อยมาลุ้นกันอีกทีหนึ่ง
“งั้นคืนนี้ตาลขอดูแลคุณชัชนะคะ”
“...” ชรัณมองใบหน้าสวยฝ่าเนื้อแก้วเหล้าในมือที่ยกขึ้นมากำลังจะจิบ เขาไม่ได้ตอบกลับในทันที เพียงรอว่าเธอจะพูดอะไรต่ออีกไหม เมื่อแน่ใจแล้วว่าต้นตาลไม่เอ่ยอะไรอีกจึงวางแก้วลง
“อยากกินอะไรไหมคะ เดี๋ยวตาลสั่งให้”
“ไม่”
หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องประหม่ามากขนาดนี้ ‘กลับไปยิ้มแย้มเหมือนเดิมสิยายตาล ยิ้มแย้ม ยิ้มกว้าง...’
“มานั่งตรงนี้” ฝ่ามือหนาตบหน้าขาตัวเอง ซึ่งโซฟาที่เขานั่งมันสำหรับที่นั่งคนเดียวพอดี ส่วนอีกตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกันซึ่งเธอจะนั่งตัวนี้ก็ได้แต่เขากลับอยากให้ไปนั่งตัก ต้นตาลจึงไม่อิดออดที่จะลุกไปนั่งตักเขา
“ทำไม อย่าบอกนะว่าเธอรอฉัน”
“ก็...” ถ้าตอบว่าใช่เขาจะขำไหมนะ สถานะเธอกับเขาก็เป็นแค่ลูกค้ากับเด็กคอยบริการ ส่วนเรื่องวันนั้นก็จบไปแล้ว “ตาลมีลูกค้ามากมาย ไม่ได้มานั่งรอใครหรอกค่ะ” เธอเชิดหน้าขึ้นแล้วตอบกลับไปด้วยความจริง ลูกค้าในคลับน่ะเยอะทุกวันก็จริง แต่เธอไม่ได้รับงานกินเหล้านอกสถานที่แบบที่ไปกับเขา เขาก็ยังดำรงตำแหน่งคนแรกของเธอตั้งแต่นั้นมา
“หึ” เสียงหัวเราะในคอเขาดังขึ้น ช่างเป็นช่วงเวลาที่หัวใจเธอสงบลงได้ ดวงตาได้ที่โฟกัสใหม่คือใบหน้าของชรัณ พอได้มองสำรวจแบบใกล้ชิดแบบนี้แล้วยิ่งทำให้เธอรู้สึกบางอย่างกับเขา “มองหน้ากันขนาดนี้ เอากลับไปมองที่บ้านเลยไหม”
“หึหึ ให้เอากลับจริงเหรอคะ ถ้าอนุญาตตาลจะเอากลับ” แต่จังหวะที่จะยกมือขึ้นไปจับใบหน้า เขากลับเอียงหลบคล้ายว่าไม่อยากให้เธอวุ่นวายกับหน้าตัวเอง ต้นตาลอมยิ้มแล้ววางมือลงบนหน้าอกแทน
ชรัณหันมามองสบตากับหญิงสาว ฝ่ามือเขาเริ่มลูบไล้แผ่นหลังบอบบางเบาๆ ด้วยต้นตาลใส่เดรสสายเดี่ยวรัดรูปเว้าหลัง จึงง่ายที่เขาจะสอดมือเข้ามาในชุดและลูบไว้สะโพกเธอ
“อย่าดีกว่าค่ะ”
“ทำไม จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา”
“ไม่ได้อยากได้เงินค่ะ”
“แน่ใจ”
“ค่ะ” เมื่อเธอพูดมาแบบนี้แล้วชรัณจึงละมือจากผิวเธอ เขาเลือกที่จะวางมือไว้บนส่วนที่มีเนื้อผ้ากั้นแทน การสัมผัสผิวโดยตรง “งั้นตาลขอนั่งอยู่ตรงนี้นะคะ” เธอไม่รอฟังคำตอบใดๆ แล้วโน้มตัวไปโอบกอดเขาไว้แทน เกยคางกับไหล่กว้าง ไออุ่นจากร่างกายเขาไม่อาจดับความเหน็บหนาวได้ก็จริง แต่ทุเลาลงได้เยอะเลย
“เอามือเข้าไปสิ” ฝ่ามือหนาที่วางอยู่บนหน้าขาต้นตาลค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมาจับมือเธอสอดเข้าไปในเสื้อสูทตัวเอง มือเรียวเย็นเฉียบจากความประหม่าได้สัมผัสไออุ่นค่อนไปทางร้อนจากร่างกายเขาครั้งแรกหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันแรมเดือน
“อุ่นจัง”
“...” ชรัณปรายตามอง
“ตาลถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“ว่า”
“วันนั้น...ที่ร้านสะดวกซื้อน่ะ คุณชัชจำตาลได้ไหม”
ใบหน้านวลเนียนเริ่มเห่อร้อน ลุ้นกับคำตอบเขากว่าลุ้นหวยวันที่หนึ่งเสียอีก แต่เหมือนชรัณจงใจแกล้งเธออย่างไรอย่างนั้น เขายกยิ้มมุมปากพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ
“ตกลงจำได้ไหมคะ หรือว่าไม่เคยจำหน้าผู้หญิงที่...”
