บทที่ 5 แจ๊กพอตแตก
แม้จะเป็นขีดสีแดงจางๆ ทั้งสองขีด แต่มันก็ชัดเจนพอที่จะบอกว่าเธอตั้งท้อง! อาการที่เป็นอยู่ก็มาจากการแพ้ท้อง เธอท้อง ท้องกับชรัณ
“ทะ ทำยังไงดีตาล ทำยังไงดี” เธอสติแตกทำอะไรไม่ถูก ฟุบนั่งลงกับฟูกนุ่มๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ทั้งหยิกทั้งตบตีตัวเองให้ตื่นจากฝัน ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง เธอไม่ได้ฝันไป “ทำไมสะเพร่าแบบนี้ยายตาล” อยากตีตัวเองให้เจ็บจะได้หลาบจำและให้ระลึกได้ว่าต้องทำยังไง แต่ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน นึกอะไรไม่ออกสักนิด
แต่ตอนนี้เธอนึกออกอย่างเดียวคือต้องไปหาชรัณ ไปคุยกับเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“เบอร์โทรติดต่อเขาก็ไม่มี ไลน์ เฟซอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วแบบนี้จะได้คุยกับเขาไหมยายตาล” แต่ความเพลียบวกกับอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ร่างกายเธอฝืนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปทั้งที่มือยังกุมแท่งตรวจครรภ์ไว้
วันต่อมา
ต้นตาลงัวเงียตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน อาการปวดร้าวแล่นผ่านร่างกาย
“อุ๊บ!” ทันทีที่ตั้งสติได้อาการพะอืดพะอมก็เล่นงาน เธอคลานเข่าเข้าไปในห้องน้ำแล้วอ้วกออกมาจนหมดแรง น้ำตาใสๆ พลันหยดอาบสองแก้ม ไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อนเลย “ทำไมมันเหมือนจะตายแบบนี้” เธอเปล่งเสียงแหบพร่าผ่านริมฝีปากแห้งผากซีดเซียว ยังไงเสียวันนี้ต้องติดต่อชรัณให้ได้
10:40
ต้นตาลเดินทางมายังไนต์คลับ เพื่อรอพบกับพี่เปรี้ยวซึ่งก่อนหน้านี้เธอโทร. นัดพี่เขาไว้แล้ว
“ตาลลูก มาหาพี่ทำไมเหรอ หนูมีอะไรไหม”
“พี่เปรี้ยวคะ คือว่าตาล...อยากได้ที่ติดต่อคุณชัชน่ะค่ะ พอจะมีไหมคะ”
“ติดต่อคุณชัชเหรอ แล้วเราจะติดต่อเขาไปทำไม ปกติพี่ไม่ให้ข้อมูลลูกค้านะตาล ถ้าลูกค้าไม่ให้เบอร์โทร. กับเด็กเอง พี่ก็ไม่ให้หรอก”
“คือว่า...”
พี่เปรี้ยวมองใบหน้าของต้นตาล
“ตาล!”
“...”!
“นี่อย่าบอกนะว่าเรา...” พี่เปรี้ยวยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง ย้ายสายตาจากใบหน้ารุ่นน้องลงไปที่ท้องของเธอ “อย่าบอกพี่นะว่าเรา...ท้อง”
“พี่เปรี้ยว ตะ ตาลขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ”
“ตาล...ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ นี่เราลืมสิ่งที่พี่เตือนแล้วเหรอ”
“ตาลขอโทษนะคะ ตาลสะเพร่าเอง” ความผิดของเธอเองที่สะเพร่าไม่สนใจตัวเองจนปล่อยให้ท้องแบบนี้
“แล้วจะทำยังไงล่ะลูก แล้วอย่าบอกนะว่า....เป็นคุณชัช”
“...”!
“พี่ไม่ได้จะซ้ำเติมเรานะตาล แต่หนูคิดว่าคนแบบคุณชัชเขาจะรับผิดชอบเหรอ เขาไม่มานั่งสนใจเรื่องแบบนี้แน่นอน ไม่ใช่แค่หนูที่อยากได้ผู้ชายคนนี้”
“แต่ตาลไม่ได้มั่วนะคะ”
“เอาล่ะๆ แบบนี้เสียงานแน่” พี่เปรี้ยวก็ดูกังวลใจไม่แพ้กัน
“...”!
