แชร์

บทที่ 7 รอเก้อ

บทที่ 7 รอเก้อ

กลางดึก

ต้นตาลนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ พื้นที่กว้างไม่คุ้นเคยทำให้นอนไม่หลับ พลิกไปทางไหนก็ว่างเปล่า ไม่เหมือนเตียงในห้องเช่าที่เคยนอนเลย ขนาดเตียงก็ต่างกันมาก เคยนอนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง พลิกตัวทีหนึ่งก็หลังชนกับผนังห้องแล้ว แต่เตียงนี้พลิกไปสามตลบก็ยังไม่สุดเตียงเลย

“ตอนไหนจะหลับล่ะตาล” นับแกะแล้วก็ไม่ง่วง นับเลขก็ไม่มีผลอะไร ตอนนี้เธอทำเพียงนอนหงายมองเพดานห้อง นอนขบคิดเรื่องราวต่างๆ นานาจนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง “พรุ่งนี้ต้องไปหาหมอแล้วนี่นา” เธอหยิบโทรศัพท์มาตั้งเวลาปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงตรงพอดี จากนั้นค่อยข่มตาหลับ พยายามทำให้สมองโล่งและสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย

08:30

หลังจากตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอก็นั่งรอชรัณมารับไปโรงพยาบาลตามที่เขานัดไว้ ใกล้จะเก้าโมงแล้วด้วย ยังไม่เห็นเงาเขาเลย มองดูโทรศัพท์ก็เงียบกริบ หากเขาติดธุระหรือกำลังเดินทางมาก็น่าจะโทร.มาบอกกันหน่อยสิ คนรอมันตื่นเต้น ไม่ใช่อะไรหรอก

รอมาถึงสิบโมงเช้าเขาก็ยังไม่มาจนเธอเริ่มถอดใจไปแล้ว ต้นตาลวางกระเป๋าผ้าลายดอกไม้ใบโปรดลงบนโซฟา แล้วเดินไปสูดอากาศที่ระเบียงห้อง

“รอเก้อเหรอเรา” นึกถึงก็เจ็บจี๊ดที่หัวใจ สรุปแล้วว่าวันนี้เขาไม่มาหาเธอแน่ๆ หรือว่าเขาลืมนัดเธอเสียแล้ว “ถ้าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เราคงไม่ได้สำคัญอะไรมากขนาดนั้น” แต่ไหนๆ ก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวแล้ว เธอไปหาหมอเองก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา

เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วต้นตาลจึงออกจากห้อง เดินทางไปฝากท้องที่โรงพยาบาลคนเดียวซะเลย หลังจากทำธุระเสร็จสรรพเธอก็มานั่งรอรับยา ซึ่งเป็นพวกยาวิตามินสำหรับคนท้องอยู่หน้าห้องจ่ายยา มองไปทางไหนก็เจอแต่คนท้อง ทว่าข้างกายพวกเขามีสามีคอยดูแลไม่ห่างสักคน มีแต่เธอที่จัดการอะไรเองหมดทุกอย่าง เมื่อตอนที่เข้าไปตรวจ หมอก็ถามหาพ่อของลูกเหมือนกัน เธอเลยบอกหมอว่าเขาติดธุระมาไม่ได้ อันที่จริงต้องมาตรวจเลือดด้วยกันน่ะ หมอก็เลยถามหา

หลังจากรับยาแล้วต้นตาลก็เปิดแอปเรียกรถให้มรับไปส่งที่คอนโดฯ ตอนนี้ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว เธอยังไม่ทันได้แตะข้าวสักเม็ดเลย หิวก็หิวอาการแพ้ท้องเหม็นกลิ่นยาก็จะกำเริบ ดีหน่อยที่มีคุณป้าหิ้วตะกร้ามาขายพวกยาหอมยาดม เธอก็เลยอุดหนุนยาดมกับป้ามาหนึ่งหลอด อยู่ได้เพราะยาดมจริงๆ

ผ่านไปสิบกว่านาทีรถที่เธอเรียกก็มาจอดตรงหน้า ต้นตาลเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลัง สายตาเธอมองเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้งแล้วคนขับก็ขับรถออกมา

ครืด~ ครืด~

โทรศัพท์เธอสั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋าผ้า แต่มันสั่นไม่แรงมากคนเป็นเจ้าของจึงไม่รู้สึกอะไร ก่อนหน้านี้เธอเปิดเสียงปกติแหละ แต่เข้าหาหมอจึงปิดเสียงไว้แล้วลืมเปิด ชรัณติดต่อเธอสองสายไม่ได้รับ

พอกลับมาถึงห้องต้นตาลก็รีบเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ กินโดยไม่รู้เลยว่าชรัณได้ติดต่อเธอมาอีกสายหนึ่ง การที่ติดต่อต้นตาลไม่ได้ทำให้คนปลายสายหงุดหงิดมาก

หลายนาทีต่อมา

ต้นตาลยกจานข้าวไข่เจียวหอมๆ มาวางบนโต๊ะอาหาร ทว่าเธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจที่เห็นชรัณเปิดประตูเข้ามาพอดี

“พี่ชัช”

“ฉันโทรหาตั้งหลายสาย ทำไมไม่รับ” ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงติดดุนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดูจริงจังเท่าไร

“ตะ ตาลทำกับข้าวอยู่ค่ะ”

“...” เขามองจานข้าวที่เพิ่งเสร็จใหม่ก็น่าจะเข้าใจได้ว่าเธอไม่ได้โกหก แล้วนี่เขาไปไหนมาถึงได้โผล่มาเอาตอนนี้ อยากถามเหลือเกินแต่ก็กลัวคำตอบจากปากเขา เอาวะ ถามดีกว่าปล่อยให้ตัวเองสงสัยแล้วคิดไปเอง

“พี่ชัชไปไหนมาเหรอคะ”

“ฉันติดธุระ”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง”

“เธอ...”