“ที่อะไร”
“ที่หลับนอนด้วยไม่ได้สักคน”
“หึหึ” เขาหัวเราะในคอ “เธอคิดว่าไง”
“ไม่เอาสิ ตาลเดาใจคุณชัชไม่ถูกแล้วค่ะ” ไม่อยากเป็นคนโง่ในสายตาเขา ที่ตอบเดาๆ มัวๆ ไปอย่างนั้น “ตกลงจำกันได้ใช่ไหม แล้วทำไมทำเหมือนไม่รู้จักกันเลยล่ะคะ”
“ฉันแค่ไม่อยากรบกวนเวลาเธอทำงาน”
“...” หัวใจดวงน้อยที่เพิ่งสงบลงได้ไม่กี่นาทีที่แล้วกลับมาเต้นระส่ำอีกครั้ง เพียงคำพูดสั้นๆ จากปากหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้ เธอสามารถเชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์กันนะ “แววตาคุณ สีหน้าคุณนิ่งเรียบซะจนตาลอดคิดแบบนั้นไม่ได้เลยค่ะ”
“ปกติไม่ค่อยเจอกันเป็นครั้งที่สองหรอก จบบนเตียงก็ต่างแยกย้าย”
สิ่งที่เขาทำนั้นดูชำนาญการมากเลยนะ และเป็นเรื่องปกติไปแล้วแน่เลย ที่เขาไม่สานสัมพันธ์ต่อกับคนที่เคยขึ้นเตียงด้วยกัน แล้วทำไมเขาถึงอยากให้เธอมาบริการล่ะ?
“ทำไม ทำหน้าสงสัยทำไมนักหนาเนี่ย” สองนิ้วเขาคลึงหว่างหัวคิ้วของต้นตาลให้คลายออกจากกัน “คิ้วเธอจะชนกันอยู่แล้ว”
บ้า... ถ้าไม่อยากสานสัมพันธ์แล้วมาพูดดีด้วยทำไมล่ะ ไหนจะยิ้มหวานๆ แบบนั้นอีก แล้วไหนจะให้...นั่งตักอีก
โอ๊ย! เธอสับสนไปหมดแล้วจริงๆ นะ หรือว่าเป็นเธอเองที่คิดมากไป เขาก็แค่ออกมาเสพความสุขตามปกติ คิดมากอะไรเนี่ยยายตาล
“ตาลขอตัวแป๊บหนึ่งนะคะ”
“...” ชรัณพยักหน้าเข้าใจแล้วเลิกคิ้วให้หญิงสาว ต้นตาลจึงลุกออกมาจากตักเขาเดินลงไปข้างล่าง
“อ้าวลูกสาว คุณชัชกลับแล้วเหรอลูก”
“ยังค่ะ ตาลขอเขาลงมาเข้าห้องน้ำหน่อย”
“เป็นอะไร ทำไมหน้าดูไม่จอยเลยล่ะลูกสาว”
เมื่อถูกทักแบบนี้ต้นตาลรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันที
“เปล่านี่คะ”
“อ๋อ งั้นพี่ไปดูแลลูกค้าก่อนนะลูก”
“ค่ะ” พอพี่เปรี้ยวเดินลับตาไป ต้นตาลก็ถอนหายใจออกยาวๆ เธอน่ะไม่ได้ลงมาเข้าห้องน้ำอย่างที่บอกไปหรอก แค่ลงมาทำสมาธิเท่านั้น อยู่ใกล้เขามากไปเหมือนถูกดูดพลังยังไงไม่รู้ รู้สึกเมื่อยล้าจนอยากซบกายลงกับอกอุ่นๆ “เฮ้อ…ยายตาล นี่แกเป็นอะไรวะเนี่ย” กลิ่นกายหอมๆ ใบหน้าคมสัน แววตาที่มองมานั้น… “ปรือ!” เธอบึนปากแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ เอาน้ำเย็นแปะๆ ใบหน้าเพื่อให้หายร้อน
เท้าเรียวเดินไปข้างหน้า ในใจลุ้นว่าเขาจะยังอยู่ที่เดิมไหม หรือว่ากลับไปแล้ว ทว่าจังหวะที่จะก้าวขึ้นไปบันไดขั้นแรกชรัณกลับเดินสวนลงมาพอดี เธอเอาแต่มองหน้าเขาจนไม่ทันมองจนพลาดท่าเสียหลัก
“ระวังหน่อย เดี๋ยวใบหน้าสวยๆ ของเธอจะเป็นรอยแผลเป็นนะ” เป็นชรัณที่รับตัวเธอไว้แถมเขายังเอามือมาป้องหน้าผากเธอเพื่อไม่ให้ชนกับราวบันไดอีก หากไม่ได้เขาหน้าผากเธอคงแตกเย็บไปหลายเข็มแน่เลย
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
“อืม”
“ก็ไหนบอกจะดื่มนานหน่อย” บ้า เขาไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะอยู่นาน เธอคิดเอาเองต่างหาก “ขอโทษค่ะ ตาลคงคาดหวังมากเกินไป”