“พี่จะให้ที่อยู่ที่ติดต่อคุณชัช แต่เราอย่าบอกนะว่าพี่ให้ไป ไม่งั้นพี่โดนไล่ออกแน่”
“ขอบคุณนะคะ ตาลจะไม่มีวันลืมบุญเลยค่ะ” พี่เปรี้ยวส่ายหน้าเบาๆ แล้วเอาเบอร์โทรชรัณให้ต้นตาล พร้อมกับที่อยู่คอนโดฯเขาให้เธอไปด้วย เผื่อจะได้ไปเคลียร์กัน
“เอาใจช่วยนะตาล” อย่างน้อยๆ พี่เปรี้ยวก็ไม่ซ้ำเติมไปมากกว่านี้ ตอนนี้เธอไร้ที่พึ่งพา ไม่มีแม้แต่ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในยามที่ต้องเผชิญปัญหาแบบนี้ หญิงสาวหันหลังเดินออกมา น้ำตาคลอเบ้าพร้อมจะไหลตลอดเวลา ปกติเธอไม่ใช่คนอ่อนไหวและร้องไห้กับอะไรง่ายๆ นี่คงเป็นเพราะความอ่อนแอกับฮอร์โมนคนท้อง อารมณ์และความรู้สึกถึงแปรปรวนแบบนี้
หลังจากได้เบอร์โทร.ของชรัณมาแล้วเธอก็โทร.ไปหาเขา ทว่าไม่ติด มีแต่ให้ฝากข้อความเท่านั้น ไม่ว่าจะโทร.หากี่รอบก็เหมือนเดิม เหลือเพียงไปหาเขาที่คอนโดฯ แต่ร่างกายเธอไม่พร้อมเดินทางไปไหนมาไหนเลย ทั้งเวียนหัวบ่อย เกิดหน้ามืดล้มลงคงไม่ใช่แค่ร่างกายเธอที่บาดเจ็บ อาจจะกระทบถึงเด็กในท้องด้วย ต้นตาลจึงตัดสินใจว่าจะไปหาเขาในวันหลัง และขอพักให้อาการหายดีกว่านี้ก่อน
เก็บแรงไว้พูดต่อหน้าเขาดีกว่าฟูมฟายอยู่คนเดียว
กลางดึก
เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ต้นตาลที่ยังข่มตานอนไม่หลับจึงหยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่านข้อความนั้น ปรากฏว่าเป็นข้อความแจ้งเตือนว่าสามารถติดต่อชรัณได้แล้วตอนนี้ และเธอไม่รีรอที่จะโทร.ไปหาเขา รอสายอยู่นานจนสายจะตัดไปเองเขาก็รับสาย
(โหล) เสียงเข้มดังขึ้น พร้อมเสียงเหมือนเขากำลังทำอะไรสักอย่าง
“สวัสดีค่ะคุณชัช นี่ตาลเองนะคะ”
(ตาล...อ๋อ แล้วเธอเอาเบอร์ฉันมาจากไหน ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าไม่จำเป็นต้องติดต่อกัน)
“ตาลมีเรื่องจะคุยกับคุณค่ะ ขอนัดเจอได้ไหมคะ”
(ฉันไม่ว่างและอย่าโทรมาอีก แค่นี้)
“เดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่งวางนะคะ”
(ฉันไม่สานสัมพันธ์กับใคร เธอก็เข้าใจนี่)
“แต่เรื่องนี้สำคัญมากนะคะ”
(….)
“ตาลท้องค่ะ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเสียงหัวเราะหึในคอก็ดังขึ้น
(มุกนี้ใช้ไม่ได้นะ และอย่าโทรมากวนอีก ไม่อย่างนั้นเธอมีปัญหากับฉันแน่)
สายถูกตัดไปทันทีที่เขาพูดจบประโยคนั้น เขาไม่ฟังเหตุผลหรือคำอธิบายใดๆ จากเธอเลย หลังจากชรัณวางสายไปเธอก็พยายามโทร.หาเขาอีกครั้ง แต่ปลายสายให้ฝากข้อความเสียงเท่านั้น
หลังเสียงสัญญาณดังขึ้นเธอจึงพูดทุกอย่างที่อัดอั้นในใจฝากไว้เป็นข้อความเสียง ส่วนเขาจะเปิดฟังหรือไม่เปิดฟังนั้นก็สุดแล้วแต่เขา
ตีสอง @หน้าร้านทองสาขาใหม่
ชรัณวางมือจากการทาสีภายในร้าน เขาพรูลมหายใจออกด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะพาร่างกายไปนั่งพักดื่มน้ำเย็นๆ เสียก่อนค่อยลุยงานต่อ
“เออพี่ เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอ เห็นพี่ทำหน้าเครียดหลังจากวางสายเขาอะ มีเรื่องอะไรเหรอ”
'ตาลท้อง'
ประโยคนี้ยังดังก้องอยู่ในหูเขา ตอนแรกที่ได้ยืนยอมรับว่าหัวใจเขากระตุกอยู่หลายครั้ง แต่ก็พลันนึกขึ้นได้ว่ามีผู้หญิงมาเรียกร้องแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่บางคนแทบไม่ได้เจอหน้า ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ แค่เขารวย และอยากได้เป็นพ่อของลูก ลูกซึ่งไม่ใช่ลูกของเขา
“เปล่า” ชรัณตอบเสียงเรียบ
“ดูพี่เครียดๆ ไปนะพี่ชัช”
“เออน่า กูโอเค” แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนใจเขาอยู่ดี หากไม่ใช่ว่าคืนนั้นเขา... “เฮ้อ!”
“เนี่ย เป็นไรก็บอกกันดิพี่”
“ไป! ทำงานต่อจะได้เสร็จทันเวลา เดี๋ยวเสียฤกษ์” ห้างทองสาขาใหม่ต้องเสร็จทันวันกำหนดเปิดร้านอย่างเป็นทางการ เขากับน้องที่สนิทกันจึงต้องมาช่วยช่างทำงาน โดยการทาสีร้านและเอาของเข้ามาตกแต่ง เพื่อให้ร้านเสร็จก่อนกำหนด
'ตาลท้อง'
“แม่งเอ๊ย...”