“อ๋อ ตาลไปหาหมอมาแล้วค่ะ ไปตรวจแล้วก็ได้ฝากท้องเรียบร้อยแล้ว” เธอรีบไปเอาสมุดฝากท้องมาให้เขาดู และสิ่งที่อยากให้เขาดูมากที่สุดคือแผลอัลตราซาวนด์ลูกในท้อง ต้นตาลหยิบแผ่นอัลตราซาวนด์ให้ชรัณกับมือ แม้สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก แต่ก็เห็นว่านัยน์ตาเขาเบิกกว้างอยู่ ดวงตาคมจ้องแผ่นอัลตราซาวนด์ในมือไม่กะพริบสักครั้ง “ตาลขอตัวกินข้าวแป๊บนะ” เพราะยังไม่มีข้าวตกถึงท้อง และหิวมากๆ เธอจึงเดินกลับไปนั่งกินข้าวก่อน

ชรัณช้อนตามองหญิงสาวแล้ววางสมุดฝากครรภ์กับแผ่นอัลตราซาวนด์ลงบนโต๊ะตัวเตี้ยหน้าโซฟา

“ตาลมีเสียงหัวใจลูกให้ฟังด้วยนะคะ อยากฟังไหม” ตอนตรวจคลื่นหัวใจเด็ก เธอให้พยาบาลช่วยถ่ายวิดีโอให้ เป็นสิบวินาทีสั้นๆ แต่เสียงหัวใจลูกดังฟังชัดมาก เขาคงจะดีใจถ้าได้ฟังมัน

หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จเธอก็รีบเอาคลิปนั้นไปเปิดให้ชรัณดู

ตึกตัก ตึกตัก

เสียงหัวใจลูกเต้นระรัว แต่ตอนนี้เธอไม่อาจเดาได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ สีหน้าเรียบนิ่ง ไม่พูดไม่จาอะไรเลย ยอมรับว่ารู้สึกนอยเขาอยู่นิดหน่อย ที่ให้เธอรอเก้ออยู่ห้องคนเดียว แต่พอมานึกๆ ดูเขาคงติดธุระจริงๆ นั่นแหละ ไม่รู้หรอกว่าธุระที่ว่ามันสำคัญมากขนาดไหน แต่เขามาหาเธอและทำเสียงติดดุที่ว่าติดต่อไม่ได้นั้น เธอก็เก็บเอาไปคิดเข้าข้างตัวเองแล้วว่าเขาเป็นห่วง ช่างเถอะ ปล่อยให้คิดไปแบบนี้น่ะดีแล้ว แม้ว่าความเป็นจริงเขาอาจไม่ได้เป็นห่วงก็ตาม

“หมอนัดอีกทีวันไหน”

“เดือนหน้าค่ะ”

“อืม”

“เอ่อ...”

“มีไร” เขาเลิกคิ้วให้กันเพื่อให้เธอถามต่อ

“ตาลยังไม่ได้ไปลาออกจากงานเลย ตาลว่าจะไปพรุ่งนี้เช้า”

“ฉันจัดการให้แล้ว”

“คะ?”

“ตามที่ได้ยินนั่นแหละ”

เขาไปทำเรื่องลาออกให้เธอมางั้นเหรอ แล้วไม่กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดหรือไง ว่าเขาเป็น...แฟนเธอ ยิ่งพี่เปรี้ยวกับพี่ปรางจ้องจับผิดอยู่ด้วย คงรู้แล้วมั้งว่าเธอมาอยู่กับชรัณ

“ขอบคุณค่ะ” ต้นตาลเม้มปากแน่น

“จะถามอะไรก็ถาม ฉันไม่ชอบให้มองหน้าแบบนี้”

“ตาลอยู่ห้องเฉยๆ มันเบื่อค่ะ อยากทำงานบ้างได้ไหม”

“ให้อยู่เฉยๆ ไม่ชอบหรือ?”

“...”!

“ห้องกว้างพอที่เธอจะทำกิจกรรมอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ทำงานหนัก”

“ค่ะ” เข้าใจแล้วว่าเขาไม่อยากให้ทำอะไรเลย แต่อยู่เฉยๆ มันก็เบื่อไง “อุ๊บ!” ต้นตาลปิดปากแล้วสับเท้าเดินเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องกำเริบอีกจนได้

“อ้วกเหรอ”

หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะกับสัมผัสของฝ่ามือหนาที่ทาบลงบนหลัง ชรัณเดินตามเธอมาเหรอ เขามาตอนไหนแล้วเขา...ไม่รังเกียจเหรอ

“ค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ” น้ำเสียงอ่อนโยนช่วยปลอบประโลมเธอได้เป็นอย่างดี เขารวบผมต้นตาลไว้ ส่วนอีกมือก็ลูบหลังหญิงสาวเบาๆ กระทั่งอาการพะอืดพะอมทุเลาลง หญิงสาวใช้หลังมือปากน้ำตาออกจากแก้ม แล้วเอี้ยวหน้าไปขอบคุณเขา

“ขอบคุณนะคะ”

“อืม”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status