“หึหึ งั้นฉันกลับแล้วนะ” ปลายนิ้วเชยคางต้นตาลขึ้นมาสบตากับครู่หนึ่งเขาก็เดินออกไป ต้นตาลทำได้เพียงยืนมองเขาค่อยๆ เดินห่างออกไปทั้งที่ในใจอยากเดินตามไปกอดเขาเอาไว้
“คิดอะไรบ้าๆ วะ” พอนึกขึ้นได้ว่าไม่มีเบอร์โทร. เขาไว้ติดต่อกันเลย เธอจึงรีบเดินตามไปยังลานจอดรถ “เดี๋ยวค่ะคุณชัช”
“ว่าไง” ชรัณหยุดแล้วหันกลับมามอง
“เอ่อ...ตาลไม่มีเบอร์คุณเลย ตาลขอเบอร์โทรคุณไว้ติดต่อได้ไหมคะ” เขายกยิ้มมุมปาก “ตาลไม่โทรไปกวนแน่นอนค่ะ แค่ขอมาไว้เผื่อได้ติดต่อกันในบางครั้ง”
“ฉันว่าไม่จำเป็นนะ”
“...”! เขาพูดมาแบบนั้นแล้วเธอก็ไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน “ค่ะ”
“ฉันกลับแล้วนะ”
“ค่ะ” อยากยกมือขึ้นมาโบกลาเขาเหลือเกิน แต่ต้องห้ามใจไว้ แล้วหันหลังให้ชรัณ “เฮ้อ...” ร่างเล็กนั่งลงบนเก้าอี้หน้าบาร์ “พี่โอม”
“ว่าไงครับคนสวย” พี่โอมบาร์เทนเดอร์หนุ่มหันมายิ้มหวานให้ต้นตาล “เป็นไร พี่เห็นเราถอนหายใจยาวเหยียดซะอย่างนั้น”
“เหมือนกำลังหลงอยู่ในวังวนอะไรสักอย่างเลยค่ะ พยายามดึงตัวเองออกมาแล้วแต่ทำไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นคือยิ่งพยายามยิ่งถลำลึก”
“นี่” พี่โอมก้มหน้ามาใกล้เพื่อให้วงสนทนาแคบลง “อย่าบอกนะว่าเราหลงรักลูกค้าน่ะ”
“บ้า...” แล้วเธอเลิ่กลั่กทำไม แค่ทำหน้าปกติตอบกลับมันทำไม่ได้เลยหรือไงเนี่ยยายตาล
“นั่นปะไร ใช่ใช่ไหม”
“พี่โอมอะ เล่นถามกันกระชั้นชิดแบบนี้ตาลก็ตกใจเป็นนะคะ”
“แน่นะคนสวย ไม่ใช่แอบปลูกต้นรักในใจคนเดียวนะ”
“ไม่เลยค่ะ ไม่มีต้นรักมาปลูกแน่นอน”
“ดีแล้วๆ พี่ทำงานที่นี่มานานเจอเหตุการณ์รักๆ ใคร่ๆ ของเด็กในร้านมาเยอะ ตอนมาทำงานบอกไม่หลงกลผู้ชายปากหวานแน่นอน พอทำไปไม่นานกลับบอกว่าอกหักซะงั้น หลงรักลูกค้า บางคนเมียเขามาหาเรื่องถึงที่นี่”
“โห...” ไหนล่ะความสบายใจ เธอไม่น่าเปิดประเด็นเลย ยิ่งพี่โอมพูดมาแบบนี้เธอยิ่งเป็นกังวล กลัวใจตัวเองเหลือเกิน กลัวถลำลึกไปมากกว่านี้ ทำไมถึงอ่อนไหวแบบนี้วะ
หลายวันต่อมา
ต้นตาลนอนซมอยู่ในห้องพักเพราะพิษไข้เล่นงานเธอ ร่างกายรวดร้าวอย่างกับไปรบมาอย่างไรอย่างนั้น ปวดหัวซ้ำยังอ้วกจนหมดแรงอีก
“จะตายก่อนรวยไหมยายตาล” ริมฝีปากแห้งผากขยับพูดเสียงแผ่ว ดวงตาแดงเรื่อจากพิษไข้จ้องเงาตัวเองในกระจกภายในห้องน้ำ “เฮ้อ...” เธอทรุดนั่งกับพื้น พร้อมกับใช้สันมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม
ครืด~ ครืด~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี เธอจึงหยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินออกมารับสายพี่เปรี้ยว
“ค่ะพี่เปรี้ยว”
(เป็นยังไงบ้างลูกสาว อาการดีขึ้นไหม)
“นิดหน่อยค่ะ แล้วพี่เปรี้ยวมีธุระด่วนอะไรไหมคะถึงโทรมาหาตาล”
(พอดีว่าที่ร้านคนหยุดสองคน รวมน้องตาลด้วยก็เป็นสาม เอ่อ...หนูพอจะมาทำงานไหวไหมลูก แค่สามชั่วโมงก็พอแล้ว)
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปนะคะ” ไปก็ยังได้เงิน ดีกว่านอนซมอยู่ห้องล่ะวะ เมื่อวางสายจากพี่เปรี้ยวแล้วต้นตาลก็หอบสังขารตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปทำงานให้พี่เปรี้ยว