“อะไรนะพี่ชัช เรียกผมเหรอ?” รุ่นน้องคิดว่าคำสบถของชรัณเป็นชื่อตัวเองจึงเอ่ยปากถามพลางเอียงคอมองหน้ากลับ “มีไร”
“แดกตีนไหม จะได้หยุดซักไซ้กูสักที”
“อ้าว...ไหงเป็นงั้นไป”
“รีบทำงาน เดี๋ยวกูหักค่าจ้างซะเลย”
“ไปกินรังแตนมาจากไหนเนี่ย ตะกี้ยังดีๆ อยู่เลย” ก็ตั้งแต่วางสายนั่นแหละ เหมือนคนละคนกันเลย ถ้าทางไสยศาสตร์ก็คงเรียกว่าผีเข้าล่ะมั้ง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
04:20
หลังจากเสร็จงานในร้านเขาก็แยกกับรุ่นน้อง ชรัณกลับไปนอนที่บ้านเพราะเดินทางไม่ไกล หากเข้าไปในเมืองอีกคงได้นอนตอนตะวันพ้นขอบฟ้าแน่
รถBMWสีขาวจอดสนิทริมฟุตพาทหน้าร้านทองสาขาใหญ่ซึ่งเป็นเสมือนบ้านหลังแรกของเขา ชรัณนั่งขบคิดอยู่ในรถเกือบสิบนาทีกระทั่งมีเสียงรถวิ่งผ่านไปเขาถึงละสายตาที่เหม่อไร้จุดโฟกัส เหลือบมองกระจกมองข้าง
“กลับบ้านดึกดื่นอีกแล้ว ทำไมวันนี้มาที่นี่ล่ะ”
“ทำไมไม่นอน นอนดึกอีกแล้วนะเรา” เขาเปิดประตูเข้ามาในบ้าน แล้วแทรกตัวผ่านหน้าพ่อเข้าไป ด้วยบ้านเป็นทาวน์โฮมสามชั้น และเป็นตึกเก่าสมัยอากงกับอาแปะอยู่ ทางเดินเชื่อมต่อเข้าไปในโถงใหญ่ของบ้านจึงแคบมาก ทางสำหรับเดินคนเดียว หากมีคนใดคนหนึ่งสวนมา อีกฝ่ายต้องถอยกลับไปก่อน เพื่อให้อีกคนเดินผ่านไปได้
“ตื่นมาเพราะเห็นแสงไฟรถแกนั่นแหละ นึกว่าโจรมาปล้นร้านเอาทองไปขาย”
“ขอปล้นหน่อยดิ ไม่มีเงินสดอยู่พอดี”
“ยังจะมาพูดเล่น ยังไม่ตอบคำถามพ่อเลยนะ”
“เพิ่งทาสีร้านทองมา กลับไปนอนคอนโดมันก็ดึกแล้ว กว่าจะถึงคงเช้าพอดี ผมเลยแวะมานอนที่บ้านเนี่ยแหละ เช้ามาจะได้ฝากท้องกับกับข้าวแม่เลย”
“เออๆ งั้นรีบไปพักผ่อนเลย เดี๋ยวพ่อไปบอกแม่ให้แล้วกัน”
“คนหนุ่มนี่หูดีจังนะ แบบนี้ก็แอบขโมยทองไปขายไม่ได้ดิ”
“ทองของแกทั้งนั้น จะขโมยก็เอาไปสิ ใครว่าล่ะ”
“หึหึ โอเคพ่อ งั้นผมไปนอนแล้วนะ ง่วงมากตาจะปิดแล้ว”
“อืมๆ”
พอแยกจากพ่อแล้วเขาก็ขึ้นมาบนชั้นสอง ห้องนอนส่วนตัวซึ่งนอนอยู่ห้องนี้ตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา ภายในห้องอาจจะเก่าไปหน่อย แต่ยังสะอาดสะอ้านดีทุกมุมห้อง เพราะแม่ให้คนมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์ เหตุผลก็เพราะแบบนี้ เขาชอบแวะมานอนบ้านแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า แม่จึงไม่ให้ห้องรกหรือสกปรก เผื่อเวลาเขาเข้าบ้านดึกจะได้นอนที่นี่เลย
พออาบน้ำเสร็จเขาก็มานั่งเช็ดผมอยู่บนเตียง สายตาจับจ้องกรอบรูปตอนรับปริญญาตรี แม่สั่งให้ร้านกรอบรูปทำมาแขวนในห้องนอนและในร้าน ประกาศให้โลกรู้ว่าลูกชายคนเดียวของฉันจบปริญญาแล้วนะ และสิ่งที่น่าอายไปกว่านั้นคือรูปตอนเด็ก แม่ดันเอารูปที่เขาเปลือยล่อนจ้อนมาใส่กรอบรูปตั้งบนโต๊ะทำงานหน้าร้านอีก อับอายกันไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“เฮ้อ...” ชรัณเอนหลังนอนลงกับฟูกนุ่มๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความ แต่สะดุดตากับข้อความเสียงจากเบอร์แปลก ปลายนิ้วหัวแม่มือกดฟังเสียง
'ไม่รู้ว่าพูดไปแล้วจะเชื่อกันไหม ตอนนี้ตาลท้องจริงๆ ค่ะ ตาลท้องกับคุณชัช เราสองคนออกมาคุยกันหน่อยได้ไหมคะ'
หลังจากฟังจบชรัณก็ลุกขึ้นมานั่ง เขากดฟังข้อความเสียงนั้นอีกสองครั้งในขณะที่สายตาจับจ้องกรอบรูปตัวเองที่ถ่ายกับพ่อแม่ในวันรับปริญญา