16:30
ร่างผอมบางเดินนวยนาดเข้ามาในห้องแต่งตัว พอเจอกับพี่ปรางซึ่งกำลังประทินผิวให้รุ่นพี่อยู่ เธอจึงรีบเดินเข้าไปหาแล้วนั่งแหมะลงบนเก้าอี้ ท่าทางหมดแรงของต้นตาลทำเอาพี่ปรางอดถามไม่ได้
“ไหวแน่นะลูก”
“ไหวค่ะ แค่นี้เอง”
“ดูปากหนูสิ ซีดไปหมดแล้วลูก”
“เดี๋ยวแต่งหน้าทับๆ ไปก็สวยแล้วค่ะ แต่วันนี้หนูรบกวนพี่ปรางด้วยนะคะ ไม่มีแรงยกแปรงแต่งหน้าเลย” เธอออดอ้อนพี่ปรางพร้อมกับเอนตัวไปซบพี่เขา แต่กลิ่นน้ำหอมบนตัวพี่ปรางทำเอาต้นตาลรีบผละออกอย่างไว
“มีอะไรเหรอลูก”
“พี่ปรางคะ” ต้นตาลพะอืดพะอมมาก แต่เธอต้องฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้อาการออก “เปล่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงสั่น เมื่อเขาแต่งหน้าให้รุ่นพี่เสร็จแล้วก็เป็นคิวของเธอบ้าง แต่งหน้าทำผมประมาณสามสิบนาทีก็เสร็จแล้ว ประจวบเหมาะกับพี่เปรี้ยวเดินเข้ามาพอดี
“น้องตาล.... พี่ขอบคุณหนูมากนะคะที่มาช่วยงาน อุตส่าห์แบกร่างกายมาเพื่อพี่ งั้นวันนี้พี่ให้ทิปหนูเยอะๆ เลย”
“ขอบคุณที่เอ็นดูหนูนะคะ งั้นตาลขอตัวก่อนนะ” เพราะเธอได้กลิ่นฉุนของน้ำหอมจากตัวพี่เปรี้ยว หากยืนคุยนานกว่านั้นต้องอ้วกแตกแน่เลย กลิ่นมันแรงจนปวดหัว
พอมานั่งชงเหล้าให้ลูกค้าเธอกลับเหม็นกลิ่นเหล้ากับกลิ่นบุหรี่จากตัวลูกค้าอีก ฝืนกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก กว่าจะทำงานเสร็จเกือบตายอยู่ตรงนั้น
“เฮ้อ”
“เอาน้ำไหม พี่ชงให้”
“ขอน้ำเปล่าเย็นๆ สักแก้วได้ไหมคะพี่โอม”
“ได้ๆ” พี่โอมรีบเอาน้ำเปล่าให้เธอดื่ม และยังเอาพวกขนมขบเคี้ยวให้กินอีก “เป็นไง ดีขึ้นไหมเรา”
“ดีค่ะ เกือบตายเพราะกลิ่นเหล้า”
“เอ๋า? ทำไมพูดแบบนั้น ปกติเราไม่เป็นอะไรนี่นา หรือว่าเป็นเพราะไม่สบายเลยไม่ชอบกลิ่นเหล้า”
“มั้งคะ แต่เดี๋ยวตาลจะรีบกลับแล้วนะ ปวดตัวไม่ไหวอยากกลับไปนอนพัก”
“โอเค กลับบ้านดีๆ นะ”
“ค่ะ งั้นตาลไปแล้วนะ” เธอรับเงินที่ทำงานวันนี้และทิปจากพี่เปรี้ยวแล้วกลับห้องไปพักผ่อนต่อ ระหว่างทางกลับจึงแวะซื้อยาไปกินสักหน่อย
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”
“เอ่อ...คือว่าหนูปวดหัว วิงเวียนศีรษะบ่อยมาก แล้วก็มีไข้ด้วยค่ะ เหม็นกลิ่นน้ำหอมจนปวดหัวอยากอ้วกตลอดเวลาเลย”
“เอ่อ ขอสอบถามนิดหนึ่งนะคะ”
“ค่ะ”
“ลูกค้ามีแฟนหรือยังคะ”
“อะ อ๋อ ไม่มีค่ะ”
“แล้วเคยมีเพศสัมพันธ์ไหมคะ”
พอเภสัชฯถามมาถึงตรงนี้แล้ว ต้นตาลนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง
“คะ เคยค่ะ นานแล้ว”
“ได้ป้องกันหรือกินยาคุมไหมคะ”
“...”! มือเริ่มเย็น ปากเริ่มสั่น คำพูดของรุ่นพี่คนนั้นเวียนเข้ามาในหัวเธออีกครั้ง 'พี่ท้องกับลูกค้า' คำนี้ได้ยินชัดเจนราวกับว่าพี่เขาเพิ่งพูดกรอกหูเธอ
“ถ้าไม่มั่นใจ ลองเอาที่ตรวจครรภ์ไปตรวจก่อนดีไหมคะ เผื่อท้อง”
“ทะ ท้องเหรอคะ”
“ค่ะ พอดีว่าอาการที่เล่ามามันสอดคล้องกับอาการคนแพ้ท้องเลยค่ะ ฉันก็ไม่อยากขายยาให้มั่วๆ เลยอยากให้ลูกค้ากลับไปตรวจก่อน ยังไงค่อยแวะมาบอกอาการฉันอีกทีก็ได้ หากไม่ได้ท้องจะได้จัดยาให้ถูก”