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจออกยาวๆ อีกครั้งแล้วข่มตาหลับ เพราะต้องพักเอาแรงก่อนไปทำงานในช่วงบ่ายโมงอีก
11:40
ต้นตาลนั่งกุมมือถืออยู่ปลายเตียง เธอโทร.หาชรัณตั้งแต่เช้า แต่ว่าโทร.ไม่ติดตามเคย ไม่รู้ว่าเขาจงใจให้ติดต่อไม่ได้หรือว่ากำลังวุ่นอยู่กับงานกันแน่ การที่เขาเป็นแบบนี้ทำให้คนรอรู้สึกหมดที่พึ่ง หากจะแบกหน้าไปหาเขาตอนนี้สภาพร่างกายก็ดันไม่เอื้ออำนวยอีก ใต้ตาดำคล้ำเพราะนอนไม่ค่อยหลับ ไหนจะสิวฮอร์โมนอีก ไปทำงานสภาพนี้ลูกค้าคงหนีหมด
“เอาวะ” เธอตัดสินใจโทรไปหาชรัณอีกครั้ง คราวนี้โทร. ติด และรอสายอยู่นานกว่าเขาจะรับสาย และในที่สุดชรัณก็รับ
(ว่าไง)
“ออกมาเจอกันหน่อยนะคะ ขอร้องล่ะ”
(ฉันไม่ว่าง)
“นะคะ มาเจอกันหน่อยนะ เดี๋ยวตาลออกไปหาก็ได้”
(ช่วงเย็น) ชรัณเอ่ยบอก
“ได้ค่ะ แล้วตาลจะบอกนะคะว่าเราไปเจอกันที่ไหน” เขาไม่ถามอะไรต่อจากนั้น แล้วก็วางสายไปทันที รอยยิ้มบางๆ ยังค้างอยู่บนมุมปากต้นตาล เริ่มเห็นเคล้าความหวังแล้ว แต่รอยยิ้มหายไปเมื่ออาการพะอืดพะอมกำเริบอีก “จะตายไหม ทำไมมันทรมานมากขนาดนี้” ไม่เคยเสียน้ำตากับอะไรง่ายๆ แม้ทางเดินชีวิตซึ่งไม่ได้ปูด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่แรก เธอก็กัดฟันสู้มาโดยตลอด แต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้กลับทำให้เสียน้ำตาอย่างง่ายดาย แทบจะร้องไห้ทุกชั่วโมงก็ว่าได้
ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์เธอและเขาจะเป็นไปในทิศทางไหน แต่ในใจลึกๆ เธอก็อยากให้เขาแสดงความรับผิดชอบร่วมกัน
บทที่ 5 แจ็กพอตแตก (3)
ต้นตาลพาร่างกายอ่อนล้ามาถึงที่นัดหมาย นั่นคือโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเธอได้จ่ายเงินเปิดห้องพักไว้เพื่อจะคุยกับชรัณในอีกไม่ช้านี้
เวลานัดหมายไม่แน่ชัดทำให้เธอต้องนั่งรอชรัณนานกว่าปกติ รู้สึกร้อนรนในใจราวกับโดนไฟสุมอยู่กลางอก ระหว่างรอเธอก็เทียวลุกเทียวนั่งเป็นหนูติดจั่น
“เขาจะมาไหมนะ จะมาหรือเปล่า...” แล้วถ้าเขาไม่มาล่ะ แล้วถ้าเขาไม่สนใจล่ะ จู่ๆ น้ำตาก็ร่วงลงอาบสองแก้ม ไม่เคยกังวลมากขนาดนี้มาก่อน หากเขาไม่มาจริงๆ ก็คงต้องแบกหน้ากลับไปตั้งหลักใหม่ที่ห้องพัก ทว่าในจังหวะที่ต้นตาลถอดใจว่าจะกลับห้องแล้วนั้น ประตูห้องก็เปิดเข้ามาโดยชรัณ “พี่ชัช” ด้วยความตกใจเธอจึงเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเขา
“พูดธุระของเธอมา มีเวลาสิบนาทีเท่านั้น อย่าโอ้เอ้”
“ระ รอก่อนนะคะ” ต้นตาลรีบค้นกระเป๋าแล้วหยิบแท่งตรวจครรภ์ทั้งสองชิ้นซึ่งห่อใส่ถุงซิปล็อกมาอย่างดีออกมาจากกระเป๋าผ้า “นี่ค่ะ” เธอส่งมันให้กับมือชรัณที่ยื่นมารับไป
สีหน้าและแววตาเขานิ่งสนิทจนเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“เธอ...” นานหลายนาทีที่เขาเงียบไป “เธอท้องจริงๆ เหรอ”
“ตาลท้องจริงๆ ค่ะพี่ชัช ให้ตาลไปสาบานที่ไหนก็ได้ หรือไปตรวจอะไรยังไงก็ได้ตาลยินดีไป ตาลท้องกับพี่ชัช”
“รู้ได้ยังไงว่าท้องกับฉัน เธอทำงานแบบนั้นไม่ได้รับงานมั่วๆ เหรอ”
“ตาลสาบานให้ตัวเองตายเลยก็ได้ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นตาลไม่เคยนอนกับใคร ไม่รับงานและไม่สุงสิงกับใครเลย ทำงานในคลับอย่างเดียว”
“...”!
“ตาลไม่รู้ว่าคืนนั้นพี่ชัชป้องกันดีไหม พี่ชัชบอกเองว่าจะปล่อยข้างนอก ตาลเชื่อใจพี่” เธอคงโง่มากๆ ที่เชื่อใจลมปากผู้ชาย “ตาลไม่ได้...กินยาคุม ตาลสะเพร่าเองค่ะ”
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันคือความจริง” แม่งเอ๊ย... พูดไปก็คันปากไป หากไม่ใช่เพราะคืนนั้นเขาตามใจตัวเองไปหน่อยคงไม่ลังเลใจแบบนี้ คืนนั้นเขาไม่เคยปล่อยนอกทันเลยต่างหากล่ะ
“พี่ชัชตาลท้อง เด็กในท้องคือลูกเราจริงๆ นะคะ”
“...”! ชรัณเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง กำลังมองแท่งตรวจครรภ์อยู่ “แม่งเอ๊ย!” ชายหนุ่มสบถคำหยาบออกมา นี่เพลย์บอยอย่างเขามาตกม้าตายเพราะความมักง่ายของตัวเองเหรอ ทำไมวะ ทำไมไม่มีสติให้มากกว่านี้หน่อยวะไอ้ชัช
“พี่ชัชช่วยพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ ขอร้องล่ะ ตอนนี้ตาลไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ” โลกใบเดิมตอนนี้มันแคบลงมาก มองไปทางไหนก็มืดมนไปหมด ความฝันและอนาคตดับวูบไปต่อหน้า “อย่าเงียบสิคะ ช่วยพูดอะไรหน่อยได้ไหม ตอนนี้ตาลเองก็มืดแปดด้านเหมือนกัน” ตอนนี้เธอต้องการเพียงที่พึ่งทางใจและหลักยึดเหนี่ยวไม่ให้ล้ม และเขาเป็นดั่งความหวังสุดท้าย
“…”! ชรัณยังเงียบ เขากำแท่งตรวจไว้แน่น
“ตาลท้อง”
“…”
“ตาลท้องกับพี่ชัช”
'ตาลท้องกับพี่ชัช'
'ตาลท้อง'
'ท้อง'
@ปัจจุบัน
ความหวังสุดท้ายเท่ากับศูนย์ เธอไม่อาจเดาทางความคิดของชรัณได้เลย เขาเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ไม่มีคำปลอบโยนหรือคำอธิบายต่อการกระทำนั้น ปล่อยเธอเคว้งอยู่คนเดียวตามลำพัง ความรู้สึกมากมายโถมเข้ามาไม่หยุด
“อย่าร้องไห้ อย่าร้อง...” รอบดวงตาร้อนผ่าว น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ปริ่มอยู่ขอบตารอเวลาหยดลงอาบสองแก้ม ท้ายที่สุดเธอก็ทนความผิดหวังไม่ไหว ทรุดนั่งลงกับพื้นบนทางเท้า ร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง เหมือนฟ้าถล่มดินสลาย เรี่ยวแรงจะพาตัวเองกลับห้องพักยังไม่มี ไม่เคยนึกสมเพชตัวเองขนาดนี้มาก่อน
“คุณคะ เป็นอะไรไหมคะ”
“ฉัน ฉันเหมือนจะเป็นลมเลยค่ะ” ภาพใบหน้าหญิงสาวค่อยๆ รางหายไปแล้วการรับรู้ของต้นตาลก็ดับไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
โทรศัพท์เครื่องหรูสั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากางเกงสแล็กสีดำ เรียกความสนจากชรัณให้ล้วงหยิบออกมากดรับสาย
“สวัสดีครับ”
(คุณเป็นญาติกับนางสาวลดาวัลย์ใช่ไหมครับ)
“...”
(พอดีคนไข้หมดสติแล้วมีคนนำมาส่งโรงพยาบาลน่ะครับ เราจะตามหาญาติเธอและแจ้งให้ทราบว่าเธอกำลังตั้งท้อง และต้องนอนพักให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล)
“ครับ ที่โรงพยาบาลไหน”
ชรัณดับบุหรี่ซึ่งยังสูบไม่หมดแล้วเดินทางไปโรงพยาบาลรัฐในตัวเมือง
“คนไข้ที่ชื่อ...” เขาพยายามนึกชื่อเธอ เมื่อตอนรับสายก็ไม่ได้จำด้วยว่าชื่ออะไร ฟังผ่านหูซะมากกว่า “คนไข้ผู้หญิงที่เป็นลมน่ะครับ เธออยู่ห้องไหน”
“อ๋อ สักครู่นะคะ” นางพยาบาลก้มหน้าหาอะไรสักอย่าง “คนไข้อยู่ในห้องฉุกเฉินนะคะ ยังไม่ได้ย้ายไปพักในตึกผู้ป่วยนอก”
“ครับ”
“คุณเป็นญาติใช่ไหมคะ”
“...”
“คุณคะ”
“แค่คนรู้จัก”
“อ๋อ งั้นพอจะทราบไหมคะว่าเธอมีญาติที่ไหนไหม”
“ผมเซ็นชื่อรับเธอไปโรงพยาบาลอื่นได้ไหม”
“คะ?”