“ค่ะ เอาแบบนั้นก็ได้” กะว่าจะมาซื้อยากลับไปกินที่ห้อง แต่สิ่งที่เธอถือออกมาจากร้านขายยาคือที่ตรวจครรภ์สองอัน เท้าเล็กเหมือนมีแรงเดินขึ้นมาทันที เธอรีบสืบเท้าเดินกลับมาจนถึงห้องพัก แล้วอ่านฉลากข้างกล่องที่ตรวจครรภ์ “เช้าเลยเหรอ” พอดูเวลาก็อีกหลายชั่วโมงเลยกว่าจะเช้า เธอใจร้อนทนรอไม่ไหวเลยเอาที่ตรวจครรภ์อันหนึ่งไปตรวจก่อน
ผ่านไปสองนาทีหลังจากเธอเอาปัสสาวะหยดลงบนแท่งตรวจ สายตาจดจ้องจอแสดงผล คล้ายว่าสิ่งแวดล้อมรอบข้างหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะหนึ่ง กระทั่งผลตรวจค่อยๆ ชัดเจนขึ้น หัวใจดวงน้อยเต้นคร่อมจังหวะ นัยน์ตาเบิกกว้าง
“สะ สองขีด!!”
บทที่ 5 แจ๊กพอตแตกแม้จะเป็นขีดสีแดงจางๆ ทั้งสองขีด แต่มันก็ชัดเจนพอที่จะบอกว่าเธอตั้งท้อง! อาการที่เป็นอยู่ก็มาจากการแพ้ท้อง เธอท้อง ท้องกับชรัณ“ทะ ทำยังไงดีตาล ทำยังไงดี” เธอสติแตกทำอะไรไม่ถูก ฟุบนั่งลงกับฟูกนุ่มๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ทั้งหยิกทั้งตบตีตัวเองให้ตื่นจากฝัน ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง เธอไม่ได้ฝันไป “ทำไมสะเพร่าแบบนี้ยายตาล” อยากตีตัวเองให้เจ็บจะได้หลาบจำและให้ระลึกได้ว่าต้องทำยังไง แต่ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน นึกอะไรไม่ออกสักนิดแต่ตอนนี้เธอนึกออกอย่างเดียวคือต้องไปหาชรัณ ไปคุยกับเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น“เบอร์โทรติดต่อเขาก็ไม่มี ไลน์ เฟซอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วแบบนี้จะได้คุยกับเขาไหมยายตาล” แต่ความเพลียบวกกับอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ร่างกายเธอฝืนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปทั้งที่มือยังกุมแท่งตรวจครรภ์ไว้วันต่อมาต้นตาลงัวเงียตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน อาการปวดร้าวแล่นผ่านร่างกาย“อุ๊บ!” ทันทีที่ตั้งสติได้อาการพะอืดพะอมก็เล่นงาน เธอคลานเข่าเข้าไปในห้องน้ำแล้วอ้วกออกมาจนหมดแรง น้ำตาใสๆ พลันหยดอาบสองแก้ม ไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อนเลย “ทำไมมันเหมือนจะตายแบบนี้” เธอเป
บทที่ 6 ไร้ที่พึ่งพิงไม่รู้ว่าเป็นเขาจริงไหม ที่จ่ายค่าแอดมิตโรงพยาบาลให้ ราคาต่อคืนบวกกับค่ายาค่าดูแลผู้ป่วยไม่มีญาติมาเฝ้าคงหลายหมื่นแน่เลย เธอจึงไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ไปหาชรัณทันที ทว่าสัญญาณรอสายดังขึ้นจนสายถูกตัดไปเอง เธอไม่ท้อใจที่จะโทร.ไปหาอีก คราวนี้กลับติดต่อไม่ได้ แถมยังบริการฝากหมายเลขโทร.กลับอีกหรือนี่จะเป็นการรับผิดชอบของเขา จ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วก็จบ“แต่ตาลไม่ได้ไปมั่วกับผู้ชายคนไหนนี่คะ” ต้นตาลเบะปากร้องไห้ นั่งชันเข่าบนเตียง กอดเข่าแล้วฟุบหน้าลงร้องไห้ออกมาจนพยาบาลตกใจ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ”“เปล่าค่ะ ฉันแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”“อีกเดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจ นอนพักดีกว่านะคะ”“...”“แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่อีกไหมคะ หรืออาการพะอืดพะอมอยากอ้วกมีไหม”“ไม่มีค่ะ คนที่จ่ายค่ารักษาให้ เขาจะมาอีกไหมคะ” จู่ๆ คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ชรัณล่ะ? หรือว่าเป็นเขานั่นแหละที่พาเธอมารักษาโรงพยาบาลเอกชน แล้วออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด@ร้านทอง“พี่ชัชขอแปรงทาสีอันเล็กหน่อยครับ”“...”“พี่ชัช” ยังนั่งนิ่ง “พี่ชัช” ก็ยังไ
บทที่ 7 รอเก้อกลางดึกต้นตาลนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ พื้นที่กว้างไม่คุ้นเคยทำให้นอนไม่หลับ พลิกไปทางไหนก็ว่างเปล่า ไม่เหมือนเตียงในห้องเช่าที่เคยนอนเลย ขนาดเตียงก็ต่างกันมาก เคยนอนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง พลิกตัวทีหนึ่งก็หลังชนกับผนังห้องแล้ว แต่เตียงนี้พลิกไปสามตลบก็ยังไม่สุดเตียงเลย“ตอนไหนจะหลับล่ะตาล” นับแกะแล้วก็ไม่ง่วง นับเลขก็ไม่มีผลอะไร ตอนนี้เธอทำเพียงนอนหงายมองเพดานห้อง นอนขบคิดเรื่องราวต่างๆ นานาจนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง “พรุ่งนี้ต้องไปหาหมอแล้วนี่นา” เธอหยิบโทรศัพท์มาตั้งเวลาปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงตรงพอดี จากนั้นค่อยข่มตาหลับ พยายามทำให้สมองโล่งและสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย08:30หลังจากตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอก็นั่งรอชรัณมารับไปโรงพยาบาลตามที่เขานัดไว้ ใกล้จะเก้าโมงแล้วด้วย ยังไม่เห็นเงาเขาเลย มองดูโทรศัพท์ก็เงียบกริบ หากเขาติดธุระหรือกำลังเดินทางมาก็น่าจะโทร.มาบอกกันหน่อยสิ คนรอมันตื่นเต้น ไม่ใช่อะไรหรอกรอมาถึงสิบโมงเช้าเขาก็ยังไม่มาจนเธอเริ่มถอดใจไปแล้ว ต้นตาลวางกระเป๋าผ้าลายดอกไม้ใบโปรดลงบนโซฟา แล้วเดินไปสูดอากาศที่ระเบียงห้อง“รอเก้อเหร
บทที่ 8 ค้างคืน ต้นตาลเดินกลับมานั่งพักบนโซฟา เธอมองใบหน้าชรัณอยู่พักใหญ่กระทั่งเขาหันมาสบตา คนที่ไม่ทันตั้งตัวรีบหลุบตาหลบสายตาเขา“มองกันทำไม หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ”“ตาลเห็นพี่ชัชดูเพลียๆ ได้นอนบ้างไหมคะ”“นอน” ตอบคำถามแล้วก็หันไปพิมพ์อะไรในโทรศัพท์ไม่รู้ ต้นตาลจึงใช้โอกาสที่เขาสนใจโทรศัพท์เอื้อมมือไปลูบแก้ม “ทำอะไร” คนที่ไม่ชอบให้ใครสกินชีพเบี่ยงตัวหลบ“ตาลโกนหนวดให้ไหม”“ไม่ต้อง”“ตาลแค่อยากทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้าง”“...” เขาละสายตาจากจอมือถือมองเธอ “ฉันไม่ชอบให้ใครยุ่งกับหน้า”“อ๋อ”“เธอโกนหนวดเป็น?”