“ผมอยากให้เธอไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ตอนนี้”
“เดี๋ยวติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้นะคะ”
“อืม”
วันต่อมา
ต้นตาลปรือตาหนักอึ้งขึ้น มองเพดานสูงสีขาวไม่คุ้นตาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นมานั่งเรียกสติตัวเอง พอดวงตาจับโฟกัสได้ก็มองไปรอบๆ ห้องพักฟื้นตัวเอง
“เรามาอยู่นี่ได้ยังไง เรา...” รู้แค่ว่าตัวเองร้องไห้หนักมาก และหลังจากนั้นก็ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น “เราอยู่โรงพยาบาลเอกชนเหรอ!” หญิงสาวตื่นเต็มตา รีบก้าวลงจากเตียงผู้ป่วยลากเสาน้ำเกลือเดินไปที่ประตู
“จะไปไหนเหรอคะ” พยาบาลสาวเปิดประตูเข้ามาสบจังหวะพอดี เธอจึงดันตัวต้นตาลกลับไปที่เตียงผู้ป่วย “จะทำอะไรคะเนี่ย”
“ฉันจะกลับค่ะ ฉันไม่มีเงินจ่ายค่าห้องหรอก”
“ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมีคนเคลียร์ให้แล้วนะคะ”
“ใคร...เหรอคะ”
“ทางเราไม่อาจบอกได้นะคะ ลูกค้าไม่ให้บอกค่ะ แต่เขาฝากบอกว่าให้คุณอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายดีก่อน”
“พี่ชัช...พี่ชัชใช่ไหมคะที่จ่ายค่าห้องให้ฉัน”
บทที่ 6 ไร้ที่พึ่งพิงไม่รู้ว่าเป็นเขาจริงไหม ที่จ่ายค่าแอดมิตโรงพยาบาลให้ ราคาต่อคืนบวกกับค่ายาค่าดูแลผู้ป่วยไม่มีญาติมาเฝ้าคงหลายหมื่นแน่เลย เธอจึงไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ไปหาชรัณทันที ทว่าสัญญาณรอสายดังขึ้นจนสายถูกตัดไปเอง เธอไม่ท้อใจที่จะโทร.ไปหาอีก คราวนี้กลับติดต่อไม่ได้ แถมยังบริการฝากหมายเลขโทร.กลับอีกหรือนี่จะเป็นการรับผิดชอบของเขา จ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วก็จบ“แต่ตาลไม่ได้ไปมั่วกับผู้ชายคนไหนนี่คะ” ต้นตาลเบะปากร้องไห้ นั่งชันเข่าบนเตียง กอดเข่าแล้วฟุบหน้าลงร้องไห้ออกมาจนพยาบาลตกใจ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ”“เปล่าค่ะ ฉันแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”“อีกเดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจ นอนพักดีกว่านะคะ”“...”“แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่อีกไหมคะ หรืออาการพะอืดพะอมอยากอ้วกมีไหม”“ไม่มีค่ะ คนที่จ่ายค่ารักษาให้ เขาจะมาอีกไหมคะ” จู่ๆ คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ชรัณล่ะ? หรือว่าเป็นเขานั่นแหละที่พาเธอมารักษาโรงพยาบาลเอกชน แล้วออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด@ร้านทอง“พี่ชัชขอแปรงทาสีอันเล็กหน่อยครับ”“...”“พี่ชัช” ยังนั่งนิ่ง “พี่ชัช” ก็ยังไ
บทที่ 7 รอเก้อกลางดึกต้นตาลนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ พื้นที่กว้างไม่คุ้นเคยทำให้นอนไม่หลับ พลิกไปทางไหนก็ว่างเปล่า ไม่เหมือนเตียงในห้องเช่าที่เคยนอนเลย ขนาดเตียงก็ต่างกันมาก เคยนอนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง พลิกตัวทีหนึ่งก็หลังชนกับผนังห้องแล้ว แต่เตียงนี้พลิกไปสามตลบก็ยังไม่สุดเตียงเลย“ตอนไหนจะหลับล่ะตาล” นับแกะแล้วก็ไม่ง่วง นับเลขก็ไม่มีผลอะไร ตอนนี้เธอทำเพียงนอนหงายมองเพดานห้อง นอนขบคิดเรื่องราวต่างๆ นานาจนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง “พรุ่งนี้ต้องไปหาหมอแล้วนี่นา” เธอหยิบโทรศัพท์มาตั้งเวลาปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงตรงพอดี จากนั้นค่อยข่มตาหลับ พยายามทำให้สมองโล่งและสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย08:30หลังจากตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอก็นั่งรอชรัณมารับไปโรงพยาบาลตามที่เขานัดไว้ ใกล้จะเก้าโมงแล้วด้วย ยังไม่เห็นเงาเขาเลย มองดูโทรศัพท์ก็เงียบกริบ หากเขาติดธุระหรือกำลังเดินทางมาก็น่าจะโทร.มาบอกกันหน่อยสิ คนรอมันตื่นเต้น ไม่ใช่อะไรหรอกรอมาถึงสิบโมงเช้าเขาก็ยังไม่มาจนเธอเริ่มถอดใจไปแล้ว ต้นตาลวางกระเป๋าผ้าลายดอกไม้ใบโปรดลงบนโซฟา แล้วเดินไปสูดอากาศที่ระเบียงห้อง“รอเก้อเหร
บทที่ 8 ค้างคืน ต้นตาลเดินกลับมานั่งพักบนโซฟา เธอมองใบหน้าชรัณอยู่พักใหญ่กระทั่งเขาหันมาสบตา คนที่ไม่ทันตั้งตัวรีบหลุบตาหลบสายตาเขา“มองกันทำไม หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ”“ตาลเห็นพี่ชัชดูเพลียๆ ได้นอนบ้างไหมคะ”“นอน” ตอบคำถามแล้วก็หันไปพิมพ์อะไรในโทรศัพท์ไม่รู้ ต้นตาลจึงใช้โอกาสที่เขาสนใจโทรศัพท์เอื้อมมือไปลูบแก้ม “ทำอะไร” คนที่ไม่ชอบให้ใครสกินชีพเบี่ยงตัวหลบ“ตาลโกนหนวดให้ไหม”“ไม่ต้อง”“ตาลแค่อยากทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้าง”“...” เขาละสายตาจากจอมือถือมองเธอ “ฉันไม่ชอบให้ใครยุ่งกับหน้า”“อ๋อ”“เธอโกนหนวดเป็น?”พูดออกไปก็กระดากปากตัวเอง เดี๋ยวจะขายหน้าเอาเปล่าๆ เคยโกนหมออ้อยตัวเองนี่นับว่าโกนเป็นไหมอะ มันก็น่าจะเหมือนกันปะ“ว่ายังไง”“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ ตาลไม่มั่นใจมือตัวเอง เดี๋ยวทำหน้าพี่ชัชเสียโฉมเอา” เธอพูดกลั้วหัวเราะเพื่อไม่ให้ดูจริงจังเกินไป “คงถนัดใช้เครื่องโกนไฟฟ้ามากกว่าสินะคะ”“อืม”“แล้วไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอคะ”“...” คราวนี้ชรัณเงียบไป เขาไม่ได้สนใจคำถามเธอ แต่กำลังง่วนอยู่กับการพิมพ์ข้อความในแชตอีก ไม่รู้ว่าคนในห้องแชตนั้นเป็นใคร แต่ดูท่าจะสำคัญอยู่เหมือนกัน เขาถึงไม่ปล่อย
บทที่ 9 ของฝากเล็กๆ น้อยๆ 08:20ต้นตาลปรือตาขึ้นมองไปรอบๆ ทั้งยังงัวเงียตื่นไม่เต็มตา ไม่เห็นแสงตะวันเล็ดลอดผ่านม่านประตูเชื่อมต่อระเบียงเธอจึงฟุบหน้าลงกับอกแกร่งอีก วันนี้รู้สึกเพลียตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเลย อาจจะเพราะนอนดึกและแพ้ท้องอยู่แต่เอ๊ะ?เธอกำลังนอนอยู่บนตัวเขาเหรอ ไม่น่าใช่หรอกมั้ง ชรัณกลับไปนานแล้วเถอะ เขาไม่มานอนให้เธอกอดแนบชิดขนาดนี้หรอก เธอกอดหมอนข้างแล้วมโนว่าเป็นเขาเถอะต้นตาลพอนึกอย่างนั้นก็อยากมั่นใจว่าตัวเองคิดถูกแล้วจึงเปิดเปลือกตาหนักอึ้ง มองหมอนข้างที่ว่านั้น“พี่ชัช!” เธอตกใจกว่าเห็นผีตัวเป็นๆ ก็เห็นชรัณอยู่ใกล้ตัวเนี่ยแหละ “อะ อ้าว...” เป็นเธอที่ข้ามฝั่งมากอดเขาเอง แถมยังเบียดเขามาจนสุดขอบเตียงอีกต่างหาก “ตาลทำให้พี่ชัชตื่นเหรอ”“ก็น่าจะรู้ นอนทับกันทั้งคืนแบบนี้จะนอนหลับสนิทได้ยังไง”“แล้วทำไมไม่ปลุกล่ะคะ ตาลไม่ใช่คนนอนหลับลึกสักหน่อย”“ปลุกแล้ว แต่ไม่ตื่น”หน้างี้แตกร้าวเลยไหมยายตาล“น่าจะปลุกเบาไปนะคะ”“...” ชรัณส่ายหน้าแล้วเลิกคิ้วให้ต้นตาลลุกออกไป พอได้รับอิสระก็ลุกขึ้นมาบิดกายไล่ความเมื่อยล้า แล้วก้าวลงจากเตียงนอน“อ๊ะ!” หญิงสาวหลุดเสียงอุทาน เขาถอดเสื้อผ
บทที่ 10 คำขอที่มาพร้อมข้อตกลงของชรัณ มาเวย์ไหนอีกล่ะพ่อคุณ เธอตามไม่ทันแล้วจริงๆ นะ บางวันเขาเหมือนท้องฟ้าอึมครึม บางวันก็เหมือนท้องฟ้ามีเมฆสีขาวลอยเกลื่อน และบางวันก็เหมือนท้องฟ้าโล่งไร้เมฆ ไร้แรงลม ชนิดที่ว่านิ่งได้อีก นิ่งได้มากกว่านี้อีก...“ตาลขอบคุณนะคะ สร้อยสวยมากเลยค่ะ นี่ถ้าเอาไปขายคงได้หลายตังค์เนอะ” ก็พูดหยอกไหมล่ะ ทำไมต้องหันมามองกันด้วยตาดุๆ แบบนั้น “หยอกค่ะ ใครจะเอาไปขายได้ลงล่ะ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าเคยมีผู้ชายให้ของขวัญด้วย” ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูก ความสัมพันธ์เขากับเธอขีดเส้นใต้แค่คำว่าพ่อแม่เท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางใจหรือความรู้สึกใดๆ นอกเหนือจากนี้แน่นอน“แล้วพี่ชัชจะกลับตอนไหนเหรอคะ”“เพิ่งมา จะให้กลับเลยเหรอ”“เปล่านะ ตาลแค่อยากรู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ต่างหาก”“พรุ่งนี้มั้ง”อะไร เขาเป็นอะไรอะช่วงนี้น่ะ ไม่ค่อยลังเลใจเลยนะ“พรุ่งนี้มั้ง ก็แสดงว่าไม่แน่ใจใช่ไหมคะ ว่าจะกลับพรุ่งนี้ดีไหมหรือว่าไม่กลับ”“...” ชรัณถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าเธอ “พูดมากน่า”“เงียบก็ได้”ภายในห้องเริ่มมีบรรยากาศมาคุเกิดขึ้น เธอและเขาต่างคนต่างเงียบอยู่คนละมุมของโซฟา แต่ผูกสายตาไว้กับภาพเคล