พูดออกไปก็กระดากปากตัวเอง เดี๋ยวจะขายหน้าเอาเปล่าๆ เคยโกนหมออ้อยตัวเองนี่นับว่าโกนเป็นไหมอะ มันก็น่าจะเหมือนกันปะ“ว่ายังไง”“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ ตาลไม่มั่นใจมือตัวเอง เดี๋ยวทำหน้าพี่ชัชเสียโฉมเอา” เธอพูดกลั้วหัวเราะเพื่อไม่ให้ดูจริงจังเกินไป “คงถนัดใช้เครื่องโกนไฟฟ้ามากกว่าสินะคะ”“อืม”“แล้วไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอคะ”“...” คราวนี้ชรัณเงียบไป เขาไม่ได้สนใจคำถามเธอ แต่กำลังง่วนอยู่กับการพิมพ์ข้อความในแชตอีก ไม่รู้ว่าคนในห้องแชตนั้นเป็นใคร แต่ดูท่าจะสำคัญอยู่เหมือนกัน เขาถึงไม่ปล่อย
บทที่ 9 ของฝากเล็กๆ น้อยๆ 08:20ต้นตาลปรือตาขึ้นมองไปรอบๆ ทั้งยังงัวเงียตื่นไม่เต็มตา ไม่เห็นแสงตะวันเล็ดลอดผ่านม่านประตูเชื่อมต่อระเบียงเธอจึงฟุบหน้าลงกับอกแกร่งอีก วันนี้รู้สึกเพลียตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเลย อาจจะเพราะนอนดึกและแพ้ท้องอยู่แต่เอ๊ะ?เธอกำลังนอนอยู่บนตัวเขาเหรอ ไม่น่าใช่หรอกมั้ง ชรัณกลับไปนานแล้วเถอะ เขาไม่มานอนให้เธอกอดแนบชิดขนาดนี้หรอก เธอกอดหมอนข้างแล้วมโนว่าเป็นเขาเถอะต้นตาลพอนึกอย่างนั้นก็อยากมั่นใจว่าตัวเองคิดถูกแล้วจึงเปิดเปลือกตาหนักอึ้ง มองหมอนข้างที่ว่านั้น“พี่ชัช!” เธอตกใจกว่าเห็นผีตัวเป็นๆ ก็เห็นชรัณอยู่ใกล้ตัวเนี่ยแหละ “อะ อ้าว...” เป็นเธอที่ข้ามฝั่งมากอดเขาเอง แถมยังเบียดเขามาจนสุดขอบเตียงอีกต่างหาก “ตาลทำให้พี่ชัชตื่นเหรอ”“ก็น่าจะรู้ นอนทับกันทั้งคืนแบบนี้จะนอนหลับสนิทได้ยังไง”“แล้วทำไมไม่ปลุกล่ะคะ ตาลไม่ใช่คนนอนหลับลึกสักหน่อย”“ปลุกแล้ว แต่ไม่ตื่น”หน้างี้แตกร้าวเลยไหมยายตาล“น่าจะปลุกเบาไปนะคะ”“...” ชรัณส่ายหน้าแล้วเลิกคิ้วให้ต้นตาลลุกออกไป พอได้รับอิสระก็ลุกขึ้นมาบิดกายไล่ความเมื่อยล้า แล้วก้าวลงจากเตียงนอน“อ๊ะ!” หญิงสาวหลุดเสียงอุทาน เขาถอดเสื้อผ
บทที่ 10 คำขอที่มาพร้อมข้อตกลงของชรัณ มาเวย์ไหนอีกล่ะพ่อคุณ เธอตามไม่ทันแล้วจริงๆ นะ บางวันเขาเหมือนท้องฟ้าอึมครึม บางวันก็เหมือนท้องฟ้ามีเมฆสีขาวลอยเกลื่อน และบางวันก็เหมือนท้องฟ้าโล่งไร้เมฆ ไร้แรงลม ชนิดที่ว่านิ่งได้อีก นิ่งได้มากกว่านี้อีก...“ตาลขอบคุณนะคะ สร้อยสวยมากเลยค่ะ นี่ถ้าเอาไปขายคงได้หลายตังค์เนอะ” ก็พูดหยอกไหมล่ะ ทำไมต้องหันมามองกันด้วยตาดุๆ แบบนั้น “หยอกค่ะ ใครจะเอาไปขายได้ลงล่ะ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าเคยมีผู้ชายให้ของขวัญด้วย” ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูก ความสัมพันธ์เขากับเธอขีดเส้นใต้แค่คำว่าพ่อแม่เท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางใจหรือความรู้สึกใดๆ นอกเหนือจากนี้แน่นอน“แล้วพี่ชัชจะกลับตอนไหนเหรอคะ”“เพิ่งมา จะให้กลับเลยเหรอ”“เปล่านะ ตาลแค่อยากรู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ต่างหาก”“พรุ่งนี้มั้ง”อะไร เขาเป็นอะไรอะช่วงนี้น่ะ ไม่ค่อยลังเลใจเลยนะ“พรุ่งนี้มั้ง ก็แสดงว่าไม่แน่ใจใช่ไหมคะ ว่าจะกลับพรุ่งนี้ดีไหมหรือว่าไม่กลับ”“...” ชรัณถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าเธอ “พูดมากน่า”“เงียบก็ได้”ภายในห้องเริ่มมีบรรยากาศมาคุเกิดขึ้น เธอและเขาต่างคนต่างเงียบอยู่คนละมุมของโซฟา แต่ผูกสายตาไว้กับภาพเคล