บทที่ 11 ไม่คาดหวัง = มีหวังวันนัดตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านมาหลายสัปดาห์ที่เธออุ้มท้องมา วันนี้เป็นวันที่หมอนัดตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ดูลูกในท้อง ต้นตาลแต่งตัวด้วยมินิเดรสยาวเสมอหัวเข่าสีขาวผูกสายที่ไหล่ ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าซึ่งหมอนัดตอนเก้าโมงครึ่ง เธอเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย จะได้ไม่รีบร้อนมากนัก“สู้!” หญิงสาวเปิดประตูออกมาจากห้องพัก แต่กลับสะดุ้งจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พี่ชัช” คนที่ถูกเรียกชื่อเอียงคอมองเธอเล็กน้อย เอาจริงๆ วันนี้เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาหาด้วยซ้ำ เขาหายไปเป็นอาทิตย์เพราะติดธุระในร้านทอง ซึ่งเธอก็รับรู้มาตลอด เพราะเขาเพิ่มเธอเข้าในไลน์ส่วนตัวแล้วคอยส่งข้อความมาถามไถ่กัน บ้างก็ส่งรูปภาพมาให้ดู จึงได้รู้ว่าเขาน่ะงานยุ่งจริงๆ ไม่ได้แอบไปคั่วอีหนูที่ไหนแล้วทำไมวันนี้เขามาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ เธอไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะออกไปข้างนอก“เสร็จแล้วเหรอ”“ค่ะ แล้ว...พี่ชัชมาเอาอะไรเหรอ”“มารับเธอไปหาหมอ”“ตาลไม่ได้บอกนี่คะว่าไปหาหมอวันนี้ พี่รู้ได้ยังไง”“ก็ในใบตรวจที่เธอเอาให้ดูครั้งก่อน”อา...ถึงบางอ้อก็ตอนนี้ ที่แท้เขาก็จำวันนัดตรวจได้เพราะเธอเอาแผ่นอัลตราซาวนด์ให้ดูร
บทที่ 12 Woman on top NC สายตาอ่อนโยนที่มองกันแบบนั้นมันแฝงความรู้สึกมาด้วยไหมนะ ยิ่งเขาอยู่ใกล้กันมันยิ่งทำให้เธอถลำลึก ห้ามอะไรก็ห้ามได้ทั้งนั้นแต่ความรู้สึกเธอเนี่ยสิ ใครจะรับผิดชอบกันล่ะ“ให้ตาลไปอยู่ที่อื่นไหมคะ” เหมือนเขาจะตกใจอยู่บ้างกับคำถามเธอ แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีจริงๆ ที่เห็นชรัณตกใจเขาเงยหน้ามองกัน คล้ายว่าจะถามเธอแต่กลับเงียบไปซะอย่างนั้น“ตาลรู้ว่าตาลอาจจะเป็นภาระให้พี่ชัช ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้าน่ะค่ะ อีกอย่างพี่ก็ยังไม่มั่นใจในตัวตาล และเด็กในท้องของตาลว่าเป็นลูกพี่จริงๆ ไหม”“…”“ตาลยินดีไปอยู่ที่อื่นนะคะ”“เก่งนะ”“…”?“เก่งเรื่องคิดไปเอง” ประโยคสั้นๆ ที่เขาเอ่ยออกมานั้นทำเอาหน้าเธอชาไปครึ่งซีกเลยล่ะ“เปล่าคิดเอาเองสักหน่อย ก็ดูสถานะเราสองคนสิคะ” อยู่ด้วยกันในฐานะอะไรก็ยังไม่รู้เลยอะ เธอเหมือนเป็นกาฝากเขามากกว่า แต่กาฝากกิ่งนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างดีแน่ะ “พรุ่งนี้เราไปตรวจดีเอ็นเอกันไหม” เธอแค่อยากให้เขามั่นใจในตัวเอง เพราะมีวูบหนึ่งนัยน์ตาเขามีความสับสน แต่ก็เป็นเพียงวูบหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่มันจะฉายแววเรียบนิ่ง“รอให้คลอดก่อน”“แต่หมอว่าทำได้แล้วนะคะ”“รีบ?”“ก็อยา
บทที่ 13 จับผิด ช่วงสายของวัน หลังจากตื่นนอนแล้วชรัณก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดออกมาทำงาน วันนี้ผู้จัดการร้านลาพักเขาจึงต้องเข้าร้านเร็วหน่อย“อ้าวไอ้อธิ มึงไปไหนมาแต่เช้า” เขาทักทายอธิราชซึ่งบังเอิญเจอกันที่ร้านขายน้ำ อธิราชเลิกคิ้วถามและหรี่ตาแคบลงมองเพื่อนอย่างจับผิด “อะไร มองกูแบบนั้นทำไม”“มึงเพิ่งออกมาจากในเมือง กูสิควรถามว่ามึงไปไหนมาวะ ทางไปร้านทองมึงอยู่ทางโน้น แล้วมึงมาจากทางนี้”“ธุระ”“ธุระในเมืองบ่อยนะช่วงเนี่ย”“เออ แล้วมึงไปไหนมาล่ะ”“มาหาดูของแหละ เลยแวะซื้อน้ำก่อน”“กินข้าวยัง ไปแดกข้าวกันไหม”“ไปดิ กำลังหาร้านนั่งชิลอยู่พอดี”“แต่กูชิลด้วยไม่ได้ดิ ต้องรีบเข้าร้าน”“เออ”ทั้งสองขับรถไปกินข้าวแกงร้านประจำเพราะจะได้ไม่ต้องรออาหารนาน หลังจากได้ข้าวแล้วชรัณก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปซึ่งมันผิดปกติมาก จากคนไม่ชอบเล่นโทรศัพท์หรือถ่ายรูปของกิน อธิราชหรี่ตามองเขาอีก“มึงชอบถ่ายรูปอาหารตั้งแต่ตอนไหนวะ”“ก็ถ่ายเก็บไว้ดู”“อะไรวะ ร้อยวันพันปีแทบไม่หยิบมือถือมาถ่ายอาหาร แดกก่อนกูตลอดเลย”“มันแปลกตรงไหนล่ะ กูจะเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปไม่ได้เลยงั้นเหรอ”“ก็เปล่า กูแค่ไม่เคยเห็นไงเลยถาม”“