บทที่ 11 ไม่คาดหวัง = มีหวังวันนัดตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านมาหลายสัปดาห์ที่เธออุ้มท้องมา วันนี้เป็นวันที่หมอนัดตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ดูลูกในท้อง ต้นตาลแต่งตัวด้วยมินิเดรสยาวเสมอหัวเข่าสีขาวผูกสายที่ไหล่ ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าซึ่งหมอนัดตอนเก้าโมงครึ่ง เธอเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย จะได้ไม่รีบร้อนมากนัก“สู้!” หญิงสาวเปิดประตูออกมาจากห้องพัก แต่กลับสะดุ้งจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พี่ชัช” คนที่ถูกเรียกชื่อเอียงคอมองเธอเล็กน้อย เอาจริงๆ วันนี้เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาหาด้วยซ้ำ เขาหายไปเป็นอาทิตย์เพราะติดธุระในร้านทอง ซึ่งเธอก็รับรู้มาตลอด เพราะเขาเพิ่มเธอเข้าในไลน์ส่วนตัวแล้วคอยส่งข้อความมาถามไถ่กัน บ้างก็ส่งรูปภาพมาให้ดู จึงได้รู้ว่าเขาน่ะงานยุ่งจริงๆ ไม่ได้แอบไปคั่วอีหนูที่ไหนแล้วทำไมวันนี้เขามาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ เธอไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะออกไปข้างนอก“เสร็จแล้วเหรอ”“ค่ะ แล้ว...พี่ชัชมาเอาอะไรเหรอ”“มารับเธอไปหาหมอ”“ตาลไม่ได้บอกนี่คะว่าไปหาหมอวันนี้ พี่รู้ได้ยังไง”“ก็ในใบตรวจที่เธอเอาให้ดูครั้งก่อน”อา...ถึงบางอ้อก็ตอนนี้ ที่แท้เขาก็จำวันนัดตรวจได้เพราะเธอเอาแผ่นอัลตราซาวนด์ให้ดูร
บทที่ 12 Woman on top NC สายตาอ่อนโยนที่มองกันแบบนั้นมันแฝงความรู้สึกมาด้วยไหมนะ ยิ่งเขาอยู่ใกล้กันมันยิ่งทำให้เธอถลำลึก ห้ามอะไรก็ห้ามได้ทั้งนั้นแต่ความรู้สึกเธอเนี่ยสิ ใครจะรับผิดชอบกันล่ะ“ให้ตาลไปอยู่ที่อื่นไหมคะ” เหมือนเขาจะตกใจอยู่บ้างกับคำถามเธอ แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีจริงๆ ที่เห็นชรัณตกใจเขาเงยหน้ามองกัน คล้ายว่าจะถามเธอแต่กลับเงียบไปซะอย่างนั้น“ตาลรู้ว่าตาลอาจจะเป็นภาระให้พี่ชัช ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้าน่ะค่ะ อีกอย่างพี่ก็ยังไม่มั่นใจในตัวตาล และเด็กในท้องของตาลว่าเป็นลูกพี่จริงๆ ไหม”“…”“ตาลยินดีไปอยู่ที่อื่นนะคะ”“เก่งนะ”“…”?“เก่งเรื่องคิดไปเอง” ประโยคสั้นๆ ที่เขาเอ่ยออกมานั้นทำเอาหน้าเธอชาไปครึ่งซีกเลยล่ะ“เปล่าคิดเอาเองสักหน่อย ก็ดูสถานะเราสองคนสิคะ” อยู่ด้วยกันในฐานะอะไรก็ยังไม่รู้เลยอะ เธอเหมือนเป็นกาฝากเขามากกว่า แต่กาฝากกิ่งนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างดีแน่ะ “พรุ่งนี้เราไปตรวจดีเอ็นเอกันไหม” เธอแค่อยากให้เขามั่นใจในตัวเอง เพราะมีวูบหนึ่งนัยน์ตาเขามีความสับสน แต่ก็เป็นเพียงวูบหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่มันจะฉายแววเรียบนิ่ง“รอให้คลอดก่อน”“แต่หมอว่าทำได้แล้วนะคะ”“รีบ?”“ก็อยา